[Fic khunwoo] พี่เลี้ยงจำเป็น ตอนที่ 7

Title: พี่เลี้ยงจำเป็น ตอนที่ 7

Couple: KhunWoo

Writer: ilovekw

Rate : PG

Gente :  romantic

นี่คือฟิคที่เกิดจากจินตนาการของไรทเตอร์ enjoy reading ^^

 

cats

ห้าทุ่ม หม่าม๊า กับปะป๊าของอูยองเพิ่งจะกลับบ้าน ทั้งสองคนเดินเข้าไปหอมแก้มลูกชายที่นอนหลับอยู่ในห้องคนละฟอดสองฟอดให้หายเหนื่อย  แล้วก็เดินออกมาเงียบๆ

 

“หม่าม๊า~~~~ปะป๊า~~”   เสียงออดอ้อนดังขึ้น

 

คนเป็นพ่อกับแม่ถึงกับต้องหันมามองก้อนกลมๆที่นอนห่มผ้าอยู่บนเตียง  เสียงที่เอ่ยเรียกเมื่อสักครู่ สดใส ไม่เหมือนกับคนนอนละเมอเรียก

 

อูยองรีบดีดตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งทันที  ก็อูยองตั้งใจว่าจะบอกอะไรบางอย่างกับปะป๊า หม่าม๊านี่นา  อูยองก็เลยรู้สึกตัวตอนที่ป๊ากับม๊าหอมแก้ม

 

คนเป็นแม่เดินไปเปิดโคมไฟที่อยู่หัวเตียง ก่อนจะทรุดตัวนั่งลงข้างๆลูกชายตัวน้อย  มีพ่อนั่งอยู่ข้างๆด้วยเหมือนกัน

 

“เรียกม๊ากับป๊าเสียงใสเลย  หนูตื่นมาทำไมครับเนี้ย”

 

“อูยองมีอะไรจะบอกหม่าม๊ากับปะป๊าฮะ”

 

“หืม? เรื่องด่วนเลยเหรอลูก หนูถึงได้ตื่นมาตอนดึกๆแบบนึ้”

 

อูยองรีบพยักหน้าให้ทันที

 

“หม่าม๊า ปะป๊าฮะ นิคคุณบอกว่าให้อูยองไปอยู่บ้านด้วยตอนที่หม่าม๊ากะปะป๊าไปประชุมที่ต่างประเทศฮะ”  เสียงสดใสเอ่ยบอกอย่างชัดถ้อยชัดคำ  พร้อมกับฉีกยิ้มเพื่อออดอ้อนป๊ากับม๊า

 

“ไม่ได้นะลูก หม่าม๊าไม่ให้ไป”  คนเป็นแม่รีบขัดทันที แค่อูยองไปรบกวนให้นิชคุณดูแล ตอนไปเที่ยวฮาวาย แม่ก็เกรงใจจะแย่อยู่แล้ว  นี่ยังจะไปอยู่ที่บ้านของคุณนิชคุณเป็นอาทิตย์ ยังไงก็ไม่อนุญาตเด็ดขาด

 

“ป๊าก็ไม่เห็นด้วย ที่ลูกจะไปอยู่กับคุณนิชคุณเป็นอาทิตย์ๆแบบนั้น คุณนิชคุณเขาก็ต้องทำงาน เหนื่อยจากงานมาแล้ว ป๊าก็ไม่อยากให้เขาต้องมาเหนื่อยกับเด็กดื้อแบบลูกอีกนะอูยอง”

 

ทั้งสองเสียงปฏิเสธเสริมกันขึ้น ทำเอาอูยองเริ่มเบะขึ้นมาทันที

 

“ทำไมไม่ได้ละฮะ ก็นิคคุณเป็นคนบอกว่าจะดูแลอูยองเอง”

 

“หม่าม๊าว่าหนูไปรบกวนคุณนิชคุณเขามากเกินไปแล้วนะครับ ให้คุณนิชคุณเขามีเวลาพักผ่อน มีเวลาส่วนตัวของเขาบ้างนะลูก”

 

“แต่ว่าอูยองไม่ได้รบกวนนิคคุณนะฮะหม่าม๊า”

 

“การไปอยู่ด้วย ก็คือการรบกวน ถึงหนูจะบอกว่าหนูไม่ซน แต่ถ้าหนูไปอยู่กับเขา เขาก็ต้องดูแลหนู

อีกอย่างครั้งที่ไปฮาวาย คุณนิชคุณเขาก็ดูแลหนูตลอดทริป  ครั้งนี้ก็จะไปรบกวนเวลา ไปอาศัยอยู่บ้านเขา หม่าม๊าว่า อย่าไปกวนเวลาพักผ่อนของคุณนิชคุณเขาเลยเนอะ”

 

“แต่นิคคุณบอกเองว่าจะดูแลอูยองนี่ฮะหม่าม๊า”  อูยองเน้นย้ำเรื่องที่นิชคุณบอกเองว่าจะเป็นคนดูแลเอง ให้หม่าม๊า กับปะป๊าได้ยินอีกครั้ง   เผื่อว่าท่านทั้งสองจะเปลี่ยนใจ

 

“ม๊าไม่อนุญาตครับ ก่อนไปประชุมที่ต่างประเทศ ม๊าจะต้องหาเวลาไปคุยกับคุณนิชคุณสักวัน”

 

“หม่าม๊าอะ….”  อูยองถอนหายในออกมา พร้อมกับทำหน้าเบะใส่คนเป็นแม่

 

“ดึกแล้ว  หนูนอนได้แล้วนะลูก”

“หม่าม๊า กับปะป๊าใจร้ายที่สุดเลย”   เสียงที่สดใสเมื่อกี้ดูขุ่นมัวทันทีที่โดนขัดใจ

คนเป็นแม่กับพ่อไม่ได้โต้ตอบอะไร เพียงแค่ดึงผ้าห่มมาห่มให้ลูกชาย แล้วเดินออกจากห้องนอนของอูยองไปเงียบๆ

.

.

.

.

 

 

 

สามวันถัดมา เมื่ออูยองรู้ว่าหม่าม๊าจะไปหานิคคุณ อูยองก็รีบตื่นมาอาบน้ำแต่งตัว และลงไปนั่งรอทานข้าวพร้อม

ปะป๊ากับหม่าม๊าตามปกติ   แต่เช้านี้ ดูเหมือนว่าอูยองจะอ้อน และตัวติดหม๊าม๊าอยู่ตลอดเวลา

 

“วันนี้แต่งตัวแต่เช้าจะไปไหนน่ะเรา?”   คนเป็นพ่อเอ่ยทักขึ้น เมื่อเห็นว่าอูยองแต่งตัวเตรียมจะออกจากบ้านแต่เช้า  แต่ลึกๆในใจก็รู้อยู่แล้วว่าอูยองคงจะตามคนเป็นแม่ไปหานิชคุณด้วยแน่ๆ ก็เพราะก่อนหน้านี้เห็นถามกันทุกเช้าว่า หม่าม๊าจะไปหานิคคุณวันไหน

 

“ปะป๊า~ อูยองจะไปหานิคคุณกับหม่าม๊าฮะ”

 

“แต่วันนี้หม่าม๊ามีประชุมตอนเช้าก่อนนะครับอูยอง”

 

“อูยองก็จะไปบริษัทกับหม่าม๊า ปะป๊าก่อนฮะ”   ก็ไม่รู้ล่ะ  วันนี้อูยองต้องจับตาดูหม่าม๊าให้ดีๆ เพราะเดี๋ยวหม่าม๊าแอบหนีไปคุยกับนิคคุณแค่สองคน

 

“เหรอครับ แล้วหนูจะอยู่คนเดียวได้เหรอลูก? หนูไม่เบื่อเหรอ?”

“ไม่อยู่คนเดียวฮะหม่าม๊า อูยองก็จะเข้าไปนั่งในห้องประชุมกับหม่าม๊าด้วย”    อูยองบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง

 

“จริงๆเลยนะเราน่ะ”  คนเป็นแม่ได้แต่หัวเราะแล้วส่ายหน้าให้ ก็ไม่รู้ว่าวันนี้ใครจะชนะ ระหว่างแม่ กับลูก

.

.

.

 

และวันนี้ทั้งวัน อูยองก็ทำอย่างที่บอกไว้จริงๆ เดินตามหม่าม๊าทุกฝีก้าว

จนในที่สุดก็ถึงเวลานัดกับนิชคุณสักที

 

ณ ร้านอาหารสุดหรูแห่งหนึ่ง ที่คุณแม่ของอูยองได้จองโต๊ะ และนัดกับว่าที่ลูกเขย เอ้ย กับนิชคุณไว้ที่นี่   อูยองนั่งอยู่ข้างๆคนเป็นแม่ ละกำลังตั้งอกตั้งใจดูเมนูอาหารให้ตัวเอง ให้หม่าม๊า และสั่งให้นิคคุณด้วย

 

“สวัสดีครับ  ต้องขอโทษด้วยนะครับที่ผมมาช้า เพราะผมติดประชุมครับ”   เสียงทุ้มเอ่ย พร้อมกับก้มหัวให้กับคุณแม่ของอูยอง

 

แม่ของอูยองยิ้มรับ ก่อนจะเอ่ย “สวัสดีค่ะ เชิญนั่งก่อนสิคะคุณนิชคุณ”

บทสนทนาดูเป็นทางการ เพราะนิชคุณคือลูกค้ารายใหญ่ของบริษัท

 

“ขอบคุณครับคุณท่าน”

 

“คุณนิชคุณ เรียกคุณน้าเฉยๆก็ได้ค่ะ”   แม่ของอูยองยิ้มให้อย่างอบอุ่น

 

นิชคุณยิ้มรับ  “ครับคุณน้า  เรียกผมคุณเฉยๆก็ได้ครับ”

 

พออูยองนั่งฟังผู้ใหญ่ทักทายกันจบ ตัวเองก็รีบลุกขึ้นและไปนั่งลงข้างๆนิชคุณ มือเล็กเกาะแขนนิชคุณไว้แน่น แววตาดูออดอ้อนเหมือนลูกแมวยังไงอย่างงั้น

 

“นิคคุณฮะ ช่วยคุยกับหม่าม๊าให้หน่อยนะฮะ ว่าให้อูยองไปอยู่กับนิคคุณ”   อูยองรีบขอความช่วยเหลือจากนิชคุณทันที  ต้องรีบขอก่อนที่หม่าม๊าจะเริ่มประเด็นนั้นขึ้นมาก่อน  เริ่มก่อน ย่อมได้เปรียบ

 

“หื้ม?”

 

“ก็หม่าม๊าจะไม่ให้อูยองไปนอนกะนิคคุณที่บ้านฮะ”   อูยองรีบฟ้องนิชคุณก่อนเลย

 

“ที่นัดมาวันนี้ น้าก็จะคุยเรื่องนึ้แหละค่ะ  ดูเหมือนว่า อูยองจะไปป่วนคุณมากเกินไปรึเปล่าคะ น้าก็เลยไม่อยากให้

 

อูยองไปรบกวนสักเท่าไหร่ อูยองเองก็ดื้อ และซนอยู่ไม่เบา ไม่รู้ว่าไปป่วนอะไรไว้บ้างแล้ว”

 

“ไม่ใช่ปัญหาเลยครับคุณน้า  อูยองไม่ได้มาป่วนผมเลยครับ”

 

“เห็นไหมฮะหม่าม๊า อูยองไม่ได้ไปป่วนนิคคุณเลยสักนิดนึง”

อูยองรีบแทรกขึ้น เพราะมีนิคคุณช่วยยืนยันอีกเสียง ว่าอูยองไม่ได้ไปป่วนเลยจริงๆ

 

นิชคุณยิ้มให้กับเด็กน้อยที่กำลังหาทางทำให้คุณแม่ยอมอนุญาตให้มานอนกับเขา    มือหนายกขึ้นไปลูบกลุ่มผมนิ่มของเด็กดื้อเบาๆด้วยความเอ็นดู

 

“อื้ม อูยองไม่ดื้อ ใช่ไหม?”   ตาคมจดจ้องไปที่ดวงตาเรียวใสแป๋ว ที่กำลังมองเขา

 

“ใช่ฮะนิคคุณ อูยองไม่ใช่เด็กดื้อ  ไม่ดื้อจริงๆนะฮะหม่าม๊า”

 

“ไม่ซนด้วยเนอะ?”

 

อูยองพยักหน้าหงึกหงัก

“ฮะอูยองไม่ซนเลยสักนิดเดียว”

 

“ครับ  อูยองอยู่กับผม แล้วเป็นเด็กดีครับ  เขาจะรู้เวลางานของผม  และไม่ป่วนเลยครับ”

 

คนเป็นแม่พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ  เพราะกับป๊ากับม๊า  อูยองก็ไม่เคยไปทำตัวป่วนตอนที่ทำงานอยู่เหมือนกัน  แต่เอ๊ะ????

 

“อูยองหนูไปหาพี่นิคคุณเขาบ่อยเหรอลูก?”

 

อูยองเม้มปากแน่น ทันที ก็….อูยองไปหานิคคุณทุกๆวันเลย บอกหม่าม๊าบ้าง แล้วก็มีไปหา

นิคคุณแบบไม่ได้บอกหม่าม๊าด้วย แหะๆ

 

“ว่ายังไงครับ หนูไปหาพี่นิคคุณทุกวันเลยใช่ไหม?”

 

“ฮะ…แต่..เอ่อ อูยองไปซื้อของเล่นทุกวัน แล้วก็  แวะไปเล่นกับนิคคุณฮะ”

 

“หืม?…หนูบอกว่ามาซื้อของเล่นทุกๆวันงั้นเหรอครับลูก”

 

“ใช่ฮะหม่าม๊า อูยองมาซื้อของเล่นทุกวันเลยฮะ”

 

“แต่หม่าม๊าไม่เห็นการแจ้งเตือนจากSMSเลยนะครับ ว่าหนูซื้ออะไรไปเท่าไหร่?”

 

“จริงๆนะฮะหม่าม๊า อูยองไม่ได้โกหกเลยนะฮะ”

 

“คุณน้าครับ  อูยองมาซื้อของเล่นทุกวันจริงครับ  ก่อนหน้านี้ ผมให้บัตรVIP Card ของผม ไปให้อูยองใช้ครับ ซึ่งค่าใช้จ่ายในการซื้อของในห้างทั้งหมด ที่อูยองใช้ไป ผมรับผิดชอบทั้งหมดแล้วครับ”

 

“นิชคุณ ทำแบบนี้น้าว่าเป็นการรบกวนมากเลยนะคะ อูยองเป็นเด็กที่เบื่อของเล่นง่าย มักจะชอบซื้อใหม่อยู่บ่อยๆ น้าว่าคุณเอาบัตรคืนจากอูยองเถอะค่ะ”

 

อูยองนั่งฟังอยู่ตลอด มือเล็กรีบเปิดกระเป๋าค้นหาบัตรที่นิคคุณให้มา   ยื่นคืนให้กับนิคคุณตามที่หม่าม๊าได้เอ่ยออกไป  อูยองเริ่มจะเข้าใจแล้วว่า ทำไมนิคคุณถึงบอกว่าใช้แค่บัตรนี้บัตรเดียวก็ซื้อของได้   ก็เพราะว่ามันคือบัตรเครดิตของ

นิคคุณ ที่ยยู่ในรูปแบบบัตรสมาชิก VIP น่ะสิ

 

“พี่คุณไม่รับคืนครับ ให้อูยองเก็บไว้นะ และใช้ได้ไม่ต้องเกรงใจเลย”

 

“แต่หม่าม๊าก็อยากให้อูยองเอาบัตรคืนนิคคุณนี่นา  ก่อนหน้านี้อูยองใช้รูดซื้อไปซะเยอะเลยฮะ แหะๆ”

 

“เยอะเหรอครับ แค่นิดหน่อยเอง”    นิชคุณเห็นยอดที่อูยองใช้บัตรนั้นซื้อของถูกส่งผ่าน sms อยู่ตลอด เห็นแล้วก็ได้แต่ยิ้มอย่างมีความสุข เห็นอูยองดูมีความสุขกับการซื้อของเล่น นิชคุณก็มีความสุขด้วย

 

“ผมไม่รับบัตรคืนจากอูยองนะครับคุณน้า”

“ตามใจคุณนะคะ ถ้าคุณเต็มใจจะให้อูยองใช้ น้าก็จะไม่ขัดน้ำใจของคุณ  น้าขอบคุณที่ดูแลดูยองนะคะ ตั้งแต่ตอนที่จอมดื้อหนีไปเที่ยวที่ฮาวายแล้ว  แล้วอูยองมาบอกน้าว่า คุณจะรับดูแลอูยองตอนที่น้าไปประชุมที่ต่างประเทศเหรอคะ? หรือว่าอูยองไปงอแงขอไปอยู่ด้วย น้าอยากได้ความจริงจากปากของคุณเอง”

 

“อูยองไม่ได้งอแงครับ ผมอาสาดูแลอูยองเองครับ เพราะอูยองอยู่บ้านคนเดียวคงจะเหงา ผมเองก็อยู่คนเดียวมาตลอด พอมีอูยองเข้ามาในชีวิต ก็เริ่มจะหายเหงาขึ้นมาแล้วล่ะครับ”

 

คนเป็นแม่มีตกใจเล็กน้อย เมื่อได้ยินนิชคุณพูดว่า  “มีอูยองเข้ามาในชีวิต”

“ถ้าอย่างงั้น น้าฝากอูยองด้วยนะคะ ถ้าดื้อหรือซน ดุได้เลยค่ะ ไม่ต้องเกรงใจ”

 

“หม่าม๊าอูยองไม่ดื้อฮะ นิคคุณไม่ดุอูยองหรอกฮะ”   เสียงใสรีบเอ่ยขึ้นมาขัดทันที ทำเอาทั้งแม่ ทั้งนิชคุณพากันขำออกมา

 

“ครับคุณน้า ผมว่าผมปราบเด็กดื้อคนนี้อยู่แน่นอนครับ”

“น้าก็เชื่ออย่างงั้นค่ะ”    แม่ของอูยองเอ่ยพลางยิ้มให้นิชคุณ   “ทานข้าวกันเถอะค่ะ เดี๋ยวอาหารจะเย็นซะก่อน”

 

“ครับคุณน้า”

 

“นิคคุณฮะ”  เด็กน้อยที่ถือช้อนกับส้อมอยู่ในมือ กำลังมองนิชคุณด้วยดวงตาที่ใสแป๋ว ราวกับว่ามีเรื่องอะไรอยากจะอ้อนอย่างงั้นน่ะ

 

“ว่ายังไงครับ?”

 

“นิคคุณต้องกลับไปทำงานต่อไหมฮะ”

 

เป็นคำถามที่นิชคุณได้ยินอยู่บ่อยๆ และมักจะทำให้เขายิ้มกับคำถามนี้ทุกครั้ง  “ไม่แล้วล่ะครับ”

หลังจากได้คำตอบแล้ว  นิชคุณก็ได้เห็นรอยยิ้มที่สดใส จากเด็กน้อยแก้มกลม

 

“หม่าม๊าฮะ อูยองขออนุญาตพานิคคุณไปเล่นของเล่นที่บ้านได้ไหมฮะ”

 

คนเป็นแม่ถึงกับต้องขำออกมา เพราะลูกชายของตัวเองจะชวนนิชคุณที่มีอายุ28ปี ไปเล่นของเล่นด้วยกัน?

“อูยอง หนูพูดเหมือนพี่เขาอายุรุ่นราวคราวเดียวกับหนูเลยนะลูก หนูถามพี่นิคคุณของหนูก่อนสิครับ ว่าอยากจะไปเล่นของเล่นกับเด็กดื้อไหม”

 

 

“นิคคุณไปเล่นของเล่นกับอูยองไหมฮะ อูยองจะเปิดแผ่นเสียงให้นิคคุณฟังด้วยนะฮะ ”

 

 

เรื่องเล่นของเล่น เขาไม่ถนัด  แต่อูยองมีข้อเสนอเชิญชวนดูเหมือนอยากให้เขาไปเล่นที่บ้านด้วยมากๆ  ถ้าเขาปฏิเสธ ก็คงจะได้เห็นเด็กน้อยบางคนร้องไห้ฟ้องหม่าม๊าแน่นอน

 

“ไปสิครับ พี่คุณเองก็อยากรู้เหมือนกันว่า แผ่นเสียงที่ว่า มันจะเสียงดีขนาดไหน”

 

.

.

.

.

 

ทันทีที่นิชคุณเดินตามอูยองมาถึงที่ห้องนอนส่วนตัว อูยองก็รีบวิ่งดุ้กๆไปที่ตู้เสื้อผ้าของตัวเอง พร้อมกับยกเอากระเป๋าเดินทางออกมา เหมือนเตรียมตัวจะไปไหนจนนิชคุณอดที่จะสงสัยไม่ได้

 

“อูยองทำอะไรครับ ไหนเราชวนพี่คุณมาเล่นของเล่นไงหึ้ม?”

 

“นิคคุณรอแป๊บนึงนะฮะ”

 

นิชคุณถึงกับต้องยกมือขึ้นมาเกาหัวตัวเองงงๆ นอกจากจะไม่ตอบคำถามเขาแล้ว อูยองยังตั้งอกตั้งใจมองหาเสื้อผ้า พอได้ชุดที่ถูกใจแล้วก็เอามาพับใส่กระเป๋าเดินทาง

นี่เขากำลังตามเด็กไม่ทันหรอกเหรอ?

 

นิชคุณเดินไปนั่งที่ปลายเตียง  มองสำรวจรอบๆห้องไปพลางๆ  ห้องนอนของอูยองก็ดูน่ารักดีนะ เหมือนห้องนอนของเด็กห้าขวบยังไงอย่างงั้นเลย  บนเตียงเต็มไปด้วยตุ๊กตาตัวเล็ก ตัวใหญ่หลายๆตัว สีผ้าปูที่นอนและผ้าห่มก็สดใสสมวัยอีกต่างหาก แต่นิชคุณยังไม่สังเกตเห็นว่าจะมีของเล่นเลยสักชิ้นเลย

 

 

“เสร็จแล้วฮะ นิคคุณ”

 

“เก็บกระเป๋าจนเสร็จแล้ว เราจะบอกพี่คุณได้รึยังครับ ว่าจะไปไหน”

 

“เก็บไว้เตรียมตัวจะไปนอนกะนิคคุณไงฮะ”

 

 

“หื้ม อีกตั้งสองวันเลยนะครับ”

“เดี๋ยวหม่าม๊าเปลี่ยนใจไม่ให้ไป อูยองก็จะบอกหม่าม๊าว่าอูยองเก็บเสื้อผ้าแล้ว หม่าม๊าต้องให้ไปฮะ ไปเล่นของเล่นกันฮะนิคคุณ”

 

มือเล็กเอื้อมไปจับมือนิชคุณ ฉุดดึงให้นิชคุณลุกขึ้นจากเตียง แล้วเดินนำนิชคุณไปอีกห้องหนึ่งที่อยู่ติดกับห้องของอูยองนั่นเอง   พออูยองเปิดประตูห้องนั้นเข้าไปแล้ว  นิชคุณถึงกับต้องเบิกตากว้าง  เหมือนได้ย้อนอดีตไปตอนที่เขายังเด็ก เพราะในห้องนั้นเต็มไปด้วยของเล่นนานาชนิด ถูกแบ่งโซนไว้เป็นระเบียบอย่างดี   ถึงว่าล่ะ  ในห้องนอนของอูยองถึงไม่มีของเล่นเลยสักชิ้น ก็เพราะมีห้องสำหรับเล่นของเล่นโดยเฉพาะเลยน่ะสิ

 

“นิคคุณนั่งๆๆ”

อูยองชี้นิ้วไปเก้าอี้ไม้สีน้ำตาลอ่อนตัวเล็ก ที่อยู่ในโซนนั่งเล่น  พอนิชคุณนั่งแล้ว อูยองก็ทำการเปิดแผ่นเสียงให้นิชคุณฟัง  นิชคุณได้แต่มอง แล้วยิ้มเอ็นดูให้กับเด็กน้อย ที่กำลังทำหน้าที่บริการเขาเต็มที่

 

“อูยองชอบเปิดแผ่นเสียงเวลาเล่นของเล่นเหรอครับ?”

 

“ใช่ฮะนิคคุณ~ เป็นยังไงละฮะ นิคคุณจะต้องติดใจเสียงจากแผ่นเสียงแน่ๆเลย”

 

ใช่…ตอนนี้นิชคุณรู้สึกว่า เสียงเพลงจากแผ่นเสียง ฟังดูมีมิติ ดูคลาสสิค นิชคุณเริ่จะเริ่มหลงเสน่ห์แผ่นเสียงขึ้นมาด้วยแล้วสิ

 

“เสียงจากแผ่นเสียงมีเสน่ห์ดีนะ พี่คุณชอบครับ”

“บอกแล้ว~ว่านิคคุณจะต้องหลงไหลในแผ่นเสียงเหมือนอูยอง~^^”

พอทำหน้าที่ดีเจเปิดเพลงให้นิชคุณฟังเรียบร้อยแล้ว อูยองก็เดินไปเลือกของเล่นมาเล่นบ้าง  ร่างเล็กเดินไปถึงมุม มุมหนึ่งของห้อง แล้วก็นั่งทับส้นลง เลือกดูของเล่นชิ้นนั้นที ชิ้นนี้ที เหมือนเด็กๆ

 

 

ยิ่งอูยองอยู่ในห้องของเล่น อายุก็ดูเหมือนจะลดลงไปเหลือเพียงแค่เด็กห้าขวบ เหมือนได้อยู่ในโลกของเด็ก ไม่แปลกใจเลยที่อูยองยังติดความเป็นเด็กอยู่ตลอดเวลา ทั้งพ่อ แม่ ดูเหมือนจะตามใจอูยองทุกๆอย่าง รวมไปถึงตัวของนิชคุณก็ด้วย เป็นเด็กดี น่ารักน่าเอ็นดูขนาดนี้ ใครจะไม่อยากตามใจล่ะ

 

 

 

TBC…   

 

 

*ขอบคุณทุกๆคอมเม้นต์เลยนะคะ*

[Fic khunwoo] พี่เลี้ยงจำเป็น ตอนที่ 6

Title: พี่เลี้ยงจำเป็น ตอนที่ 6

Couple: KhunWoo

Writer: ilovekw

Rate : PG

Gente :  romantic

นี่คือฟิคที่เกิดจากจินตนาการของไรทเตอร์ enjoy reading ^^

 

 

cats

ณ สนามกอล์ฟที่ประจำของเพื่อนสนิท อย่างนิชคุณกับแทคยอน สนามกอล์ฟแห่งนี้อยู่ห่างจากใจจางกรุงโซไม่ไกลนัก ทั้งสองคนเป็นเพื่อนสนิทกันตั้งแต่ตอนเรียนอยู่ที่อเมริกา เพราะเป็นคนเอเชียเหมือนกัน ก็เลยสนิทสนมกันมากยิ่งขึ้น   ถ้าเกิดมีเวลาว่าง ก็จะนัดกันมาออกรอบอยู่เป็นประจำ

 

แทคยอนเห็นนิชคุณเดินมากับใครสักคน ที่ไม่คุ้นหน้าเท่าไหร่ เพราะปกตินิชคุณมันก็มาคนเดียวตลอด แล้ววันนี้ไปเอาเด็กที่ไหนมาด้วย แคดดี้คนใหม่รึไง

 

“มานานรึยังวะ?”    นิชคุณเอ่ยทักเพื่อนสนิท ที่กำลังนั่งมองเขากับอูยองด้วยสายตาที่สงสัยว่าเขากำลังเดินมาคู่กับใคร

 

“ก็สักพักแล้วล่ะ แล้วนั่น….?”   แทคยอนทำหน้าเป็นเครื่องหมายเควสชั่นมาร์ค มองไปยังเด็กน้อยแก้มกลมที่ยืนอยู่ข้างๆนิชคุณ

 

“อ๋อ นี่อูยอง น้องชายน่ะ”

 

“น้องชาย???”   แทคยอนทวนคำตอบของนิชคุณอีกรอบ

นิชคุณไปมีน้องตั้งแต่เมื่อไหร่ จากที่รู้ประวัติเป็นเพื่อนกันมาก็นาน ก็ไม่เห็นรู้ว่ามีน้องชายนะ แต่นิชคุณเป็นคนไทยไม่ใช่เหรอ แล้วมีน้องชายชื่ออูยองเนี้ยนะ  แทคยอนยิ่งงงเข้าไปใหญ่

 

“อูยองนี่ แทคยอนนะครับ เพื่อนพี่คุณเอง”

 

“ฮะ ยินดีที่ได้รู้จักนะฮะแทคยอน อูยองอายุ 18ปีแล้วนะฮะ ^.^”

ด้วยความที่อูยองเป็นเด็กที่มีมิตรไมตรีดี ก็เลยฉีกยิ้มแฉ่งให้กับแทคยอน ถึงแม้จะเพิ่งรู้จักกันก็ตาม

 

แต่แทคยอนถึงกับสะดุ้งที่มีเด็กอายุ 18ปีมาเรียกชื่อเฉยๆ โดยไม่มีคำว่าพี่

 

“แล้วไม่เรียกพวกพี่ว่าพี่หน่อยเหรอ?”  แทคยอนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงดุๆ

 

“ก็อูยองชินกับการเรียกแบบนี้นี่ฮะ!”   อูยองยู่หน้าใส่แทคยอน นิคคุณไม่เห็นจะเรื่องมากแบบนี้เลยนี่นา

 

“นี่! อยู่กับเพื่อนก็ส่วนเพื่อนนะครับ จะเรียกอะไรก็เรียก สวนอยู่กับพวกพี่ต้องเรียกพี่! อยู่ในโรงเรียนกับนอกโรงเรียน มันไม่เหมือนกัน”

แทคยอนเอ่ยดุ  ถึงจะไม่ได้รู้จักกันมาก่อนหน้านี้ก็เถอะ  ที่นี่เกาหลี มีคำว่าพี่ไว้เรียกคนที่อายุเยอะกว่า ไม่ใช่อยู่อเมริกา ที่จะเรียกอะไรก็ได้

 

หน้าอูยองเริ่มเบะขึ้นมาทันทีที่โดนดุ คนตัวเล็กค่อยๆเดินไปเกาะแขนนิชคุณก่อนจะช้อนตามอง

 

“นิคคุณฮะ…”

เด็กน้อยเรียกชื่อนิชคุณราวกับกำลังจะร้องให้ออกมา เพราะโดนดุ อูยองช้อนตามองนิชคุณตาละห้อยเหมือนกำลังอ้อนขอความช่วยเหลือ นิชคุณเห็นแล้วก็ได้แต่ยิ้มให้อย่างใจดี พร้อมกับลูบหัวอูยองด้วยความเอ็นดู  ก่อนจะหันไปตำหนิเพื่อนของตัวเอง

 

“เอาเถอะน่าแทค น้องจะเรียกอะไรก็เรียกไปเถอะ ไม่เห็นเป็นไร นายก็เคยเรียนที่อเมริกาน่าจะเข้าใจดีนะ”

 

“อืม ก็เข้าใจ แต่ที่นั่นอเมริกา ที่นี่มันเกาหลี ที่ไทยก็มีการเรียกพี่ เรียกน้องไม่ใช่เหรอ?”

 

อูยองที่ยืนเกาะแขนนิชคุณอยู่ ก็ได้แต่บ่นอุบอิบกับตัวเองเบาๆ

“คนอื่นไม่ได้ใจดีแบบนิคคุณจริงๆด้วย”

 

 

“เออน่า!!”  นิชคุณเอ่ยขึ้นอย่างหงุดหงิด แทคยอนมันก็เป็นคนแบบนี้ จะเจ้าระเบียบไปถึงไหนของมัน

 

“อ่าๆ เอาเป็นว่ายินดีที่ได้รู้จักนะครับอูยอง”

ไหนๆน้องมันก็จะใช้วัฒนธรรมอเมริกาแล้วนี่ แทคยอนก็เลยยื่นมือมารอจับมืออูยองเพื่อที่จะทำความรู้จัก อูยองกำลังจะยื่นมือไปจับมือแทคยอน แต่นิชคุณกลับคว้ามือเล็กนั้นเอาไว้ทันที

 

“รู้จักกันแล้วก็ไปเปลี่ยนชุดได้แล้วป่ะ  ไปสิแทคยอนนายจะใส่ชุดทำงานไปตีกอล์ฟรึไงล่ะ”

 

แทคยอนถึงกับยกมือขึ้นมาเกาหัวด้วยวามงุนงง อะไรของมันวะ ปกติก็ไม่ได้รีบกันนี่หว่า นี่ไล่ไปเปลี่ยนชุด นิชคุณมันเป็นอะไรของมันวะ

 

“นายก็ไปเปลี่ยนด้วยสิ จะใส่สูทไปออกรอบไหมล่ะ”  แทคยอนแขวะกลับ

 

“ป่ะ อูยองก็ไปเปลี่ยนชุดกับพี่คุณนะครับ”

 

แทคยอนได้แต่ยืนมองนิชคุณจูงมือเด็กที่บอกว่าเป็น “น้องชาย???”  เดินพาไปเปลี่ยนชุด ก็ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย……

.

.

.

เป็นการสอนตีกอล์ฟที่ละมุนละไมแปลกๆ จากการที่แทคยอนนั่งดูมาสักพักใหญ่ๆแล้วล่ะ

ก็นิชคุณมันเล่นไปยืนประกบหลังเด็กอูยองนั่น สอนจับไม้กอล์ฟแบบแนบชิด ถ้าไม่มีไม้กอล์ฟเขาก็จะคิดว่ามันเป็นการกอดแบบแบ็คฮัคดีๆนี่เอง  แทคยอนก็ได้แต่นั่งไขว่ห้าง จิบชามองสองคนนี้ ก็ได้แต่คิดแล้วก็สงสัยอีกแล้ว  เป็นพี่น้องกันประสา อะไรนะ แม้กระทั่งการสอนตีกอล์ฟยังละมุนแบบบอกไม่ถูก พอเด็กนั่นทำถูก          นิชคุณก็ยกมือขึ้นไปลูบหัว พร้อมกับยิ้มให้ บวกกับคำชม “อูยองเก่งมาก”

อืม….พี่น้อง….พี่น้องยังไงนะ

 

“เอาล่ะ ได้เวลาออกรอบกันแบบจริงๆแล้วล่ะ”

นิชคุณว่าพลางสวมหมวกให้กับอูยอง  แทคยอนเห็นพฤติกรรมของเพื่อนตัวเองแล้วก็ได้แต่เลิกคิ้วสงสัย “หืม? ใส่หมวกให้ด้วย? น้องมันก็โตพอที่จะใส่หมวกเองได้นะ ทำไมนิชคุณต้องใส่ให้ด้วย? พี่ชายที่แสนดี้แสนดีว่างั้น”

 

พอไปออกรอบกันแบบจริงจัง อูยองก็บ่นอุบอิบว่ามันไม่เห็นจะเหมือนตอนที่ฝึกเลย หลุมกอล์ฟก็อยู่ตั้งไกล กว่าจะตีลงไม่ใช่เรื่องง่าย อีกอย่างอูยองลองตีแล้ว ตีไม่ค่อยจะโดนลูกกอล์ฟเลย อูยองก็เลยไม่ค่อยสนุกกับการตีกอล์ฟสักเท่าไหร่ ก็เลยเลือกที่จะยืนดูพี่ๆทั้งสองคนตีกอล์ฟเฉยๆดีกว่า

 

“เมื่อย”  เด็กน้อยบ่นงอแงอยู่คนเดียว  เพราะยืนนาน กลางสนามแบบนี้เก้าอี้ก็ไม่มีให้นั่ง ต้องยืนอย่างเดียวเท่านั้น

 

อูยองถอนหายใจออกมาก่อนจะบ่นอีกว่า  “ร้อนจัง”  ปากบางเริ่มยู่เข้าหากัน เหมือนเด็กกำลังจะเริ่มงอแง ทั้งเมื่อยขา ทั้งร้อน  ซึ่งต่างกับนิชคุณและแทคยอน ที่กำลังสนุกอยู่กับการตีกอล์ฟ

อูยองไม่เข้าใจว่าทำไมผู้ใหญ่ถึงได้ชอบตีกอล์ฟกันจังเลย ปะป๊าของอูยองก็ชอบมาออกรอบอยู่บ่อยๆ ไม่เห็นจะสนุกเหมือนนั่งฟังเพลงจากแผ่นเสียงอยู่ที่บ้านเลยสักนิด

 

 

ในเมื่อมันไม่มีเก้าอี้ให้นั่ง อูยองก็เริ่มที่จะนั่งยองๆลงกับพื้นสนามหญ้า สองแขนยกขึ้นมาตั้งบนเข่าของตัวเอง แล้วเอามือเท้าคาง มองพี่ๆทั้งสองคนเล่นกอล์ฟด้วยสีหน้าเซ็งๆ  ก่อนจะบ่นกับตัวเองอีกว่า

 

 

“ทีหลังอูยองจะมาตีกอล์ฟกับนิคคุณอีกแล้ว…”   เด็กน้อยหน้างอง้ำเข้า ปากก็เริ่มเบะเข้าเรื่อยๆ เพราะอูญองไม่ชอบอยู่กลางแดดแรงๆสักเท่าไหร่ อูยองไม่ชอบอากาศร้อนเลยสักนิด

 

 

“นิชคุณ น้องนายไหวไหมนั่นน่ะ”   แทคยอนสะกิดเรียกนิชคุณที่กำลังตั้งวงสวิงอย่างสวยงาม  นิชคุณถึงกับชะงัก แล้วรีบเดินเข้าไปหาเด็กที่กำลังนั่งทำหน้างออย่างไม่สบอารมณ์

 

 

นิชคุณนั่งยองๆลงเหมือนอูยอง ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงทุ้ม “เป็นอะไรครับ ร้อนเหรอเรา?”

 

อูยองพยักหน้าให้รัวๆ ถึงจะมีแคดดี้มายืนกางร่มให้อยู่ตลอด แต่ด้วยความที่มายืนอยู่กลางสนามกล์อฟแบบนี้ แค่กางร่มก็คงจะไม่ช่วยให้อูยองรู้สึกเย็นขึ้นมาหรอก บางทีการมาออกรอบอาจจะไม่ใช่ทางเด็กที่เอาแต่อยู่ในห้อง นั่งเปิดแผ่นเสียงทั้งวันก็ได้

 

“งั้นเราไปหาอะไรเย็นๆทานกันเนอะ”

นิชคุณฉุดมืออูยองให้ลุกขึ้น   เห็นเด็กน้อยทำหน้างอเพราะอากาศร้อนๆแบบนี้ ตอนนี้นิชคุณพร้อมที่จะสละเวลาเล่นกอล์ฟของตัวเอง พาเด็กน้อยไปหาอะไรเย็นๆทาน เพื่อที่จะให้อูยองกลับมาอารมณ์ดีเหมือนเดิม  ก็ไม่รู้สิเขาคิดว่าได้เห็นอูยองอารมณ์ดี มันดีกว่าอูยองอารมณ์ไม่ดีแบบนี้

 

“นิคคุณไม่ไปตีกอล์ฟต่อเหรอฮะ?”    อูยองช้อนตามองอีกคน

 

“ไม่แล้วครับ”   นิชคุณตอบอูยอง ก่อนจะหันไปบอกกับแทคยอน

“แทค วันนี้ขอตัวกลับก่อน นายคงไม่ว่ากันนะ?”

 

“หืม? จะกลับแล้วเหรอวะ เราเพิ่งตีไปไม่กี่หลุมเองนะ”

 

“อืม จะพาน้องไปหาอะไรเย็นๆทานน่ะ วันหลังเจอกันนะ”

 

อูยองฟังผู้ใหญ่สองคนคุยกันแล้วก็รู้สึกผิด นิคคุณอุส่าใจดีชวนมาด้วย แต่อูยองรู้สึกเหมือนตัวเองมาเป็นภาระให้กับนิคคุณยังไงก็ไม่รู้

“นิคคุณอูยองไม่ร้อนแล้วก็ได้ฮะ นิคคุณไปตีกอล์ฟต่อเลย อูยองอยู่กับพี่แคดดี้ก็สนุกดีฮะ”

สมกับเป็นเด็กจริงๆ คิดจะโกหกผู้ใหญ่ ไม่เนียนเลยสักนิด อยู่กับแคดดี้จะสนุกได้ยังไง ในเมื่อไม่ได้คุยกันสักคำ เขาแค่มายืนกางร่มให้เฉยๆ อีกอย่าง นิชคุณก็เห็นอยู่ว่าอูยองเอาแต่นั่งหน้ามุ่ย ทำหน้างอเพราะอากาศมันร้อน

 

มือหนายกขึ้นมาวางบนหัวเด็กน้อย ที่กำลังเริ่มหัดโกหก ก่อนจะยิ้มให้

“เป็นเด็กไม่หัดโกหกผู้ใหญ่นะครับ”

 

“แต่อูยองเหมือนมาเป็นภาระให้นิคคุณเลยนี่ฮะ”

 

“ไม่คิดแบบนั้นนะครับ พี่คุณยังไม่ได้ว่าอะไรเราเลย ไปกันได้แล้วปะ”

นิชคุณยกมือขึ้นมาลูบที่ท้องของตัวเอง ก่อนจะบอก “พี่คุณหิวน่ะ”

 

“ก็ได้ฮะ นิคคุณยังไม่ทานข้าวเลยนี่นา”

นิชคุณเลิกคิ้วก่อนจะยิ้มให้ รู้อีกว่าเขายังไม่ได้ทานข้าวเที่ยง

 

“กลับแล้วนะแทค”

 

“กลับแล้วนะฮะแทคยอน”  อูยองพูดเลียนแบบนิชคุณ

แต่กลับได้สีหน้าดุๆจากแทคยอนมองมาทางอูยอง เรียกแทคยอนเฉยๆมันไม่ได้น่ารักแบบเรียกนิคคุณเฉยๆนะ

 

อูยองก็เลยพูดใหม่ “อูยองกลับแล้วนะฮะพี่แทคยอน”  พร้อมกับยกมือขึ้นมาโบกบ๊ายบาย

นั่นทำเอาแทคยอนอดที่จะยิ้มไม่ได้ เออเนอะ เด็กมันก็เข้าใจหาวิธีทำให้หายโมโหได้เนอะ

 

.

.

.

.

 

ณ ร้านแคแฟ่ สไตล์ร้านน่ารักๆ  ถ้าถามว่านิชคุณเคยมานั่งร้านคาแฟ่แบบนี้ด้วยเหรอ  ขอตอบเลยว่าไม่เคยเลยแม้แต่ครั้งเดียว ถ้าจะกินกาแฟสำหรับนิชคุณต้องสตาร์บัคเท่านั้น   ถ้าจะพาอูยองไปนั่งร้านกาแฟแบบนั้น เขาคิดว่ามันไม่น่าจะใช่สไตล์ของอูยองเท่าไหร่ เพราะดูจากตอนที่อยู่สนามบินที่ฮาวายแล้ว อูยองน่าจะชอบร้านที่ขนม มีเค้ก เยอะๆซะมากกว่า เขาก็เลยให้อูยองเป็นคนเลือกร้านเอง

 

Rrrrrr Rrrrrrrrrrr    เสียงโทรศัพท์อูยองดังขึ้น

 

“ฮะหม่าม๊า”    เสียงใส่เอ่ยขึ้น

………………

 

“อูยองขอไปด้วยคนได้ไหมฮะ”

 

……………

 

“แต่หม่าม๊าไปตั้งอาทิตย์นึงนี่ฮะ”  เสียงใสเมื่อสักครู่เริ่มสั่นเครือ ทำเอานิชคุณถึงกับขมวดคิ้ว มีเรื่องอะไรที่อูยองไม่สบายใจเหรอ ทั้งเสียงสั่น แถมตอนนี้น้ำตาก็เริ่มคลอเบ้าขึ้นมาแล้วด้วย

 

“ฮึก…”

 

อูยองวางโทรศัพท์คนเป็นแม่ไป ก่อนจะฟุบหน้าลงกับโต๊ะ แล้วร้องไห้สะอื้นฮึกฮัก  มือหนาเอื้อมไปลูบหลังอย่างปลอบโยน

 

“มีเรื่องอะไรครับหื้ม อูยองบอกพี่คุณได้ไหม เผื่อพี่คุณจะช่วยอะไรได้ไงครับ”

น้ำเสียงอ่อนโยนเอ่ยออกไปหวังจะให้อูยองหยุดร้องไห้

 

“หม่าม๊า ฮึก หม่าม๊ากับปะป๊าจะไปประชุมที่ต่างประเทศตั้งอาทิตย์นึง”

อูยองยังไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมา น้ำเสียงที่อู้อี้ บวกกับการสะอื้นทำให้นิชคุณฟังไม่ค่อยรู้เรื่องสักเท่าไหร่  นิชคุณก็เลยต้องเอียงหูไปใกล้ๆเพื่อฟังว่าอูยองพูดว่าอะไร

 

“แล้วยังไงต่อครับหื้ม แค่คุณพ่อกับคุณแม่ไปประชุมเราไม่เห็นต้องร้องไห้เลยนี่นา”

 

“หม่าม๊าบอกว่าไปประชุมครั้งนี้จะยุ่งมากๆ ถ้าให้อูยองไปด้วยก็ไม่มีคนดูแล หม่าม๊าก็เลยไม่ให้ไปฮะ แต่อูยองอยากไปกับหม่าม๊า อูยองยังไม่อยากอยู่บ้านคนเดียว”

 

มือหนาจับไหล่เล็กให้ลุกขึ้นมานั่งคุยกันดีๆ นิ้วเรียวทำหน้าที่เกลี่ยน้ำตาออกให้

 

“ไม่เห็นต้องร้องเลยครับ ท่านไปทำงาน อูยองต้องเข้าใจนะครับ”

 

“แต่อูยองไม่อยากอยู่บ้านคนเดียวนี่ฮะ อูยองไม่เคยห่างกับปะป๊าหม่าม๊านานขนาดนี้เลยฮะ นิคคุณไม่เข้าใจอูยองหรอก”

 

“อ่า….เข้าใจสิครับ พี่คุณเข้าใจดีนะ พี่คุณยังห่างกับคุณพ่อคุณแม่ของพี่มาตั้งหลายปีแหน่ะ  เหงาเหมือนกัน”

นิชคุณเอ่ยด้วยน้ำเสียงปนเศร้านิดๆ เพื่อให้เห็นว่าปัญหาของอูยองมันไม่ได้ใหญ่โตที่จะมาร้องไห้งอแงเลยสักนิด

 

มือเล็กจากที่เช็ดน้ำตาตัวเองเมื่อสักครู่ ได้ยกขึ้นไปลูบหลังนิชคุณเบาๆ ก่อนจะเอ่ยปลอบโยนนิชคุณบ้าง

“ไม่เป็นไรน้านิคคุณ อยู่กับอูยองนิคคุณจะไม่เหงานะฮะ”

น้ำเสียงเหมือนเด็กน้อยที่เอ่ยออกมาปลอบโยนนิชคุณ แถมตอนนี้มือเล็กกำลังตบบ่านิชคุณปุๆ การกระทำของอูยองทำเอานิชคุณยิ้มออกมา จิตวิทยาของเขาก็ใช้ได้ผลเหมือนกันนะ

เพราะอูยองลืมความเศร้าของตัวเอง เลิกงอแง แล้วหันมาปลอบโยนเขาแทน

 

“หระหว่างที่คุณพ่อคุณแม่ของอูยองไปประชุมที่ต่างประเทศ อูยองจะมาอยู่กับพี่คุณจนกว่าคุณท่านจะกลับมาก็ได้นะครับ เราจะได้ไม่เหงากันไง”

 

“จริงนะฮะ? นิคคุณจะให้อูยองาอยู่ด้วยจริงๆนะฮะ”

 

“อื้ม จริงสิครับ เดี๋ยวพี่คุณรับเป็นพี่เลี้ยงให้เอง คุณพ่อกับคุณแม่ของอูยองจะได้หายห่วงด้วยไงครับ”

“นิคคุณใจดีจังเล้ย~~”

นิชคุณมองรอยยิ้มของเด็กน้อยที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข ก็อดที่จะยิ้มตามไม่ได้  มือหนายกขึ้นมาลูบผมนิ่ม ก่อนจะไล่ลงมาหยิกที่แก้มนิ่มเบาๆ เด็กอะไรช่างพูดช่างจา น่ารักน่าหมั่นเขี้ยวซะจริงๆเลย อยู่ด้วยแล้วทำให้มีความสุข และสดชื่นอยู่ตลอดเวลา    หรือว่าอูยองคือยาชูกำลังชั้นดีสำหรับนิชคุณกันนะ

 

 

TBC

Talk

ต่อ ทีละนิดทีละหน่อยเนอะ   พี่เลี้ยงจำเป็นของเรารับงานต่อเนื่องนะคะ จากฮาวาย แล้วยังใจดีรับเด็กดื้อมาเลี้ยงที่บ้านอีก ใจดีมากๆเลยเนอะ >…<

*ขอบคุณทุกๆคอมเม้นต์เลยนะคะ*

[Fic khunwoo] พี่เลี้ยงจำเป็น ตอนที่ 5

Title: พี่เลี้ยงจำเป็น ตอนที่ 5

Couple: KhunWoo

Writer: ilovekw

Rate : PG

Gente :  romantic

นี่คือฟิคที่เกิดจากจินตนาการของไรทเตอร์ enjoy reading ^^

 

 

cats

HVK Group

 

“สวัสดีตอนเช้าค่ะบอส”

เรขาสาวรีบลุกขึ้นยืน ก้มหัวทักทายบอสที่เพิ่งจะเข้าบริษัท ไม่ได้เจอกันห้าวัน บอสไปทำอะไรมานะ หน้าตาถึงได้ดูสดชื่นขึ้นอย่างบอกไม่ถูก สีหน้าไม่ได้เคร่งเครียดแบบเมื่อก่อน

 

“ครับ”

นิชคุณตอบกลับสั้นๆ พร้อมกับยิ้มให้   ถ้าเกิดนิชคุณไม่ยิ้มให้ เราขาสาวได้เสียวสันหลังแน่ๆ เพราะเสียงทุ้มๆนั้น ถ้าตอบสั้นๆห้วนๆ ไม่มีรอยยิ้มประดับบนใบหน้าทิ้งท้าย ก็จะฟังแล้วดูน่าเกรงขามทีเดียว

 

แปลกจริงๆ บิ๊กบอสของ HVK Group หายไปห้าวัน กลับมาดูท่าทางจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษจริงๆนะเนี้ย ยากนะที่จะได้เห็นรอยยิ้มของบอส     เรขาสาวได้แต่นึกแล้วก็สงสัย แล้วเดินตามนิชคุณเข้ามาถึงในห้องทำงานส่วนตัวของผู้เป็นเจ้านาย  พอนิชคุณนั่งลงเก้าอี้ประจำตำแหน่งแล้ว เธอค่อยอธิบายเอกสารที่จำเป็นจะต้องเซ็นก่อนเป็นอันดับแรก  ให้นิชคุณฟัง ไล่ไปจนถึงเอกสารที่สำคัญน้อยที่สุด ก่อนจะยื่นสรุปผลกำไรประจำไตรมาตรแรกให้กับนิชคุณ  เอกสารสุดท้ายคือวาระการประชุมเกี่ยวกับแผนการ การสร้างห้างสรรพสินค้าสาขาใหม่ ที่ประชุมกันไปเมื่ออาทิตย์ก่อน ประชุมเสร็จนิชคุณก็ไม่ได้รอสรุปผลประชุม เพราะเขาต้องรีบไปขึ้นเครื่อง

 

“ขอบคุณครับ ผมขอกาแฟหนึ่งแก้วนะครับ”     นิชคุณเอ่ยสั่งทั้งๆที่ตั้งใจก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารที่จะต้องเซ็นอยู่ตรงหน้า

 

“ได้เลยค่ะบอส”

.

.

.

การที่นิชคุณหนีไปพักผ่อนกับเด็กที่ไหนก็ไม่รู้ ห้าวัน มันทำให้เขาต้องกลับมาเซ็นเอกสารกองโต แทบจะไม่ได้เงยหน้ากันเลยทีเดียว นี่ก็เลยมาครึ่งวันแล้ว นิชคุณเพิ่งจะอ่านเอกสารและเซ็นเสร็จ ยังเหลือต้องอ่านรายงานการประชุม และนั่งดูผลประกอบการในไตรมาตรแรกอีก  แต่นั่นยังไม่เร่งมากนัก เขาสามารถเอากลับไปอ่านที่บ้านก็ได้

นิชคุณกดเบอร์โทรออกไปหาเรขาที่อยู่หน้าห้องเพื่อเรียกให้เข้ามาพบ

 

“บอสต้องการอะไรเพิ่มเติมเป็นพิเศษรึเปล่าคะ?”   เขาถามอย่างสงสัย เพราะปกติถ้าบอสอยากจะได้อะไร ก็จะสั่งเขาผ่านทางโทรศัพท์เลย  แต่ครั้งนี้มาแปลก

 

“คุณช่วยเช็คประวัติของลูกค้าคนนี้ให้ผมหน่อยครับ”   นิชคุณยื่นกระดาษที่ถูกจดไอดีการ์ดของลูกค้าให้กับเรขา

 

“ได้ค่ะบอส”

 

“ผมขอวีดีโอจากกล้องวงจรปิดด้วยนะครับ ด่วนหน่อยนะครับ”   นิชคุณสั่งเสียงเข้ม

 

เรขาสาวรับทราบ ก่อนจะรีบเดินออกจากห้องไปทำตามคำสั่งของบอส    แล้วภายในหนึ่งชั่วโมงเธอก็กลับมาพร้อมกับรายงานการซื้อของ และแผ่นDVD ที่บันทึกจากกล้องวงจรปิด

 

“ขอบคุณครับ”  นิชคุณยิ้มให้ ก่อนจะรับของพวกนั้นทั้งหมดมาไว้ในมือ    เรขาสาวยิ้มก่อนจะก้มหัวให้ แล้วเธอก็เดินออกจากห้องบอสออกไปอย่างรู้งาน

 

นิชคุณเปิดดูบันทักการซื้อของของลูกค้า VIP ที่ชื่อ จางอูยอง พอเห็นแล้วก็ต้องอมยิ้มขึ้นมาอย่างเผลอตัว  ก็รายงานการซื้อของมีแต่ไปรูดบัตรซื้อของที่แผนกของเล่น อาทิตย์ละสี่ห้าครั้ง  และแผนกดนตรี ไปซื้อแผ่นเสียงอย่างที่อูยองเคยบอกจริงๆ    จะว่าไปนิชคุณก็คิดถึงเสียงเรียก “นิคคุณฮะ”

นิคคุณอย่างงั้น นิคคุณอย่างงี้เหมือนกันนะ ถึงจะได้รู้จักกันแค่ห้าวันก็ตามเถอะ อูยองจะรู้สึกเหงา เหมือนที่เขารู้สึกบ้างไหมนะ  เด็กดื้อคนนั้นป่านนี้กำลังจะอ้อนใครอยู่

 

นิชคุณหยิบแผ่นDVD ขึ้นมาเปิดดูวีดีโอ ที่ได้จากการบันทึกจากกล้องวงจรปิด  สองแขนแกร่งยกขึ้นมากอดอก ก่อนจะเอนหลังไปติดกับพนักพิงของเก้าอี้ด้วยใหญ่ ดูจากวีดีโอในกล้องวงจรปิดแล้ว

อูยองมีผู้ติดตามมาเข็นรถเข็นให้หนึ่งคน  ส่วนตัวเองก็เดินเลือกของเล่นที่ชอบอย่างสบายใจ พอได้ของเล่นที่ชอบแล้วก็ถือแล้ววิ่งดุ๊กดิ๊กเอามาวางไว้ที่รถเข็น  ก็ดูท่าทางจะมีความสุขในแบบฉบับของเด็กๆ   พอของเล่นที่ถูกใจอยู่สูงเกินเอื้อม อูยองก็ชี้แล้วกระโดดโหยงๆเป็นเด็กๆ เรียกให้คนติดตามมาหยิบให้

 

กรี๊ง~~  เสียงโทรศัพท์ที่โต๊ะทำงานของนิชคุณดังขึ้นมาขัดจังหวะ

 

“ครับ?”  นิชคุณขานรับสั้นๆ

 

“บอสคะ ลูกค้ามาขอพบค่ะ”  เรขาสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงมีกังวล เพราะโดยปกติแล้ว บอสมักจะเอ่ยดุเมื่อมีลูกค้ามาขอพบ แล้วไม่นัดไว้ก่อน ก็ไม่รู้ว่าครั้งนี้บอสจะดุอีกไหม แต่เธอก็ทำใจไว้ล่วงหน้าแล้วล่ะ

 

“ครับ คุณเชิญลูกค้าไปที่ห้องรับรองเหมือนเดิมนะครับ เดี๋ยวผมตามออกไป”

 

“ได้ค่ะบอส”   เธอถึงกับยิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจ และโล่งอก บอสไม่ดุเลยสักนิด แปลกจริงๆนะเนี้ย หายหน้าหายตาไปห้าวัน กลับมาบอสดูอารมณ์ดีขึ้นผิดหูผิดตา

 

นิชคุณพับหน้าจอโน๊ตบุ๊คลง ก่อนจะเดินไปหยิบสูทมาใส่ให้เป็นทางการ แล้วขยับเนคไทด์ให้เข้าที่เข้าทาง เสร็จแล้วก็เดินตรงไปยังห้องรับรอง

 

ก๊อก ก๊อก

นิชคุณเคาะประตูห้องรับรอง ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปเห็นบอดี้การ์ดยืนอยู่ข้างๆหนึ่งคน และอีกหนึ่งคนกำลังนั่งหันหลังให้เขา พอเดินเข้าไปใกล้ๆ ก็เห็นว่าคุณลูกค้าคนนั้น กำลั้งนั่งตั้งอกตั้งใจต่อเลโก้หุ่นยนต์ตัวใหม่ล่าสุดที่สินค้าเพิ่งจะเข้าห้างวันนี้นี่เอง แถมยังมีถุงที่โลโก้ห้างของเขาถุงใหญ่ๆตั้งอยู่บนโต๊ะตั้งสองถุง

 

“ใครเอ่ย?~”    เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นอย่างใจดี

 

เด็กน้อยละสายตาออกจากเลโก้ ก่อนจะหันหน้ามามองเจ้าของเสียงทุ้มใจดีที่คุ้นหู “อูยองเองฮะนิคคุณ~”

 

“ที่แท้ก็ลูกค้าวีไอพีของแผนกของเล่นนี่เอง”     นิชคุณยิ้มกว้างให้กับอูยอง พร้อมกับเดินเข้าไปลูบหัวเด็กน้อยด้วยความเอ็นดู   พอได้เห็นหน้าอูยอง เป็นความรู้สึกแปลกใหม่อีกอย่างหนึ่ง คือทำงานมาเหนื่อยๆเมื่อเช้า ตอนนี้กลับไม่หลงเหลือความเหน็ดเหนื่อยเลยแม้แต่นิดเดียว แถมยังทำให้เขารู้สึกสดชื่นอีกต่างหาก

 

“วันนี้อูยองมาซื้อของเล่นอีกแล้วฮะ”

 

“ซื้อไปเยอะเชียวครับ”  นิชคุณหัวเราะ เพราะเห็นถุงของเล่นสองถุงใหญ่ๆวางอยู่ตรงหน้า

 

“ก็ของเล่นอันเก่า อูยองเล่นหมดแล้วนี่นา อูยองอยากได้อันใหม่บ้างนี่ฮะ”

“ต่อไปไม่ต้องซื้อของเล่นแล้วนะครับ พี่คุณไม่ให้อูยองซื้อแล้ว”

 

อูยองหันมามองนิชคุณพร้อมกับเบะปากเหมือนจะร้องไห้ เมื่อโดนผู้ใหญ่ขัดใจ

 

“ไหนนิคคุณบอกว่าจะไม่ใจร้ายกับอูยองไงฮะ แต่นิคคุณห้ามอูยองไม่ได้หรอก ปะป๊ากับหม่าม๊าให้บัตรมารูดซื้อของเล่น อูยองจะเชื่อฟังปะป๊ากับหม่าม๊า”

 

“พี่คุณหมายความว่าถ้าอูยองอยากได้อะไรก็มาเอาไปได้เลย ไม่ต้องจ่ายตังค์ต่างหากล่ะครับ”

 

“เห๋??”

“ก็ไม่ต้องจ่ายตังค์ไงครับ ไม่ต้องงง”   เห็นเด็กน้อยทำหน้างง นิชคุณก็อดไม่ได้ที่จะลูบหัวเด็กน้อยด้วยความเอ็นดู

อูยองส่ายหน้าให้นิชคุณรัวๆ จะให้ทำแบบนี้ได้ยังไงกันล่ะ  “ไม่ได้นะฮะนิคคุณ ไม่ได้เด็ดขาด ถ้าปะป๊ารู้ ปะป๊าต้องดุอูยองแน่ๆเลยฮะ”

 

 

“ถ้างั้นเอาบัตรนี้ไปใช้นะครับ”  นิชคุณหยิบบัตรเครดิตที่เขาทำมาเพื่อรูดเพื่อใช้จ่ายของในห้างของตัวเอง แต่หน้าตาบัตรก็เหมือนกับบัตรสมาชิกระดับ VIP อย่างที่อูยองมี

 

“บัตรแบบนิคคุณอูยองมีแล้วฮะ”

 

“ไม่เหมือนกัน บัตรนี้สะสมแต้มได้เยอะกว่าน้า~ ถ้ามีของเล่นใหม่ๆมา เค้าจะแจ้งก่อนด้วย อูยองไม่อยากได้เหรอครับ?”   นิชคุณอมยิ้มทันที ดูเหมือนเขาจะหลอกเด็กได้ เพราะทันทีที่เขาบอกว่า ถ้ามีของเล่นใหม่ๆเข้ามา จะมีการแจ้งเตือน อูยองทำตาลุกวาวขึ้นมาทันทีทันใด

 

“จริงๆเหรอฮะ”

 

“อื้มจริงสิครับ ใช้บัตรนี้แล้วไม่ต้องรูดบัตรเครดิตด้วยนะ แค่ยื่นบัตรนี้ให้พนักงาน เดี๋ยวเค้าจัดการต่อเองครับ”

 

“อูยองไม่เข้าใจฮะ”  อูยองทำหน้างงๆ แค่บัตรเดียวจะไปทำทุกอย่างได้ยังไงกันล่ะ ก็ทุกครั้งที่อูยองซื้อของ ก็ยื่นทั้งบัตรเครดิตแล้วก็บัตรสมาชิกนี่นา

 

“เดี๋ยวโตขึ้น อูยองก็เข้าใจเองนะครับ”     การให้แบบไม่หวังผลอะไร มันคือการให้ใจไปด้วย เขาหวังว่าสักวันอูยองก็ต้องเข้าใจ

“แต่ว่าอูยองโตแล้วนี่นา อายุตั้ง18ปีแล้วนะฮะ”

“เอาเป็นว่าเชื่อพี่คุณ แล้วอูยองก็ไม่ต้องมีข้อสงสัยนะครับ”    นิชคุณชี้นิ้วดุเด็กน้อยขี้สงสัย

 

“งั้นตกลงฮะ นิคคุณ แล้วตอนนี้ นิคคุณทำงานอยู่ใช่ไหมฮะ หม่าม๊าบอกว่านิคคุณก็ต้องทำงานหนักเหมือนหม่าม๊า แต่ว่าอูยองก็อยากมาเล่นกับนิคคุณได้ไหมฮะ”

 

นิชคุณไม่รอช้าที่จะส่ายหน้าให้  “พี่คุณทำงานเสร็จแล้วครับ ว่าแต่เราไปอ้อนพี่เค้ายังไงครับ เค้าถึงยอมอนุญาตให้เราขึ้นมาหาพี่คุณ”   นิชคุณเองก็ไม่คิดว่าอูยองจะมาหาเขาถึงที่นี่ และไม่คิดด้วยว่าจะกล้ามีใครอนุญาตให้เด็กอายุ 18ปี ขึ้นมาถึงพื้นที่ทำงานของผู้บริหารห้างของ HVK Group ด้วย เพราะปกติจะมีเพียงแค่แขกคนสำคัญ ที่เป็นคู่ค้าทางธุรกิจของนิชคุณเท่านั้นที่จะได้ขึ้นมาพบเขา

 

“ก็อูยองบอกจะมาหานิคคุณฮะ ตอนแรกพี่เค้าจะไม่ให้อูยองขึ้นมาฮะ อูยองเกือบจะร้องไห้แล้วด้วย เพราะอูยองอยากมาเล่นกับนิคคุณ  อูยองเลยเอานามบัตรของนนิคุณยื่นให้ตรงจุดประชาสัมพันธ์ของห้าง แล้วพี่เค้าก็ติดต่อคุยกับคุณเรขาของนิคคุณอยู่ตั้งนานฮะ สุดท้ายพี่เค้าก็เลยให้มาเจอนิคคุณ”

 

จริงด้วยสิ เขาให้นามบัตรอูยองไปด้วยนี่ ถ้าใครได้นามบัตรของนิชคุณไป จะถือว่าเป็นบุคคลสำคัญของนิชคุณทันที

 

แต่นิชคุณก็อดจะขำให้กับความใสซื่อของอูยองไม่ได้  จะมาหาเขา ทำไมไม่โทรมาตามเบอร์ที่อยู่ในนามบัตรกันล่ะเด็กเอ๋ย เด็กน้อย  แค่โทรมาหาเขา เรื่องจะไม่ยุ่งยากเลยสักนิด

 

“แล้วทำไมเราไม่โทรมาหาพี่คุณล่ะครับ?”

 

“ก็…ก็อูยองไม่ได้นึกเรื่องนั้นเลยฮะ”  ยองหัวเราะออกมาน้อยๆ

 

“งั้นวันหลังพี่คุณจะบอกเรขาของพี่คุณไว้นะครับ ว่าถ้าอูยองมาหา ให้เข้ามาได้เลย”

 

“นิคคุณใจดีจังเลย~~ นิคคุณฮะ แล้วนิคคุณจะว่างเล่นกับอูยองอีกนานไหมฮะ”   อูยองช้อนตามองนิชคุณ ถามด้วยน้ำเสียงฟังดูออดอ้อน อยากจะได้คำตอบที่ถูกใจตัวเองเพราะอูยองยังไม่อยากกลับบ้านตอนนี้    อูยองยังอยากนั่งคุยเล่นกับนิชคุณต่อ

 

“อีก…”   นิชคุณยกนาฬิกาข้อมือตัวเองขึ้นมาดูด้วยสีหน้าเคร่งเครียด  ทำเอาอูยองขมวดคิ้วลุ้น เพื่อรอฟังคำตอบ

 

“อีกหนึ่งนาทีครับ”  นิชคุณเอ่ยพร้อมกับลูบผมเด็กน้อยที่กำลังนั่งยู่ปาก ด้วยความผิดหวัง

 

“นิคคุณเหลือเวลาว่างอีกแค่หนึ่งนาทีเองเหรอฮะ”     อูยองยังคงช้อนตามองนิชคุณ พร้อมกับถามออกมาเหมือนกับอยากให้นิชคุณว่างต่อสักสองสามชั่วโมง

 

“อีกหนึ่งนาที พี่คุณจะกดโทรศัพท์โทรออกไปถามเรขา ว่าพี่คุณมีงานที่จะต้องทำไหม”           นิชคุณขำออกมาด้วยความพอใจ ที่ได้แกล้งเด็ก   ว่าแล้วนิชคุณก็กดโทรศัพท์โทรออกไปถามตารางงานของตัวเอง ว่ามีอะไรด่วนที่จะต้องทำก่อนไหม

 

“บ่ายนี้ มีลูกค้านัดไว้จะมาหาผมไหมครับ”

 

????????????? ????????

 

“ครับ  แล้วมีอย่างอื่นอีกไหมครับ”

 

อูยองนั่งเงียบ ราวกับกำลังแอบฟังเสียงเรขาของนิชคุณที่กำลังตอบกลับมา  อูยองนั่งมองนิชคุณตาแป๋ว ราวกับลูกแมวน้อย นิชคุณที่มองอูยองอยู่ ก็อดที่จะยิ้มออกให้กับความน่ารัก น่าหมั่นเขี้ยวของเด็กที่นั่งอยู่ข้างๆเขาไม่ได้

 

“ครับ  ขอบคุณครับ”   หลังจากที่เรขารายงานตารางงานเรียบร้อยแล้ว นิชคุณก็วางสายไป

 

“นิคคุณต้องไปทำงานแล้วใช่ไหมฮะ”

เด็กน้อยถามพร้อมกับรีบเก็บเลโก้ที่ต่อยังไม่เสร็จใส่กล่อง เตรียมตัวกลับบ้าน

 

“บ่ายนี้พี่คุณมีคุยกับลูกค้าหนึ่งท่านครับ ไม่เกินครึ่งชั่วโมง อูยองนั่งรอพี่คุณได้ไหมครับ?”

 

“จริงเหรอฮะนิคคุณ”

 

นิชคุณยิ้ม พร้อมกับพยักหน้า นิชคุณดึงมือชวนให้อูยองลุกขึ้นเดินไปนั่งรอที่ห้องทำงานส่วนตัวของตนเอง

“ป่ะ อูยองไปนั่งรอในห้องทำงานของพี่คุณนะครับ”

 

“ฮะ”

“อ่า..คุณลุงคังกลับก่อนเลยนะฮะ ถ้าอูยองจะกลับเดี๋ยวโทรไปบอกเองฮะ”   อูยองหันไปบอกกับบอดี้การ์ด   ก่อนที่จะเดินตามแรงดึงของนิชคุณ

 

ณ ห้องของประธานบริษัท HVK Group

 

นิชคุณผายมือไปที่เก้าอี้ตัวใหญ่ ซึ่งเป็นเก้าอี้ประจำตำแหน่งของตัวเอง  อูยองมองนิชคุณงงๆ

 

“ทำไมนิคคุณถึงไม่นั่งที่เก้าอี้ตัวนั้นล่ะฮะ”

 

“อูยองไปนั่งที่เก้าอี้ของพี่คุณเลยครับ จะได้นั่งสบายๆ เพราะตอนนี้ได้เวลาที่พี่คุณจะต้องไปพบลูกค้าแล้วล่ะครับ”

“ฮะ”

อูยองเดินไปนั่งลงเก้าอี้ตัวใหญ่อย่างว่าง่าย พร้อมกับหยิบเอากล่องเลโก้ขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะทำงานของนิชคุณ

“นิคคุณฮะ อูยองขออนุญาตเอาเลโก้ขึ้นมาต่อบนโต๊ะนิคคุณได้ไหมฮะ”   อูยองเอ่ยขออนุญาต

 

“อื้ม ได้สิครับ พี่คุณไปทำงานแล้วนะครับ อย่าซนนะ”

 

“ฮะ อูยองจะไม่ซน” เด็กน้อยกำลังจดจ่ออยู่กับตัวต่อเลโก้ขานรับโดยไม่มองหน้านิชคุณ

“แน่ใจนะครับว่าจะไม่ซน”

“คับป๋ม”   เสียงที่ขานรับราวกับเด็กสามขวบ นิชคุณก็ได้แต่ยิ้มแล้วส่ายหน้าให้  ก่อนจะบ่นกับตัวเอง “ได้ของเล่นแล้วไม่สนใจกันเลย”

 

 

เวลาผ่านไปร่วมชั่วโมง เกินกว่าเวลาที่นิชคุณคาดไว้ไปตั้งครึ่งชั่วโมง ถึงเขาจะสั่งให้เรขาเอาขนม และน้ำหวานไปเสิร์ฟให้อูยองแบบไม่อั้น นิชคุณก็ยังกังวลอยู่ดีว่าอูยองจะเบื่อ เพราะอยู่ในห้องคนเดียว ไม่รู้ว่าป่านนี้จะงอแงอยากกลับบ้านไปแล้วหรือยัง

 

หลังจากที่ล่ำลากับลูกค้าเป็นที่เรียบร้อยแล้วนิชคุณรีบก้าวขายาวๆเดินตรงดิ่งไปที่ห้องทำงานของตัวเองทันที  พอเปิดประตูเข้าไปก็พบแต่ความว่างเปล่า อูยองไม่ได้นั่งอยู่ที่เก้าอี้ตรงโต๊ะทำงานของเขา  เหลือไว้แค่เพียงตัวต่อเลโก้ที่ต่อเสร็จจนเป็นรูปเป็นร่างแล้ว   นิชคุณจึกตัดสินใจเดินออกไปสอบถามกับเรขาที่อยู่หน้าห้อง ถ้าอูยองกลับบ้านแล้ว เรขาของเขาก็น่าจะรู้

 

“อูยองกลับไปแล้วเหรอครับ?”

 

“คุณอูยอง?”

 

“เด็กที่มาพบผมเมื่อตอนเที่ยงครับ”

 

“อ๋อ ยังไม่เห็นออกมาจากห้องของบอสเลยนะคะ”

 

“งั้นเหรอครับ”   นิชคุณขมวดคิ้ว ก่อนจะรีบเดินกลับเข้าไปในห้อง

 

“อูยอง”   นิชคุณเรียก ก่อนจะกวาดสายตามองรอบๆห้อง

 

“อูยองอยู่ไหนครับ?  จะเล่นซ่อนแอบกับพี่คุณเหรอเรา”

เดินไปดูที่ห้องน้ำแล้วก็ไม่มี นั่นทำให้นิชคุณเริ่มเป็นกังวล ใจของนิชคุณเริ่มเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ

เหลือแค่ที่ระเบียงที่เดียว ที่นิชคุณยังไม่ได้เดินไปดู  ร่างสูงรีบก้าวขายาวๆตรงไปที่ระเบียง ก่อนจะเปิดม่านออก เห็นเด็กน้อยกำลังกระโดดไปมา แถมยังโบกมือหยอยๆราวกับกำลังทักทายใครอยู่ นิชคุณรีบเลื่อนประตูกกระจกออก แล้วเดินตรงไปหาอูยองทันที

 

“อูยองทำอะไรน่ะ”

 

“นิคคุณฮะ อูยองโบกมือให้หม่าม๊าอยู่”  อูยองชี้มือขึ้นไปที่ตึกสูงที่อยู่ฝั่งตรงข้าม

นิชคุณมองขึ้นไปก็เห็นมีคนยืนโบกมือให้อูยองอยู่จริงๆด้วย นิชคุณก็เลยก้มหัวทักทายด้วยเหมือนกัน

 

“ป่ะ นิคคุณเข้าไปข้างในกันฮะ”

 

“ไม่ทักทายคุณแม่ต่อแล้วเหรอครับ?”   นิชคุณยิ้มให้กับเด็กน้อยที่กำลังดึงมือเขากลับเข้าไปในห้อง

 

“หม่าม๊าต้องไปทำงานแล้วฮะ”

 

นิชคุณพยักหน้า แล้วยิ้มให้อย่างเอ็นดู อูยองนี่เป็นเด็กขี้เหงาจริงๆ เพียงแค่เขาปล่อยให้อยู่ในห้องคนเดียวแค่ไม่ถึงชั่วโมง อูยองก็หาคนคุยด้วยจนได้ ไม่รู้ว่าคุณแม่ของอูยองว่างคุยด้วยจริงๆรึเปล่า เพราะท่านเป็นถึงผู้บริหารบริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ งานน่าจะยุ่งพอตัว แต่ถึงอย่างงั้น ท่านก็ยังก็ยังหาเวลาคุยโทรศัพท์ แล้วยังใจดีออกมาโบกไม้โบกมือให้ลูกชายคนดื้ออีกต่างหาก

 

“นิคคุณฮะ”   อูยองดึงมือให้นิชคุณหยุดเดิน  มือเล็กเปลี่ยนตำแหน่งจากจับมือนิชคุณ เปลี่ยนไปเกาะที่แขนแทน       อูยองส่งแววตาออดอ้อนมองมาทางนิชคุณราวกับว่ามีอะไรอยากจะอ้อนยังไงอย่างงั้น

 

“มีอะไรครับหื้ม?”   นิชคุณขานรับด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

 

“นิคคุณจะว่างเล่นกับอูยองถึงกี่โมงเหรอฮะ”      เป็นเพราะอูยองยังไม่อยากกลับบ้าน อูยองยังอยากมีเพื่อนเล่น ก็เลยต้องถามคำถามนี้บ่อยๆกับนิชคุณ

 

“ทำไมเหรอครับ?”

 

“หม่าม๊าบอกว่าวันนี้ม๊ากับปะป๊ามีประชุมถึงสี่ทุ่มฮะ”   อูยองถอนหายใจออกมาเบาๆ ถึงมันจะเป็นเรื่องปกติที่อูยองต้องเจอตั้งแต่เด็กจนโต แต่อูยองก็ยังไม่ชินอยู่ดีที่จะต้องกินข้าวที่แม่บ้านเตรียมไว้ให้ตอนเย็น นั่งกินคนเดียว เสร็จแล้วก็จำเป็นต้องขึ้นไปนอน เพราะไม่มีเพื่อนคุย

 

แววตาที่อูยองมองนิชคุณ นิชคุณสัมผัสได้ว่าอูยองต้องการให้เขาตอบว่าอะไร แต่ในความเป็นจริงแล้ว  ตอนบ่ายสามเขามีนัดออกรอบไปตีกอล์ฟกับแทคยอนเพื่อนสนิท

 

“อูยองพี่คุณ…”

 

อูยองยิ่งช้อนตามองนิชคุณ ปากเริ่มเบะลง เพราะอูยองรู้ดีว่าผู้ใหญ่ก็ไม่ได้ว่างมาเล่นกับเด็กอยู่ตลอดเวลาหรอก

“เอ่อ…..” พอนิชคุณเห็นหน้าเด็กน้อยที่กำลังช้อนตามองเขา  นั่นทำเอานิชคุณถึงกับไม่กล้าพูดออกมาว่ามีนัดกับเพื่อน

“อูยองรู้แล้วฮะ เดี๋ยววันหลังอูยองค่อยมาเล่นกับนิคคุณใหม่ก็ได้ฮะ”  อูยองตอบด้วยน้ำเสียงเศร้าๆที่ฟังดูแล้วนิชคุณรู้สึกเจ็บปวดใจ ทั้งๆที่ตัวเองก็ยังไม่ได้ทำอะไรผิด

 

อูยองปล่อยมือออกจากแขนนิชคุณ ก่อนจะเดินไปหยิบเลโก้ที่ถูกต่อเป็นรูปเป็นร่างแล้วใส่กล่อง แล้วเอายัดใส่ลงไปในกระเป๋าเป้ของตัวเอง เตรียมตัวจะกลับบ้าน

 

“พี่คุณแค่มีนัดไปออกรอบกับเพื่อนหน่ะ อูยองจะไปด้วยกันไหมครับ พี่จะสอนอูยองตีกอล์ฟด้วย ไปด้วยกันนะครับ ตีกอล์ฟสนุกนะ”   นิชคุณไม่รู้ว่าอูยองจะชอบตีกอล์ฟด้วยกันไหม ไม่รู้ว่าไปแล้วจะสนุกไหม เพราะต้องไปยืนอยู่กลางแดดนานๆ อูยองอาจจะเบื่อเอาได้

 

เพียงเท่านั้นแหละ เด็กที่กำลังสะภายเป้เตรียมตัวจะกลับบ้าน หันมายิ้มกว้างด้วยความดีใจ

“นิคคุณให้อูยองไปด้วยจริงๆนะฮะ”

 

“ครับ จริงสิ”

 

“อูยองสัญญาว่าจะไม่ดื้อ ไม่ซนนะฮะ”

“จริงรึเปล่าหื้ม? แล้วถ้าเราเป็นเด็กดื้อ จะให้พี่คุณจัดการยังไงดีครับ?”

เด็กน้อยรีบเดินมาเกาะแขนนิชคุณพร้อมกับช้อนตามอง “ไม่ดื้อฮะ อูยองจะไม่เป็นเด็กดื้อ”   น้ำเสียงฟังดูออดอ้อน เพราะกลัวว่านิคคุณจะเปลี่ยนใจไม่ให้ไปด้วย

นิชคุณมองหน้าเด็กที่กำลังทำหน้าตาออดอ้อน ก็ได้แต่อมยิ้มแล้วลูบหัวเบาๆด้วยความเอ็นดู

“โอเค ไม่ดื้อก็ไม่ดื้อครับ”

การได้แกล้งเด็กถือเป็นความสุขอีกอย่างหนึ่งของนิชคุณ =]

 

 

 

 

TBC

Talk

ก็ไม่รู้นะคะ ว่าอูยองติดนิคคุณ หรือนิคคุณติดอูยอง แต่ดูเหมือนนิคคุณจะติดอูยองซะมากกว่าเนอะ ดูสิขนาดไม่ได้เจอหน้ากันแค่แป๊บเดียว นิคคุณถึงกับสั่งเรขาให้ไปหาวีดีโอจากกล้องวงจรปิดมานั่งดู แล้วอมยิ้มอยู่คนเดียว >//< 

.::  ขอบคุณทุกคอมเม้นต์นะคะ กำลังใจของไรท์คือคอมเม้นต์จริงๆน้า เม้นต์มาเถอะค่ะ นิดเดียวไรท์ก็ดีใจและขอบคุณมากๆแล้วค่ะ =]  ::.  

[Fic khunwoo] พี่เลี้ยงจำเป็น ตอนที่4

Title: พี่เลี้ยงจำเป็น ตอนที่4

Couple: KhunWoo

Writer: ilovekw

Rate : PG

Gente :  romantic

นี่คือฟิคที่เกิดจากจินตนาการของไรทเตอร์ enjoy reading ^^

 

 

 

cats

จบลงแล้วสำหรับทริปการมาเที่ยวที่ต่างประเทศคนเดียว?? ของอูยอง และทริปที่ตั้งใจที่จะมาเล่นเซิร์ฟของนิชคุณ แต่กลับกลายเป็นว่า เขาต้องได้มาเป็นทั้งไกด์นำเที่ยว และมาเป็นพี่เลี้ยงเด็กอายุ 18 ปี แบบไม่ได้ตั้งใจซะอย่างงั้น แต่ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่สนุก และไม่เหงาดีเหมือนกัน   ตอนแรกนิชคุณจองตั๋วเครื่องบินมาฮาวายแค่สองวัน แต่พอรู้ว่าอูยองจะมาเที่ยวที่ฮาวาย 5 วัน  นิชคุณเลยเลื่อนตั๋วกลับพร้อมอูยองอย่างไม่ลังเล ก็เขาจะกล้าทิ้งเด็กอายุ 18 ปี ที่มีนิสัยเหมือนเด็กอายุห้าขวบให้เที่ยวเล่นตามลำพังได้ยังไงกันล่ะ น่าเป็นห่วงจะแย่

 

 

 

ณ สนามบินอินชอน

 

 

อูยองกำลังนั่งรถคนขับรถที่บ้านมารับ โดยมีนิชคุณนั่งรอเป็นเพื่อน นิชคุณสังเกตเห็นว่าอูยองนั่งเงียบผิดปกติ ไม่เห็นช่างพูดช่างจาเหมือนตอนอยู่ที่ฮาวายเลยล่ะ และที่สำคัญแววตาดูเหงาซะด้วยสิ

 

“อูยองเป็นอะไรไป? ไม่ดีใจเหรอครับ เราจะได้เจอหน้าคุณพ่อกับคุณแม่แล้วนะ”   นิชคุณที่นั่งอยู่ข้างๆเอ่ยถาม พร้อมกับยกมือขึ้นไปลูบเบาๆที่ผมเด็กน้อย ที่กำลังนั่งหงอยอยู่เงียบๆ และที่สำคัญ นิชคุณยังได้ยินเสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ตั้งหลายครั้ง ไม่รู้ว่าเด็กคนนี้มีเรื่องอะไรให้หนักใจ

 

“ก็ดีใจฮะ แต่อูยองรู้สึกเหงาแปลกๆ”

 

“หื้ม? เหงา?”

 

อูยองพยักหน้าสองสามที ก่อนจะก้มหน้าก้มตา แล้วพูดอู้อี้อยู่ในลำคอเบาๆ

“อยู่บ้านแล้วอูยองเหงาฮะ”

 

 

“อูยองจะเจอนิคคุณอีกได้ใช่ไหมฮะ”  อูยองหันมามองนิชคุณ  แววตาเริ่มแดงก่ำ แถมน้ำตาก็เริ่มรื้นขึ้นมาปรากฏบนดวงตาเรียวคู่นั้น

 

นิชคุณยิ้มให้กับเด็กน้อยขี้เหงา มือหนาขึ้นมาลูบหัวเด็กน้อยที่กำลังจะร้องไห้เบาๆ ก่อนจะเลื่อนลงมาเช็ดน้ำตาที่กำลังจะหยดลงแก้มใสออกให้ด้วยความอ่อนโยน

 

“ทำไมอูยองถึงคิดว่าจะไม่ได้เจอพี่คุณล่ะครับ หึ้ม?”  เสียงทุ้มเอ่ยอย่างอ่อนโยน

 

“นิคคุณก็ต้องทำงานหนักเหมือนผู้ใหญ่ทั่วๆไป เหมือนปะป๊ากับหม่าม๊าของอูยอง แล้วอูยองจะไปเจอนิคคุณได้ยังไงล่ะฮะ”

 

นิชคุณสัมผัสได้ว่า หลังจากที่อูยองมีคนคอยดูแล เอาใจใส่อย่างใกล้ชิด พาไปเที่ยว พาไปทำกิจกรรมสนุกๆ มันทำให้อูยองหายเหงา แต่พอกลับมาที่เกาหลี อูยองก็เลยกลัวความเหงามากยิ่งขึ้น กลัวการที่จะอยู่แต่ในห้องคนเดียว    ส่วนนิชคุณเอง ตอนที่อยู่ฮาวายเขาก็รู้สึกหายเหงาเหมือนกัน ที่คอยมีอูยองมาออดอ้อน มาเรียก “นิคคุณ”   ทุกๆนาที  ถ้าเขาไม่ได้ยินเสียงเรียกนี้ เขาก็คงจะเหงาไม่ต่างจากอูยองเลย   เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าตัวเองจะมีความสุข กับคนคนหนึ่ง และสามารถตามใจใครคนหนึ่งได้มากมายขนาดนี้

 

“อูยองสามารถมาเจอพี่คุณได้ทุกเมื่อที่อูยองต้องการนะครับ”

ก็ทำไมจะไม่ได้ล่ะ ในเมื่อเขาเป็นถึงเจจ้าของห้างสรรพสินค้าชื่อดังในย่านใจกลางกรุงโซล   นิชคุณไม่จำเป็นต้องเข้าบริษัททุกวันเลยด้วยซ้ำ เพราะเขาสามารถเช็ค และตรวจงานผ่านทางอีเมล์ที่เรขาส่งมาให้ ซึ่งจะทำงานที่บ้าน หรือร้านกาแฟร้านประจำก็ยังได้  บริษัทมีไว้เข้าก็ต่อเมื่อมีประชุม หรือมีลูกค้ารายใหญ่นัดเจอเท่านั้น

 

อูยองยกมือขึ้นมาปาดน้ำตาที่กำลังจะไหลออกมาอย่างลวดเร็ว อูยองดีใจราวกับว่าต่อไปนี้ ชีวิตของอูยองจะไม่ต้องเหงาอีกต่อไปแล้ว

 

“อูยองจะเจอนิคคุณได้ที่ไหนเหรอฮะ”  เสียงใสเอ่ยขึ้น พร้อมกับแววตาที่สดใสขึ้นจากเมื่อกี้นี้

 

“เพียงแค่อูยองบอกพี่คุณว่า อยากให้ไปเจอที่ไหน พี่คุณก็จะไปหาครับ หรืออูยองจะมาเดินเล่นที่ห้างของพี่คุณก็ได้”

 

“ห้าง  ของ  นิค  คุณ~????”  อูยองทวนคำพูดของนิชคุณด้วยความสงสัย พร้อมกับผงกหัวไปตามจังหวะที่ตัวเองพูดเหมือนเด็กๆ

 

“HVK กรุ๊ปครับ”

 

“อ๋า~” อูยองเบิกตากว้างด้วยความดีใจ ก็เพราะห้างนี้ อยู่ฝั่งตรงข้ามกับบริษัทของป๊ากับม๊าอูยองเลยนี่นา   อูยองเองก็ชอบไปเดินอยู่บ่อยๆ

 

“ห้างของนิคคุณเองเหรอฮะ อูยองไปซื้อของเล่นที่นั่นอยู่บ่อยๆ เพราะบริษัทป๊ากับม๊าอยู่ฝั่งตรงข้ามห้างของนิคคุณเลยนะฮะ”

 

“JANGกรุ๊ป?”  นิชคุณเอ่ยชื่อบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดขึ้นในประเทศเกาหลีขึ้น   เป็นบริษัทใหญ่บริษัทเดียวที่เป็นตึกสูงอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ HVK กรุ๊ป

 

“ใช่ฮะ”

นิชคุณหัวเราะออกมา เขาไม่คิดว่าโลกจะกลมขนาดนี้ เพราะเมื่อไม่กี่วันมานี้ เขาเพิ่งได้เข้าไปที่บริษัท JANG กรุ๊ป เพื่อที่จะปรึกษาเกี่ยวกับการหาซื้อที่ดินที่จะขยายกิจการของ HVK กรุ๊ป นั่นเอง

 

“เมื่อวันที่ 30 เมษา พี่คุณเพิ่งเข้าไปคุยงานกับประธานบริษัทมาเองครับ”

 

“ปะป๊ากับหม่าม๊าของอูยองเป็นประธานบริษัทเองฮะ ท่านถึงได้งานยุ่งม๊ากมาก จนไม่มีเวลาพาอูยองไปไหนมาไหน อูยองถึงต้องฝึกไปเที่ยวเองคนเดียวไงฮะ  อ้อแล้ววันที่นิคคุณไปคุยงานกับป๊ากับม๊าของอูยอง มันเป็นเกิดอูยองเองฮะ อูยองนั่งรอเจอป๊ากับม๊าตั้งนานแหน่ะ เห็นบอกคุยกับลูกค้ารายใหญ่อยู่ นั่นคือนิคคุณเองเหรอฮะ วันนั้นคุยกันนานมากๆเลยนะฮะ อูยองนึกว่าจะไม่ได้เจอปะป๊ากับหม่าม๊าซะแล้ว”

 

นิชคุณนั่งฟังเด็กน้อยแก้มป่องบ่นเหมือนอัดอั้นตันใจมานาน อยากหาเพื่อนระบาย พอเจอเพื่อนคุยที่สามารถบ่น และเล่าอะไรให้ฟังได้อย่างสบายใจก็เลยพ่นออกมาไม่หยุด  แต่เขาก็เข้าใจอูยองดีนะ ว่าการที่พ่อกับแม่ไม่มีเวลาให้มันรู้สึกยังไง  ทั้งเหงา ทั้งโดดเดี่ยว  ยิ่งลูกคนเดียว ยิ่งเหงาเข้าไปใหญ่

 

“พี่คุณก็ไม่ใช่ลูกค้ารายใหญ่ขนาดนั้นหรอกครับ”  นิชคุณขำออกมา

เขาก็ไม่ใช่ลูกค้ารายใหญ่ขนาดอะไรหรอก ก็แค่เข้าไปปรึกษาหาที่ดินดีๆสักที่เพื่อที่จะสร้างห้างสรรพสินค้าแห่งใหม่ ในย่ายคังนัมแค่นั้นเอง

 

“ก็ปะป๊า กะหม่าม๊าบอกว่า นิคคุณคือลูกค้ารายใหญ่เองนี่ฮะ ปะป๊ากับหม่าม๊าไม่เคยโกหก”

 

“งั้นแสดงว่าอูยองก็คงเป็นลูกค้ารายใหญ่ของห้างพี่คุณใช่รึเปล่าหึ้ม มาเหมาของเล่นไปกี่ชิ้นแล้วครับ?”

 

อูยองไม่ตอบ แต่อูยองเปิดกระเป๋าเป้ ควานหาเอากระเป๋าตังค์ออกมา ก่อนจะหยิบบัตรอะไรสักอย่างออกมาชูให้นิชคุณดูด้วยความภาคภูมิใจ

 

“นี่บัตรของอูยองเองฮะนิคคุณ”

 

นิชคุณหยิบบัตรจากมืออูยองขึ้นมาดู ถึงกับต้องเบิกตากว้าง  “หืม? นี่เราซื้อเยอะจนได้เป็นเมมเบอร์วีไอพีบัตรสีทองเลยเหรอเนี้ย?”

 

บัตรเมมเบอร์ระดับวีไอพี แถมยังได้ระดับบัตรเป็นบัตรสีทองอีกต่างหาก นั่นหมายความว่า อูยองจะต้องซื้อของหนึ่งเดือน ยอดต้องไม่ต่ำกว่าสิบล้านวอน ถึงจะได้บัตรระดับนี้มาครอบครอง

 

“อูยองซื้อของเล่นไปแบ่งเพื่อนๆเล่นด้วยฮะ แล้วก็ซื้อแผ่นเสียงไปฟังเยอะแยะเลยฮะ”

 

สมกับเป็นเด็กขี้เหงาเสียจริงๆ ซื้อของเล่นไปแบ่งเพื่อนๆเล่น เพื่อความสนุกสนาน ตัวเองจะได้ไม่เหงา แบบนั้นสินะ โลกของเด็กขี้เหงาช่างน่ารักจริงๆ

 

“แสดงว่าอูยองคงชอบแผ่นเสียงมากจริงๆนะเนี้ย ซื้อเยอะขนาดนี้ฟังยังไงหมดครับหื้ม?”

 

“ก็ยังฟังไม่หมดเลยฮะ แหะๆ”

 

“คุณหนูอูยองครับ ผมมารับแล้ว พอดีรถติด ก็เลยมาช้าหน่อยครับ”  เสียงชายวัยกลางคนดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง

 

“อูยองยังไม่อยากกลับฮะ อูยองจะอยู่คุยกับนิคคุณต่อ”

อูยองบอกอย่างเอาแต่ใจ เรื่องอะไรอูยองจะต้องกลับบ้านไปเร็วๆล่ะ กลับไปก็ไม่มีคนคุยด้วยอยู่ดี ปะป๊ากับหม่าม๊าก็ไปทำงานกันหมด กลับมาอีกทีอูยองก็คงจะหลับไปแล้ว

 

“แต่วันนี้คุณท่านทั้งสองคนอยู่บ้านนะครับ ท่านรอรับคุณหนูอยู่ครับ ท่านบ่นคิดถึงคุณหนูทุกวันเลย”

เขารู้ดีว่าทำไมคุณหนูของเขาถึงไม่อยากกลับบ้าน คุณหนูคงคิดว่าพ่อกับแม่ไม่อยู่บ้าน กลับไปก็คงจะเหงาเหมือนทุกๆวันที่ผ่านมา

 

“ป๊ากับม๊าจะอยู่บ้านทั้งวันใช่ไหมฮะ”  อูยองถามออกมาด้วยความตื่นเต้น ไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ ว่าป๊ากับม๊าจะอยู่บ้าน เป็นไปได้ยังไงกันเนี้ย อูยองไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม?

 

“เห็นว่ารอรับคุณหนูเสร็จ ก็จะออกไปที่บริษัทครับ”

 

“….”   อูยองนั่งเงียบทันที    “งั้นอูยองก็ต้องอยู่ที่บ้านแบบเหงาๆอีกอยู่ดี”

 

“กลับบ้านนะครับอูยอง คุณพ่อกับคุณแม่รอเราอยู่นะ อย่างน้อยท่านก็รอเจอหน้าอูยองก่อนไปทำงาน ไม่ได้เจอหน้ากันตั้งห้าวัน ท่านคิดถึงแย่เลยน้า~”   เสียงทุ้มช่วยเกลี้ยกล่อมอีกแรง

 

“นิคคุณ อูยองไม่อยากกลับบ้านฮะ เดี๋ยวปะป๊ากับหม่าม๊าก็ออกไปทำงานอยู่ดี”

 

“อย่าเป็นเด็กดื้อสิครับ  ไหนอูยองบอกกับพี่คุณว่าจะเป็นเด็กดีไง เด็กดีก็ต้องไม่งอแงนะครับ เพราะงั้น กลับบ้านไปหาคุณพ่อกับคุณแม่ก่อน ตกลงไหมครับ?”

 

อูยองเอาแต่ยู่ปากอย่างขัดใจ   นั่งกอดกระเป๋าเป้ตัวเองแน่น  คนขับรถจะมาจับแขนเชิญให้ลุกขึ้น อูยองก็เอาแต่สะบัดออก แล้วบอก “อูยองยังไม่อยากกลับ!”

 

ถ้ายังเป็นเด็กดื้ออยู่แบบนี้  ครั้งต่อไปพี่คุณจะไม่อยากเจอเด็กดื้อแล้วนะครับ

นิชคุณจำเป็นต้องเล่นบทโหด น้ำเสียงเรียบเอ่ยออกไป ดูมีความเด็ดขาด นั่นทำเอาอูยองยอมลุกขึ้นเตรียมตัวจะกลับบ้านทันที

 

“ก็ได้ฮะ แต่นิคคุณจะต้องให้อูยองไปหานะฮะ”

 

“ก็แล้วอูยองเป็นเด็กดีหรือยังล่ะครับ?”  น้ำเสียงยังคงนิ่ง ฟังดูเย็นเฉียบ

 

“เป็นแล้วฮะ อูยองกำลังจะกลับบ้านไปหาปะป๊ากับหม่าม๊าตอนนี้เลยฮะ”

 

นิชคุณยิ้มและกับพยักหน้าให้ พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงใจดี  “แล้วเจอกันใหม่นะครับ”

 

.

.

.

.

.

 

ทันทีที่ลงจากรถ อูยองก็รีบวิ่งเข้าบ้านไปหาป๊ากับม๊า ที่นั่งรออยู่ที่ห้องนั่งเล่นทันที  คนเป็นพ่อกับแม่ เห็นลูกชายวิ่งเข้ามาหาด้วยหน้าตาที่สดใส ก็รีบอ้าแขนรอกอดทันที   อูยองหอมแก้มป๊ากับม๊าคนละข้าง เสร็จแล้ว พ่อกับแม่ก็หอมแก้มลูกชายกลับพร้อมกันคนละข้างด้วยความคิดถึง ก็เล่นไปเที่ยวต่างประเทศตั้งห้าวัน     อูยองไม่เคยห่างจากอกพ่อกับแม่เลย ใครจะไม่คิดถึงล่ะ

 

“เป็นยังไงครับ ไปเที่ยวคนเดียวสนุกไหม? กลับมาดูสดใสขึ้นเชียวนะเรา”   คนเป็นแม่เอ่ยถามพร้อมลูบหัวลูกชายคนเก่งด้วยความเอ็นดู

 

“สนุกฮะหม่าม๊า แต่อูยองไม่ได้ไปเที่ยวคนเดียวนะฮะ”

 

“หืม??”   คนเป็นแม่ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ก็ไหนบอกไปเที่ยวคนเดียวไง หรือว่ามีเพื่อนบินตามไปด้วยงั้นเหรอ?

 

“อูยองมีพี่ชายแล้วนะฮะ”  เด็กน้อยบอกออกมาอย่างมั่นใจ

 

“หื้ม???”   คนเป็นพ่อกับแม่ถึงกับตกอกตกใจ  ยิ่งงงหนักเข้าไปใหญ่ ก็มีลูกหัวแก้วหัวแหวนอยู่คนเดียว  อูยองจะไปมีพี่ชายได้ยังไงกัน

 

ป๊ากับม๊ายังไม่หายตกใจ อูยองก็พูดถึงพี่ชายที่ว่าต่อ

“ลูกเจอพี่เค้าที่สนามบินฮะ”

 

“แล้วยังไงครับลูก?”  คนเป็นแม่เอามือทาบอก พร้อมทั้งเอ่ยถามอย่างใจเย็นๆ ถึงในหัวจะมึนงงอยู่ว่าอูยองจะมีพี่ชายได้ยังไงก็เถอะ

 

“พอดีลูกยืมพาวเวอร์แบ้งค์ของพี่เค้า พี่เค้าใจดีมากๆเลยฮะ ให้อูยองยืมด้วย พอดีอูยองกับพี่เค้าไปเที่ยวฮาวายเหมือนกันฮะ พี่เค้าก็เลยขออาสาเป็นไกด์นำเที่ยว    อูยองก็เลยขอให้เค้าเป็นพี่ชายฮะ”

 

“แล้วอูยองรู้ได้ยังไงครับว่าเขาเป็นคนดี และจิตใจดี?”   คนเป็นแม่ซักไซ้ต่อ

 

“แค่อูยองฟังเสียงพี่เค้า อูยองก็รู้แล้วนะฮะว่าพี่เค้าจะต้องใจดีแน่ๆเลย”

 

คนเป็นพ่อเป็นแม่ต่างมองหน้ากันด้วยสีหน้าที่มีกังวล ทั้งคู่สัมผัสได้ว่าลูกยังอ่อนต่อโลกภายนอกจนเกินไป และยังมีความคิดเป็นเด็ก ที่มองโลกในแง่ดีอยู่เสมอ อาจจะเป็นเพราะพวกเขาไม่เคยปล่อยให้ลูกไปเผชิญโลกภายนอกแค่เพียงลำพัง เลี้ยงลูกด้วยความรัก สอนลูกให้คิดในแง่ดีมาตลอด แต่พอไปอยู่โลกที่กว้างขึ้น    อูยองก็เลยติดนิสัยนี้มา ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงมากๆ  ถ้าเกิดอูยองโชคไม่ดี ไปเจอคนที่เค้าหวังดีประสงค์ร้ายจะเกิดอะไรขึ้น คนเป็นพ่อเป็นแม่ไม่กล้าจะคิดต่อ

 

“อูยองลูก…”

คนเป็นแม่กำลังจะเอ่ยอะไรสักอย่าง แต่ไม่ทันได้เอ่ย เพราะอูยองดูท่าทางจะมีเรื่องเล่าที่น่าตื่นเต้น มาเล่าให้พ่อกับแม่ฟังก็เลยรีบแทรกขึ้นมาซะก่อน

 

“หม่าม๊า ปะป๊าฮะ พี่เค้าพาลูกไปเล่นเซิร์ฟ ไปเล่นเจ็ทสกี แล้วก็พาอูยองไปดูฉลามกลางทะเลด้วย  ฉลามเยอะแยะเต็มไปหมดเลยฮะ ตัวมันใหญ่เบ้อเล้อเลยนะฮะปะป๊า หม่าม๊า น่ากลัวม๊ากมาก ”

อูยองเล่ากิจกรรมทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้พ่อกับแม่ฟัง ด้วยความที่มันเป็นประสบการณ์ใหม่ อูยองก็เลยเล่าด้วยความตื่นเต้น กิจกรรมทุกอย่างที่เกิดขึ้น ล้วนแต่มีความแปลกใหม่กับอูยองทั้งนั้น

 

“แล้วลูกสนุกไหมครับ?”   คนเป็นแม่ลูบหัวอูยองพร้อมกับยิ้มให้ เห็นลูกมีความสุข เขาก็พลอยมีความสุขตามไปด้วย

 

“หม่าม๊า ไปเที่ยวฮาวายสนู๊กสนุกฮะ”

 

“หม่าม๊าดีใจนะที่เห็นลูกมีความสุข  แต่อูยอง แล้วทำไมลูกถึงได้ไว้ใจคนแปลกหน้าล่ะครับลูก”

คนเป็นแม่หัวใจแทบวาย ที่รู้ว่าลูกตัวเองใสซื้อซะจนไปไว้ใจให้คนแปลกหน้าพานำเที่ยวขนาดนั้น ไม่รู้เขาหวังอะไรจากอูยองรึเปล่า หลอกเอาเงินอูยองรึเปล่าก็ไม่รู้

 

“ก็พี่เค้าใจดีฮะหม่าม๊า ใจดีมากๆๆๆด้วยฮะ”

 

“อูยองครับ หม่าม๊าจะสอนอะไรให้นะครับ ลูกไม่ควรไว้ใจคนแปลกหน้าเร็วขนาดนั้น เรารู้หน้า แต่เราไม่รู้ใจเค้านะลูกนะ  รู้จักกันแค่เพียงไม่กี่วัน เราไม่สามารถรู้ได้หรอกลูก ว่าเค้าจะมาหลอกทำดีแล้วหวังผลอะไรกับเรารึเปล่า”  คนเป็นแม่สอนลูกชายอย่างใจเย็นโชคดีแค่ไหนแล้วที่อูยองกลับมาอย่างปลอดภัย และดูมีความสุข

 

“ถือว่าโชคดี ที่ลูกบังเอิญเจอคนที่เค้าจิตใจดีจริงๆ แต่ทีหลังลูกไม่ควรไว้ใจคนแปลกหน้าง่ายๆนะอูยอง”   คนเป็นพ่อแทรกขึ้น

 

“พี่เค้าก็สอนลูกเหมือนหม่าม๊า กับปะป๊าเป๊ะเลยฮะ”

 

“แล้วพี่เค้าอายุเท่าไหร่แล้วล่ะครับ?”

 

“นิคคุณอายุ 28ปีฮะหม่าม๊า”

 

“อายุ 28 ปี พี่เค้าห่างจากหนูตั้ง 10 ปีเลยนะครับ ทำไมหนูไม่เรียกเค้าพี่ล่ะ??”   คนเป็นแม่เอ่ยดุลูกชายตัวแสบ

 

“ก็อูยองขออนุญาตนิคคุณเรียกแบบนี้แล้วฮะหม่าม๊า  นิคคุณไม่ดุเลยสักนิด”

 

“อูยองหม่าม๊าขอรู้จักเขาได้ไหมครับ? มีเบอร์โทรให้หม่าม๊าไหม”

 

คนเป็นแม่ต้องให้คนส่งของขวัญขอบคุณชุดใหญ่ไปให้ อยากจะขอบคุณที่คิดดีกับอูยอง ไม่หวังผลประโยชน์อะไรกับอูยอง และอยากจะขอบคุณที่ ดูแลเจ้าเด็กดื้อคนนี้ แถมยังอาสาเป็นไกด์นำเที่ยวให้กับอูยองต่างหาก

 

อูยองล้วงกระเป๋ากางเกงหาอะไรสักอย่าง ก่อนจะยื่นให้กับคนเป็นแม่

 

“นามบัตรของพี่ชายอูยองฮะ นิคคุณให้มา”

 

คนเป็นแม่รับนามบัตรขึ้นมาอ่านชื่อ นามสกุล และหน้าที่การงาน ถึงกับต้องขมวดคิ้วถาม

“คุณนิชคุณ?”

 

ชื่อและนามสกุลเดียวกับลูกค้ารายใหญ่ ที่เพิ่งคุยกันเมื่ออาทิตย์ก่อน  แต่ที่ไม่น่าเชื่อคือ คุณนิชคุณที่เขารู้จัก และเคยคุยงานด้วยสองสามครั้ง เขาจะเป็นคนสุขุม นิ่งๆ มีความเป็นผู้ใหญ่ในตัวสูง ถึงแม้อายุจะยังไม่เยอะก็สามารถวางมาดให้น่าเคารพนับถือได้   ไม่น่าเชื่อว่ามาดนิ่งๆเข้มๆแบบนั้น จะสามารถเอาใจเด็กดื้อลูกชายเขาได้ แถมยังใจดีพาไปเล่นเจ็ทสกี เล่นเซิร์ฟอีกต่างหาก ก็ถือว่าเป็นอีกมุม ที่ต่างจากมาดนักธุรกิจอย่างสิ้นเชิง

 

“หม่าม๊าฮะ นิคคุณใจดีจริงๆนะฮะ อูยองคิดถึงนิคคุณ อยากไปเล่นนิคคุณแล้วด้วย นิคคุณบอกว่า ให้อูยองไปหาได้ตลอดเลยนะฮะ”

 

“นิคคุณของลูก เค้าก็ทำงานนะครับลูก ยิ่งทำงานในตำแหน่งผู้บริหาร ก็ยิ่งไม่มีเวลา หนูจะอยากไปเล่นกับพี่เค้าบ่อยๆไม่ได้นะครับ ลูกต้องเป็นเด็กดี ไม่รบกวนเวลาทำงานของพี่เค้านะครับ”

 

“แต่ว่านิคคุณบอกว่าให้อูยองไปหาได้ตลอดนี่ฮะหม่าม๊า”  ปากเล็กคว่ำลงจนเป็นสระอิ มองหม่าม๊าตาละห้อย

 

นิ้วสวยที่ประดับไปด้วยแหวนเพชรเม็ดงาม ลูบลงที่กลุ่มผมนิ่มของลูกชายอย่างอ่อนโยน

“แต่คุณนิชคุณ เขาก็ต้องทำงานนะครับอูยอง ยิ่งตำแหน่งสูงๆ ความรับผิดชอบก็ต้องสูงตามนะครับ ลูกจะไปหาเขาตลอดไม่ได้  เกรงใจเขาเนอะ”

 

อูยองยู่ปากอย่างเศร้าใจ  “ลูกนึกอยู่แล้วเชียวว่านิคคุณก็ต้องทำงานยุ่งเหมือนหม่าม๊ากับปะป๊า ไปหาก็คงไม่ค่อยได้เจอกันแน่ๆเลย”

 

 

TBC…

Talk

อยากจะลดอายุให้อูยองจาก 18 ปี ให้เหลือ 5 ขวบเหลือเกิน แต่เดี๋ยวนิคคุณโดนข้อหาพรากผู้เยาว์ 5555

 

.:: ขอบคุณทุกคอมเม้นต์นะคะ เม้นต์มาให้ไรท์อ่านบ้างน้า .::

[Fic khunwoo] พี่เลี้ยงจำเป็น ตอนที่3

Title: พี่เลี้ยงจำเป็น ตอนที่3

Couple: KhunWoo

Writer: ilovekw

Rate : PG 

Gente :  romantic

นี่คือฟิคที่เกิดจากจินตนาการของไรทเตอร์ enjoy reading ^^

 

 

 

 

cats

จากที่พาอูยองไปเล่นกีฬาทางน้ำมาแล้วสองอย่าง ทำให้นิชคุณรู้ว่า อูยองไม่เหมาะที่จะมาเล่นกีฬาแบบนี้เลยจริงๆ เหมาะที่จะพาไปทำกิจกรรมชิลๆซะมากกว่า

 

“นิคคุณ”  อูยองเรียก ก่อนจะชี้นิ้วไปทางคนที่กำลังเล่นเซิร์ฟอยู่ข้างหน้า

 

“อูยองอยากเล่นเหรอครับ?”   นิชคุณเอ่ยถามเพราะเห็นอูยองมีท่าทีที่สนใจกลุ่มคนที่กำลังเล่นเซิร์ฟอยู่ในทะเล

 

อูยองส่ายหน้าให้นิชคุณรัวๆ แค่ตอนฝึกเขายังล้มไม่เป็นท่า ถ้าขืนไปเล่นของจริง รับรองว่าเขาได้กินน้ำทะเลไปหลายอึกแน่ๆ

 

“อูยองอยากดูนิคคุณเล่นฮะ”

 

“อ่ะได้เลยครับ”    นิชคุณลุกขึ้นพร้อมกับถอดเสื้อออก เผยให้เห็นซิกแพค ที่เกิดจากการออกกำลังกาย นอกจากจะมีซิกแพคที่สวยแล้ว นิชคุณยิ่งมีมัดกล้ามแขนที่แสนจะบึกบึนอีกต่างหาก

 

“พี่คุณจะไปเล่นเซิร์ฟแล้วนะครับ ถ้าอาการดีขึ้นแล้ว พี่คุณอนุญาตให้เดินเล่นแถวๆนี้ได้ แต่ห้ามไปไหนไกลนะ ตกลงไหม? ถ้าอยากไปเดี๋ยวพี่คุณจะพาไปเอง ตกลงไหมครับ?”

 

“ตกลงฮะ”

 

“อื้มดีมาก” นิชคุณยิ้มแล้วพยักหน้าให้อูยอง ก่อนจะใช้แขนล่ำๆหนีเซิร์ฟบอร์ดสีแดง เดินตรงไปที่ริมทะเล ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตรงที่อูยองนั่งพักเท่าไหร่ สามารถมองเห็นกันได้

 

อูยองนั่งมองนิชคุณที่ยืนทรงตัวอยู่บนกระดานโต้คลื่น  ท่าทางแข็งแกร่งและมีความชำนาญในการเล่นเซิร์ฟมากเลยทีเดียว และที่สำคัญ นิชคุณดูเท่ห์และมีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก

 

พออาการเมาคลื่นเริ่มดีขึ้นแล้ว อูยองก็เริ่มเดินลงไปที่ริมชายหาด ใกล้ๆกับที่

ที่นิชคุณเล่นเซิร์ฟอยู่  มือเล็กหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดถ่ายรูปนิชคุณ แล้วส่งให้กับหม่าม๊าดู พร้อมกับข้อความที่ว่า “พี่เขาเท่ห์มากๆเลยนะฮะหม่าม๊า”

 

พอถ่ายรูปจนพอใจแล้ว อูยองก็วิ่งเอามือถือขึ้นไปเก็บ ก่อนจะวิ่งลงมาที่ริมชายหาดต่อ  อูยองลังเลนิดหน่อย ที่จะวิ่งลงไปเล่นน้ำทะเล สุดท้ายอูยองก็ค่อยๆเดินเอาท้าวลงไปจุ่มน้ำทะเลทีละนิด และเดินลงไปทีละน้อย ก่อนจะนั่งลงไป ตอนนี้น้ำทะเลอยู่ระดับเอว ไม่ถือว่าลึกสักเท่าไหร่

 

อูยองยกมือขึ้นโบกหยอยๆ ทักทายนิชคุณที่กำลังสนุกอยู่กับการเล่นเซิร์ฟ  นิชคุณยกมือขึ้นตอบรับการทักทาย ก่อนจะเลิกเล่น แล้วว่ายน้ำมาหาเด็กน้อย ที่กำลังนั่งเล่นน้ำอยู่คนเดียว

 

“ป่ะ พี่จะพาไปเช่าห่วงยาง จะได้เล่นน้ำสนุกๆไงครับ”

 

“ฮะ”

 

 

อูยองเลือกห่วงยางที่เป็นรูปร่างลูกเจี๊ยบ สีเหลืองตัวใหญ่ๆ ที่คนสามารถลงไปนั่งได้ ให้เหตุผลว่า

“อูยองจะไปโต้คลื่นกับนิคคุณ”

นิชคุณให้อูยองขึ้นไปนั่งบนห่วงยางลูกเจี๊ยบตัวนั้น  และนิชคุณก็เป็นคนลากห่วงยางลูกเจี๊ยบที่มีอูยองนั่งอยู่ในนั้นลงไปลึกระดับหน้าอกของตัวเอง  แล้วนิชคุณก็เกาะกระดานเล่นเซิร์ฟ ลอยเล่นอยู่ข้างๆอูยอง

 

“สนุกไหม?”

อูยองหัวเราะแล้วพยักหน้าให้นิชคุณรัวๆ  “นิคคุณถ้าอูยองลงไปยืนในน้ำ มันจะลึกถึงระดับไหนของอูยองเหรอฮะ”

 

“ตอนนี้ก็น่าจะ…”   นิ้วเรียวชี้ไปที่จมูกของเด็กแปลกหน้าที่ชื่อจางอูยอง   “จมูกน่ะ”

 

“ลึกเท่าระดับจมูกของอูยองเลยเหรอฮะ?

นิคคุณ…อูยองว่ามันลึกเกินไปสำหรับอูยองแล้วฮะ  นิคคุณพาอูยองขึ้นไปอีกได้ไหมฮะ”

 

“อยู่บนห่วงยางลูกเจี๊ยบตัวใหญ่ขนาดนี้ ยังต้องกลัวอะไรอีกครับ?”

 

“โอ้ะ จริงด้วยฮะ ”    อูยองหัวเราะออกมาอย่างสดใส มือเล็กก็ตีน้ำทะเลเล่นไปมาอย่างสนุก   นิชคุณได้แต่มองแล้วยิ้มให้กับความน่ารักน่าเอ็นดูของเด็กคนนี้  เที่ยวครั้งแรก คงสนุกอยู่ใช่ใช่น้อยเลยสิน้า เด็กน้อยเอ๋ย

 

“นิคคุณฮะ~”

 

“ว่ายังไงครับ?”

 

“เย็นนี้อูยองขอเลี้ยงข้าวนิคคุณได้ไหมฮะ”

น้ำเสียงที่เอ่ยถาม ราวกับเด็กสามขวบ ทำเอานิชคุณขำออกมาเบาๆ

 

“เป็นเด็กอายุแค่ 18ปี จะมาเลี้ยงข้าวผู้ใหญ่ได้ยังไงกันล่ะครับ”

 

“หม่าม๊าให้ตังค์อูยองมาเที่ยวตั้งเยอะ นิคคุณพาอูยองเที่ยว อูยองก็ต้องตอบแทน

นิคคุณบ้างนี่ฮะ”

 

“เก็บตังค์ไว้เถอะครับ ถึงคุณแม่ของอูยองจะให้เงินมาเยอะ แต่เด็กก็ไม่ควรเลี้ยงข้าวผู้ใหญ่นะครับรู้ไหม”

 

“ทำไมถึงไม่ได้ล่ะฮะ ให้อูยองเลี้ยงข้าวสักเมื้อเถอะนะฮะ”

 

“ถ้าดื้อ พี่จะปล่อยเรากับห่วงยางลูกเจี๊ยบไว้ตรงนี้ แล้วก็หาทางขึ้นฝั่งเองด้วย”

นิชคุณข่มเสียงต่ำเป็นการดุเด็กหัวดื้อ

 

“นิคคุณ~ไหนบอกว่าจะใจดีกับอูยองตลอดไงฮะ”  อูยองพลิกตัว เอาคางมาเกยขอบห่วงยางลูกเจี๊ยบ มองนิชคุณด้วยสายตาเหมือนเด็กน้อยโดนผู้ใหญ่หลอก

 

“ถ้าจะให้ผู้ใหญ่ใจดีด้วย เด็กก็ต้องเชื่อฟังผู้ใหญ่ด้วยนะครับ”

 

“ก็ได้ ก็ได้ ก็ได้~”   เด็กน้อยยู่ปากเข้าหากัน มือเล็กทั้งสองข้างใช้ตีน้ำเล่นไปมา โดยมีนิชคุณเป็นพี่เลี้ยงเฝ้ามองด้วยความเอ็นดูอยู่อย่างใกล้ชิด

 

“นิคคุณ~ ยังอยากเล่นน้ำต่ออยู่ไหมฮะ”

 

“พี่คุณถามอูยองดีกว่า ว่าอยากเล่นต่อรึเปล่า”

นิชคุณก็พอจะรู้ว่า ถ้าเด็กถามออกมาแบบนี้ ย่อมมีคำตอบของตัวเองในใจอยู่แล้ว

 

“อูยองอยากเล่นต่อฮะ”

 

“งั้นก็เล่นกันต่อครับ”  นิชคุณพร้อมที่จะตามใจเด็กแปลกหน้าคนนี้ทุกเมื่อ

 

“นิคคุณ~แต่อูยองก็หิวแล้วฮะ”

 

นิชคุณปล่อยหัวเราะออกมาให้กับความลังเลของเด็ก เขาเข้าใจดีว่าการได้ลอยน้ำเล่นในทะเล สำหรับเด็กแล้ว มันสนุกแค่ไหน ถึงจะมีความหิวเข้ามาแทรก ก็ยังไม่วายอยากเล่นน้ำต่อ

 

“งั้นพี่คุณเลือกให้ เลิกเล่นแล้วไปทานข้าวกันนะครับ แล้วพรุ่งนี้ค่อยมาเล่นใหม่”

 

“ก็ได้ฮะ”

 

.

.

 

มื้อเย็นมือแรกที่ฮาวายจบลงด้วยดี นิชคุณพาอูยองเป็นคนไปทานอาหารร้านที่อร่อยที่สุดในฮาวาย แถมใจดีเป็นคนเลี้ยงข้าวเด็กน้อยแปลกหน้า ช่างพูดช่างจาอีกต่างหาก มันไม่เป็นความลำบากใจของเขาเลยสักนิด ที่จะมาเลี้ยงข้าวใครก็ไม่รู้ ที่พึ่งรู้จักกันได้ไม่นาน แต่มันเป็นความรู้สึกที่นิชคุณเอ็นดูอูยอง  อยากดูแล อยากเป็นคนอำนวยความสะดวกให้กับอูยองทุกอย่าง

 

ก๊อก  ก๊อก

 

เสียงเคาะห้องของนิชคุณดังขึ้น ไม่นานก็มีเสียงเรียกดังตามขึ้นมา  “นิคคูณฮะ~”

 

เสียงที่นิชคุณคุ้นหู เสียงเรียกเขาแบบนี้ตลอดทั้งวัน ทำไมเขาจะจำไม่ได้ ถึงเสียงที่เรียกเมื่อสักครู่ จะดูงัวเงีย ง่วงนอนก็เถอะ   แต่นิชคุณก็อดสงสัยไม่ได้ เราแยกย้ายกันไปนอนตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอ ตอนนี้ก็ห้าทุ่มกว่าๆแล้ว อูยองน่าจะหลับไปตั้งนานแล้ว    นิชคุณละออกจากจอโน้ตบุ๊ค แล้วเดินตรงไปเปิดประตู ก็พบว่า อูยองอุ้มตุ๊กตา ทำหน้าง่วงนอนยืนอยู่หน้าประตู

 

“ทำไมเรายังไม่นอนอีกล่ะครับ?”  เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นอย่างสงสัย  หน้าตาก็ดูง่วงมากแล้ว แต่อูยองกลับยังไม่นอน

 

อูยองยืนมองนิชคุณ ที่มีลุคแตกต่างออกไปจากตอนกลางวันที่เจอกัน เพราะนิชคุณสวมแว่นสายตา   สวมชุดนอนพร้อมที่จะนอนเหมือนกับอูยอง แต่หน้าตาดูสดชื่นกว่าอูยองมาก ก็เลยเกิดข้อสงสัย  “แล้วทำไมนิคคุณถึงไม่ยอมนอนล่ะฮะ”

อูยองถามกลับด้วยน้ำเสียงและท่าทางที่ง่วงสุดขีด แม้กระทั่งตา ก็จะลืมไม่ขึ้น

 

นิชคุณก็อดที่จะหัวเราะไม่ได้ ไม่ตอบคำถามของเขาแล้ว แล้วยังมาย้อนถามคนเป็นผู้ใหญ่อีก

“พี่คุณทำงานครับ เช็คงานอยู่ อีกเดี๋ยวก็นอนแล้วครับ ทีนี้อูยองจะตอบคำถามได้รึยังครับ ว่าทำไมถึงไม่ยอมนอน”

 

“อูยองคิดถึงหม่าม๊า คิดถึงปะป๊า”

 

เป็นปัญหาที่นิชคุณจะแก้ไขให้ได้ยากเหลือเกิน อาจจะเป็นเพราะมาเที่ยวต่างประเทศคนเดียวครั้งแรกก็ได้ และอีกอย่างอูยองดูจะเป็นลูกแหง่ ติดพ่อกับแม่ซะด้วยสิ

 

“หืม?  แล้วที่ตาเราแดงๆนั่น?”   นิชคุณย่อตัวลงนิดหน่อยให้ส่วนสูงเสมอกับอูยอง เพื่อที่จะได้มองหน้าเด็กคนนี้ถนัดๆ

 

“อูยองร้องไห้ คิดถึงปะป๊ากับหม่าม๊าฮะ”

 

พอฟังเหตุผลแล้ว นิชคุณก็ได้แต่อมยิ้มให้เด็กขี้แย มือหนายกขึ้นมาโยกหัวเด็กน้อยเบาๆ

“ไหนอูยองเคยบอกกับพี่คุณไงครับ ว่าจะเป็นคนเก่ง ไม่ทำให้ท่านเป็นห่วง ถ้าคุณพ่อกับคุณพ่อของอูยองรู้ว่าเราไม่ยอมนอน แถมยังร้องไห้งอแงคิดถึงท่าน ครั้งต่อไปท่านอาจจะไม่อนุญาตให้ไปเที่ยวคนเดียวอีกก็ได้นะ”

 

“ก็อูยองไม่กล้านอนคนเดียวนี่ฮะ”      นี่คือเหตุผลสำคัญของอูยอง    ถ้าไม่อยู่บ้าน อูยองก็ไม่กล้านอนคนเดียวหรอก ที่อยากมาเที่ยวคนเดียวก็เพราะอูยองอยากพิสูจน์ดูว่า อายุ 18 ปีแล้ว อูยองจะสามารถนอนคนเดียวได้รึเปล่า สุดท้าย ก็ทำไม่ได้

 

“อูยองขอนอนกับนิคคุณได้ไหมฮะ”

ทำหน้าตาน่าสงสาร บวกกับสีหน้าที่ง่วงแบบสุดขีด ถ้าเขาปฏิเสธก็ดูจะเป็นคนใจร้ายเกินไป

นิชคุณก็เลยตอบตกลง  ถึงเขาจะไม่เคยนอนกับใครก็เถอะ

 

“ได้สิครับ” เสียงทุ้มใจดีเอ่ยอนุญาต

 

นิชคุณเดินจูงมืออูยอง พาเดินไปที่เตียงนอน พอถึงเตียงแล้ว อูยองก็ล้มตัวลงนอนอย่างลวดเร็ว แถมยังกอดตุ๊กตาตัวโปรดที่ถือติดมือมาเอาไว้แน่น

 

“อูยองนอนบนเตียงคนเดียวก่อนได้ใช่ไหมครับ? พี่คุณยังต้องไปเช็คงานต่อ”

นิชคุณโน้มตัวลงไปถาม พร้อมกับจับปลายผ้าห่ม พร้อมจะห่มให้กับเด็กน้อยแปลกหน้าที่นอนกอดตุ๊กตาอยู่บนเตียง

 

ด้วยความง่วง อูยองก็เลยหลับตาพร้อมกับพยักหน้าให้เป็นคนตอบ  พอได้คำตอบแล้วนิชคุณค่อยจัดการดึงผ้าห่มขึ้นไปห่มให้กับเด็กน้อยที่หลับปุ๋ยภายในไม่กี่วินาทีที่ล้มตัวลงนอน   นิชคุณยิ้มให้อูยองด้วยความเอ็นดู เด็กเอ๋ยเด็กน้อย ถ้าเกิดว่าทริปนี้ไม่มีเขา เด็กคนนี้จะไปงอแงอ้อนใคร จะไปนอนกับใคร แล้วจะโดนทำมิดีมิร้ายไหมก็ไม่รู้ นิชคุณไม่กล้าจะคิด   มือหนาเอื้อมไปลูบกลุ่มผมหน้าม้าของคนที่กำลังนอนหลับปุ๋ยอยู่บนเตียง  ลูกใครกันนะ ช่างน่ารักน่าเอ็นดูเหลือเกิน

 

.

.

.

ปกตินิชคุณเป็นคนตื่นเช้าอยู่แล้ว ถ้าเกิดว่าตอนนี้อยู่ที่โซล เขาก็คงจะตื่นมานั่งจิบกาแฟ อ่านหนังสือพิมพ์ที่สวนหน้าบ้าน ถ้ามีเวลาล่าก็จะรดน้ำต้นไม้ด้วย

 

แต่เช้านี้กลับให้ความรู้สึกแปลกใหม่ไปอีกแบบ ที่ตื่นมาแล้วมีเด็กน้อยแปลกหน้าหลับปุ๋ยอยู่ข้างๆกาย ปกติเขาก็อยู่คนเดียว ไม่เคยนอนกับใคร พอได้ตื่นมาเห็นเด็กที่ไหนก็ไม่รู้ มาหลับอยู่ข้างๆ มันกลับทำให้เขายิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว แถมมือยังเอื้อมไปลูบผมเด็กน้อยขี้เซาอีกต่างหาก

 

ตอนนี้เขาไม่รู้จักนิสัยของเด็กคนนี้หรอกว่าเป็นยังไง ถ้าปลุกแล้วจะตื่นมาวีนหรืองอแงใส่เขาไหม เพราะตอนนี้หกโมงนิดๆ ซึ่งก็ถือว่าเป็นเวลาที่เช้ามากๆ   นิชคุณค่อยๆลุกออกจากที่นอนให้เงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อที่จะได้ไม่รบกวนคนที่กำลังหลับอยู่

 

“นิคคุณฮะ”

 

นิชคุณเลิกคิ้วก่อนจะหันกลับกลับไปมอง เด็กน้อยมองเขาตาแป๋วอย่างกับลูกแมว

 

“ตื่นแล้วเหรอครับ? นี่ยังเช้าอยู่เลย อูยองหลับต่อก็ได้นะ”

เสียงทุ้มเอ่ย ก่อนจะชี้นิ้วไปที่นาฬิกาที่แขวนอยู่ที่ผนังห้อง

 

“อูยองตื่นเวลานี้ทุกวันฮะ”

 

คำตอบอูยองทำเอานิชคุณแปลกใจ ปกติเด็กสมัยใหม่ก็จะไม่ตื่นเช้ากันสักเท่าไหร่

 

“แล้วทำไมอูยองถึงตื่นเช้าล่ะครับ? ตื่นมาแล้วทำอะไรบ้างครับ?”   นิชคุณถามออกมาด้วยความสงสัย อยากรู้ว่ากิจกรรมของเด็กวัย 18 ปี กับวัยอย่างเขาจะต่างกันมากไหม

 

“ก็ตื่นตามป๊ากับม๊าฮะ ทั้งวันอูยองจะได้เจอหน้าป๊ากับม๊าแค่ตอนเช้าๆ กว่าจะกลับบางวันก็ดึกจนอูยองหลับไปเลยก็มีฮะ”   อูยองเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียง และแววตาที่แสนเหงา

 

นิชคุณเข้าใจความรู้สึกของอูยองดี เพราะเมื่อตอนเป็นเด็ก ชีวิตเขาก็เป็นแบบนี้แหละ ไม่ต่างจากอูยองเลย แต่พอโตขึ้นมาแล้ว พ่อกับแม่ส่งให้มาดูแลธุรกิจห้างสรรพสินค้าของครอบครัวที่เกาหลี เขาถึงได้เข้าใจพ่อกับแม่ ว่าต้องทำงานหนักขนาดไหน

 

“แล้วหลังจากพ่อกับแม่ไปทำงานแล้ว อูยองทำอะไรครับ?”

 

“ถ้าช่วงปิดเทอม ก็อยู่แต่ในห้องฮะ อูยองมีแผ่นเสียงเยอะแยะเลยนะฮะ อูยองชอบ แล้วก็จะเปิดฟังอยู่ในห้องมันทำให้อูยองหายเหงา”

 

“แผ่นเสียง?”    นิชคุณถามคล้ายจะไม่เข้าใจ  “สมัยนี้เขาไม่เปิดเพลงกันจากยูทูป หรือเครื่องเล่น MP3 กันหมดแล้วเหรอครับ?”

 

“ก็ใช่ฮะ แต่อูยองชอบแผ่นเสียงไงฮะนิคคุณ วันหลังอูยองจะพานิคคุณไปที่บ้าน แล้วก็จะเปิดให้ฟัง”

 

นิชคุณพยักหน้า เขาไม่ค่อยเข้าใจหรอกว่าเสียงจากแผ่นเสียงมันดียังไง แต่อูยองคงชอบมันมากๆ ถึงได้อยู่กับของพวกนี้ได้ทั้งวัน

 

“เดี๋ยวตอนนี้แยกย้ายกันไปอาบน้ำได้แล้วนะครับ”

อูยองพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย พร้อมกับอุ้มเอาตุ๊กตาของตัวเองลุกขึ้นจากเตียง

 

“วันนี้พี่คุณจะพาอูยองไปดูฉลาม!….มม!!”    นิชคุณด้วยน้ำเสียงที่ชวนให้เด็กน้อยตื่นเต้น พร้อมทำท่าทางเหมือนปลาฉลามใส่อูยอง ซึ่งเรียกเสียงหัวเราะจากคนที่เป็นเด็กกว่าได้ดีทีเดียว

 

“ดูในพิพิธภัณฑ์เหรอฮะ”   อูยองถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

 

นิชคุณส่ายหน้าให้ช้าๆ อูยองไม่รู้อะไรซะแล้ว ว่าที่นี่เขามีเรือพาออกไปดูฉลามตัวเป็นๆกลางทะเล

 

“ไปดูฉลามตัวจริงในทะเลเลยครับ”

 

“ในทะเลเลยเหรอฮะ แล้วมันอันตรายไหมฮะ”

 

“รับรองว่าปลอดภัยครับ=]”

อูยองยิ้มแล้วก็พยักหน้ารัวๆ ก่อนจะรีบวิ่งกลับไปที่ห้องพักของตัวเองเพื่อที่จะไปอาบน้ำ เตรียมตัวไปดูฉลามตัวเป็นๆกลางทะเล มันจะเหมือนอย่างที่อูยองดูในหนังรึเปล่าน้า~

 

.

.

.

ดูท่าทางอูยองจะตื่นเต้นไม่เบาเลย เพราะเท่าที่เขายืนดูระหว่างรอขึ้นเรือ อูยองยืนไม่นิ่งเลย พอขึ้นเรือไปแล้ว นิชคุณก็เดินจูงมืออูยองนำไปที่หัวเรือ เพื่อที่จะได้ดูวิวระหว่างทางด้วย

ยิ่งเรือแล่นออกจากฝั่งไกลเท่าไหร่ วิวที่เห็นก็ยิ่งมีแต่น้ำทะเลสีน้ำเงินเข้ม บวกกับท้องฟ้าที่กำลังสดใส มันเป็นภาพที่สวยมากๆ อูยองรู้สึกโชคดีจริงๆ ที่มีเพื่อนร่วมทริปเป็นนิชคุณ ไม่อยากงั้นเขาก็ไม่รู้หรอกว่าที่นี่มีพาออกไปดูฉลามตัวเป็นๆกลางทะเลด้วย

 

นิชคุณยกขึ้นมาวางบนหัวของคนที่ตัวเล็กกว่า อูยองเงยหน้าขึ้นมองคนที่ตัวสูงกว่าด้วยความสงสัย  ว่าทำไมต้องจับหัวด้วย

 

“พี่จับหมวกไว้ให้ครับ ลมมันแรงเดี๋ยวหมวกปลิวตกทะเลเอา”   นิชคุณเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียง และแววตาแสดงออกถึงความใจดี และเอ็นดู

 

“อีกไกลไหมฮะ?”

 

“ราวๆสิบห้านาทีครับ”

 

“นิคคุณฮะว่าแต่มันไม่น่ากลัวจริงๆเหรอฮะ นี่เรากำลังไปหาฉลามกันอยู่จริงๆเหรอฮะ”

ถ้าถามนิชคุณว่าการไปดูฉลามน่ากลัวไหม สำหรับเขา มันไม่น่ากลัวเลยสักนิด เพราะเขามีกรงเหล็กที่แข็งแกร่ง ให้คนไปยืนในนั้นซึ่งฉลามทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว  แต่สำหรับอูยอง

เขาไม่รู้ว่าอูยองจะกลัวไหม

 

“พี่คุณไม่กลัวครับ มันไม่น่ากลัวเลยสักนิด เพียงแค่มันตื่นเต้น ที่เราจะได้เห็นฉลามแยกเขี้ยวใส่แบบใกล้ๆ โดยที่เราอยู่ในกรงเหล็ก แล้วฉลามอยู่ข้างนอก”

 

เห็นอูยองนิ่งไป นิชคุณก็เลยหัวเราะ ก่อนจะก้มต่ำลงไปถาม “กลัวล่ะสิเรา”

 

“ก็ดูน่ากลัวนิดหน่อยฮะ”   แค่อูยองจินตนาการไปว่า เห็นฉลามมาแยกเขี้ยวคมๆใส่ใกล้ๆ อูยองก็รู้สึกว่ามันน่ากลัวเกินไป แล้วล่ะ

 

ตอนนี้เรือมาหยุดอยู่กลางทะเล เจ้าหน้าที่เริ่มใส่อุปกรณ์ดำน้ำให้นักท่องเที่ยวที่มีความประสงค์อยากจะไปทักทายปลาฉลามแบบใกล้ๆ   พอกรงเหล็กถูกจุ่มลงไปในทะเล  ไม่นานก็มีฉลามเริ่มว่ายเวียนมาที่รอบๆเรือ และรอบๆกรงเหล็กที่แข็งแกร่งอันนั้น เพราะเจ้าหน้าที่เขามีสิ่งที่เอาไว้ล่อให้ฉลามมา มันก็เลยมากันเป็นฝูงใหญ่ๆ

 

 

“นิคคุณฮะๆ ฉลามๆ”  อูยองกระตุกแขนนิชคุณ แล้วชี้ไปที่กลุ่มฉลามที่กำลังว่ายมาล้อมกรงเหล็กนั้น ด้วยความตื่นเต้น  อูยองอยากรู้จังเลย ว่าคนที่เขาลงไปดูฉลามใกล้ๆแบบนั้น เขาไม่กลัวกันเลยเหรอ ขนาดแค่อูยองดูอยู่บนเรือ อูยองยังรู้สึกเสียวสันหลังเลย

 

“อูยองอยากลงไปดูแบบใกล้ๆไหม?”

 

อูยองนิ่งคิดอยู่สักพัก ก่อนจะตอบ

“อูยองดูอยู่บนเรือดีกว่าฮะ  แล้วนิคคุณไม่อยากลงเหรอฮะ?”

 

“ถ้าอูยองไม่ลง พี่คุณก็ไม่ลงครับ”

 

“อูยองก็ไม่อยากให้นิคคุณลงไปฮะ”

เด็กน้อยคิดเห็นยังไง ก็บอกไปแบบนั้น อูยองมองว่ามันน่ากลัว อูยองไม่อยากให้ใครที่อูยองรู้จักลงไปเล่นกับฉลามใกล้ๆแบบนั้นหรอก น่าหวาดเสียวจะตาย

 

“หื้ม? ทำไมอูยองถึงไม่อยากให้พี่คุณลงไปดูฉลามล่ะครับ”

 

“ก็มันน่ากลัวนี่ฮะ ก็อูยองดูหนังฝรั่งมาเยอะ อูยองจินตนาการไปแล้วว่า ถ้าเกิดฉลามรวมตัวพังกรงขึ้นมาจะทำยังไง มีหวังได้โดนฉลามงับแน่ๆ”

นิชคุณฟังเหตุผลของเด็กน้อยแล้ว ก็อดที่จะขำไม่ได้ ช่างพูดช่างจา แถมยังจินตนาการสูงอีกต่างหาก

 

“นี่อูยองดูฉลามตัวนั้นสิ”   นิชคุณชี้นิ้วไปฉลามฝูงที่กำลังว่ายเวียนอยู่ในท้องทะเล

 

“ตัวไหนฮะนิคคุณ”  อูยองชะเง้อมองตามนิ้วที่นิชคุณชี้ ไม่รู้ว่าชี้ให้ดูตัวไหน เพราะมีหลายตัวเหลือเกิน แถมยังมีคลีบสามเหลี่ยมโผล่มาเหมือนๆกันหมด

 

สองแขนแกร่งรวบเอวอูยองแล้วยกเด็กน้อยตัวบางขึ้นเล็กน้อย อูยองที่กำลังตั้งใจดูว่านิชคุณชี้ให้ดูฉลามตัวไหน พอโดนอุ้มลอยขึ้นแบบไม่ทันได้ตั้งตัวก็เลยตกใจ แขนเล็กทั้งสองรวบกอดคอนิชคุณเอาไว้แน่น กลัวตกก็กลัว ตกใจก็ตกใจ

 

 

“ถ้าเป็นเด็กดื้อ พี่จะจับโยนลงทะเลให้ฉลามกิน”   นิชคุณแกล้งหลอกเด็กให้ดูฉลาม แล้วก็มาแกล้งอุ้มทำท่าเหมือนจะโยนลงทะเลให้ฉลามกินอีกต่างหาก

 

“น นิคคุณ”

อูยองหน้าซีดขึ้นมาทันทีทันใด แค่นิชคุณอุ้มอูยองตัวลอยขึ้นมา ก็กลัวจะตกลงไปทะเลจะแย่อยู่แล้ว นิชคุณยังมาขู่ว่าจะโยนลงทะเลอีก ฉลามก็ว่ายลายล้อมเรือนี้อยู่ตั้งหลายตัว ถ้าเกิดตกลงไปจริงๆล่ะ

 

นิชคุณหัวเราะออกมาด้วยความเอ็นดู เด็กเอ๋ยเด็กน้อย กลัวจนมือเย็นหน้าซีดเชียว แถมตอนนี้ยังกอดคอเขาแน่นอีกต่างหาก ท่าทางจะกลัวจริงๆสิน้า

 

“ไม่แกล้งแล้วครับ”    นิชคุณค่อยๆคลายอ้อมกอดออก ก่อนจะค่อยๆวางร่างเล็กให้ลงยืน

อูยองรีบดึงมือให้นิชคุณเดินกลับเข้ามาในตัวเรืออย่างลวดเร็ว ก่อนจะนั่งนิ่งกอดเสื้อชูชีพเอาไว้แน่น

 

“มานะขวัญมา”  นิชคุณยกมือขึ้นมาลูบหัวเด็กน้อยขี้กลัวไปมาเบาๆ

 

“นิคคุณอะ เล่นอะไรก็ไม่รู้!”   อูยองยังคงเสียงสั่น

 

“พี่คุณแข็งแรงจะตาย อูยองตัวเล็กนิดเดียวเอง จะหล่นลงไปได้ยังไงกันหื้ม?”

มือที่ลูบหัวมน เปลี่ยนไปลูบแผ่นหลังของเด็กน้อยที่กำลังตกใจกลัวแทน เด็กหนอเด็ก สงสัยจะไม่เคยโดนแกล้งเป็นแน่แท้ ถึงได้เป็นคนขวัญอ่อนขนาดนี้

 

“หายกลัวเนอะ? เดี๋ยวขึ้นฝั่งไปแล้วพี่คุณจะพาไปหาอร่อยๆทานดีไหมครับ?”

 

“นิคคุณทำไม นิคคุณถึงขี้แกล้งเด็กล่ะฮะ”

เด็กน้อยยังคงยู่หน้าใส่นิชคุณ แถมยังทำน้ำเสียงอู้อี้งอแงตามสไตล์เด็กๆ นี่คงจะเป็นการแสดงความโกรธอยู่สิน้า~  แต่นิชคุณทำไมถึงได้รู้สึกชอบ แล้วก็เอ็นดูยิ่งขึ้นก็ไม่รู้เหมือนกันแฮะ

 

“เด็กน่ารัก ก็มักจะโดนผู้ใหญ่แกล้งแบบนี้ล่ะครับ?”

 

“………”

 

TBC

Talk

เบื่อกันรึยังคะ มีแต่ความอ้อน ความเอ็นดูกัน ไม่ค่อยมีเนื้อหาอะไรเลยอะ น้ำล้วนๆเลยฮ่าๆจะพยายามรวบรวมให้จบเร็วๆ เพราะกลัวคนอ่านเบื่อก่อน >..<

“ขอบคุณทุกคอมเม้นต์ค่ะ”

[Fic khunwoo] พี่เลี้ยงจำเป็น ตอนที่2

Title: พี่เลี้ยงจำเป็น ตอนที่2

Couple: KhunWoo

Writer: ilovekw

Rate : PG 

Gente :  romantic

นี่คือฟิคที่เกิดจากจินตนาการของไรทเตอร์ enjoy reading ^^

 

 

cats

พอถึงสนามบินที่ฮาวาย ไหนๆก็ได้เป็นพี่เลี้ยงเด็กจำเป็นแล้ว นิชคุณก็เป็นคนเดินนำพาอูยองไปรอรับกระเป๋า เพราะดูท่าทางจะไม่รู้เรื่องอะไรหรอก ให้ไปเองรับรองว่าหลงทางในสนามบินแน่ๆ

 

อูยองกระตุกแขนของนิชคุณให้หยุดเดิน “นิคคุณ อูยองหิว ขอแวะซื้อขนมก่อนได้ไหมฮะ”

อูยองเหลียวมองย้อนไปที่ร้านเบเกอรี่ที่เพิ่งจะเดินผ่านมาเมื่อสักครู่นี้ มีขนมเยอะแยะเต็มไปหมดเลย แถมยังน่าตาน่าทานด้วย

 

“อึ้มได้สิครับ”

พี่เลี้ยงจำเป็นเดินจูงมือพาอูยองกลับไปที่ร้านเบเกอรี่ อูยองไปยืนเกาะกระจกตู้ขายขนมหวาน มองว่าจะกินอะไรดี ทุกอย่างล้วนน่าชิมไปหมดเลย

 

“งั้นอูยองรอพี่อยู่ที่นี่ได้ไหมครับ พี่จะไปเอากระเป๋าให้”

 

“นิคคุณจะไปคนเดียวเหรอฮะ”   อูยองถาม ทั้งๆที่สายตายังคงสนใจขนมที่อยู่ตรงหน้า

 

“จุดรับกระเป๋าอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้เท่าไหร่ แล้วกระเป๋าของอูยองสีอะไรครับ? พี่จะได้หยิบถูกใบ”

 

อูยองหยิบมือถือของตัวเองขึ้นมา เปิดรูปกระเป๋าเดินทางของตัวเองให้นิชคุณดู

นิชคุณพยักหน้ารับ

 

“นิคคุณจะไม่ลืมมารับอูยองใช่ไหมฮะ?”

 

“ครับ อยู่ตรงนี้ ห้ามไปไหนเด็ดขาด ถ้าหลงไม่รู้ด้วยแล้ว”

อูยองพยักหน้างึกๆ รับทราบ ก่อนจะหันไปเลือกขนมที่ตู้โชว์ขนมต่อ

 

 

ไม่นาน นิชคุณก็ลากกระเป๋าเดินทางสองใบ กลับมาหาอูยองที่ร้านเบเกอรี่

“อิ่มรึยังครับ?”

นิชคุณถามด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ที่เห็นอูยองกำลังนั่งกินขนมอย่างมีความสุขอยู่ที่โต๊ะคนเดียว ท่าทางจะหิวอย่างที่บอกไว้จริงๆ เพราะบนโต๊ะเต็มไปด้วยซองขนมขบเคี้ยว และจานที่ทิ้งไว้แต่คราบขนมหวาน   เขาคิดว่าเขาเดินไปเอากระเป๋าแค่ไม่ถึงสิบนาทีด้วยซ้ำ แต่ทำไมซองขนมกับจานเปล่าที่ทานเบเกอรี่มันถึงได้เต็มโต๊ะขนาดนี้นะ

 

“ฮะ อิ่มแล้วฮะ อูยองซื้อขนมไว้ให้นิคคุณด้วยนะ”

อูยองยื่นขนมปังชิ้นใหญ่ให้กับนิชคุณพร้อมทั้งยิ้มให้ด้วยความสดใส

 

“ขอบคุณครับ”   เสียงทุ้มเอ่ยขอบคุณ ก่อนจะรับขนมปังนั้นนั้นมาใส่กระเป๋าเป้ของตัวเอง

 

“นิคคุณไม่กินเหรอฮะ”

 

“พี่ไม่หิวครับ พี่ว่าตอนนี้เราออกจากตรงนี้กันก่อนดีกว่า พอดีพี่เช่ารถเอาไว้”

 

“เหรอฮะ แสดงว่านิคคุณเคยมาที่นี่บ่อยๆแล้วใช่ไหมฮะ ถึงได้เช่ารถขับเอง”

 

“ก็เดือนละสองครั้งครับ”

 

“ดีจังเลยฮะ เดี๋ยวต่อไปอูยองจะขอหม่าม๊าเที่ยวบ่อยๆแบบนิคคุณบ้าง”

อูยองเห็นนิชคุณลากกระเป๋าสองมือ ก็เริ่มเกิดความเกรงใจ มือเล็กชี้ไปที่กระเป๋าของตัวเองก่อนจะบอก

“นิคคุณฮะ เดี๋ยวอูยองลากกระเป๋าเองฮะ”

 

“เดินไปเถอะครับ กระเป๋าเราหนักกว่าของพี่อีก”

 

“ก็ได้ฮะ นิคคุณใจดีจังเลย~”   เสียงเล็กเอ่ยออกมาอย่างสดใส นั่นทำเอานิชคุณยิ่งมองอูยองด้วยสายตาที่เอ็นดู

“เอาอะไรมาครับ กระเป๋าถึงได้หนักขนาดนี้”  นิชคุณเอ่ยถามอย่างติดตลก

 

“ไม่รู้สิฮะ หม่าม๊าเป็นคนเตรียมให้อูยองหมดเลย”

 

.

.

.

 

ทันทีที่มาถึงที่พัก นับเป็นความบังเอิญอีกอย่าง ที่ห้องของนิชคุณกับอูยองอยู่ตรงข้ามกัน  ก่อนที่จะแยกย้ายกันไปเปลี่ยนชุด นิชคุณได้มีการนัดให้อูยองกับอูยองว่า ถ้าเปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้ว ก็ให้มาเจอกันที่ล็อบบี้ของโรงแรมก่อน

 

ผ่านไปครึ่งชั่วโมง

 

นิชคุณเป็นฝ่ายแต่งตัวเสร็จก่อน ส่วนอูยองไม่รู้จะอีกนานไหม นิชคุณก็เลยนั่งทาครีมกันแดดรออูยองไปพลางๆก่อน

 

 

“เสร็จแล้วฮะ”

อูยองมาในชุดกางเกงขาสั้นสีฟ้าสดใส  สามเสื้อยืดตัวบางๆสีขาว สวมรองเท้าแตะ ดูเหมือนพร้อมที่จะวิ่งลงไปเล่นน้ำทะเลได้ทุกเมื่อ

 

“ข้างนอกแดดมันแรงนะ อูยองทาครีมกันแดดรึยังครับ?”

 

อูยองส่ายหน้าให้รัวๆ “ไม่ทาฮะ อูยองจะอาบแดด”

 

“ไม่ได้ครับ อูยองจะอาบแดด ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ทากันแดดนะครับ เพราะยูวีที่นี่มันแรง อันตรายต่อผิวหนัง”   นิชคุณเอ่ยอย่างใจเย็น และดูสุขุม สมกับอายุห่างจากอูยองสิบปี    เขาเพิ่งเคยเจอคนที่บอก ไม่ทาครีมกันแดด เพราะอยากจะอาบแดดก็ตอนนี้แหละ

 

“ถ้าอย่างงั้นอูยองขอขึ้นห้องไปทาครีมกันแดดก่อนนะฮะ”

 

อูยองกำลังหันหลังเดินกลับไปที่ห้อง แต่นิชคุณร้องห้ามขึ้นมาทัน

“นั่งลงครับ ทาของพี่ก็ได้”

 

นิชคุณยื่นขวดครีมกันแดดของตัวเองที่มี SPF สูง ให้กับอูยอง  อูยองรับมาแล้วเทครีมกันแดดลงที่ฝ่ามือเล็กของตัวเอง ก่อนจะชโลมลงที่แขนตัวเองด้วยท่าทีดูเหมือนจะทาไม่เป็น  ก็เพราะเนื้อครีมกันแดดมันหนืด ก็เลยดูจะทายากหน่อย

 

อูยองยู่ปาก ก่อนจะบ่นออกมาเบาๆ  “เหนอะหนะจัง”

 

“มานี่พี่ทาให้เองครับ”  สุดท้ายนิชคุณก็ต้องขยับเข้าไปนั่งใกล้ๆ แล้วเป็นคนทาครีมกันแดดให้กับเด็กน้อยจางอูยองแทน  สมกับที่เป็นพี่เลี้ยงจำเป็นจริงๆ แม้กระทั่งทาครีมกันแดด ก็ยังต้องทาให้  ถ้าให้ทาเอง ก็คงจะไม่รอดแน่

 

 

“นิคคุณเบื่อไหมฮะ นิคคุณเลือกอูยองมาเป็นเพื่อนร่วมทริป แต่เหมือนอูยองจะเป็นภาระให้นิคคุณทุกอย่างเลย อูยองเที่ยวเองก็ได้นะฮะ อูยองเริ่มเกรงใจนิคคุณแล้ว”

 

นิชคุณหยุดทาครีมกันแดดให้กับอูยองพักนึง ก่อนจะมองหน้าเด็กน้อยที่เอ่ยถามด้วยความซื่อตรง และใสซื่อ

ก่อนจะยิ้มให้

 

“เป็นทริปที่พี่ไม่เหงาที่สุด เท่าที่พี่เคยเที่ยวมาเลยล่ะครับ”

เพราะปกติ นิชคุณเวลาไปเที่ยวที่ไหน เขาก็มักจะไปคนเดียว ไม่เคยมีใครเจื้อยแจ้วตลอดการเดินทางเหมือนครั้งนี้

นิชคุณรู้สึกชอบ ที่มีคนทำให้เขารู้สึกไม่เหงา

 

“จริงเหรอฮะ ถ้านิคคุณเบื่ออูยองแล้ว นิคคุณก็บอกอูยองนะฮะ”

 

นิชคุณเพียงแค่ยิ้มให้ เขาคิดว่าเขาไม่น่าจะเบื่อเด็กดื้อแปลกหน้าคนนี้แน่นอน

 

“ไปกันได้แล้วครับ”

.

.

.

.

 

maxresdefault

ณ สถานที่ฝึกเล่นเซิร์ฟ  เป็นที่ที่นิชคุณมาเรียนประจำเมื่อสองปีก่อน แต่ตอนนี้เป็นมือโปรไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องเรียน แต่ที่ต้องพามาที่นี่ ก็เพราะมีเด็กแปลกหน้าที่เขาอาสาเป็นไกล์นำเที่ยว บอกว่าอยากลองเล่นเซิร์ฟดูบ้าง เขาก็เลยจะให้ตามคำขอ

 

นิชคุณเดินเข้าไปทักทายครูที่เคยฝึกสอนเขาด้วยความคุ้นเคยและเป็นกันเอง ส่วนอูยองก็เดินตามนิชคุณไปติดๆ

สักพักนิชคุณก็แนะนำอูยองให้กับครูที่เคยฝึกสอนเขาให้ได้รู้จัก

 

“พร้อมรึยังครับ?”   นิชคุณเอ่ยขึ้น

 

“เล่นเซิร์ฟเหรอฮะ”

 

“ครับ อูยองต้องฝึกที่นี่ก่อน ถึงจะออกไปเล่นที่ทะเลได้นะครับ”

 

“ยากไหมฮะ”

 

“แรกๆอาจจะยาก เพราะเราต้องพยายามทรงตัวให้อยู่ แต่ถ้าเก่งแล้ว เราจะสนุกกับมันครับ”

 

“น่าสนุกจังเลยฮะ”

นิชคุณยิ้มให้ พร้อมกับเดินพาอูยองไปตรงจุดเตรียมตัว พอทุกอย่างพร้อมแล้ว เขาก็เดินกลับมานั่งที่เก้าอี้ ที่สามารถมองเห็นผู้ที่กำลังฝึกเล่นเซิร์ฟได้ชัดเจน  อูยองใช้กำปั้นเล็กทุบที่อกตัวเองเบาๆ ส่งสัญญาณมาบอกนิชคุณว่า “ตื่นเต้น”   นิชคุณยิ้มให้ แล้วชูสองนิ้วส่งกำลังใจไปให้อูยองด้วย

 

พอเริ่มได้ไม่ถึงนาที อูยองก็ล้มไม่เป็นท่า แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้งอแงแต่อย่างใด แถมยังหัวเราะออกมาชอบอกชอบใจอีกต่างหาก นิชคุณก็เลยยกนิ้วโป้งให้เป็นการให้กำลังใจ ให้อูยองได้ลองฝึกเล่นเซิร์ฟต่อ

 

ผ่านไปครึ่งชั่วโมง นิชคุณนั่งดู ทั้งยิ้มทั้งขำให้กับท่าทางเก้ๆกังๆ ของอูยอง  เล่นมาตั้งครึ่งชั่วโมงแล้ว ไม่มีวี่แววว่าจะทรงตัวอยู่เลย ก็เพราะตัวเล็กขนาดนั้น ได้ออกกำลังกายบ้างไหมก็ไม่รู้ จะไปต้านทานคลื่นแรงๆได้ยังไงกัน

 

“เอ้า! อูยอง!!!”

นิชคุณรีบตรงปรี่เข้าไปดูอูยองทันที เพราะเมื่อสักครู่อูยองเสียหลักล้มลง ท่าไม่ค่อยดีนัก ก็เลยทำให้สำลักน้ำเข้าไป

 

“น นิคคุณอูยองไม่เป็นอะไรฮะ”  อูยองเองก็ตกใจเหมือนกันกับเหตุการณ์เมื่อสักครู่นี้ ทั้งเจ็บ ทั้งสำลักน้ำ กินน้ำเข้าไปอึกใหญ่ๆ แต่อูยองก็ต้องบอกว่าไม่เป็นอะไร เพราะเกรงใจนิชคุณ

นิชคุณจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง

 

แค่กๆๆๆ

 

“อูยองขึ้นมาก่อนเร็ว”   นิชคุณรีบรั้งมือเล็กให้เดินตามแรงของตัวเอง พอขึ้นมาแล้วนิชคุณก็รีบไปหาผ้าเช็ดตัวมาให้อูยองห่ม

 

“เจ็บตรงไหนบ้างครับ?”

 

อูยองเพียงแค่ส่ายหน้าให้นิชคุณรัวๆ ไม่ได้พูดอะไรออกมา

 

แต่นิชคุณนั่งดูอยู่ตลอด ล้มขนาดนั้นเขาก็เคย แล้วอูยองยังจะมาบอกว่าไม่เจ็บจะเป็นไปได้เหรอ

“อูยอง! ตอบพี่ครับ ว่าเจ็บตรงไหนบ้าง”   นิชคุณข่มเขียงต่ำดุ เพื่อที่จะเอาคำตอบจากเด็กดื้อปากแข็ง

 

“อูยองเจ็บเข่าฮะ”

 

“ไหนครับ พี่ขอดูหน่อยนะ”

อูยองยื่นขาข้างที่เจ็บให้นิชคุณดู หัวเข่าแดงเปล่ง น่าจะกระแทกแรงอยู่พอสมควร   นิชคุณจับขาของอูยองพลิกไปพลิกมา เพื่อทดสอบว่าเข่าจะเจ็บมากไหม  ถ้าเดินมากกว่านี้จะไหวหรือเปล่า

 

“เจ็บนิดหน่อยนะครับ เดี๋ยวก็หายแล้ว เลิกเล่นก่อนเนอะ เดี๋ยววันหลังแล้วหายดีแล้วพี่จะพามาเล่นใหม่ ตกลงไหมครับ?”

 

“ตกลงฮะ”

 

“เก่งมากครับ ป่ะ อูยองไปเปลี่ยนชุดนะครับ เดี๋ยวพี่จะนั่งรอตรงนี้นะ”

 

อูยองพยักหน้ารับ แล้วเดินเข้าไปเปลี่ยนชุดอย่างว่าง่าย  นิชคุณยิ้มแล้วก็มองตาม เป็นเด็กดีว่านอนสอนง่ายขนาดนี้ ไม่แปลกเลยที่พ่อกับแม่จะหวง และห่วงขนาดนี้

.

.

.

 

นิชคุณคิดว่าช่วงเที่ยงของวันนี้แดดแรงเกินไปที่จะพาอูยองออกไปเล่นน้ำทะเล  เขาก็เลยพาอูยองมานั่งหลบร่มที่ริมชายหาด สั่งอาหารอร่อยๆมาให้ทาน กินลมชมวิวทะเลไปพลางๆก่อน   แต่ด้วยความดื้อของอูยอง อยากที่จะเล่นน้ำทะเลให้ได้ เขาก็เลยปล่อยให้ลงไปเล่นตามใจเลย  แต่ไม่ถึงห้านาที อูยองก็เดินหน้ามุ่ยกลับมา เพราะแดดร้อนเกินที่จะเล่นน้ำทะเลไหว

 

“เป็นยังไงครับ?”    นิชคุณขำออกมาเล็กน้อย ก็บอกไปแล้ว แต่เด็กน้อยแปลกหน้าที่ชื่อจางอูยองกลับดื้อดึงจะไปเล่นน้ำทะเลให้ได้ สุดท้ายก็เล่นไม่ไหว

 

“แดดร้อนมากๆเลยฮะ เล่นน้ำไม่สนุกเลยสักนิด”

 

“ก็พี่บอกแล้วไงครับว่าแดดตอนเที่ยงมันแรง มาดื่มน้ำมะพร้าวเย็นๆนี่มา ร่างกายจะได้สดชื่น”

นิชคุณเอ่ยพลางยื่นลูกมะพร้าว ที่มีหลอดเสียบไว้ให้ดื่มน้ำจากลูกมะพร้าวเรียบร้อย ให้กับอูยอง  อูยองรับมาดูดแล้วทำท่าชื่นใจ ก่อนจะนั่งลงเปลที่อยู่ข้างๆนิชคุณ

 

“นิคคุณ~”

 

“ครับ?”

 

“ขอบคุณนะฮะ ที่เป็นไกด์พาอูยองเที่ยว”

 

“ไม่เป็นไรครับ แล้วอูยองสนุกไหมกับการมาเที่ยวฮาวายครั้งแรก กับคนแปลกหน้าแบบนี้”

 

“สนุกมากๆฮะ แต่ว่านิคคุณบอกจะมาที่นี่มีจุดประสงค์จะมาเล่นเซิร์ฟนี่ฮะ

อูยองอยากเห็นนิคคุณเล่นเซิร์ฟจังเลยฮะ”

 

“ต้องเป็นตอนเย็นครับ พี่ไม่ค่อยชอบเล่นช่วงที่แดดแรงเท่าไหร่น่ะ  อูยองเห็นนั่นไหม?”  นิชคุณชี้ไปทางคนที่กำลังขับเจ็ทสกีผ่านมาทางนี้พอดี

 

“ฮะ เห็นฮะ”

 

“เจ็ทสกีก็สนุกนะ ง่ายกว่าเซิร์ฟอีก แต่สนุกเหมือนกัน”

 

“นิคคุณจะสอนอูยองเล่นได้ไหมฮะ”   อูยองเริ่มทำเสียงออดอ้อนขึ้นมา ไม่เพียงแค่นั้น ยังทำหน้าออดอ้อนมองมาทางนิชคุณอีกต่างหาก

 

“ได้สิครับไม่มีปัญหาเลย”

 

“นิคคุณเก่งจังเลยฮะ เล่นเป็นตั้งหลายอย่างแหน่ะ”

 

“มันเป็นความชอบน่ะ พี่เล่นแล้วสนุกกับมัน ก็เลยเล่นให้เป็นทุกอย่าง”

 

“ฮะ”

 

 

ด้วยความที่กินอิ่ม บวกกับมีลมพัดเย็นๆ มีเปลนอนสบายๆ อูยองก็เลยเผลองีบหลับไป

ส่วนนิชคุณไม่หลับ แต่เขาเอาหนังสือออกมาอ่าน เป็นการเฝ้าเด็กแปลกหน้าที่ตอนนี้กำลังหลับปุ๋ยอย่างสบายใจอยู่ที่เปลตัวข้างๆ เขาไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าอูยองไปเจอคนอื่น ที่ไม่ใช่เขา แล้วอูยองหลวมตัวไปไว้ใจคนแปลกหน้าภายในเวลาไม่ถึงวัน ถ้าเกิดโดนหลอกขึ้นมา เด็กคนนี้จะสามารถเอาตัวรอดได้ไหม พ่อแม่จะเป็นห่วงแค่ไหน

 

เวลาล่วงเลยจนมาถึงสี่โมงเย็น   ได้เวลาของเด็กน้อยแปลกหน้าตื่นนอนสักที  ร่างบางลุกขึ้นมานั่งก่อนจะบิดขี้เกียจไปมา  สองมือเล็กยกขึ้นมาขยี้ตาตัวเองเบาๆ  การที่มานอนกลางวันที่ริมทะเล ตื่นมาแล้วได้เห็นทะเลอยู่ตรงหน้ามันก็รู้สึกสดชื่นไปอีกแบบ

 

“ทาเล~~~~”

เสียงงัวเงียที่เกิดจากการพึ่งตื่นนอน ทำเอานิชคุณยิ้มตาม เด็กอายุ 18ปี แต่กลับเหมือนเด็กอายุ 5ขวบไม่มีผิด

 

“เป็นไงครับ หลับสบายไหม ตื่นมาดูสดชื่นเชียว”

 

“หลับสบายมากเลยฮะ นิคคุณหลับเหมือนอูยองไหมฮะ”

 

“ไม่ครับ พี่นั่งอ่านหนังสือน่ะ อูยองตื่นมาเวลานี้พอดีเลย ได้เวลาเล่นเจทสกีแล้วล่ะ”

 

“จริงเหรอฮะ นิคคุณจะสอนอูยองจริงๆเหรอฮะ”

อูยองทำท่าทางตื่นเต้นดีใจ พร้อมกับลุกขึ้นวิ่งไปฉุดแขนเรียกให้นิชคุณลุกขึ้นเร็วๆ พร้อมกับกระโดดหยองๆราวกับเด็กห้าขวบ

 

“ป่ะนิคคุณ ไปเล่นเจ็ทสกีกันฮะ”

 

“ครับ ป่ะๆ”

ทางนิชคุณเห็นอูยองทำท่าทางตื่นเต้น เขาก็อดที่ตื่นเต้นตามไม่ได้   =]

 

นิชคุณเป็นคนจัดการใส่อุปกรณ์เพื่อเซฟความปลอดภัยให้อูยองด้วยตัวเอง

พออูยองขึ้นไปนั่งบนเจ็ทสกีแล้ว

 

ก็มีนิชคุณขึ้นไปนั่งประกบท้าย  นิชคุณโน้มตัวไปข้างหน้า เพื่อสอนให้อูยองจับแฮนด์ มือใหญ่ของนิชคุณจับเอามือเล็กของอูยองไปวางให้ถูกตำแหน่ง

เพื่อที่นิชคุณเองก็จะได้มีพื้นที่จับด้วย  ถ้าเกิดผิดพลาดอะไรขึ้นมา เขาก็จะได้เป็นคนควบคุมทิศทาง และความเร็วเอง

 

“อูยองพร้อมนะครับ?”    เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นใกล้ๆหูของอูยอง

 

อูยองพยักหน้ารัวๆ“นิคคุณ อูยองพร้อมแล้วฮะ พร้อมมากๆเลยแหละ”

 

“ครั้งแรก อย่าพึ่งขับเร็วนะครับ”

 

“ฮะ”

 

ทันที่ที่เจ็ทสกีแล่นออกจากฝั่ง อูยองก็พบแต่ความสนุกสนาน ที่ได้ขับเจ็ทสกีออกไปโต้คลื่นไกลๆ ถึงจะมีบางช่วงที่คลื่นลูกใหญ่ กระแทกแรงจนอูยองจุกท้อง แต่อูยองก็ไม่หวั่น และไม่รู้สึกกลัวเลยสักนิด เพราะมีนิชคุณนั่งประกบอยู่ข้างหลัง เป็นคนคอยบังคับทิศทาง และคอยบอกให้อูยองเร่งเครื่อง หรือลดความเร็วลง     นิชคุณพาอูยองขับเจ็ทสกีอยู่หลายรอบ อูยองไม่ปริปากบ่นอะไรเลยสักคำ จนเขาสังเกตเห็นอาการดูเหมือนจะเริ่มเมาคลื่นขึ้นมาแล้ว นิชคุณก็เลยพาขับเข้าฝั่ง

ให้อูยองได้ไปนั่งพักก่อน

 

พอถึงฝั่งแล้ว นิชคุณบอกให้อูยองจับแฮนด์ไว้ให้แน่นๆก่อน อย่าพึ่งลง  แล้วนิชคุณก็เป็นคนกระโดดลงมาก่อน  สองแขนแกร่งเอื้อมไปอุ้มเอาร่างเล็กที่นั่งตัวอ่อนปวกเปียกอยู่บนเจ็ทสกีลงมา

 

“เป็นยังไงบ้างอูยอง”

 

“ส สนุกดีฮะ”  แต่ในความเป็นจริงแล้ว ตอนนี้อูยองรู้สึกพะอืดพะอมเพราะเมาคลื่น ไม่กล้าบอกนิคคุณ เพราะนิคคุณอุส่าใจดีพามาเล่นเจ็ทสกี

 

“ตอนนี้อูยองเวียนหัวใช่ไหมครับ?”

นิชคุณย่อตัวลงให้ให้ระดับหน้าของตัว เท่ากับระดับหน้าอูยอง   นิชคุณรู้ดีว่าการเล่นเจ็ทสกีครั้งแรก รู้สึกยังไง เพราะเขาก็เคยเป็นมาก่อน

 

“นิดหน่อยเองฮะ”

 

“ป่ะ ไปนั่งพักก่อนเนอะ ให้อาการดีขึ้นแล้วพี่จะพาไปเล่นใหม่ ตกลงไหมครับ?”

 

“ตกลงฮะ”

มือเล็กเอื้อมไปเกาะแขนล่ำของนิชคุณเพื่อที่จะทรงตัวให้อยู่ ตอนนี้อูยองรู้สึกคลื่นไส้ เวียนหัว รู้สึกมวนท้องอย่างบอกไม่ถูก ถ้าได้นั่งพักอีกสักพักก็คงจะดีขึ้น

 

“นิคคุณไม่ต้องนั่งเฝ้าอูยองก็ได้ฮะ”

อูยองเอ่ยออกมาด้วยความเกรงใจ แค่นิชคุณพาเขามาเล่นเจ็ทสกี พาไปฝึกเล่นเซิร์ฟ แค่นี้อูยองก็รู้สึกว่ารบกวนเวลาของพี่เขามากแล้ว

 

“ไม่ต้องเกรงใจพี่หรอกครับ พี่ยินดีครับ”

 

“ทำไมนิคคุณถึงใจดีกับอูยองเหรอฮะ”

 

นิชคุณมองเด็กที่กำลังทำหน้าสงสัย รอฟังคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ

 

นิชคุณยิ้มให้ ก่อนจะตอบคำถาม

“ก็ไม่รู้สิครับ พี่เห็นเด็กยังอายุน้อยๆมาเที่ยวต่างประเทศคนเดียว ก็อดที่จะเป็นห่วงแทนพ่อกับแม่เราไม่ได้ พี่ไม่รู้หรอกว่าเราจะดูแลตัวเองได้ไหม เพราะเราก็ยังไม่เคยรู้จักกัน แต่ความรู้สึกของพี่ มันบอกว่า อยากดูแลเด็กคนนี้จัง แค่นั้นเองครับ แล้วอูยองล่ะ ทำไมเราถึงกล้าไว้ใจคนแปลกหน้าขนาดนี้ล่ะครับ?”

 

“ก็อูยองรู้สึกว่านิคคุณใจดีกับอูยองฮะ”

 

“แค่นั้นเองเหรอ”

นิชคุณรู้สึกเป็นห่วงอูยองเรื่องนี้จริงๆ เขาเองยังรู้สึกตกใจเลยที่อูยองสนิท และช่างพูดช่างจากับเขา ราวกับว่ารู้จักกันมาเป็นสิบๆปี

 

“ฮะ อูยองจะไว้ใจทุกคนที่ใจดีกับอูยองฮะ”

 

“อูยอง พี่จะสอนอะไรให้นะครับ เราไม่ควรไว้ใจใครเพียงเพาะเขาดูจะเป็นคนใจดีนะครับรู้ไหม อูยองอาจจะเคยเจอแต่คนรู้จักอาจจะเป็นญาติเพื่อนๆที่เราสนิท แต่โลกภายนอกมันอันตรายเกินกว่าที่เราจะไว้ใจใครได้ง่ายๆ นี่ถ้าเกิดว่าอูยองไม่ได้เจอกับพี่ ไปเจอกับใครที่ไหนไม่รู้ มาคุยใจดีด้วย สุดท้ายอาจจะโดนหลอกจะทำยังไงครับ โลกใบนี้ยังมีอะไรที่ต้องเรียนรู้อีกเยอะนะครับ”

เสียงทุ้มเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงที่แสนจะใจดี

 

“แล้วนิคคุณใจดีแบบนี้จริงๆใช่ไหมฮะ”   อูยองถามออกไปอย่างซื่อตรง

 

นิชคุณพยักหน้าพร้อมกับยิ้มให้ด้วยร้อยยิ้มใจดี  “ไม่ต้องกลัวพี่นะ ถึงเราจะพึ่งรู้จักกัน แต่พี่ไม่คิดมิดีมิร้ายกับอูยองแน่นอนครับ”

 

“นิคคุณ นิคคุณใจดีจริงๆเลยนะฮะ อูยองอยากมีพี่ชายใจดีแบบนิคคุณจังเลยฮะ

อูยองเป็นลูกคนเดียว อูยองเคยอยากมีพี่ชาย เพราะอูยองเห็นเพื่อนที่มีพี่ชาย เขาดูแลน้องของเขาดีมากๆเลยฮะ อีกอย่าง คนมีพี่ชายมีเพื่อนเล่นด้วย แต่อูยองอยู่บ้านไม่มีเพื่อนเล่นเลยฮะ อูยองเหงา”

 

 

“ถ้างั้นให้พี่เป็นพี่ชายดีไหมครับ เราอายุห่างกันตั้ง10ปีนี่เนอะ”

 

“อูยองอยากมีพี่ชายใจดีแบบนิคคุณ นิคคุณจะใจดีกับอูยองตลอดไหมฮะ”

 

“อยากให้พี่ใจดีตลอดเลยเหรอครับ?”

 

อูยองพยักหน้าหงึกๆ “ใช่ฮะ”

 

“งั้นอูยองก็ต้องเป็นเด็กดีนะ ตกลงไหม”

 

“ปะป๊ากับหม่าม๊าบอกกับอูยองตลอดว่าอูยองเป็นเด็กดีฮะ”

 

นิชคุณยิ้มก่อนจะยกมือขึ้นไปลูบหัวอูยองด้วยความเอ็นดู  “เป็นเด็กดีแบบนี้ตลอดไปด้วยล่ะ”

 

TBC….

เด็กดื้ออ้อนขอให้พี่เลี้ยงมาเป็นพี่ชายซะงั้นอ่ะ >..<

อ่านกันเพลินๆเนอะ อย่างที่บอกไว้ค่ะ เนื้อหาไม่มีอะไรมากเลย ฮ่าๆๆ

*ขอบคุณทุกคอมเม้นต์นะคะ^^*

[Fic khunwoo] พี่เลี้ยงจำเป็น ตอนที่1

 

Title: พี่เลี้ยงจำเป็น ตอนที่1

Couple: KhunWoo

Writer: ilovekw

Rate : PG 

Gente :  romantic

นี่คือฟิคที่เกิดจากจินตนาการของไรทเตอร์ enjoy reading ^^
ห้รีดเดอร์ยึดคาแรคเตอร์ของทั้งสองคนจากภาพหน้าปกฟิคนะคะ ^^

v

v

v

cats

 

 

ปิดเทอมใหญ่ปีนี้ ช่างเป็นปีที่น่าตื่นเต้นที่สุดสำหรับอูยอง  เพราะปิดเทอมวันแรก ก็เป็นวันเกิดอายุครบ 18 ปีเต็ม  ไม่ใช่ตื่นเต้นเพราะจะได้ของขวัญ หรือตื่นเต้นเพราะจะได้เป่าเค้กวันเกิดเป็นสิบๆปอนด์ ที่ตื่นเต้นก็เพราะ หม่าม๊าเคยให้สัญญาว่า ถ้าอูยองอายุครบ 18 ปีเมื่อไหร่ ม๊ากับป๊า จะอนุญาตให้อูยองไปเที่ยวต่างประเทศคนเดียว เพราะก่อนหน้านี้อูยองชอบอ้อนให้ป๊ากับม๊าพาไปเที่ยวอยู่บ่อยๆ แต่ด้วยหน้าที่การงานของท่านทั้งสองมีหน้าที่ ที่ต้องรับผิดชอบสูงจึงทำให้ไม่มีเวลาพาไปเที่ยวเลยสักครั้ง

 

 

 

รถคันหรูขับเข้าไปที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุด ที่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงโซล พอรถเข้าไปจอดเทียบที่จอดรถระดับ VIP คุณลุงคนขับรถก็รีบวิ่งมาเปิดประตูให้คุณหนูจางอูยอง อย่างรู้งาน

คุณหนูร่างเล็กเดินตัวปลิวเข้าตึกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนคุณลุงคนขับรถก็ทำหน้าที่ถือข้าวของส่วนตัวเดินตามเข้าไปทีหลัง

 

“หม่าม๊าอยู่ไหนฮะ”

 

เมื่ออูยองเข้าไปในห้องของคุณแม่แล้วไม่เจอท่าน ก็เลยต้องเดินออกมา ถามเอาคำตอบจากเรขาที่อยู่หน้าห้องแทน

 

“คุณท่านติดประชุมกับลูกค้ารายใหญ่ตั้งแต่เช้าแล้วค่ะคุณหนู”

 

“ป๊าก็ด้วยเหรอฮะ?”

อูยองยังคงยืนเกาะเค้าท์เตอร์ถามคุณเรขาคนสวย ด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่สดใสสมวัย

 

“ค่ะ ทั้งสองท่านเลยค่ะ”  คุณเรขาคนสวยตอบพร้อมกับยิ้มให้

 

อูยองยู่ปากเข้าหากันเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้อารมณ์เสียแต่อย่างใด ก็เป็นแบบนี้ทุกครั้งที่อูยองมาหาป๊ากับม๊านั่นแหละ ไม่เคยจะได้เจอกันง่ายๆเลยสักครั้ง ถ้าไม่มีเรื่องต้องอ้อน อูยองจะไม่มาหาป๊ากับม๊าที่ทำงานเด็ดขาด  แต่วันนี้วันเกิดอูยอง

อูยองก็เลยอยากจะเจอหน๊าป๊ากับม๊าสักหน่อย และที่สำคัญอูยองจะมาทวงสัญญาที่หม่าม๊าเคยให้ไว้เมื่อตอนอูยองอายุ 15ปีด้วย

 

“อีกนานไหมฮะ”

 

“อีกสักพักใหญ่ๆเลยค่ะ คุณหนูเข้าไปรอที่ห้องก่อนนะคะ เดี๋ยวกาอินจะให้คนเอาขนมไปเสิร์ฟค่ะ”

 

“อื้ม ก็ได้ฮะ ขอเยอะๆด้วยนะฮะ วันนี้วันเกิดอูยอง~”

อูยองสั่ง ก่อนจะเดินสายหัวดุ๊กดิ๊กอย่างอารมณ์ดีกลับไปที่ห้องทำงานของคนเป็นแม่

.

.

.

 

อูยองกินขนมพวกนั้น รอป๊ากับม๊าจนพุงกางแล้ว ตอนนี้ก็เที่ยงวันแล้วด้วย ป๊ากับป๊าจะไม่พักเที่ยงหน่อยเหรอ

อูยองเริ่มถอดใจจะไม่รอแล้ว นั่งกินขนมคนเดียวมันน่าเบื่อจะตายไป

 

 

แกร๊กก~

 

“สุขสันต์วันเกิดครับ เด็กดื้อของหม่าม๊า”

คุณแม่ถือเค้กวันเกิดปอนด์ใหญ่เข้ามา  ส่วนคุณพ่อเป็นคนถือกล่องของขวัญเดินตามเข้ามาติดๆ

 

เด็กหนุ่มน้อยที่อายุพึ่งจะครบ 18 ปีวิ่งไปโผลกอดผู้ให้กำเนิดทั้งสองท่าน  ก่อนหลับตาอธิฐาน แล้วเป่าเค้าก้อนโตก้อนนั้น

 

ฟู่ววววว

 

“ขอบคุณนะฮะ ป๊าม๊า”

 

“เป็นเด็กดื้อ เด็กดีขอป๊ากับม๊าแบบนี้ตลอดไปนะ อย่าพึ่งรีบมีแฟนนะป๊าหวง”

คนเป็นพ่อบอกพร้อมกับลูบหัวอูยอง

 

“ฮะปะป๊า~”

 

“ถึงลูกจะอายุ 18 ปีแล้ว แต่ลูกยังเด็กในสายตาของม๊านะครับอูยอง ม๊ากับป๊ารักลูกมากนะ”

 

“ลูกก็รักป๊ากับม๊าเหมือนกันฮะ”

พ่อกับแม่พากันโอบกอดลูกชายตัวเล็กด้วยความอ่อนโยน คนเป็นแม่ลูบหัวลูกชายเบาๆ ก่อนจะจูบลงที่หน้าผากด้วยความรัก และเอ็นดู ถึงอูยองจะเป็นเด็กดื้อ

แต่อูยองก็ไม่เคยเกเร ไม่เคยทำให้พ่อกับแม่ผิดหวังเลยแม้แต่ครั้งเดียว

 

“จำได้ไหมน้า~ ป๊ากับม๊าเคยสัญญาอะไรกับลูกไว้?”      อูยองถามพร้อมกับพองแก้มเล็กน้อย

 

“อะไรกันน้า หม่าม๊าสัญญาอะไรไว้นะ ม๊าจำไม่ได้แล้วครับ”

ถึงจะสัญญากับอูยองไว้เมื่อสามปีก่อน คนเป็นแม่ก็ยังจำได้ดี แต่ก็แกล้งทำเป็นจำไม่ได้ ไม่น่าเอ่ยปากเลยว่าจะให้ไปเที่ยวต่างประเทศตามลำพัง แค่คิดก็เป็นห่วงจะแย่อยู่แล้ว ก็อยู่บ้านมีคนอำนวยความสะดวกให้ทุกอย่าง จนอูยองเคยตัวไปแล้ว แต่ถ้าไปเที่ยวคนเดียว คนเป็นแม่ยังนึกไม่ออกเลยว่า อูยองจะดูแลตัวเองได้ยังไงกัน

 

“ก็หม่าม๊าจะให้ลูกไปเที่ยวต่างประเทศคนเดียวไงฮะ”    อูยองรีบทวนความจำให้กับคนเป็นแม่ทันที

 

“เหรอ? ม๊าสัญญากับอูยองไว้อย่างงั้นเหรอครับ? ไม่เห็นจำได้เลย หม่าม๊าสัญญาไว้ตอนไหนน้า~”

 

“หม่าม๊า….”

อูยองทำหน้าเบะขึ้นมาทันที  ถ้าม่าม๊าขัดใจอีกนิดน้ำตาก็คงจะร่วงเผาะๆเป็นทางแล้ว

 

“เอาล่ะๆ หม่าม๊าล้อเล่นน่า ม๊าจำได้ดีครับว่าสัญญาอะไรกับอูยองไว้ ลูกยังอยากไปเที่ยวคนเดียวโดยไม่มีผู้ติดตามอยู่เหรอ หื้ม?”

 

“ฮะ ลูกแค่อยากทดสอบว่าถ้าไปเที่ยวคนเดียว โดยไม่มีใครคอยมาอำนวยความสะดวกให้ ลูกจะทำได้รึเปล่า ถ้าลูกทำได้ก็แสดงว่าลูกโตแล้ว เก่งแล้วฮะ”

 

คนเป็นแม่ได้แต่ถอนหายใจออกมาด้วยความหนักใจ แต่พอได้ฟังเหตุผลของลูกแล้ว ก็เข้าใจแหละว่าอูยองอยากจะโตเป็นผู้ใหญ่ให้พ่อกับแม่เห็น แต่ในสายตาคนเป็นพ่อกับแม่ ถึงจะโตแล้ว อูยองก็ยังคงเป็นเด็กดื้ออยู่ดี

 

“หรือว่าม๊ากับป๊าจะไปด้วยก็ได้ฮะ”

อูยองยื่นข้อเสนอที่ไม่มีทางเป็นไปได้ขึ้นมา อูยองรู้ดีว่าท่านทั้งสอง งานยุ่งกันแค่ไหน ครั้งล่าสุดไปเที่ยวด้วยกันทั้งครอบครัวก็เมื่อตอนอูยองอยู่ประถม  หลังจากนั้นก็ไม่เคยได้ไปเที่ยวเลยสักครั้ง อูยองถึงอยากลองไปเที่ยวเองบ้าง เผื่อจะหายเหงา

 

คนเป็นแม่ก็ได้แต่ยิ้มให้กับข้อเสนอที่ไม่มีทางเป็นไปได้ ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยความใจดี

“เอาเป็นว่าป๊ากับม๊าอนุญาตตามที่ลูกขอ แต่ลูกต้องดูแลตัวเองให้ดีๆ จะทำอะไรที่ไหนรายงานให้ป๊ากับม๊ารู้ด้วยตกลงไหมครับ?”

 

“ตกลงฮะ”

 

เพียงเท่านั้นแหละอูยองก็กระโดดหอมแก้มคนเป็นพ่อกับแม่ด้วยความดีใจ

.

.

.

.

.

.

.

ณ สนามบินอินชอน

 

“ไม่ต้องเดินไปส่งอูยองถึงข้างในนะฮะ”

อูยองรีบห้ามคนขับรถไว้ทันที ก็จะเที่ยวด้วยตัวเองทั้งที ก็ต้องเดินลากกระเป๋าเข้าไปเช็คอินเอง ไม่ต้องมีคนตามไปอำนวยความสะดวกให้หรอก อูยองแค่อยากสัมผัสการเที่ยวแบบแบ็คแพ็คแบบที่คนอื่นเขาเที่ยวๆกันบ้าง

 

พอเดินเข้ามาถึงที่เช็คอิน อูยองมีท่าทีเก้ๆกังๆ ไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไรก่อน แล้วกระเป๋าพวกนี้ล่ะ เช็คอินแล้วจะต้องลากเข้าไปขึ้นเครื่องด้วยเลยไหม แต่เท่าที่นึกได้ตอนไปเที่ยวกับที่บ้าน มันต้องรอรับกระเป๋าด้วยนี่นา   อูยองตัดสินใจเดินเข้าไปเช็คอินที่เค้าท์เตอร์ก่อนก็แล้วกัน มีอะไรจะได้ถามพนักงานเลยทีเดียว

 

“อูยองมาเช็คอินฮะ”

ร่างเล็กเขย่งขึ้นเล็กน้อย เพราะเค้าท์เตอร์สูงกว่าตัวเองนิดหน่อย   อูยองยื่นพาสปอร์ต กับตั๋วเครื่องบินให้กับพนักงานที่เค้าเตอร์ พร้อมกับฉีกยิ้มให้

 

“คุณอูยองมาเช็คอินผิดสายการบินนะคะ สายการบินที่คุณอูยองจะเดินทาง อยู่ถัดไปอีกหนึ่งช่องนะคะ”

พนักงานยิ้มแล้วผายมือไปทาสายการบินที่อูยองซื้อตั๋วเครื่องบินไว้

 

“อ อ่า เหรอฮะ ขอบคุณฮะ”

อูยองหน้าซีดขึ้นมาทันที เกือบจะร้องไห้ออกมาแล้ว แต่ต้องอดทน เดี๋ยวหม่าม๊ารู้แล้วจะไม่อนุญาตให้ไปเที่ยวคนเดียวอีก

 

ในที่สุดการเช็คอินก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี  อูยองเดินซื้อขนมติดไม้ติดมือ เข้ามานั่งกินในเกทรอเวลาขึ้นเครื่อง  มือเล็กควานหามือถือ จะเอาออกมาฟังเพลงซะหน่อย

 

“เห๋? แบตมือถือจะหมดได้ยังไงกัน”    อูยองขมวดคิ้วเข้าหากันทันที อูยองชาร์ตทิ้งไว้ทั้งคืนเลยนะ ชาร์ตไม่เข้างั้นเหรอ?   แต่ไม่เป็นไรอูยองมีพาวเวอร์แบงค์

 

“พ พาวเวอร์แบงค์อยู่ในกระเป๋าที่โหลดใต้เครื่องนี่นา”

ดวงตาเริ่มร้อน แถมน้ำตายังคลอหน่วยอีกต่างหา ถ้าเกิดแบตมือถือหมด แล้วหม่าม๊าโทรมาไม่ติด หม่าม๊าก็ต้องเป็นห่วงสิ กว่าจะได้ขึ้นเครื่อง อีกตั้งนานนะ

 

ทันใดนั้น อูยองก็หันไปเห็นชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆ รูปร่างสูงโปร่ง หน้าตา ไม่รู้ว่าดีหรือเปล่า เพราะเขาสวมแว่นกันแดด  แต่ที่สะดุดตาคืออูยองเห็นพาวเวอร์แบงค์วางไว้ข้างๆ เขายังไม่ได้ใช้งานมันด้วย ก็เลยจะขอยืมสักหน่อย

 

อูยองค่อยๆขยับเข้าไปใกล้ๆ ทีละนิดๆ ก่อนจะสะกิดแขนเรียกเบาๆ

 

“คุณฮะ”

 

ชายหนุ่มยังนิ่งไม่ไหวติงอะไรเลย จนอูยองออกแรงสะกิดเรียกอีกครั้ง

 

“คุณฮะ”

พอรู้สึกตัว ชายหนุ่มก็ถอดแว่นกันแดดออก ก่อนจะหันมามองเด็กแปลกหน้า

ที่มีหน้าตาจิ้มลิ้ม แก้มกลมๆ ปากมีสีอมชมพู  กำลังสะกิดเรียกเขาด้วยสายตามีประกาย พร้อมจะมีน้ำตาไหลออกมาทุกเมื่อ เมื่อโดนขัดใจ

 

เขาดึงหูฟังออกข้างนึง ก่อนจะหันไปถาม “มีอะไรรึเปล่าครับ?”   เสียงทุ้มนุ่มหูเอ่ยขึ้นชายหนุ่มหันหน้ามามองอูยองแค่เพียงแป๊บเดียว เขาก็ก้มลงไปมองที่จอมือถือต่อ

 

ด้วยน้ำเสียงที่ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นมา มันทำให้อูยองสัมผัสได้ว่า ผู้ชายคนนี้ต้องใจดีแน่ๆเลย

 

“อูยองขอยืมพาวเวอร์แบงค์หน่อยได้ไหมฮะ”  นิ้วเล็กชี้ไปที่พาวเวอร์แบงค์ที่วางอยู่ข้างๆชายหนุ่มคนนั้น ด้วยแววตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง  ถ้าไม่ให้ยืมก็จะใจร้ายเกินไปแล้ว

 

“ผมจะต้องใช้ครับ แบตผมก็ใกล้จะหมดเหมือนกัน”   ชายหนุ่มตอบโดยไม่ได้มองหน้าเด็กน้อยแก้มกลมที่นั่งอยู่ข้างๆ สวยตาก็เอาแต่จดจ้องไปที่โทรศัพท์มือถือของตัวเอง

 

ตอนนี้อูยองเหมือนฝันแตกสลายเป็นเสี่ยงๆ  น้ำตาเริ่มคลอเบ้าขึ้นมาแบบอัตโนมัติ  แล้วแบบนี้อูยองจะต้องทำยังไง แบตเหรือแค่ 1% แค่หม่าม๊าโทรเข้า โทรศัพท์ก็คงจะดับวูบไปแน่ๆ

 

“อูยองขอยืมชาร์ตแค่แป๊บเดียวได้ไหมฮะ”     มือเล็กจิ้มๆไปที่ตัวพาวเวอร์แบงค์ของอีกคน ส่งสายตาน่าสงสารมองเจ้าของพาวเวอร์แบงค์หวังว่าเขาจะใจดีให้ยืม

 

ชายหนุ่มเหมือนจะไม่ได้สนใจเด็กแปลกหน้าที่กำลังเรียกร้องความสนใจอยู่ข้างๆ

มือเล็กสะกิดเรียกอีกครั้ง พร้อมกับทำหน้าตาน่าสงสาร

“คุณฮะ อูยองขอยืมแป๊บเดียวได้ไหมฮะ”

 

“ชื่ออูยองเหรอเรา?”   ชายหนุ่มละสายตาออกจากมือถือของตัวเอง แล้วหันมามองเด็กแปลกหน้าที่มาจากไหนก็ไม่รู้ มานั่งข้างเขา แถมยังมาทำหน้าตาน่าสงสารใส่เขาอีกต่างหาก

 

“ฮะ อูยองอายุ18ปีฮะ”

เมื่อผู้ชายคนนั้นหันมาคุยกับอูยอง อูยองก็เลยทำน้ำเสียงที่สดใสขึ้น เพราะเริ่มมีความหวังขึ้นมาแล้วล่ะ ว่าเขาจะต้องใจดีให้ยืมพาวเวอร์แบงค์

 

“ผมนิชคุณ อายุเยอะกว่าคุณสิบปี”

 

พอได้รู้จักชื่อกัน อูยองก็พยักหน้ารับหงึกๆ “ฮะนิคคุณ ยินดีที่ได้รู้จังนะฮะ”

 

“เป็นเด็กนอกเหรอครับ?”

อูยองส่ายหน้าให้รัวๆ “ไม่ใช่ฮะ แต่อูยองเรียนอินเตอร์ มีแต่เพื่อนต่างชาติ ก็เลยติดเรียกชื่อไม่ว่าจะอายุเยอะกว่าหรือเด็กกว่า”

 

“อื้ม”  นิชคุณเข้าใจวัฒนธรรมนี้ดี เขาเองก็เคยเป็นเด็กนอกมาก่อน

 

“แล้วเด็กขนาดนี้ผู้ปกครองไปไหนล่ะครับ”

 

“อูยองขอยืมพาวเวอร์แบงค์หน่อยฮะ”  นิ้วเล็กเอาแต่จิ้มไปที่ตัวพาวเวอร์แบงค์

อูยองไม่ได้สนใจที่จะตอบคำถามของนิชคุณเลยสักนิด เพราะตอนนี้อูยองต้องการที่จะใช้พาวเวอร์แบงค์มากกว่าการตอบคำถาม

 

 

“อ่าๆโอเคครับ”   นิชคุณหยิบพาวเวอร์แบงค์ของตัวเอง ยื่นให้กับเด็กแปลกหน้าอายุ 18ปี รู้จักกันไหม ก็ไม่ได้รู้จัก ยังจะมาอ้อนขอยืมพาวเวอร์แบงค์กันอีก เด็กอะไรขี้อ้อนชะมัดเลย  นิชคุณก็ยิ่งเป็นคนชอบเด็กอยู่ด้วยสิ ถึงจะไม่รู้จักกันแต่มาอ้อนแบบนี้เขาก็ใจอ่อนน่ะสิ

 

ตาเล็กเบิกกว้างขึ้นด้วยความดีใจ ก่อนจะบอก “ขอบคุณมากนะฮะ”

 

“ผมขอแทนตัวเองว่าพี่ได้ไหม?”

 

“ได้สิฮะ แต่อูยองจะเรียกนิคคุณนะ?”   อูยองเลิกคิ้วถาม พร้อมกับทำตาแป๋วรอฟังคำตอบ

 

“อื้มได้สิครับ พี่เข้าใจแหละว่าเด็กนานาชาติมักจะติดวัฒนธรรมนี้

แล้วสรุปว่าผู้ปกครองเราอยู่ไหนครับ?”

 

“ม๊ากับป๊าไม่ว่างฮะ อูยองก็เลยไปเที่ยวแบบแบ็คแพ็คคนเดียว”

 

“แล้วเราไม่กลัวท่านเป็นห่วงเหรอครับ?”

 

“อูยองจะเป็นคนเก่งฮะ จะไม่ทำให้ป๊ากับม๊าเป็นห่วงแน่นอน ถ้าครั้งนี้อูยองสามารถไปเที่ยวเองคนเดียวได้

ครั้งต่อไปป๊ากับม๊าจะได้ไว้ใจ แล้วก็ให้อูยองไปเที่ยวคนเดียวอีกฮะ”

 

“จริงเหรอครับ?”

นิชคุณไม่ค่อยอยากจะเชื่อกับคำพูดที่ว่า “อูยองจะเป็นคนเก่ง” สักเท่าไหร่ เขาก็ไม่รู้จักเด็กคนนี้ดีหรอก ไม่รู้ว่าจะทำได้จริงๆตามคำพูดของตัวเองหรือเปล่า   ขนาดแค่เขาบอกจะไม่ให้ยืมพาวเวอร์แบงค์ ยังทำหน้าจะร้องไห้อยู่ลอมล่อ ถ้าเกิดเจอปัญหาที่มันหนักกว่านี้ จะทำยังไง เด็กตัวคนเดียวไม่มีใครดูแล ช่างน่าเป็นห่วงแทนคนเป็นพ่อเป็นแม่จริงๆ

 

“แล้วเราจะไปเที่ยวไหนล่ะครับ?”

 

“อูยองจะไปเที่ยวทะเลที่ฮาวายฮะ”

นิชคุณอมยิ้มขึ้นมาทันทีที่ได้ยินคำตอบ “ไปที่เดียวกันเลย สนใจรับพี่เป็นเพื่อนร่วมทริปไหมครับ?”

นิชคุณรู้สึกเป็นห่วงแทนผู้ปกครองของเด็กคนนี้จริงๆเลยเชียว  ถ้าน้องเขาได้เพื่อนร่วมทริปสักคนก็คงจะดี ดีกว่าเดินเที่ยวคนเดียว มันดูไม่ปลอดภัยสักเท่าไหร่สำหรับเด็กที่ดูไร้เดียงสา พึ่งออกจากอกพ่อ อกแม่เป็นครั้งแรกแบบนี้

 

“นิคคุณไม่มีแผนเที่ยวเป็นของตัวเองเหรอฮะ”

 

จะว่าไปนิชคุณก็ไม่ได้มีแผนอะไรมากมายนักเหรอ เพราะไปฮาวายเป้าหมายของเขาคือไปเล่นเล่นเซิร์ฟฮาวายเพียงเท่านั้น ทริปนี้ถ้าให้เขาเป็นไกด์นำเที่ยวให้กับเด็กน้อยตาดำๆ แก้มกลมคนนี้ก็ไม่มีปัญหาอะไร

 

“ไม่ครับ พี่ไปฮาวายเพื่อไปเล่นเซิร์ฟอย่างเดียว”

 

“เหรอฮะ ไปเที่ยวแบ็คแพ็คเสน่ห์ของมันคือได้มีเพื่อนใหม่ใช่ไหมฮะ”

อูยองเอียงคอถามอย่างสงสัย

 

นิชคุณหัวเราะออกมาก่อนจะถาม “ทำไมถึงคิดแบบนั้นล่ะครับ?”

นิชคุณดูแปลกใจนิดหน่อย ที่อูยองมีความคิดที่ใสซื่อแบบนั้น ไปเที่ยวแบ็คแพ็ค ก็ไม่ใช่ว่าจะได้เพื่อนใหม่เสมอไป

 

“ก็ ไม่รู้สิฮะ เท่าที่อูยองอ่านรีวิวการไปเที่ยวคนเดียว เค้าบอกว่าเดี๋ยวก็ได้เพื่อนเองนี่ฮะ”

 

“ก็แค่ความบังเอิญเท่านั้นแหละครับอูยอง ถ้าเกิดเราไปเจอคนที่ดี ก็ถือว่าโชคดีไป แต่ถ้าเจอคนที่เค้าหวังดีประสงค์ร้าย ก็ไม่ดีนะครับจำเอาไว้นะ”

 

นิชคุณเริ่มงงกับตัวเองขึ้นมาแล้วสิ ทำไมเขาถึงได้มานั่งสอนเด็กที่ไหนก็ไม่รู้ และที่สำคัญ เขาเป็นคนนิ่งๆ ไม่ค่อยชอบคุยกับคนที่ไม่รู้จักสักเท่าไหร่ แต่กับเด็กคนนี้กลับแปลก เพราะเขาสามารถคุยได้เหมือนรู้จักกันมานานยังไงอย่างงั้น  หรืออาจจะเป็นเพราะเด็กคนนี้ช่างพูดช่างจาด้วยก็ไม่รู้

 

“นิ คคุณเป็นคนใจดี ให้อูยองยืมพาวเวอร์แบงค์ด้วย แล้วอูยองก็คุยกับนิคคุณสนุกด้วย ถ้าไปเที่ยวด้วยกันก็น่าจะสนุกนะฮะ งั้นอูยองตกลงจะไปเที่ยวที่ฮาวายโดยให้นิคคุณเป็นพี่เลี้ยงได้ไหมฮะ? เอ่ออูยองจะหมายถึงว่าให้นิคคุณเป็นคนนำเที่ยวประมาณนี้ฮะ”

 

“ได้สิครับ ไม่มีปัญหาเลย”  นิชคุณตอบ พร้อมกับยิ้มใจดีให้กับอูยอง

 

“นิคคุณสอนอูยองเล่นเซิร์ฟบ้างได้ไหมฮะ”

 

“อูยองอยากลองเล่นเหรอ? งั้นพี่จะลองดูนะครับ”    นิชคุณยิ้มให้อูยองด้วยความอบอุ่นและเอ็นดู  เด็กอะไรช่างน่ารักน่าเอ็นดู พูดเก่งแม้กระทั่งกับคนแปลกหน้า แถมยังมาให้เขาเป็นพี่เลี้ยงอีกต่างหาก  เอาเถอะ พี่เลี้ยงก็พี่เลี้ยง

 

 

 

TBC

 

ความปั่นป่วนได้เกิดขึ้นแล้ว อยู่ๆนิชคุณก็จะกลายมาเป็นพี่เลี้ยงเด็กแบบจำเป็น เพราะน่ารักน่าเอ็นดูของเด็กแปลกหน้าแก้มป่องคนนี้ล้วนๆ นิชคุณถึงได้ยอมเป็นพี่เลี้ยงให้   อูยองเกือบจะร้องไห้ใส่นิชคุณตั้งแต่ตอนแรกกันเลยทีเดียว >..<

ด้วยความที่อูยองเป็นเด็กมัธยมใสๆ ให้เรียกนิคคุณ ก็ดูใสไปอีกแบบ ไม่มีคำว่าพี่ ไม่มีคำว่าฮยอง แต่ยังวางคาเร็คเตอร์ให้เป็นเด็กที่น่ารักและน่าเอ็นดู แบบนี้ไม่ว่ากันนะคะ^^

 

ถาม  – มาแนวนี้รีดเดอร์ชอบกันมั้ยคะ?

 

เปิดเรื่องใหม่อีกแล้ว เนื้อเรื่องไม่มีความซับซ้อนอะไรเหมือนๆกับเรื่องที่เคยแต่งมาค่ะ (อันนี้เรียกว่า พล็อตอมตะ ด้วยรึเปล่า ฮ่าๆ)  ที่จริงเรื่องนี้ตั้งใจจะแต่งเป็น Shot fic แต่ไม่สามารถจบได้แค่ตอนหรือสองตอน ก็เลยเปลี่ยนพล็อตใหม่ อาจะเป็นฟิคยาว  คอมเม้นต์มากันได้น้า เพราะกำลังใจของไรท์ ก็ล้วนมาจากคอมเม้นต์ค่ะ ถ้าเรื่องนี้ผลตอบรับไม่ดี ก็จะจบพล็อตแค่ 3-4 ตอน  แต่ถ้าผลตอบรับดี ก็จะเริ่มวางพล็อตไปเรื่อยๆค่ะ ขึ้นอยู่ที่คนอ่านน้า  จะเม้นต์มาแค่หน้ายิ้ม ไรท์ก็ดีใจมากแล้วค่ะ  ^^    หรือจะไปติดแฮชแท็ก  #พี่เลี้ยงจำเป็นKW ก็ได้ค่ะ

ขอบคุณน้า~

[Fic khunwoo] You Are My ice cream Special

Title: You Are My ice cream  Special

Couple: KhunWoo

Writer: ilovekw

Rate : PG 

Gente :  romantic comedy

นี่คือฟิคที่เกิดจากจินตนาการของไรทเตอร์ enjoy reading ^^

 

 

 

CY7Oy7vUEAUwsK1.jpg large

 

 

 

หลังจากที่เป็นแฟนกันอย่างเป็นทางการแล้ว  ก็ได้เวลาที่นิชคุณจะควงแขนอูยองเดินได้อย่างภาคภูมิใจแล้วแหละ  ก็มีแฟนน่าตาน่ารักขนาดนี้ ย่อมอยากอวดให้โลกรู้เป็นธรรมดา~ สำหรับไอ้พวกเด็กวิศวะที่เที่ยวมาด้อมๆมองๆน้องอูยอง ก็ต้องอกหักกันไปเป็นแถบๆ ก็ช่วยไม่ได้นะ คนหล่อย่อมคู่กับคนน่ารักเป็นธรรมด้า~~~

 

“พี่คุณจะไม่ปล่อยมือผมหน่อยเหรอครับ?”

อูยองถาม ก่อนจะขำออกมา ก็ตั้งแต่ลงรถมา จนตอนนี้จะเดินเข้าห้องเรียนของอูยองอยู่แล้ว พี่คุณยังเดินจับมืออูยองอยู่อย่างงั้น เป็นแบบนี้มาเป็นอาทิตย์แล้วด้วย

 

“กลัวแฟนหาย”  นิชคุณตอบหน้าตาย จนทำเอาอูยองหลุดขำออกมา

 

“หายอะไรกันเล่า”

 

“อะแฮ่ม!!”

เสียงคุ้นๆ จนนิชคุณต้องหันหลังกลับไปมอง  และนั่นไม่ใช่ใครที่ไหนเลยครับ

อ๊คแทคยอนเพื่อนสนิทนิชคุณเอง

 

“เป็นอะไรของมึงครับ?”

นิชคุณก็อดที่จะด่าไม่ได้คนกำลังสวีทกับแฟน มาเป็นก้างขวางคออยู่ได้

 

“เปล่า  เห็นคู่รักใหม่ก็อดทักไม่ได้ เป็นแฟนกันสักทีนะ”

พอได้เป็นแฟนกับน้องอูยอง นิชคุณมันก็โทรมาอวดใหญ่เลยล่ะครับ ก็ดีเหมือนกัน มันจะได้เลิกโทรมาพร่ำเพ้อบอกชอบน้องอูยองให้เขาฟังสักที

 

“นี่น้องอูยองรู้มั้ยครับว่าเพื่อนพี่มันเป็นเอามากขนาดไหน กว่าจะกล้าจีบน้องอ่ะ”

 

“ยังไงครับพี่แทค”   อูยองเริ่มทำหน้างง

 

ส่วนนิชคุณก็ได้แต่ยืนกอดอกมองเพื่อนตัวเอง ที่มันกำลังจะแฉเรื่องน่าอายให้น้องอูยองฟัง แต่ก็เอาเถอะ ช่วงนี้จะทำอะไรก็ทำ นิชคุณไม่โกรธ เพราะมีแฟนน่ารัก

 

“ก็เพื่อนพี่นะ กว่ามันจะกล้าจีบน้องอูยอง มาเที่ยวบอกพี่ว่าชอบน้องอูยองอย่างงั้น ชอบน้องอูยองอย่างงี้ ไม่ยอมไปบอกน้องอูยองสักทีไงล่ะ”

 

“จริงเหรอครับ? ทำไมล่ะครับพี่คุณ กลัวอะไรผมเหรอครับ?”

 

“พี่กลัวโดนปฏิเสธ”    นิชคุณตอบไปตรงๆ ตามความรู้สึก ที่กล้าๆกลัวๆก็เพราะเขากลัวโดนน้องมันปฏิเสธจริงๆ คนนี้นิชคุณรักจริง ชอบจริงๆ อยากได้มาเป็นแฟนมาก แต่ตอนแรกที่เจอกันก็เล่นเอาน้องมันไม่ประทับใจสักเท่าไหร่ ถ้าจีบไปแล้วโดนปฏิเสธก็คงจะหน้าชาเหมือนกัน

 

“กลัวโดนปฏิเสธ?”  อูยองหัวเราะก๊ากออกมาเสียงดัง  รู้ได้ยังไงว่าถ้าจีบแล้วเขาจะปฏิเสธ เขาก็ไม่ใช่คนที่จะใจร้ายใจดำขนาดนั้นสักหน่อย

 

“หัวเราะอะไรหื้ม หัวเราะอะไรอ่ะเรา”   นิชคุณถามด้วยความหมั่นเขี้ยว ก่อนจะบิดแก้มนิ่มๆไปมาทั้งสองข้าง

 

“หัวเราะคนป้อดไงครับ จะจีบก็ไม่กล้าจีบ~~~ป้อดๆๆ”

พอตอบเสร็จอูยองก็รีบวิ่งหนีนิชคุณทันทีทันใด

 

“หยุดเดี๋ยวนี้เลยไอ้ตัวแสบ”

นิชคุณรีบวิ่งไล่ตามอูยองไปติดๆ  ส่วนแทคยอนมองดูพฤติกรรมของคู่รักใหม่สองคนนี้แล้วก็ได้แต่ยิ้ม แล้วก็หัวเราะออกมา  ก็ดีใจกับนิชคุณนะที่มีแฟนเป็นตัวเป็นตนสักที  แล้วก็ดีใจกับน้องอูยองด้วย  ที่ได้คนดีๆอย่างนิชคุณไปเป็นแฟน

 

“คิดว่าจะหนีพ้นเหรอหื้ม”

นิชคุณวิ่งไปกอดเอวอูยองจากทางด้านหลัง  แล้วเองคางเกยไหล่คนที่ตัวเล็กกว่า   ไม่เพียงเท่านั้น นิชคุณยังแอบฉวยโอกาสหอมแก้มนิ่มไปฟอดใหญ่ๆด้วย

 

“นี่ พี่ป้อดก็เพราะกลัวอูยองไม่ชอบขี้หน้าพี่ไงครับ เลยต้องสร้างสัมพันธ์ที่ดีไว้ก่อน แล้วค่อยจีบ”

 

 

 

“อื้อออ พี่คุณปล่อยนะ!”    มือเล็กพยายามแกะมือหนาที่กอดเอวตัวเองออก

 

“ตอนนี้ไม่ป้อดแล้วเห็นมั้ย กอดได้ หอมได้แบบไม่กลัวอะไรแล้ว”

 

“นี่มันที่คณะนะครับพี่คุณอ่า….เลิกกอดก่อนมั้ยครับ”   อูยองทำน้ำเสียงงอแงใส่อีกคน ที่คิดจะกอดก็กอด ไม่ได้นึกถึงว่าตอนนี้ตัวเองกำลังอยู่ที่ไหน

 

“ก็ใช่ไงครับ  แต่ตรงนี้ไม่มีใครไง มีแค่เราสองคนเอง กอดได้หอมได้ ไม่เสียภาพพจน์ ^^ ”

 

อูยองมองซ้ายมองขวา….ก็จริงด้วยสิ ที่นี่มันซอกตึกนี่นา ทำไมโชคต้องเข้าข้างพี่คุณตลอดเลยนะ อุส่าวิ่งหนีแล้ว      พี่คุณยังอุส่าวิ่งตามทัน แถมยังวิ่งตามทันตอนที่อยู่ซอกตึกที่ไม่มีใครเห็นซะด้วย

 

“ผมจะต้องไปเรียนแล้วนะ พี่คุณปล่อยสิ เดี๋ยวเข้าห้องสาย อายเพื่อนๆอีก”

นิชคุณยอมปล่อยมือจากเอวอูยอง แล้วจับให้อูยองหันมาหาตัวเอง  ก่อนจะกดจูบลงไปบนริมฝีปากบางสีชมพูด้วยความอ่อนโยน

 

 

“ตั้งใจเรียนนะครับ พี่จะรออยู่แถวๆนี้นะ”

อูยอมอมยิ้มให้ ก่อนจะพยักหน้ารับช้าๆ  แล้วรีบวิ่งหนีเอาดื้อๆ  นิชคุณมองตามก็ได้แต่อมยิ้มออกมา คงเขินแย่เลยสิ แต่ใครมันจะไปอดใจได้ล่ะ ถ้าเป็นไปได้ ก็อยากจูบวันละร้อยหนนั่นแหละ

.

.

.

 

หลังเลิกเรียน โดยปกติแล้วอูยองจะต้องไปทำงานพาสไทม์ที่ร้านไอติมที่อยู่ใกล้ๆหอทุกวัน แต่พอเป็นแฟนกับนิชคุณแล้ว นิชคุณสั่งห้ามไม่ให้ไปทำ แต่เด็กดื้อ หัวรั้นอย่างจางอูยองมีหรือจะยอมเชื่อฟังง่ายๆ   แล้วคนอย่างนิชคุณมีหรือจะยอม ทุกครั้งที่อูยองไปทำงานพาสไทม์ นิชคุณจะต้องไปนั่งเฝ้าที่ร้านจนกว่าจะเลิกงาน ส่วนวันไหนที่อูยองต้องทำงานเช้าถึงเย็น  นิชคุณก็จะไปนั่งเฝ้าตั้งแต่เช้าจรดเย็นเหมือนกัน  จนอูยองเกิดความเกรงใจ ในที่สุดอูยองก็ต้องเลิกทำงานตามที่นิชคุณบอก   ส่วนเรื่องมือถือที่อูยองต้องเก็บตังค์ซื้อใหม่  นิชคุณก็เป็นคนไปแอบซื้อมาให้  เป็นของขวัญที่อ้างว่า เป็นรางวัลจากคุณหมีโคอาล่า ซื้อมาให้แฟนคลับตัวจริงเสียงจริง  นิชคุณรู้ว่าอูยองอยากทำงานหาเงินมาซื้อด้วยตัวเอง แต่นิชคุณไม่อยากให้อูยองต้องทำงานหนัก ไม่อยากให้ไปทำพาสไทม์ ก็เลยต้องหาเหตุผลอะไรแบบนี้มาอ้าง 

 

 

เลิกคลาส หกโมงเย็น

 

“อูยองไปเดินเล่นหาอะไรกินกันมั้ย”   จุนโฮเอ่ยชวน

“คงจะไม่ได้หรอกมั้ง~”  ชานซองบุ้ยหน้าไปทางรุ่นพี่นิชคุณ ที่มายืนรออูยองอยู่หน้าห้อง

 

“โอ๊ะ จริงด้วยสิ คิกคิก”  จุนโฮมองหน้าชานซอง ก่อนจะหัวเราะคิกคักกันอยู่สองคน ก็บอกแล้ว ว่ารุ่นพี่นิชคุณน่ะ ชอบอูยอง ดูพฤติกรรมก็รู้แล้ว ก็ถือว่าพี่เค้าเก่งเหมือนกันนะ ที่ทำให้อูยองยอมใจอ่อน จีบกันจนติด นึกว่าจะได้เป็นคู่อริกันไปตลอดแล้วซะอีก

 

“อะไรของพวกนายเล่า~”  พอโดนแซว อูยองก็เขินหน้าแดงขึ้นมาทันที

 

“ก็เปล่า…แค่แซวเฉยๆน่า ไปได้แล้วอูยอง พี่คุณรอนายนานแล้วมั้งนั่นน่ะ”

 

“อื้ม งั้นไปนะ เจอกันพรุ่งนี้นะ”   อูยองยกมือขึ้นบ๊ายบายเพื่อนทั้งสองคน ก่อนจะรีบวิ่งไปหาคนที่กำลังยืนรออยู่หน้าห้อง

 

.

.

.

.

.

 

หลังจากที่ไปทานข้าวเย็นกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้กำลังมีเด็กงอแงอ้อนให้พาไปกินไอติม ซึ่งตอนนี้เป็นเวลาเกือบๆจะสี่ทุ่มแล้ว บวกกับสภาพอากาศตอนนี้ 10 องศา มันไม่น่ากินไอติมเลยสักนิด นิชคุณก็เลยไม่ยอมพาอูยองออกไปกินไอติม

 

“อยากกินไอติม~จังเลยค้าบ~”

อูยองยังคงไม่เลิกพูดเรื่องนี้ แถมยังสงเสียงรบกวนนิชคุณที่กำลังนั่งดูทีวีอยู่ตลอดเวลา  อูยองค่อยๆขยับเข้าไปนั่งให้นิชกับนิชคุณ มือเล็กยกขึ้นไปเกาะแขนล่ำ พร้อมกับช้อนตามอง “พี่คุณไปกินไอติมกันนะครับ”

 

“ให้อากาศอุ่นขึ้นกว่านี้นิดหน่อย แล้วพี่จะพาไปกินนะครับ อีกอย่างวันนี้มันดึกแล้วด้วย”

นิชคุณยังคงใจแข็งอยู่ ถึงจะเจอลูกอ้อนเข้าไปก็เถอะ ก็เขาไม่อยากให้อูยองไม่สบายนี่

 

“แต่ผมไม่หนาวนี่ครับ~  นะ พาไปกินไอติมหน่อย ถ้าไม่พาไปผมจะไปคนเดียวแล้วจริงๆด้วย”  อูยองงัดมุกขู่ขึ้นมาใช้  นั่นทำเอานิชคุณต้องถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยอ่อน

 

“หอมแก้ม”

 

“หา?”   อูยองร้องออกมาเสียงหลง

 

“ก็บอกว่าให้หอมแก้มพี่ไงล่ะ อยากไปกินไอติมไม่ใช่เหรอ?”

นิชคุณกระตุกยิ้มมุมปาก ก่อนจะพองแก้มรอ

 

 

=…….=

 

 

“ไม่รู้นะ ถ้าพี่นับหนึ่งถึงสามเมื่อไหร่พี่จะไม่พาไปและจะไม่อนุญาตให้ไปกินไอติมคนเดียวจริงๆด้วย”

 

 

=……..=

 

 

 

หนึ่ง

 

 

 

 

 

สอง

 

 

 

 

สา……………ฟอด!!      -0-

อูยองหอมแก้มนิชคุณด้วยความไวแสง ก่อนจะนั่งหันหลังให้ ก็คนมันเขินนี่นา

 

“หอมแล่ว! พาผมไปกินไอติมด้วย”

 

 

“อีกข้างนึงไม่ได้เหรอครับ”   นิชคุณพอได้คืบ ก็จะเอาศอก

 

 

“ตอนแรกก็ไม่ได้ขอว่าให้หอมสองข้างนี่ครับ!”

 

 

“งั้นครั้งต่อไปพี่จะบอกให้หอมทั้งสองข้าง ข้างละสองครั้งก็แล้วกัน”

นิชคุณเอ่ยปนขำ ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปหยิบเสื้อโค้ดมาให้อูยอง

 

.

.

.

.

.

ณ โต๊ะในสุด เป็นที่ลับหูลับตาจากคนในร้านพอสมควร

อูยองเป็นคนจัดการไปสั่งไอติมด้วยตัวเองทั้งหมด เพราะเรื่องไอติม ต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเด็กแก้มกลมเค้าล่ะ

 

“สมกับชื่อน้องไอติมที่พี่ตั้งให้จริงๆนะเนี้ย  หนาวแค่ไหนงอแงจะกินไอติมให้ได้เลยนะเรา”

 

“ก็ไอติมเป็นของโปรดผมนี่นา จะให้ขาดมันไปได้ยังไงกันล่ะครับ~”

 

“อื้ม ก็จริงเนอะ เหมือนพี่นั่นแหละ ขาดเราไม่ได้หรอก”

อยู่ๆนิชคุณก็ย้ายที่นั่ง จากฝั่งตรงข้ามอูยอง เปลี่ยนมานั่งฝั่งเดียวกับอูยองแทน

 

“อะไรครับเนี้ย พี่คุณจะมานั่งเบียดกันทำไมเล่า~”  อูยองก็อดที่จะเอ็ดไม่ได้ ที่นั่งก็มีออกจะเยอะ นั่งฝั่งตรงข้ามก็ดีอยู่แล้ว ได้เห็นหน้ากัน แถมไม่เบียดกันด้วย

 

 

“อยากอยู่ใกล้ๆน่ะ”   มือหนากำลังเอื้อมไปโอบเอวอูยอง แต่ไม่ทันได้โอบ พนักงานก็เดินเอาไอติมมาเสิร์ฟซะก่อน  ช่างมาส่งตรงจังหวะซะจริงๆเลย

 

 

“ผมรู้นะว่าพี่คุณกำลังจะกอดน่ะ กินไอติมไปเลยครับ ไม่ต้องแอบเนียนเลย~”

พอไอติมมายู่ตรงหน้า อูยองก็ไม่ได้สนใจคนที่นั่งอยู่ข้างๆเลยสักนิด มือเล็กตักไอติมขึ้นมากินครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่มีทีท่าว่าจะหนาวเลยสักนิด  ส่วนนิชคุณก็ได้แต่นั่งท้าวคางมองอูยองที่กำลังกินไอติมอย่างมีความสุข ก็ใช่ซี้ ได้ของโปรดแล้วลืมกันเลย  ไม่สนใจกันเลยสักนิด

 

“พี่คุณทำไมไม่กินล่ะครับ?”

อูยองยอมละสายตาออกมาจากถ้วยไอติม แล้วหันมามองนิชคุณที่เอาแต่นั่งท้าวคางมองอูยองอย่างเดียวไม่ยอมกิน

 

“พี่หนาวครับ อูยองกินไปเลย”   โดยปกตินิชคุณเป็นคนขี้หนาวอยู่แล้ว ยิ่งอากาศหนาวๆ แบบนี้จะให้เขามากินไอติม มันไม่ไหวหรอก แค่นี้ก็หนาวจะแย่อยู่แล้ว

 

“กินหน่อยนะครับ นะๆ ไหนๆพี่คุณอุส่าใจดีพาผมมากินไอติมแล้ว”

มือเล็กตักไอติมขึ้นมา แล้วยื่นไปใกล้ๆปากของอีกคน  นิชคุณอ้าปากรับโดยอัตโนมัติ ถึงจะหนาวแค่ไหน นิชคุณก็ต้องยอมกิน เพราะแฟนอุส่าป้อนให้เองกับมือ

 

 

“อูยองพี่หนาวจริงๆนะครับเนี้ย”

นิชคุณยื่นแขนที่กำลังขนลุกให้อูยองดู นั่นทำเอาอูยองหัวเราะออกมาด้วยความชอบอก ชอบใจ

 

 

“งั้นไอติมของพี่คุณ ผมกินให้นะ?”  อูยองส่งสายตาขออนุญาต ทั้งๆที่ไอติมของตัวเองก็ยังไม่หมด

 

 

“คร้าบบ~ นี่เราทำพี่หนาวอ่ะ มารับผิดชอบเลย”

มือหนาตบลงที่หน้าตักของตัวเองเบาๆ เชิญชวนให้อีกคนมานั่ง เพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้กับตัวเอง

 

 

“หืม…?”   อูยองถึงกับเบิกตากว้าง

 

 

“มานั่งตักเลย เร็วๆ พี่หนาวจะแย่แล้วนะครับ”

 

อูยองยู่หน้าใส่ ก่อนจะลุกขึ้นแล้วนั่งลงบนตักของนิชคุณอย่างว่าง่าย  เพราะถือว่าครั้งนี้มันเป็นความผิดของอูยองเองนั่นแหละ ที่ชวนพี่คุณมากินไอติมช่วงดึกๆแบบนี้ แถมยังป้อนไอติมพี่คุณอีก เลยทำเอาพี่คุณเค้าหนาวจนตัวสั่นขนลุกซู่ไปหมดแล้ว

 

“ตัวอ้วนจังเลย~”

 

“อะไรนะครับ!!”   อูยองที่กำลังจะตักไอติมเข้าปาก พอได้ยินอีกคนบอกว่าตัวอ้วน ถึงกับหันขวับมามองค้อนทันทีทันใด

 

“ตัว…อุ่นครับ ตัวอุ่น”        พอแก้ตัวเสร็จนิชคุณเป็นต้องหัวเราะก๊ากออกมา ก็เพราะแก้มอูยองเปื้อนไอติมน่ะสิ สงสัยเมื่อกี้จะรีบหันมามองเค้าไปหน่อยเลยทำเอาไอติมที่อยู่บนช้อนเปื้อนแก้มเอา

 

“แกล้งคนอื่นแล้วยังจะมาขำอีก”   อูยองยู่ปากใส่นิชคุณ แววตามองนิชคุณดุๆนิดหน่อย นิชคุณมองแล้วก็ได้แต่สงสัยอยู่ในใจ นี่ทำหน้าโกรธแล้วเหรอ ทำไมน่ารักจังเลย  ชักอยากจะให้โกรธบ่อยๆแล้วสิ

 

“โกรธเหรอหื้ม โกรธกันเหรอครับ~”

 

“โกรธ!”

 

นิชคุณยื่นปากเข้าไปจูบแก้มข้างที่เลอะไปติมอย่างลวดเร็ว อูยองเองก็ยังไม่ทันได้ตั้งตัวตัวเลย ทำเอาเจ้าของแก้มตกอก ตกใจ มือเล็กหยิกเข้าที่แขนของคนที่ชอบฉวยโอกาสแรงๆหนึ่งที

 

“ชอบฉวยโอกาส! ชอบแกล้ง! ชอบว่าอ้วน!”

 

นิชคุณถึงกับเบิกตากว้าง และได้แต่คิดอยู่ในใจ หื้ม? ทำไมดุกันเป็นชุดใหญ่เลยล่ะ

 

“นี่รู้อะไรมั้ย ไอติมที่แก้มเราอ่ะ อร่อยกว่าไอติมที่อยู่ในถ้วยอีกนะเนี้ย”

 

“ไอติม?”  อูยองรีบยกมือขึ้นมาจับที่แก้มของตัวเองทั้งสองข้าง  “เปื้อนแก้มเหรอครับ?”

 

“พี่ทำความสะอาดให้แล้วครับ เกลี้ยงเลย ตอนนี้จะมีก็แค่…รอยจูบของพี่เป็นสีชมพู้ชมพูอยู่บนแก้มเราน่ะ”

 

“อื้ออออพี่คุณอ่ะ!!”   อูยองกระทืบเท้าปังๆด้วยความขัดใจ จูบจนเป็นรอยขนาดนี้จะให้อูยองกล้าเดินออกจากร้านได้ยังไงกันล่ะ เดินออกไปตอนนี้มีหวังคนได้มองกันทั้งร้านแน่ๆ

 

“แก้มก็นิ่ม ไอติมก็อร่อย”

 

“คนชอบฉวยโอกาส!”

 

“อ่ะๆ พี่ให้หอมคืนก็ได้  หอมไปหอมกลับไม่โกงไง” นิชคุณทำท่ายื่นแก้มเข้าไปใกล้ๆปากของอูยอง แต่อูยองเขินจนต้องเบือนหน้าหนี   คนขี้แกล้งอย่างนิชคุณก็ยิ่งยื่นแก้มตัวเองเข้าไปใกล้ปากของอูยองเข้าไปใหญ่ มือหนาจับใบหน้ามนของอีกคนให้หันมาจุ๊บแก้มตัวเองอย่างเอาแต่ใจ  ไม่เพียงเท่านั้น นิชคุณยังแกล้งส่ายหน้าไปมา ให้ปากของอูยองถูแก้ตัวเองอีกต่างหาก

 

 

 

 

งั่ม ม ม ม

 

 

 

อูยองสุดจะทนกับคนขี้แกล้ง ก็เลยงับแก้มของคนขี้แกล้งซะเลย จะได้เลิกแกล้งกันสักที

 

“แหน่ะ มีกัดด้วย”

 

“เลิกแกล้งได้แล่ว ผมจะกินไอติม~~”

 

“เลิกแกล้งแล้วก็ได้ เดี๋ยวจะกลับไปแกล้งต่อที่ห้อง~”

 

“กะ แกล้งอะไรเล่า”

 

=]

 

 

The end

Talk

ตามคำเรียกร้องค่ะ ทุกคนไม่อยากให้จบ ไรท์เลยขอมาต่อความหวานเป็นตอนพิเศษให้หนึ่งตอนค่ะ แต่งกันสดๆร้อนๆกันเลยทีเดียว หวังว่าจะพอให้รีดเดอร์ที่น่ารักยิ้มได้บ้างนะคะ หวังว่าจะชอบกันเนอะ ยังไงคอมเม้นต์มาได้นะคะ ส่งแค่อีโมมาไรท์ก็ดีใจแล้วค่ะ >….< 

ฟิค น้องไอติมจบอย่างเป็นทางการแล้วน้า ขอบคุณทุกๆคอมเม้นต์นะคะ น่ารักมากเลย ทำให้ไรท์มีกำลังใจมากมาย  เจอกันเรื่องหน้านะคะ เป็นฟิคหวานเหมือนเดิม จะเร่งแต่งนะคะ ^^

[Fic khunwoo] You Are My ice cream ตอนที่ 10

Title: You Are My ice cream ตอนที่ 10

Couple: KhunWoo

Writer: ilovekw

Rate : PG 

Gente :  romantic comedy

นี่คือฟิคที่เกิดจากจินตนาการของไรทเตอร์ enjoy reading ^^

CY7Oy7vUEAUwsK1.jpg large

 

 

 

“เออนี่อูยองเรื่องที่ถามตอนที่อยู่โรงอาหารอ่ะ ว่าแต่ใครเป็นคนเดินโอบไหล่นายเหรอ?”

 

“คือ…เอ่อ ช่างมันเถอะไม่มีอะไรแล้ว ฉันก็ถามไปอย่างงั้นแหละ”

 

“ใช่รุ่นพี่นิชคุณรึเปล่าน้า~~”

ดูเหมือนว่าจุนโฮจะรู้ทัน และคิดไปไกลยิ่งกว่าอูยองซะอีก

 

“นี่พวกนายจะเอาคำตอบให้ได้เลยใช่มั้ย”

หน้าของอูยองเริ่มขึ้นสีแดงระเรื่อขึ้นมาทันที ที่จริงแล้วอูยองก็ไม่ได้คิดอะไรเกินเลยหรอก ก็ตอนแรกรู้สึกไม่ชอบขี้หน้ารุ่นพี่นิชคุณสักเท่าไหร่ และรุ่นพี่นิชคุณก็ดูจะไม่ชอบขี้หน้าเขาเหมือนกัน

 

“ก็แล้วมันใช่มั้ยล่ะ”

 

“อื้ม แต่พี่เค้ามีเหตุผลนะ”

 

“โอ้ยอูยอง ซื่อเกินไปรึเปล่าอ่ะ คนจะเดินโอบไหล่ ยังไงเค้าก็หาเหตุผลมาอ้างได้ทั้งนั้นแหละ”

 

“นี่! ช่วยฟังก่อนได้มั้ยล่ะ ก็พี่คุณชวนไปเดินงานตลาดนัดนักศึกษา เค้าอยากเดินแบบคนปกติไม่ได้อยากโดนขอถ่ายรูปอ่ะก็เลยขอเดินโอบไหล่ จะได้ไม่มีคนกล้าเข้ามาขอถ่ายรูป อีกอย่างฉันก็ไม่ได้อยากยืนรอให้เสียเวลา เลยยอมทำตามเงื่อนไขแค่นั้นแหละ ”

 

จุนโฮกับชานซองมองตากับปริบๆ เนี้ยนะเหตุผล? ฟังดูแปลกๆไปรึเปล่าอ่ะ ถ้าคนไม่มีใจไม่กล้าเดินโอบไหล่ขนาดนั้นหรอก กับอิแค่ไม่อยากโดนรุมขอถ่ายรูปใช้เหตุผลอื่นมาอ้างได้ตั้งเยอะตั้งแยะ ไม่เห็นจะต้องขอเดินโอบไหล่อูยองเลยสักนิด

 

“ใช่เหรอ~ พี่เค้าแค่นั้นจริงๆเหรออูยอง~”  จุนโฮบอกยิ้มๆ

 

“เออออออน่า! เลิกเซ้าซี้สักทีสิ”

เมื่อโดนเพื่อล้อมากๆเข้า อูยองก็หน้าง้ำงอเข้า ก่อนจะรีบเก้าสมุดหนังสือที่อยู่บนโต๊ะใส่กระเป๋า แล้วเดินออกจากห้องเรียน

 

“อ้าวน้องอูยอง เลิกเรียนแล้วเหรอครับ?”
นิชคุณเดินผ่านหน้าห้องที่อูยองเรียนอยู่  เห็นแก๊งของน้องอูยองกำลังเดินออกจากห้องก็เลยทักทายซะหน่อย

แต่หารู้ไม่ว่าเสียงที่ทักขึ้นมาทำเอาอูยองตกอกตกใจ เพราะไม่คิดว่าจะบังเอิญเจอรุ่นพี่นิชคุณ

 

“โอ๊ะ พี่คุณ ผมเพิ่งเลิกเรียนพอดีเลยครับ”

 

 

“บังเอิญจังเลยนะครับ~ พี่มีเรียนแถวๆนี้หน่ะ ก็เลยเดินผ่านทางนี้”

นิชคุณแถอีกแล้วครับ มีเรียนที่ไหนกันล่ะ ก็มารอรับน้องอูยองนั่นแหละ ยืนรอนั่งรออยู่แถวๆนานนี้เป็นชั่วโมงแล้ว

คติของนิชคุณคือ ไม่ได้เห็นหน้า แต่เห็นห้องที่น้องเรียนก็ยังดี

 

 

“อ๋อครับ แล้วพี่แทคยอนไม่ได้เรียนด้วยเหรอครับ? ไม่เห็นมาด้วยกันเลย”

 

น้องอูยองทำไมขี้สงสัยจังครับ  นิชคุณกรอกตาไปมา  สมองต้องทำงานหนักอีกแล้ว ต้องคิดว่าจะตอบยังไงให้เนียนที่สุด

 

“แทคยอนมันไปหามินจุนหน่ะ อย่าไปสนใจคนมีแฟนเลยครับ  เราไปซื้อของกันดีกว่าป่ะ”

นิชคุณกำลังจะเอื้อมมือไปจับมือน้องอูยอง แต่ต้องชักมือกลับมาก่อน เพราะรู้ตัวว่าตัวเองกำลังจีบน้องอูยองอยู่ ยังไม่ได้เป็นแฟนกัน จะไปจับมือน้องเค้าเลย น้องก็คงจะมองเขาแปลกๆจนทำให้ไม่กล้าคุยด้วยก็ได้

 

“จะไปตอนนี้เลยเหรอครับ?”

อูยองมองดูนาฬิกา นี่ก็พึ่งจะบ่ายสามโมงครึ่งเองพี่คุณรีบไปรึเปล่า

 

“ไปเลยก็ดีนะอูยอง นายจะได้มีเวลาเลือกของนานๆไง จะได้ไม่มืดไม่ค่ำไปซะก่อน”  จุนโฮเอ่ยขึ้นแล้วหันไปอมยิ้มให้รุ่นพี่นิชคุณ  นิชคุณอยากจะขอบคุณจุนโฮน้องรักซะเหลือเกินที่อุส่าชวยเขาอีกแรง  น้องมันก็คงจะรู้แหละว่าเขากำลังจะจีบน้องอูยองอยู่  จะมีก็แต่น้องอูยองนั่นแหละที่ยังนิ่งเฉยกับเขา มองเขาเป็นรุ่นพี่ที่แสนดี? แสนดีหรือเปล่าไม่รู้ นิชคุณขอคิดไปเองว่าเขากำลังเป็นรุ่นพี่ที่แสนดี      ในสายตาของน้องอูยอง ^.~

 

“อื้ม ก็จริงอย่างนายว่าเนอะ เอาอย่างงั้นก็ได้ วันนี้ไม่ได้ทำงานพาสไทม์ที่ร้านด้วย”

ดีเลยครับน้องอูยอง เราจะได้มีเวลาอยู่ด้วยกันสองต่อสองนานๆ  นิชคุณคิดก่อนจะยิ้มกรุ่มกริ่มออกมา

 

“ขอบใจนะจุนโฮ ที่เป็นสื่อให้พี่ อยากได้อะไรบอกนะ พี่จะจัดให้หนักๆ”

นิชคุณกระซิบบอกจุนโฮเบาๆ ก่อนจะพาอูยองเดินไปที่รถ

.

.

.

 

หลังจากที่อูยองเลือกของอยู่นานแสนนาน ก็ได้ของที่ถูกในมาสองตะกร้าใหญ่ๆ โดยมีนิชคุณเป็นคนอาสาถือตะกร้าของให้ มีข้ออ้างว่า ให้น้องอูยองเดินเลือกของตามสบาย อยากได้อะไรก็หยิบจับใส่ตะกร้าได้เลย ไม่ต้องถือให้เกะกะตัวเอง

 

อูยองเดินไปเกาะที่เคาน์เตอร์ แล้วฉีกยิ้มแฉ่งด้วยความน่ารักสดใสให้กับเจ้าของร้าน  เจ้าของร้านชายวัยกลางคนยิ้มตอบกลับ ก่อนจะหยิบของมาสแกนบาร์โค้ดทีละชิ้นๆ

 

“ทั้งหมดสองพันสามร้อยบาทครับ”

 

‘ครับผม ^^”  อูยองยิ้มให้ ก่อนจะควักเอาเงินสดออกมาจากกระเป๋า แล้วยื่นให้กับเจ้าของร้าน

 

“เอ่อ…ขอโทษนะครับทางร้านเราไม่รับเงินสดครับ”

 

“หืม??”  คิ้วเรียวยู่เข้าหากันอย่างรวดเร็ว ร้านค้าทั่วไปเขาก็อยากับเงินสดกันทั้งนั้นแหละ ทำไมร้านนี้ถึงได้ปฏิเสธเงินสดล่ะ

 

“ที่ร้านรับรูดแค่บัตรเครดิตน่ะครับ”

 

“ไม่มีครับ ผม…ผมมีแค่เงินสด” อูยองทำท่าเหมือนจะร้องไห้ออกมา

 

“อ่า….งั้นผมขอเอาของไปเก็บคืนที่เดิมนะครับ”

 

“จะเอาไปเก็บเลยเหรอครับ เงินสดก็เป็นเงินเหมือนกันนี่ครับ”

 

“ทางร้านต้องทำตามนโยบายนะครับ ต้องขอโทษลูกค้าด้วยนะครับ ที่ทำให้ไม่สะดวก”

พอเจ้าของร้านพูดออกมาแบบนั้น อูยองถึงกับถอนหายใจออกมาด้วยความหงุดหงิด

 

“ไหนพี่คุณบอกว่ามาซื้อบ่อยไงล่ะ แล้วทำไมพี่คุณไม่บอกผมล่ะว่าที่ร้านเค้ารับแค่บัตรเครดิตอ่ะ!!!! ”

อูยองหันไปเอ่ยดุนิชคุณที่กำลังยืนอมยิ้มกรุ่มกริ่ม  เห็นแบบนี้แล้วอูยองก็ยิ่งอารมณ์เสียเข้าไปใหญ่ คนกำลังเดือนร้อน มันเป็นเรื่องน่าขำนักหรือไง!

อุส่าเลือกของที่ถูกใจตั้งนาน สุดท้ายก็ไม่ได้ซื้อของ!! เพราะนโยบายบัตรเครดิตบ้าบออะไรของร้านนี้!

 

แต่หารู้ไม่ว่านั่นมันเป็นแผนของนิชคุณกับเจ้าของร้าน นิชคุณไลน์บอกเจ้าของร้านก่อนจะเข้ามาแล้วว่า ให้บอก

อูยองว่ารับแค่บัตรเครดิต เขาจะได้เป็นคนใช้บัตรจ่ายให้ เป็นยังไงล่ะ นิชคุณดูหล่อมั้ยล่ะ ใจปล้ำและแผนสูงแบบนี้หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว

 

“เอ้า~ก็แล้วทำไมไม่ถามพี่ล่ะครับ ว่ามีบัตรเครดิตมั้ย ให้พี่รูดให้ก็ได้นี่ครับ”

 

“ไม่!!!!!!!!!  ผมไม่อยากเป็นหนี้ ไม่อยากใช้เงินคนอื่น!!  ผมอยากจ่ายด้วยเงินของผมเอง งั้นไม่เอาแล้วก็ได้!”

แล้วอูยองก็เดินกอดอกหน้ามุ้ยออกจากร้านไป ทิ้งไว้แค่นิชคุณกับคุณเจ้าของร้านยืนมองหน้ากันปริบๆ

 

“ซวยแล้วนิชคุณ แฟนงอน”    เจ้าของร้านอดจะเอ่ยแซวไม่ได้

 

“อ่ะ พี่ครับ รูดบัตรผมไปเลยครับ เร็วๆด้วยครับ ผมจะรีบไปง้อแฟน!!”

นิชคุณยื่นบัตรเครดิตให้เจ้าของร้าน พลางๆชะเง้อมองตามไอ้เด็กแสบขี้งอนว่าจะเดินไปไหน

 

พอจ่ายเงินเสร็จเรียบร้อย นิชคุณก็รีบหอบของพะลุงพลังรีบวิ่งตามอูยองไปที่รถทันทีส่วน ทางอูยองจำเป็นต้องเดินกลับมาที่รถของนิชคุณ เพราะกลับเองไม่เป็น ก็พามาไกลซะขนาดนี้ ใครจะจำทางกลับได้! ร่างเล็กยืนกอดอกหน้ามุ้ย รอให้นิชคุณมากดรีโมทเปิดประตูรถให้

 

“อูยองครับพี่ขอโทษนะ”

 

อูยองยังคงยืนหน้ามุ้ยไม่พูดไม่จาอะไรสักคำ แถมยังกอดอกเบะปากอย่างเอาแต่ใจ ก่อนจะหันหลังให้กับนิชคุณ

 

“เรื่องแค่นี้เอง ไม่โกรธกันนะครับ นะ”

ถ้าเป็นคนอื่นเขาจะไม่มีทางง้อเลย จะปล่อยให้งอนไปสิบชาติเลย แต่นี่เป็นอูยองไง จะต้องง้อ และจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องง้อให้หายงอนเร็วๆ

 

อูยองเริ่มถอยหายใจออกมายาวๆ  ก่อนจะหันมาบอก “พี่จะเปิดประตูได้รึยังอ่ะครับ?”

 

เพียงเท่านั้นแหละนิชคุณรีบวางของลงกับพื้น ก่อนจะควานหากุญแจรถอย่างว่องไว พอเจอแล้วก็รีบกดรีโมท แถมยังบริการเปิดประตูรถให้น้องไอติมอีกต่างหาก  พอน้องไอติมขึ้นไปนั่งเรียบร้อยแล้ว นิชคุณก็รีบเก็บถุงที่กองอยู่ที่พื้น แล้ววิ่งไปนั่งฝั่งคนขับด้วยความเร็วแสง

 

“พี่ซื้อให้นะครับ พี่ตั้งใจจะซื้อให้จริงๆนะ พี่สารภาพก็ได้ครับ ว่าร้านนี้เค้ารับเงินสดด้วย นั่นมันเป็นแค่แผนของพี่กับเจ้าของร้านเฉยๆ พี่อยากจ่ายให้น่ะ”

นิชคุณยื่นถุงอุปกรณ์ทำงานฝีมือที่ตัวเองพึ่งจะรูดบัตรเครดิตจ่ายไปเมื่อกี้นี้ ให้กับ

อูยอง พร้อมกับหน้าตาน่าสงสาร นี่เหรอวะ ที่เขาเรียกว่าแฟนงอน มันเป็นแบบนี้เอง อึดอัดเหมือนใจจะขาดตายกันเลยทีเดียว

อูยองยอบรับถุงนั้นมา ก่อนจะควักเอาเงินที่กระเป๋าของตัวเองยื่นให้กับนิชคุณอย่างเงียบๆ

 

“พี่ไม่เอาครับ อูยองเก็บเงินไว้นะ”

 

“ถ้างั้นพี่ก็ไม่ต้องเอาของพวกนี้มาให้ผมนะครับ!”

 

อูยองก็แค่ไม่ชอบที่จะมีใครมาจ่ายค่าของให้ เพราะของพวกนี้อูยองตั้งใจจะซื้อไปทำของมาขาย และกำไรที่ได้จากการขายอูยองก็จะได้เก็บมันเข้ากระปุกอย่างภาคภูมิใจ ไม่ใช่ว่าเอาเงินของคนอื่นมาลงทุน แล้วตัวเองก็เป็นคนเก็บเงินเข้ากระปุกอย่างสบายใจ

 

“ถ้างั้น…พี่รับเงินจากน้องอูยองก็ได้ครับ”

ถึงจะไม่อยากรับเงินจากอูยอง นิชคุณก็ต้องรับมันมาแต่โดยดี ถ้าขืนไม่รับ รับรองว่าอูยองไม่หายโกรธเขาแน่ๆ

พอนิชคุณรับเงินมาแล้ว อูยองถึงได้ยอมรับของทั้งหมดไปกอดเอาไว้แล้วนั่งนิ่งๆ เงียบๆ  นิชคุณก็ดูไม่ออกหรอกว่าหายโกรธหายงอนกันหรือยัง ก็เล่นนั่งทำหน้านิ่งๆอยู่อย่างงั้นน่ะ

 

“อูยองหายงอนพี่รึยังครับ? หายแล้วเนอะ??”

 

“ผมไม่ได้งอน เราไม่ใช่แฟนกันครับ ผมแค่ไม่ชอบให้คนอื่นมาจ่ายเงินค่าของพวกนี้ให้ เพราะมันเป็นของที่ผมต้องซื้อเอง”

 

 

“อ่า..ครับ พี่ขอโทษนะครับที่ทำให้น้องอูยองรู้สึกอารมณ์ไม่ดี”

นิชคุณรู้สึกเหมือนโดนน้องอูยองพูดแทงใจดำ  “เราไม่ใช่แฟนกันครับ” เดี๋ยวเถอะครับ อีกไม่นานน้องอูยองจะไม่ได้พูดคำนี้แน่นอน

 

.

.

.

 

รถสปอร์ตคันหรูตีไฟเลี้ยวเข้าร้านอาหารไทย ดูจากภายนอกอาหารร้านนี้มีแต่รถหรูๆจอดอยู่หน้าร้านทั้งนั้น ส่วนราคาอาหารก็จะแพงตามราคารถที่มาจอดอยู่ที่หน้าร้านนั่นแหละ

 

“เอ่อ…พี่คุณครับ? เราไม่กลับหอเหรอครับ?”

ร่างบางที่นั่งอยู่ตรงข้ามฝั่งคนขับขมวดคิ้วเป็นปม ก่อนจะเอียงคอทำหน้าสงสัย

 

นิชคุณปล่อยเสียงหัวเราะออกมา เห็นนั่งเงียบอยู่ตั้งนาน บทจะมีข้อสงสัยก็ถามออกมาอย่างใสซื่อ

“พี่หิวข้าวครับ ตอนเที่ยงกินข้าวไปนิดเดียวเอง”

 

“อ่า ครับ”

ตอนเที่ยงพี่คุณเค้ากินข้าวไปแค่นิดเดียวจริงๆ แล้วก็เดินออกจากโรงอาหารไป สงสัยพี่เค้าจะมีธุระด่วนจริงๆ

 

“ป่ะไปกัน”

 

“ผมยังไม่หิวครับ ผมรอที่รถได้ครับ”

 

 

“นะ ไปด้วยกัน ไปกินเป็นเพื่อนพี่หน่อย พี่ไม่ให้เราเสียเงินสักบาทแน่นอน”

 

“แต่ว่าผมไม่หิวนี่ครับ”

 

“ไปกินไอติมก็ได้ ไอติมร้านนี้อร่อยมากนะ มีหลายรสเลย น้องอูยองไม่อยากลองเหรอ?”

ในเมื่อโน้มน้าวด้วยอย่างอื่นไม่ได้ผล นิชคุณก็ต้องโน้มน้าวด้วยไอติม

 

“ก็ได้ครับ”

แล้วมันก็ได้ผลจริงๆ เล่นมุกขี้นิชคุณไม่เคยผิดหวังเลยสักครั้ง

.

.

.

 

“ผมขอเมนูไอติมด้วยนะครับ”

นิชเอ่ยบอกพนักงาน เขาไม่ได้จะสั่งไอติมมากินหรอก แต่ขอเมนูให้เด็กน้อยที่เอาแต่นั่งนิ่งๆเงียบๆอยู่ฝั่งตรงข้าม ไม่นานพนักงานก็เอาเมนูอาหาร และเมนูไอติมมาวางไว้ที่โต๊ะ

 

นิชคุณแทบจะไม่ต้องเปิดเมนูเลย เขาก็มีเมนูในใจแล้วล่ะว่าจะสั่งอะไรมากิน  ตอนนี้ก็เลยนั่งแอบมองอูยอง ที่กำลังนั่งไล่เปิดเมนูไอติมอย่างสนใจ หน้าตาเวลาอูยองมองเมนูไอติมดูมีความสุขเหมือนเด็กกำลังได้กินของโปรดยังไงก็ไม่รู้แฮะ

พออูยองทำท่าจะเงยหน้าขึ้นมา นิชคุณก็รีบหลุบตามองเมนูที่ตัวเองกำลังถืออยู่ทันที

 

“น้องอูยองชอบกินอะไรเหรอครับ?”

 

“ชอบกินไอติมครับ”   อูยองตอบโดยไม่ละสายตาออกจากเมนูไอติมที่อยู่ข้างหน้า

 

“นอกจากไอติมล่ะครับ”

 

“ไก่ทอดครับ”

 

“ไก่กอดร้านนี้อร่อยนะ”

“ครับ”  อูยองเพลียงแค่ตอบรับรู้ไปอย่างงั้น เพราะตอนนี้อูยองไม่ได้สนใจไก่ทอดหรอก สนใจเมนูไอติมที่อยู่ตรงหน้ามากกว่า

 

ไก่ทอด”นิชคุณยิ้มมุมปากแล้วยักคิ้ว ก่อนจะยกมือเรียกพนักงานมารับออเดอร์

 

“ขอต้มยำกุ้ง ปูทะเลผัดพริกไทยดำ ผัดผักบุ้งไฟแดง ข้าวผัดปู และไก่ทอด

ไก่ทอดขอพิเศษนะครับ เอาใส่กล่องกลับบ้านด้วยหนึ่งชุด”   นี่ถือเป็นการง้อแบบเนียนๆของนิชคุณ

 

“ไก่ทอด?”   อูยองทวนสิ่งที่นิชคุณสั่งด้วยสีหน้าสงสัย

 

“หื้ม? มีอะไรครับ แปลกใจเหรอที่เห็นพี่สั่งไก่ทอด พี่แค่อยากกินหน่ะ”

 

ไม่ยักจะรู้ว่าพี่คุณจะชอบกินไก่ทอดเหมือนกัน เห็นสั่งพิเศษแถมยังสั่งกลับบ้านอีกต่างหาก

 

“อ๋อครับ ไม่มีอะไร”

 

“สั่งไอติมได้เลยนะ น้องอูยองอยากกินอะไรสั่งเลยครับ”

 

“ครับ”

อูยองรีบเปิดเมนูไปที่หน้าตัวเองเล็งไว้  นิ้วเรียวจิ้มลงที่รูปไอติมรสชอร์เบทสตอเบอร์รี่

 

“เอาอันนี้ครับ 1 ลูก”

นิชคุณยืดคอยาวๆไปดูว่าอูยองสั่งรสอะไร พอเห็นว่าอูยองไอติมรสที่อูยองสั่ง

นิชคุณก็ต้องขมวดคิ้วทันที ไอติมรสเชอร์เบทสตอเบอร์รี่ลูกเดียวเนี้ยนะ?

เห็นกินไอติมหม้อไฟได้เป็นสิบๆลูก ไหงทำไมวันนี้สั่งมากินแค่ลูกเดียว

 

“ได้ครับ”  พนักงานคีย์ออเดอร์ลงบนเครื่องรับออเดอร์ที่ดูจะทันสมัยกว่าร้านอาหารที่อื่นๆ

 

“ไอติมของโปรดอูยองนี่ ทำไมสั่งมาแค่ลูกเดียวเองล่ะ สั่งได้ตามใจเลยนะ ไม่ต้องเกรงใจพี่หรอก”

 

“…….”

 

“งั้นที่ร้านมีไอติมรสไหนที่เป็นเมนูแนะนำบ้างมั้ยครับ?”

เห็นอูยองนั่งเงียบๆ นิชคุณก็เลยเป็นคนสั่งให้เองซะเลย

 

“มีครับ”

 

“งั้นเอาชุดนั้นมาด้วยที่นึงนะครับ”

พนักงานทำหน้างงๆ เขายังไม่ได้นำเสนอเลยว่ามันคือไอติมรสอะไรบ้าง

แต่ถึงอย่างงั้นก็คีย์ออเดอร์ลงไปเรียบร้อยแล้ว

 

 

“เดี๋ยวครับ ผมขอสองเลยครับ แล้วก็ขอเอากลับบ้านด้วยหนึ่งชุด”

อูยองนั่งนิ่งๆเงียบๆ ก็เพราะอูยองกำลังคิดอยู่ว่าอยากจะกินไอติมรสอะไรต่างหาก แต่พอที่ร้านมีเมนูแนะนำ อูยองก็เลยขอสองชุด แต่เห็นพี่คุณบอกไม่ต้องเกรงใจ

อูยองก็เลยขอเอากลับบ้านด้วยหนึ่งชุด

 

“ได้ครับ”

 

“เด็กดื้อ ก็นึกว่าไม่อยากกินแล้วซะอีก เห็นสั่งเยอะแบบนี้ใจค่อยชื้นขึ้นมาหน่อย”  นิชคุณเพียงแค่บ่นออกมาเบาๆ ก่อนจะหัวเราะออกมา

 

.

.

.

“โหน่ากินยังเลยอ่ะ”

อูยองอุทานออกมาเบาๆ พร้อมกับทำตาลุกวาว เมื่อเห็นพนักงานเอาไอติมที่เป็นเมนูแนะนำของร้านมาเสริฟ์ มันดูหรู น่ากินมากๆ ราคาคงจะแพงไม่เบาเลยนะเนี้ย   มือเล็กกำลังจะใช้ช้อนตักไอติมขึ้นมากิน แต่โดนมือหนาของคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามตีเบาๆ  อูยองมองนิชคุณงงๆว่าเขากำลังทำอะไรผิดเหรอ ถึงได้ตีมือ

 

“ตีผมทำไมครับ?” อูยองเอ่ยถาม แต่สายตาก็ไม่ละออกจากไอศกรีมที่อยู่ตรงหน้า  แถมยังกัดปากตัวเองเพราะความอยากกินไอติมอีกต่างหาก

 

“จะกินของหวานก่อนของคาวได้ยังไง”

 

“?”   อูยองเงยหน้าขึ้นมามองนิชคุณแล้วเลิกคิ้วทำหน้างงๆ

 

“ถ้าไม่กินข้าว ก็ไม่ต้องกินไอติม”

นิชคุณพูดแกมบังคับ เพราะนี่ก็จะสองทุ่มแล้ว อูยองยังไม่ได้กินอะไรเลย จะมากินไอติมก่อนได้ยังไง

 

“แต่ผมอยากกินไอติมมากกว่าข้าวนี่ครับ”

 

“ไม่ได้! พี่ไม่อนุญาตให้กินไอติมก่อนกินข้าว”

นิชคุณเอ่ยดุพลางคีบชิ้นไก่ทอดใส่จาน พร้อมกับตักข้าวผัดปูรสเด็ดให้อูยองด้วย

 

“แต่ไอติมจะละลายนะครับ”

 

“น้องมานี่หน่อยครับ”   นิชคุณยกมือขึ้นเรียกพนักงานของร้าน

 

“ครับ?”

 

“ช่วยเอาไอติมไปเก็บก่อนนะครับ แล้วก็ดูไว้ ถ้าเด็กคนนี้ไม่ยอมกินข้าว ก็ไม่ต้องเอามาเสิร์ฟ!”    นิชคุณเอ่ยเสียงเข้ม ทำเอาอูยองอ้าปากค้าง ก็บอกไปแล้วว่าไม่หิวข้าว ยังจะมาบังคับให้กันกินอีก

 

“ได้ครับ”   แล้วพนักงานก็ยกไอติมที่อยู่ตรงหน้าอูยองไปเก็บ อูยองมุ้ยหน้าไม่พอใจเล็กน้อย

 

“ทำไมถึงต้องบังคับให้ผมกินข้าวด้วยล่ะครับ”

 

“วันๆจะกินแต่ไอติมรึไงล่ะ กินข้าวก่อนสิ ค่อยกินไอติม”   น้ำเสียงทุ้มเอ่ยดุเด็กดื้อที่จะไม่ยอมกินข้าว

 

“ก็ไม่ได้อยากกินข้าว”   อูยองบ่นอุบอิบกับตัวเองเบาๆ   แต่นิชคุณก็อ่านปากออกอยู่ดีนั่นแหละ

 

“พนักงานยืนดูอยู่นะ! ถ้าไม่กินเค้าไม่เอาไอติมมาเสิร์ฟจริงๆด้วย”

อูยองเงยหน้าขึ้นไปมอง พนักงานคนนั้นยืนมองอยู่จริงๆด้วย

ด้วยความอยากกินไอติม อูยองก็เลยค่อยๆก้มหน้าก้มตากินข้าวอย่างว่าง่าย

 

“แล้วอยู่หอตัวคนเดียว ดื้อไม่ยอมกินข้าวจะกินแต่ไอติมแบบนี้ ไม่มีข้าวตกถึงท้องเกิดเป็นลมขึ้นมาจะทำยังไง”

 

“ก็…อยู่ได้ครับ ก็ยังผมยังไม่เคยเป็นลมสักหน่อย”

 

“นายมันเด็กดื้อ ดื้อตั้งแต่วันแรกที่เห็น”

 

“เลิกบ่นเหมือนหม่าม๊าผมได้แล้วครับ”

 

“โอเค โอเคพี่จะเลิกบ่น แล้วอูยองต้องทานข้าวเยอะๆนะ อาหารไทยร้านนี้อร่อยที่สุดเลยนะ อูยองลองชิมดูสิ ถ้าชอบพี่จะพามากินทุกวันเลย”

อูยองพยักหน้ารับ แล้วตักชิมอาหารจานนั้นที จานนี้ที อาหารไทยก็อร่อยดี แต่บางอย่างเผ็ดจนอูยองหน้าแดง

.

.

.

 

ระหว่างทางขับรถกลับ นิชคุณก็คิดถึงแต่เรื่องที่เขาอยากจะดูแลอูยองให้มากกว่านี้ ยิ่งอูยองงเป็นเด็กดื้อ เขาก็ยิ่งอยากปราบเด็กดื้อให้ได้ ขนาดบอกให้กินข้าว ยังดื้อจะไม่ยอมกิน

 

“น้องอูยองอยากได้คนดูแลมั้ยครับ…”

 

“………”

 

 

“น้องอูยองครับ ตอบพี่หน่อย”

 

“………..”

 

 

“น้องอูยองเป็นแฟนกับพี่มั้ยครับ พี่จะดูแลเป็นอย่างดี”

 

 

“เอ่อพี่คุณ….

 

 

 

 

พี่คุณ??

 

 

 

 

พี่คุณครับ!!!”

 

 

“หา? อ เอ่อครับ? มีอะไรเหรออูยอง”

 

“พี่คุณคิดอะไรอยู่ครับเนี้ย ผมเรียกพี่ตั้งหลายรอบไม่ได้ยินเลยเหรอครับ พี่คุณเม้มปากแน่นแถมยังจับพวงมาลัยรถแน่นอีกต่างหาก ผมสังเกตุพี่มาสักพักแล้วนะครับ แล้วตอนนี้พี่ก็ขับรถเลยหอแล้วด้วยอ่ะ”  อูยองบุ้ยหน้าไปข้างหน้าให้อีกคนดูว่าขับรถเลยมาไกลแค่ไหนแล้ว

 

“เชี่ยซวยแล้วไง เลยมาไกลด้วย”

นิชคุณด่าตัวเองในใจ แค่คิดจะขอน้องอูยองเป็นแฟนทำเอาขาดสติขนาดที่ว่าขับรถเลยหอขนาดนี้เลยเหรอวะ

 

“พี่เป็นอะไรของพี่เนี้ยครับ ดูไม่มีสติเอาซะเลยนะครับ”

 

“คือ พี่ว่าพี่ชอบ..”

 

นิชคุณยังพูดไม่ทันจบ อูยองก็แทรกขึ้นด้วยความอารมณ์เสีย

“พี่คุณชอบอะไรก็ช่างก่อนเถอะนะครับ ผมว่าตอนนี้ตั้งสติแล้วขับรถกลับหอนะครับ ไม่มีสติขับรถแบบนั้นมันอันตรายนะครับรู้มั้ย”

 

 

“ครับๆ”

วันนี้โดนโกรธสองรอบแล้วสิ คะแนนก็ยังทำไม่ได้ แถมตอนนี้น่าจะติดลบไปแล้วด้วย จีบคนที่ชอบมันไม่ง่ายเลยจริงๆ

 

 

 

 

TBC…..

Talk

เอาใจ ช่วยให้รุ่นพี่นิชคุณขอเป็นแฟนน้องอูยองให้สำเร็จทีเนอะ วันนี้อุส่าทำดีทุกอย่าง แต่ก็ทำเอาน้องไอติมอารมณ์เสียไปถึงสองรอบ แบบนี้จะไหวมั้ย 555

“ขอบคุณทุกคอมเม้นต์นะคะ”

[Fic khunwoo] You Are My ice cream ตอนที่ 9

Title: You Are My ice cream ตอนที่ 9

Couple: KhunWoo

Writer: ilovekw

Rate : PG 

Gente :  romantic comedy

นี่คือฟิคที่เกิดจากจินตนาการของไรทเตอร์ enjoy reading ^^

 

 

 

 

 

 

พักเที่ยง ณ โรงอาหารคณะ

 

“อืม…จุนโฮ ชานซอง ถามไรหน่อยดิ”

 

“ว่า?”   เป็นจุนโฮที่เอ่ยขึ้น เพราะชานซองมัวแต่ก้มหน้าก้มตากินข้าว

 

แต่อูยองกลับทำท่าอ้ำๆอึ้งๆไม่กล้าที่จะถาม

 

“มีอะไรรึเปล่าอูยอง?”

 

“คือว่า…ปกติผู้ชายเค้าเดินโอบไหล่กันป่ะ”

 

“พวกเราสองคนก็ทำเป็นปกติเนอะชานซอง”

 

“อื้ม ใช่เป็นเรื่องปกติของพวกเราสองคนไปแล้วอ่ะ”  ชานซองเสริมขึ้น

 

อูยองพยักหน้ารับ แต่นั่นสองคนก็เป็นแฟนกันนี่นา มันก็ต้องเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่จะเดินโอบไหล่กัน แต่ความสัมพันธ์ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นรุ่นพี่กับรุ่นน้อง มาเดินโอบไหล่ แถมยังทำดีด้วยเกินเหตุ มันยังปกติอยู่ใช่มั้ย อูยองก็แค่สงสัย หรือว่าที่ทำดีด้วย ใจดีด้วย อาจจะเพราะว่าพี่เขาเคยเป็นต้นเหตุที่ทำให้เจอเรื่องแย่ๆ ก็เลยมาทำเป็นตีสนิท ที่จริงก็แค่อยากจะขอโทษก็ได้

 

“ไม่เอาที่เป็นคู่รักดิ หมายถึงรุ่นพี่รุ่นน้องประมาณนี้อ่ะ มันปกติป่ะ”

 

“ถามมาอย่างงี้มีรุ่นพี่มาทำกับนายล่ะสิ ใครกันน้า~ทำไมมือไวใจเร็วขนาดนี้~”

จุนโฮอดจะแซวไม่ได้ ก็เพื่อนเขาน่ารักขนาดนี้ ก็ต้องมีบ้างแหละที่จะโดนจีบ

 

“เปล๊า ไม่มีไร”

 

“อ่อเหรอ เสียงสู้งสูงเนอะ”

จุนโฮเอ่ยแซวพร้อมทั้งหัวเราะที่ตอนนี้อูยองทำหน้ามุ้ยใส่เขา แถมยังก้มหน้างุดๆหลบซะอย่างงั้น

 

 

“ขอโทษนะครับ ขอนั่งด้วยคนนะ”

มีชายหนุ่มที่ไหนก็ไม่รู้รูปร่างหน้าตาดีพอสมควรมาขัดจังหวะการสนทนาซะก่อน

 

 

“เอ่อ..ครับตามสบาย”  อูยองยิ้มให้ตามมารยาท ก่อนจะขยับที่นั่งให้นิดหน่อย

 

 

ชายหนุ่มวางจานข้าวลงบนโต๊ะ ก่อนจะทรุดตัวนั่งลงที่นั่งว่าง ข้างๆอูยอง เขาขยับเข้าไปนั่งใกล้ๆอูยอง แต่ทะว่าอูยองก็ขยับออกห่างให้มีระยะห่างระหว่างกันสักนิดก็ยังดี จะได้ไม่อึดอัด  อีกอย่างเราก็ไม่ได้รู้จักกันสักหน่อย นั่งกินข้าวตัวแนบชิดติดกันก็คงจะอึดอัดอยู่เหมือนกัน

 

“ขอบคุณครับอูยอง”

 

“หืม?”  อูยองถึงกับเบิกตากว้างที่ได้ยินคนที่ตัวเองไม่รู้จักมาเรียกชื่อ

 

“รู้จักชื่อเรา?”

อูยองขมวดคิ้วด้วยความงงๆ พึ่งเคยเจอกันทำไมถึงได้รู้จักชื่อ อูยองเองยังไม่รู้จักชื่อคนนี้เลย

แถมเป็นใครมาจากไหนอีกก็ไม่รู้

 

“เอ่อ..ค ครับ”

เด็กหนุ่มเกาหัวแก้เขิน เพราะหลุดปากเรียกชื่ออูยอง ก็จะไม่ให้รู้จักชื่อได้ยังไง เห็นที่คณะเล่ากันมาว่า อูยองเด็กศิลป์กรรมโคตรจะน่ารัก แล้ววันนี้เขาโชคดีได้มานั่งกินข้าวโต๊ะเดียวกับอูยอง นับว่าเป็นความโชคดีมากๆ อูยองน่ารักสมคำล่ำลือจริงๆ  ยิ่งมองใกล้ๆ ยิ่งโคตรน่ารัก ปากนิดจมูกหน่อย แก้มก็ป่อง ปากก็สีชมพูน่าลองจูบดูสักครั้งคงจะชื่นใจ

 

“ผมชื่อมาร์ค เป็นเด็กวิศวะปีหนึ่งครับ พอดีที่โรงอาหารคณะที่นั่งไม่ว่างเลย คนมันเยอะน่ะ เลยแวะมากินข้าวคณะนี้ ขอนั่งด้วยคนนะครับ”    มาร์คหันไปยิ้มให้กับอูยอง อูยองพยักหน้ารับแล้วส่งยิ้มกลับด้วยความเป็นมิตร

 

“อ๋า~อย่างงั้นเองเหรอครับ  มากินอาหารที่คณะเรา รับรองว่า อาหารอร่อยทุกร้านเลยนะครับ^^”

 

“พูดอย่างงี้แสดงว่าอูยองเคยกินมาทุกร้านแล้วใช่มั้ยล่ะ”

 

“จะว่าอย่างงั้นก็ใช่นะ ถ้าโรงอาหารของคณะมาร์คคนมันเยอะ ก็มาทานที่นี่ก็ได้ มันไม่ไกลกันเท่าไหร่นี่นา”

 

“อูยองพูดแล้วทำเอามาร์คอยากมาทานข้าวที่คณะนี้ทุกวันเลยนะครับ”

 

“ครับ ^0^ อ้อ แล้วก็ไอติมร้านนั้นน่ะ อร่อยมากเลยนะ ร้านประจำของอูยองเลย”

อูยองว่าพลางชี้ไปทางร้านไอติมร้านประจำแนะนำให้กับมาร์คคนหล่อได้รู้จัก

 

“อูยองชอบกินไอติมเหรอครับ?”

 

“อื้ม มากๆเลยล่ะ”

 

“มาร์คก็ชอบ อูยอง”   ประโยคหลังพูดอยู่ในใจ

 

“ดีจัง ^…^”

รอยยิ้มพิมพ์ใจที่อูยองส่งมานั้น ทำเอาเขาไม่อยากจะละสายตาเลยจริงๆ  แต่ยังไงก็ต้องก้มหน้าก้มตากินข้าวก่อน  ถ้าขืนจ้องมองอูยองนานกว่านี้ มีหวังได้ใจละลายแน่ๆ

 

.

.

.

 

“เชี่ย! แทคยอนนั่นใครวะ??????”     นิชคุณกำลังจะเดินไปต่อแถวซื้อข้าว ถึงกับต้องชะงักเพราะมีใครสักคนหน้าตาไม่คุ้น นั่งอยู่โต๊ะเดียวกับน้องอูยอง แถมยั่งนั่งข้างๆน้องอูยองของเขาอีกต่างหาก

 

“ไหนวะ?”

 

นิชคุณยืนกอดอกก่อนจะบุ้ยหน้าไปทางโต๊ะที่น้องอูยองนั่งแทคยอนมองตามเห็นเด็กหนุ่มรูปร่างหน้าตาดีนั่งอยู่ข้างๆน้องอูยอง หน้าตาไม่คุ้นสักเท่าไหร่  แต่ที่รู้ๆไอ้เด็กหน้าตาดีคนนั้นมันต้องหมายปองน้องอูยองไว้แน่ๆ  ดูจากสายตาที่มองน้องอูยองดูก็รู้ว่าคิดอะไร

 

“ไอ้หน้าหล่อนั่นเหรอ?”

 

“กูหล่อกว่า!”

 

“หลงตัวเองชิบหายเลยเพื่อนกู  คนนั้นใครกูก็ไม่รู้นะ น่าจะเป็นปีหนึ่งต่างคณะ”

 

“ดั้นด้นมากินข้าวถึงศิลป์กรรมเนี้ยนะ?”

 

“แล้วเห็นมั้ยล่ะว่าน้องมันนั่งข้างใคร  น้องอูยองของมึงหน้าตาไม่ใช่เล่นๆนะ

กูก็บอกแล้วถ้าจีบช้ามึงจะอด หน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มแบบนี้ใครๆเค้าก็หมายปองกันทั้งนั้นแหละ”

 

ก็จริงของแทคยอน เพราะวันก่อนเขาก็เห็นสายตาพวกเด็กวิศวะมองต้องอูยองด้วยสายตาไม่น่าไว้วางใจ

 

“กูต้องสู้กับอีกกี่สิบคนวะ”

 

“กูว่าทั้งมหาวิทยาลัย”

 

เฮือก!!

แทคยอนมันพูดเวอร์ไปมั้ย  แต่ก็คงจะจริงนั่นแหละ คำพูดของแทคยอนทำให้นิชคุณฮึดสู้ขึ้นมาทันที  นิชคุณต้องรีบจีบน้องอูยองให้ติด!!

 

“กูจะไปนั่งรอที่โต๊ะข้างๆน้องอูยอง ฝากซื้อข้าวด้วย กินอะไรก็ได้!”

นิชคุณยัดเงินใส่มือเพื่อนสนิท ก่อนจะเดินล้วงกระเป๋าอย่างวางมาดตรงไปที่โต๊ะน้องอูยอง

 

พอเดินไปถึงก็กระแอมกระไอนิดหน่อย ก่อนจะยืนกอดอกแผ่รังสีอะไรบางอย่างออกมา  น้องปีหนึ่งต่างคณะเงยหน้าขึ้นไปสบดวงตาคมคู่นั้น สัมผัสได้ถึงพลังงานอะไรบางอย่าง จนต้องก้มหน้าก้มตากินข้าวเงียบๆ

 

“สวัสดีครับพี่คุณ”  อูยองส่งยิ้มให้  รอยยิ้มนี้นิชคุณสามารถสงวนไว้ให้น้องอูยองยิ้มให้เขาคนเดียวได้มั้ย!

 

“ค๊าบ น้องอูยอง=]”

นิชคุณขานรับด้วยน้ำเสียงนุ่มหู แถมยังฉีกยิ้มให้น้องอูยองกว้างซะจนปากจะฉีกถึงหู

 

“สวัสดีครับรุ่นพี่นิชคุณ”  ชานซองกับจุนโฮผสานเสียงเอ่ยทักขึ้นพร้อมกัน

 

“ครับ ทานข้าวกันตามสบายนะ พี่จะนั่งโต๊ะข้างๆน้องๆตรงนี้”   ว่าแล้วนิชคุณก็เดินไปนั่งลงที่โต๊ะข้างๆน้องอูยอง

 

“ครับพี่คุณ แล้ว…พี่คุณไม่ทานข้าวเหรอครับ?”

อูยองเลิกคิ้วถาม เพราะไม่เห็นว่าพี่คุณจะถือจานข้าว หรือไม่มีอะไรติดไม้ติดมือมากินเลยนี่นา

 

“อ๋อ พี่ฝากแทคยอนซื้อครับ  มันไล่พี่มานั่งจองที่ไว้ก่อนหน่ะ พอดีอยากจะนั่งตรงนี้!

นิชคุณแถมันหน้าด้านๆนี่แหละ

 

“อ๋อ ครับ^^”

 

“อ้อ น้องอูยองครับ แล้วต้นไม้รูปหัวใจของพี่ ที่พี่ฝากเลี้ยงอ่ะ น้องอูยองรดน้ำให้พี่รึเปล่าครับ?”

นิชคุณตั้งใจจะเน้นย้ำคำว่ารูปให้ใจให้ชัดๆดังๆ ให้ไอ้เด็กต่างคณะได้ยิน เขาฝากหัวใจไว้ให้น้องอูยองไว้ดูแลแล้วนะโว้ย รู้ไว้ซะด้วย ถึงจะเป็นแค่ต้นไม่ก็เถอะ!!

 

“พี่คุณไม่ต้องห่วงนะครับ ผมรดน้ำให้เช้าเย็นเลย วันนี้ก่อนมาเรียน ผมก็รดน้ำให้นิคคุณด้วย”

 

“หืม? เดี๋ยวนี้จะไม่เรียกพี่แล้ว? จะเรียกชื่อเฉยๆเลยเหรอได้เด็กแสบ หื้ม?”

นิชคุณนั่งกอดอก มองหน้าน้องไอติม อมยิ้มออกมาเพียงเล็กน้อย น้องอูยองจะได้รู้ว่าเขาไม่ได้โกรธหรอก ที่เรียกแบบนั้น จะโกรธก็โกรธไม่ลงหรอก เพราะน้องมันน่ารักเหลือเกิน จะเรียกอะไรก็เรียกเลยแล้วกัน

 

“ป่าวครับ ไม่ใช่อย่างงั้นซะหน่อย ก็ต้นไม้ของพี่คุณไง ผมแปะป้ายชื่อให้มันว่านิคคุณ”

 

นิชคุณถึงกับหลุดขำพรืดออกมา

โอยยย ทำไมน้องอูยองน่ารักอย่างงี้วะ ตั้งชื่อให้ต้นไม้ของพี่ด้วย เด็กดีของพี่นิชคุณ น่ารักที่ซู๊ดดด  ตอนนี้นิชคุณนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เหมือนคนเป็นบ้า

 

“ขอบคุณนะครับ น้องอูยองดูแลดีๆ อย่าให้หัวใจของ “พี่คุณ” ต้องเหี่ยวตายล่ะ”

นิชคุณเอ่ยพร้อมขยิบตาใส่น้องอูยองด้วยความเจ้าเล่ห์

 

“หา?”   พี่คุณพูดอะไรของเค้าน่ะ

 

“ต้นไม้ชื่อนิคคุณครับ ไม่ได้ชื่อพี่คุณ”

 

“ก็…ก็เหมือนกันนั่นแหละน่า น้องอูยองดูแลต้นไม้ให้พี่ ก็เหมือนดูแลหัวใจพี่ด้วยยังไงล่ะครับ”

“มันจะเหมือนกันได้ยังไงล่ะ? ต้นไม้ก็คือต้นไม้ ส่วนหัวใจของพี่คุณ พี่คุณก็ดูแลเองสิ”

อูยองเพียงแค่คิดในใจ ก่อนจะรับปากกับรุ่นพี่ปี่สี่ เพราะอูยองหิวข้าว จะได้กินข้าวสักที

 

“อ่า…ครับ มันไม่ตายหรอกครับ ผมจะขยันรดน้ำใส่ปุ๋ยให้นิคคุณนะครับ”

 

“ดีมากครับ~ อ้อ เห็นน้องอูยองบอกต้องไปซื้ออุปกรณ์มาทำของไปขายนี่งาน Art fair นี่ครับ”

 

“อ๋อใช่ครับพี่คุณ เดี๋ยวเลิกเรียนเย็นนี้ก็ว่าจะแวะไปซื้อเลยครับ”

 

“พี่รู้จักอยู่ร้านนึง พี่สนิทกับเจ้าของร้านด้วยเพราะเคยไปซื้อบ่อย ถ้าน้องอูยองอยากได้สินค้าดีราคาถูกให้พี่พาไปก็ได้นะครับ”

 

พอได้ยินคำว่าสินค้าดีราคาถูก อูยองก็ยิ้มกว้างออกมาทันที  ทำไมอูยองจะไม่อยากได้ล่ะ ของถูกและดีอูยองยิ่งชอบใหญ่เลย

 

“งั้นดีเลยครับ รบกวนพี่คุณอีกแล้ว~”

อูยองบอกแล้วก็อมยิ้มเขินๆ  ตั้งแต่รู้จักพี่คุณมาอูยองก็ประหยัดตังค์ไปเยอะเลย

ไหนจะค่าต้นไม้ที่อูยองอยากได้ แล้วไหนจะค่าอุปกรณ์ที่จะเอาไปทำของขาย พี่คุณยังจะพาไปซื้อร้านที่ขายถูกๆอีกต่างหาก

 

“สำหรับน้องอูยอง พี่ยินดีมากๆเลยครับ~ =]”

นิชคุณส่งยิ้มให้น้องอูยอง ก่อนจะส่งยิ้มมุมปากเย้ยไอ้น้องหน้าหล่อแถมยังกระตุกคิ้วกวนๆใส่หนึ่งที

 

ตึ้ง  เสียงข้อความชานซองดังขึ้น

จุนโฮ :  “ฉันสัมผัสได้ถึงความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดาระหว่างรุ่นพี่นิชคุณ กับอูยอง” 

ชานซอง :  “สัมผัสได้เหมือนกัน รุ่นพี่นิชคุณต้องคิดกับอูยองมากกว่าความสัมพันธ์รุ่นพี่รุ่นน้อง แน่ๆ”

จุนโฮ  :  “ตอนนี้ เหมือนพี่เขาจะหึงอูยองนะ”

ชานซอง : “ได้เหรอ? ยังไม่ได้เป็นอะไรกันนะ”

จุนโฮ :  “ไม่รู้ แต่ดูนู่นดิ”

จุนโฮส่งสายตาไปทางรุ่นพี่นิชคุณที่กำลังพยายามลากโต๊ะอีกตัวมาติดกันกับโต๊ะที่พวกเขานั่ง

 

“พี่ขอลากโต๊ะมานั่งด้วยนะ น้อง…เอ่อ?? คงไม่ว่านะครับ!”

นิชคุณข่มเสียงต่ำถามด้วยสีหน้านิ่งๆ

 

“ผมมาร์คครับ”

 

“อืม”

นิชคุณตอบเพียงสั้นๆ  ก่อนจะก้มหน้าก้มตาเล่นมือถือรอข้าวที่ฝากแทคยอนซื้อ  ส่วนน้องๆปีหนึ่งก็พากันก้มหน้าก้มตากินข้าวกันต่อ  ส่วนไอ้น้องมาร์คนั่นหน่ะเหรอ พอนิชคุณลากโต๊ะมานั่งข้างๆแล้ว

น้องมันไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าน้องอูยองเลยล่ะ

 

“มาร์คกับข้าวอร่อยอย่างที่อูยองบอกมั้ย?”   อูยองเอ่ยชวนเพื่อนต่างคณะคุย  ทำเอานิชคุณที่กำลังนั่งเล่นมือถืออยู่ถึงกับเงยหน้าขึ้นมาทันทีทันใด

 

“อื้ม อร่อยอย่างที่อูยองบอกไว้เลยครับ”   มาร์คตอบพร้อมกับส่งยิ้มให้กับอูยอง    

“ยิ่งได้นั่งกินกับอูยองยิ่งอร่อยขึ้นเป็นสิบเท่าเลยนะครับ”

 

ตอนนี้ในใจนิชคุณคุณเริ่มร้อนรนอย่างบอกไม่ถูก จะออกตัวแรงเลยก็ไม่ได้

เพราะเขาก็ยังไม่ได้เป็นแฟนของน้องอูยองแบบเต็มอก

 

“ถ้าอย่างงั้นวันหลังมาอีกได้นะ”

 

“น้องอูยองครับ!!!  ไม่ต้องเป็นคนมีมนุษย์สัมพันธ์ดีตอนนี้ได้มั้ย”

 นิชคุณได้แต่นั่งคิดเงียบๆ นิ้วชี้เคาะลงโต๊ะรัวๆ แล้วนับหนึ่งถึงสิบ พยายามข่มให้ตัวเองใจเย็น

 

“อูยองชวนมาขนาดนี้ มาร์คก็อยากมานะ ยินดีที่ได้รู้จักเพื่อนต่างคณะ ที่น่ารักๆแบบอูยองนะ”

 

“อ เอ่อ ค ครับ ยินดีที่ได้รู้จัก”   อูยองยกมือขึ้นมาเกาหัวแก้เขิน ก็มันไม่ชินอ่ะที่มีคนมาชมว่าน่ารักแบบซึ่งๆหน้า

 

 

“อะแฮ่ม!ๆ”   นิชคุณกระแอมกระไอเหมือนมีอะไรติดคอ

 

“เป็นไรวะก้างขวางคอรึไง”

แทคยอนที่พึ่งเดินมาถึงโต๊ะถามติดตลก ก่อนจะนั่งลงฝั่งตรงข้ามนิชคุณแล้วส่งจานข้าวให้

 

“ก็คงอย่างงั้น ก้างชิ้นใหญ่พอสมควร!”

 

นิชคุณกินข้าวไปสองสามคำ ก่อนจะส่งข้อความบอกแทคยอนว่าจะลุกออกไปก่อน ขอไปทำธุระสักครึ่งชั่วโมง

เจอกันที่ไหนเดี๋ยวจะส่งข้อความมาบอกอีกที  แล้วนิชคุณมันก็ลุกขึ้นเดินเอาจานข้าวไปเก็บ ก่อนจะเดินออกไปจากโรงอาหาร

.

.

.

ร่างสูงยืนพิงกำแพงเอามือกอดอกอยู่แถวๆลานจอดรถที่อยู่ใกล้ๆกับโรงอาหาร   ไม่นานคนที่นิชคุณรอก็เดินออกมาตามคาด คิดอยู่แล้วเชียวว่าหน้าตาดูลูกหล่อพ่อรวยแบบนี้ ยังไงต้องขับรถยนต์มาเรียน

 

นิชคุณรีบก้าวขายาวๆเดินตรงเข้าไปหาเด็กหนุ่ม ก่อนจะกระชากไหล่ของเด็กหนุ่มปีหนึ่งให้หันมาสบตากัน

“เห้ยเดี๋ยว ไอ้น้องพี่ขอคุยอะไรด้วยหน่อย”

 

“ครับ?”

 

“อยู่คณะอะไร?”

 

“วิศวะครับ”

 

“ทำไมถึงต้องมากินข้าวคณะนี้ ทั้งๆที่โรงอาหารคณะวิศวะออกจะใหญ่โตไม่ใช่เหรอ?”

นิชคุณถามด้วยสีหน้าและน้ำเสียงจริงจัง

 

“ผม…แค่…มา เอ่อ..”

 

“ตอบตามความจริงเท่านั้น!”   นิชคุณข่มเสียงต่ำเพื่อข่มขู่คู่ต่อสู้หน้าหล่อ

 

“คือ…ที่คณะมีแต่คนบอกว่าอูยองเด็กศิลปกรรมน่ารักครับ ก็เลยอยากเจอตัวจริง”

 

 

“ถ้ามากินข้าวเฉยๆพี่ไม่ว่านะ แต่ถ้าจะมามองอูยองพี่ไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่!”

 

“พี่เป็นแฟนอูยองเหรอครับ?”

 

 

 

กำลังจะเป็น”  

 

 

 

นิชคุณต้องพูดข่มไปก่อนล่ะ ตัดไฟตั้งแต่ต้นลมไว้ก่อนปลอดภัยที่สุด  ถึงนิชคุณจะดูเป็นเพลย์บอยในสายตาคนอื่น แต่พอเลือกที่จะคบใครจริงๆจังๆแล้ว จะเริ่มจีบเขายังจีบไม่เป็นเลย

 

คำตอบของนิชคุณทำเอามาร์คหน้าจ๋อยแล้วก็เงียบไปเลย

 

“นายคงไม่อยากมีคู่แข่งเป็นรุ่นพี่หรอก จริงมั้ย?”

 

“………..”  มาร์คได้แต่หน้ายืนหน้าจ๋อย ไม่ได้ตอบโต้อะไร

 

“ไปบอกเพื่อนๆ หรือคนที่คณะน้องด้วยนะครับ ว่าห้ามมายุ่งกับเด็กของพี่”

 

“…………..”

 

 

 

 

TBC…..

 

Talk 

 

น้องไอติมเค้าเนื้อหอมนะคะ มีแต่คนหมายปอง รุ่นพี่นิชคุณอย่ามัวลีลานะคะ ถ้าเสียน้องไอติมให้ใครไปแล้วจะเสียใจฮ่าๆ  รุ่นพี่นิชคุณสามารถกำจัดคู่แข่งหน้าหล่อ หนุ่มมาร์คสุดหล่อจากคณะวิศวะได้แล้ว 

รึเปล่านะ?

 ตอนนี้ คุณด้งมียูนิตคู่กันแม่ยกหัวใจพองโตไปตามๆกันเนอะ ^^ 

เม้นต์ให้หน่อยน้า จะได้มีกำลังใจรีบแต่งและรีบมาอัพไวๆ 

 ถ้าไม่เม้นต์ไปเล่นใน #ฟิคน้องไอติม ก็ได้เนอะ บางทีไรท์ก็อยากเป็นผู้อ่านบ้าง ^^  

*ขอบคุณทุกๆคอมเม้นต์เลยค่ะ*  

[Fic khunwoo] You Are My ice cream 8

Title: You Are My ice cream ตอนที่ 8

Couple: KhunWoo

Writer: ilovekw

Rate : PG 

Gente :  romantic comedy

นี่คือฟิคที่เกิดจากจินตนาการของไรทเตอร์ enjoy reading ^^

cats

 

 

 

 

ณ ห้องศิลป์

 

 

เป็นห้องโถงใหญ่  เพดานสูง  มีหน้าต่างหลายๆบาน ทำให้แสงถูกสาดส่องเข้ามาได้อย่างเต็มที่  และผนังห้องก็ไม่ได้ปล่อยให้ว่างเปล่าเฉยๆ เพราะถูกประดับประดาเต็มไปด้วยภาพวาดต่างๆนาๆ

ให้สมกับเป็นห้องศิลป์ของคณะศิลปกรรมศาสตร์

 

 

 

แชะ  แชะ  แชะ  แชะ

 

หลังจากที่นั่งวาดรูปกันมาสักพักใหญ่ๆแล้ว ความเงียบในห้องศิลป์ก็ถูกทำลายลงด้วยเสียงชัตเตอร์จากกล้องมือถือของนิชคุณ

 

 

เฮือก!!!

 

 

นิชคุณตั้งใจจะแอบถ่ายรูปน้องไอติมไปดูเพลินๆ แต่ดันลืมปิดเสียงชัตเตอร์ แถมยังเปิดโหมดถ่ายต่อเนื่องไว้อีกต่างหาก

 

เสียงอ๊คแคทยอนเพื่อนรักลอยมากระแทกหูทันที “นิชคุณคนกาก”

 

ดวงตากลมโตเบิกกว้าขึ้นด้วยความตกอกตกใจ มือไม้สั่นไปหมดกลัวว่าน้องอูยองจะจับได้ว่าเขาแอบถ่าย เ

พราะมุมกล้องมือถือ มันเอียงตรงไปหาน้องอูยองอย่างเห็นได้ชัดเจน  เขาค่อยๆเงยหน้าขึ้นไปมองหน้าน้องอูยองอย่างช้าๆ ก่อนจะสบตากันกับดวงตาตี่เล็กคู่นั้น   นิชคุณอ่านดวงตาคู่นั้นออก มันบ่งบอกว่า น้องอูยองกำลังสงสัยว่าเขาถ่ายรูปอะไร

 

“พี่ไม่ได้ถ่ายรูปน้องอูยองนะครับ!!”

 

นิชคุณรีบแก้ตัวอย่างลุกลี้ลุกลน  ก่อนจะยกมือขึ้นมาปาดเหงื่อออกจากหน้าผาก วันนี้อากาศเป็นบ้าอะไรทำไมถึงได้ร้อนระอุแบบนี้วะเนี้ย

 

“เอ่อ…ผมก็ยังไม่ได้คิดว่าพี่คุณจะถ่ายรูปผมนะครับ”  อูยองมองนิชคุณด้วยสีหน้างุนงง  หรือสีหน้าอูยองมันแสดงความไม่ออกมาอย่างชัดเจนอย่างงั้นเหรอ?  พี่เขาถึงได้รีบแก้ตัว

 

“อ๋อ…อืมนั่นแหละ พี่ถ่ายรูปงานหน่ะ ขอโทษทีนะพี่ลืมปิดเสียง เลยทำให้รบกวนสมาธิ”

 

“ครับ ไม่เป็นไรครับ ผมเองก็ยังคิดไม่ออกเลยว่าจะวาดอะไรดี”

 

“เพราะอากาศร้อนรึเปล่า ก็เลยคิดงานไม่ออก ร้อนเนอะ วันนี้ร้อนจริงๆ เดี๋ยวพี่เดินไปเปิดพัดลมให้”

 

นิชคุณยังลนลานไม่หาย เหงื่อท่วมตัวอย่างกับไปวิ่งออกกำลังกายมายังไงอย่างงั้นเลย ร่างสูงเดินไปกดสวิตซ์พัดลมที่อยู่มุมห้อง พร้อมกับปาดเหงื่อออกจากใบหน้ารัวๆ  พลางบ่นให้ตัวเองอยู่ในใจ

 

“ไม่รอบครอบเลยนิชคุณเอ้ย ทำไมแม่งไม่ปิดเสียงก่อน เห็นมั้ยถ่ายมาได้ไม่กี่รูป!!”

 

 

“ว่าแต่พี่คุณวาดรูปอะไรเหรอครับ? ผมขอดูหน่อยได้มั้ยครับ”

 

เวรกำของนิชคุณแล้วครับ เมื่อกี้บอกน้องอูยองว่าถ่ายงานของตัวเอง  แต่ที่จริงแล้วเขายังไม่ได้ลงมือวาดอะไรเลยสักนิด ก็มัวแต่นั่งมองหน้าน้องอูยองอยู่หน่ะสิ คนอะไรสิบนาทีสิบอิริยาบถ ไหนจะเม้มปาก ไหนจะเอาก้นดินสอจิ้มแก้มตัวเอง ไหนจะพองแก้ม และอีกสารพัดอิริยาบถที่นิชคุณนั่งมองอย่างเพลินๆ

 

“เอ่อ….พี่แค่ลงเส้นไปเส้นเดียวเอง ยังไม่มีรายละเอียดอะไรหรอกครับ”

แล้วนิชคุณก็ลงมือลากเส้นไปซะตอนี้เลยล่ะครับ

 

“อ๋อครับ พี่คุณต้องถ่ายรูปผลงานตัวเองทุกๆขั้นตอนเลยเหรอครับ”

อูยองถามด้วยสีหน้าจริงจัง เพราะอยากจะได้เอาไปเป็นความรู้ และสะสมประสบการณ์เอาไว้ ว่ารุ่นพี่เค้าทำกันยังไง

 

“ใช่ครับ ใช่เลย ต้องถ่ายรูปไว้ ทุกๆขั้นตอน”

 

 

วิ้ดวิ้วว~~~~

 

 

เสียงผิวปากดังขึ้นมาจากประตูทางเข้า เสียงแบบนี้ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอก นอกจากแทคยอน แล้วมันจะมาทำไม

ให้ช่วยชง ไม่ได้ให้มาเป็นก้างขวางคอนะโว้ย!

 

“ทำอะไรกันอยู่เหรอออออออ”    แทคยอนลากเสียงยาวๆ แล้วยิ้มด้วยสีหน้ากลุ้มกริ่มมองเพื่อนตัวเองแล้วก็ผลัดไปมองหน้าน้องอูยอง

 

“อ่าว รุ่นพี่แทคยอน สวัสดีครับ”  อูยองรีบลุกขึ้นทักทายรุ่นพี่ที่พึ่งจะเดินเข้ามาอย่างสุภาพ

 

“พอดีมีธุระต้องมาแถวๆนี้นิดหน่อยอ่ะ ก็เลยแวะมาเฉยๆ~”

 

“งั้นดีเลยครับ รุ่นพี่แทคยอนมานั่งวาดรูปด้วยกันก่อนสิครับ”

 

นิชคุณยกมือขึ้นทำกากบาทอยู่หลังกระดานวาดรูปที่อยู่ตรงหน้าตัวเอง เชิงบอกว่าไม่ต้อง!!

พูดง่ายๆว่าไล่นั่นแหละ

 

ส่วนทางแทคยอนได้แต่กระตุกยิ้มมุมปากออกมาเพียงเล็กน้อย ก่อนจะบอก

“อื้ม ก็ดีเหมือนกัน พี่กำลังอย่ากวาดรูปพอดี อารมณ์ศิลป์กำลังมาด้วยสิ~”

 

“ไอ้แทค!!!”  นิชคุณถลึงตาใส่ แถมยังตะคอกใส่แทคยอนเสียงดัง   ไหนมันบอกว่าจะช่วยเป็นพ่อสื่อวะ  ทำแบบนี้มันไม่ได้เรียกว่าพ่อสื่อ มันเรียกว่าก้างขวางคอ!!

 

แทคยอนอมยิ้มออกมาทันที ที่จริงแทคยอนก็แค่อยากจะแกล้งนิชคุณไปอย่างงั้นแหละ แหมเห็นมันอยู่ในโหมดแบบนี้ก็อดจะแกล้งไม่ได้   ไหนล่ะนิชคุณคนเดิมที่เคยเป็นเสือผู้หญิง หักอกสาวมันนัดต่อตัด ไม่เคยคิดจะจีบใครก่อน แล้วตอนนี้มานั่งเฝ้าน้องอูยอง จะจีบเขา มันยังไม่กล้าเลย

 

“ทำไม? กูนั่งวาดด้วยไม่ได้เหรอ น้องอูยองอุส่าชวน เนอะน้องอูยองเนอะ”

 

“ไม่ได้โว้ย!!”   นิชคุณสุดจะโมโห มึงจะกวนประสาทกูตอนไหนก็ได้ แต่จะมากวนประสาทกูตอนนี้ไม่ได้นะไอ้เพื่อนรัก!

 

อูยองขมวดคิ้วมองนิชคุณด้วยความสงสัยว่าทำไมรุ่นพี่แทคยอนแค่อยากจะมา

วาดรูปด้วย   ถึงต้องขึ้นเสียงใส่เพื่อนตัวเองขนาดนั้นด้วย

 

“พี่คุณทำไมถึงต้องเสียงดังใส่รุ่นพี่แทคยอนล่ะครับ? ,วาดรูปด้วยกันหลายๆคนก็ดีออกนี่ครับ ”   ด้วยความที่อูยองเป็นเด็กขี้สงสัย ก็เลยต้องถามออกไปตรงๆ

 

“เอ่อ…คือ…พี่พึ่งนึกขึ้นได้ว่าแทคยอนมันมีงานต้องไปทำต่อน่ะ นึกขึ้นได้ก็เลยเรียกชื่อมันเสียงดังเฉยๆครับ ไม่มีอะไร นี่พวกเราคุยกันแบบนี้เป็นปกติครับ

น้องอูยองไม่ต้องตกใจนะ”

 

 

“หรา???”   แทคยอนพูดออกมาในใจ

 

 

“สงสัยวันนี้พี่จะไม่ได้วาดรูปกับน้องอูยองจริงๆแล้วล่ะ”

 

“รุ่นพี่แทคยอนต้องไปทำธุระอย่างที่พี่คุณเค้าว่าเหรอครับ”

 

“ก็คงอย่างั้นแหละครับ เออนี่น้องอูยองจะเรียกพี่ว่า พี่แทคเฉยๆก็ได้นะครับ~ อย่างที่เรียกพี่คุณน่ะ”

 

“ก็ได้ครับพี่แทค^^”

 

“มึงจะไปได้รึยังครับเพื่อน?”  นิชคุณแทรกขึ้น และทำสีหน้าไม่ค่อยพอใจใส่แทคยอน

 

“เออ! ไปแล้วก็ได้ วาดรูปกันให้สนุกนะ”  แทคยอนเบ้ปากใส่เพ่อนสนิท ก่อนจะยักไหล่ใส่ แล้วก็เดินจากไป

.

.

.

เวลาผ่านไปเกือบจะสองชั่วโมง ถามว่านิชคุณได้งานมั้ย ตอบได้เลยว่า ไม่!!  วันนี้นิชคุณไม่ได้ตั้งใจจะมาวาดรูปอะไรทั้งนั้นแหละ ก็มีน้องอูยองผู้น่ารักมานั่งให้มองอยู่ตรงหน้า ใครล่ะจะมีสมาธิวาดรูป มีแต่นั่งจ้อง พอน้องมันเหลือบมา ก็ต้องทำเป็นวางฟอร์ม มองไปที่กระดานวาดรูปที่อยู่ตรงหน้า

 

“อ้าว เห้ย!!!”   นิชคุณร้องออกมาเสียงดังด้วยความตกใจ

 

ก็เผลอแป้บเดียว น้องอูยองละเลงสีเลอะมือตัวเองทั้งสองข้าง ท่าทางตั้งอกตั้งใจลงสีมากเลยทีเดียว

 

“มีอะไรเหรอครับ?”   อูยองเงยหน้าขึ้นมาถามคนที่อุทานออกมาเสียงดัง มีอะไรน่าตกใจขนาดนั้นเลยเหรอ

 

“ระบายสียังไงให้เลอะมีตัวเองสองข้างขนาดนี้เนี้ย?”

 

“ก็ผมผสมสีที่อยากได้ แต่มันก็เละเทะนิดหน่อยครับ เดี๋ยวค่อยไปล้างมือทีเดียว”

 

“เอาไว้พี่จะสอนเทคนิคให้ทีหลังนะ ปีหนึ่งอาจารย์คงยังไม่ได้สอน มานี่มา พี่เช็ดมือให้ เดี๋ยววาดรูปไปแล้วสีมันจะเลอะกระดาษเอา”

 

อูยองยังไม่ทันได้ตอบตกลงว่าจะให้นิชคุณเช็ดมือให้ นิชคุณก็รีบลุกไปเอาผ้าชุบน้ำยาทำความสะอาดสี  แล้วเดินไปลากเก้าอี้มานั่งลงข้างๆน้องไอติม ก่อนจะคว้าเอามือน้องไปติมข้างที่เลอะมาจับเอาไว้เตรียมจะเช็ดมือให้

 

“ไม่ครับ! ผมจะเช็ดเอง!”  อูยองสะบัดมือตัวเองออกจากมือนิชคุณด้วยความตกใจ

 

นิชคุณคิดในใจ เขาแค่จับมือ ลูกเจี๊ยบตัวน้อยยังตกใจขนาดนี้ แล้วอย่างงี้เขาจะกล้ารุกจีบ

น้องไอติมอย่างเต็มกำลังได้ยังไงกันล่ะ เดี๋ยวไก่ได้ตื่นหนีกันไปพอดี

 

“สีนี้มันเช็ดออกยากนะ ถ้าให้พี่เช็ดออกให้รับรองแป๊บเดียวนิ้วสะอาดเอี่ยมเลยครับ”

แล้วมือหนาก็คว้าหมับไปที่ข้อมือเล็กของน้องไอติม
พร้อมกับใช้ผ้าบรรจงเช็ดลงไปที่นิ้วเรียวของอีกคนอย่างทะนุถนอม

 

“ไม่!! พี่! ผมเช็ดเองได้”

อูยองพยายามจะแกะมือหนาของอีกคนออก แต่ก็ไม่ได้ผลเพราะมือของ

รุ่นพี่นิชคุณ จับข้อมือของอูยองแน่นซะเหลือเกิน

 

“เนี้ย เสร็จแล้ว ไม่เลอะแล้ว จะโวยวายทำไมล่ะครับ”

 

“ก็แค่เช็ดมือเองนี่ครับ ไม่เห็นจำเป็นต้องให้คนอื่นเช็ดมือให้เลยนี่ครับ ผมไม่ใช่เด็กอายุสองขวบที่จะเช็ดมือเองไม่ได้นะครับ”

 

ก็จริงนั่นแหละ แค่เช็ดมือ ให้เช็ดเองก็ได้ แต่นิชคุณอยากจะเช็ดให้ไง

“พี่อยากจับมือน้องไอติมเฉยๆครับ โอเคป่ะ” นี่เป็นสิ่งที่นิชคุณทำได้แค่คิดเท่านั้น

 

 

“เย็นนี้ว่างมั้ยครับ”     นิชคุณชวนเปลี่ยนเรื่องคุยทันที

 

“ก็ไม่รู้สิ น่าจะว่างมั้งครับ”

 

“เอ่อ…”   พอจะชวนน้องอูยองไปเดินเล่นทำไมเหงื่อต้องออกอีกแล้ววะ นิชคุณไม่เข้าใจตัวเอง

 

“พี่คุณเป็นอะไรรึเปลาครับ?”   อูยองขมวดคิ้วถาม  พี่คุณดูอ้ำๆอึ้งๆ แถมยังนั่งเอามือปาดเหงื่อออก อากาศก็ไม่ได้ร้อนเท่าไหร่นี่นา

 

“เย็นนี้แทคยอนกับมินจุนเค้าไปกินข้าวด้วยกันอ่ะครับ”  คือที่จริงแล้วสองคนนั้นก็ไปกินด้วยกันทุกวันนั้นแหละ

 

“ครับ? ยังไงต่อครับ?”   อูยองขมวดคิ้วอีกรอบ เพราะยังไม่เข้าใจในสิ่งที่พี่คุณอยากจะสื่อ

 

“ไป…เอ่อเดินเล่นเป็นเพื่อนพี่หน่อยสิ ไปหาอะไรกินกันมั้ย พี่ไม่มีเพื่อนไปพอดีเลย”    นิชคุณเกร็งมือเกร็งเท้าไปหมดกว่าจะกล้าพูดออกมาได้ ก็มันไม่เคยชวนใครไปทำอะไรแบบนี้นี่หว่า

 

“เดินเล่นที่ไหนเหรอครับ?”

 

ที่ไหนดีล่ะ ที่ไหนดี!!  นิชคุณกรอกตาไปมา กำลังคิดว่าแถวๆนี้มันมีอะไรน่าพาน้องอูยองไปเดินเล่นบ้างมั้ย

 

“เอ่อ….พี่คุณ? จะชวนไปไหนครับ?”   เห็นพี่คุณนั่งเงียบอยู่สักพักอูยองก็เลยต้องถามอีกรอบ

 

“ไปตลาดนัดนักศึกษากันมั้ย  น้องอูยองคงยังไม่รู้ว่าที่นี่มีตลาดนัดนักศึกษา เอาไว้ให้นักศึกษาขายของกัน

มีหลายอย่างนะ ของเยอะกว่างาน Art fair ของกินก็เยอะด้วย ไปเดินหาอะไรกินกันดีมั้ย”

 

“อ่า…ถ้าเป็นงานแบบนี้ ผมไม่อยากไปกับพี่คุณแล้วล่ะครับ”

 

นิชคุณได้แต่นั่งกรอกตาไปมา เพราะเหตุการณ์วันนั้นสินะ น้องอูยองถึงไม่อยากไปไหนมาไหนกับเขาอีก

 

“เอาเป็นว่ามันจะไม่มีทางเป็นแบบนี้อีก ไปเดินเล่นกับพี่เถอะนะครับ”

นิชคุณส่งสายตาอ้อนวอนมองไปทางน้องไอติมอย่างสุดฤทธิ์

 

พออูยองนึกย้อนไปวันนั้นก็ได้แต่นั่งทำหน้าเซ็งๆ นั่งรอพี่คุณตั้งนาน สุดท้ายอูยองก็ต้องได้เดินดูงานคนเดียว

“ผมไม่อยากไปกับพี่คุณจริงๆนะครับ ถ้าไปกับพี่คุณนะ ผมเดินคนเดียวก็ได้

ไม่ต้องยืนรอให้พี่คุณถ่ายรูปกับสาวๆให้เมื่อยด้วย”

 

น้องไอติมมันปฏิเสธอย่างเดียวเลยครับ ทำเอานิชคุณนั่งกุมขมับอยู่นานสองนาน คิดหาทางเกลี้ยกล่อม จะทำยังไงให้น้องไอติมอยากไปเดินเล่นด้วยกันอีก

 

 

“เอาอย่างงี้พี่จะไม่ให้ให้มาถ่ายรูปพี่แล้ว ไม่ให้เลยแม้แต่คนเดียว”

 

“ผมว่ายากนะครับ พี่คุณห้ามเค้าไม่ได้หรอก”

 

= =’

 

“น้องอูยองไม่ต้องห่วงว่าจะได้เดินงานคนเดียวเหมือนที่อยู่งาน Ari fair หรอกนะ พี่จัดการได้จริงๆ”

 

“ถ้าเกิดผมต้องยืนรอพี่คุณถ่ายรูปกับสาวๆอีก ผมจะไม่มีทางไปกับพี่คุณอีกเด็ดขาด!”

 

เอ๊ะ นี่เรียกว่างอนหรือเปล่านะ ทำไมน้องไอติมทำหน้าบึ้งใส่กันด้วย?   แต่ช่างเถอะ

น้องไอติมยอมไปด้วยก็ถือเป็นบุญของนิชคุณแล้วล่ะ

.

.

.

.

ณ ตลาดนัดนักศึกษา

 

ทันทีที่ลงจากรถนิชคุณก็รีบเดินเคียงคู่กับน้องอูยองทันทีทันใด ไม่เพียงแค่นั้น ยังยกแขนไปโอบไหล่น้องอูยองอีกต่างหาก   อูยองสะดุ้งนิดหน่อยที่อยู่ๆก็โดนโอบไหล่ เพราะไม่เคยมีเพื่อนสนิท หรือใครมาเดินโอบไหล่กันแบบนี้  มือเล็กยกขึ้นมา แล้วค่อยๆจับเอาแขนของนิชคุณออกจากไหล่ของตัวเอง ก่อนจะตีตัวออกห่าง ไม่ให้เดินตัวตัดกันจนเกินไป

 

“ช่วยพี่หน่อยนะอูยอง”    นิชคุณเดินมาโอบไหล่อูยองอีกรอบ

 

“เอ่อ…พี่คุณครับให้ผมช่วยอะไรเหรอครับ?”

อูยองพยายามแกะมือของนิชคุณออก เพราะอูยองสัมผัสได้ว่ามีสายตาของสาวๆจับจ้องมองเขาด้วยความอิจฉาริษยา สายตาของผู้หญิงที่มองมาแบบนี้ช่างน่ากลัวยิ่งกว่าอะไรซะอีก มองแบบนี้เขาจะโดนตบมั้ย? แต่ก็ไม่แปลกหรอกที่โดนมองแบบนั้น เพราะอูยองมากับคนหล่อ คนดังของมหาวิทยาลัยนี่เนอะ แถมตอนนี้ยังโดนพี่คุณโอบไหล่อีก

อูยองอยากจะตะโกนบอกเหลือเกินว่าอย่ามองด้วยสายตาแบบนั้นเลย เพราะพี่คุณเป็นพี่ที่คณะเฉยๆ ไม่ได้มีอะไรหรอก พวกผู้หญิงเขาคิดมากกันจังเลยแฮะ

 

“ถ้าคนอื่นมองว่าเราสองคนสนิทกันมาก เค้าก็คงจะไม่กล้ามาขอถ่ายรูปพี่หรอก ช่วยสนิทกับพี่หน่อยนะครับ ทำตัวตามสบายนะน้องอูยอง ไม่ต้องเกร็ง”

 

“สนิทกันทำไมต้องเดินโอบไหล่ด้วยล่ะครับ เดินกันดีๆก็ได้นี่ครับ”

 

“โอบไหล่เนี้ย ทำให้คนอื่นมองว่าเราสองคนสนิทกันม๊ากมาก มากับคนสนิทจะมีใครกล้าแทรกตัวเข้ามาขอถ่ายรูปจริงมั้ยล่ะ”

สิ่งที่อยากพูดคือ อยากให้คนอื่นมองว่าเราเป็นแฟนกันน่ะครับ น้องไอติม

 

“ก็ไม่รู้สิครับ พี่คุณคิดว่ามันจะได้ผลเหรอครับ”

 

“ครับ พี่เชื่อแบบนั้น”

 

“อ่า..ครับ”

อูยองจะลองเชื่อพี่คุณดูก็ได้ เพราะอูยองก็ไม่ได้อยากให้พี่คุณโดนรุมขอถ่ายรูปสักเท่าไหร่ มันน่าเบื่อที่อูยองจะต้องมานั่งรอเหมือนวันนั้น

 

นิชคุณแวะซื้อทาโกะยากิ ร้านที่ขึ้นชื่อว่าอร่อยที่สุดในมหาวิทยาลัย พอเสร็จแล้วก็หันกลับมาหาอูยอง แต่เขาเห็นสายตาพวกผู้ชายคณะวิศวะจับจ้องมาที่อูยองปานจะกลืนกิน นิชคุณก็ได้แต่นับหนึ่งให้ถึงสิบ พยายามใจเย็นๆและไม่คิดมาก

 

“ทาโกะยากิหน่อยมั้ยครับ? ร้านนี้อร่อยนะ”

นิชคุณใช้ไม้จิ้มทาโกะยากิขึ้นมาแล้วยื่นจะป้อนให้กับอูยอง  ที่ทำแบบนี้ก็เพราะอยากทำให้พวกเด็กวิศวะพวกนั้นเห็นว่า อย่าได้มองน้องไอติมของเขาด้วยสายตาแบบนั้น เพราะน้องไอติมจะต้องเป็นของนิชคุณคนเดียวเท่านั้น

 

อูยองรีบคว้าเอาไม้ทาโกะยากิที่พี่คุณยื่นให้ทันที เพราะถ้าอูยองไม่จับไว้พี่คุณก็คงจะป้อนเข้าปากไปแล้วละมั้ง  อูยองก้มหน้าก้มตากินทาโกะยากิ เคี้ยวก้อนกลมๆก้อนนั้นจนแก้มตุ่ย ทำเอานิชคุณยิ้มแล้วก็หัวเราะออกมา  กินเสร็จรีบยื่นไม้คืนให้กับนิชคุณทันที

 

“อร่อยมั้ยครับ?  เคี้ยวแก้มตุ่ยเชียว”

 

อูยองกำลังเคี้ยวทาโกะยากิอยู่ ก็เลยตอบคำถามโดยการพยักหน้าให้รัวๆ

 

อูยองหยุดแวะร้านขายพวกต้นไม้ขนาดจิ๋ว อูยองมองหาร้านพวกนี้อยู่ตั้งนานแล้ว อยากจะได้ไปตั้งไว้ในห้องสักสามสี่ต้นให้พอมีสีสัน ช่วยเพิ่มบรรยากาศในห้องให้ดูสดชื่นซะหน่อย   จากที่กวาดตาดูทั่วร้านอยู่นานสองนาน มันก็มีแต่ต้นสวยๆ แล้วกระถางที่ทางร้านใช้ปลูกก็น่ารักแตกต่างกันไป ทำเอาอูยองเลือกยากเลยทีเดียว

 

“ต้นละเท่าไหร่ครับ?”  อูยองยกต้นไม้จิ๋วที่ถูกตัดให้เป็นรูปร่างคล้ายๆลูกเจี๊ยบให้เจ้าของร้านดู

 

“ต้นนั้นสี่ร้อยห้าสิบบาทค่ะ เป็นงานฝีมือเลยนะ กว่าเค้าจะตัดให้ออกมาลักษณะนี้ได้ ยากมากเลยนะ ก็เลยแพงหน่อย พี่เอามาแค่ต้นเดียวเอง เพราะมันแพง”

 

สี่ร้อยห้าสิบบาท! แพงไปรึเปล่า ต้นไม้ต้นเล็กนิดเดียวเองนะ ช่วงนี้ยิ่งต้องเก็บเงินซื้อมือถือใหม่อยู่ด้วย จะใช้เงินที

อูยองก็ต้องคิดทบทวนให้ดีๆ

 

“แต่มันสวยนะ”

 

“มันมีต้นเดียวด้วยนะ”

 

“แต่มันแพงมากเลยนะ!!!!!”    อูยองเถียงกับตัวเองในใจ ก่อนจะมองหน้าเจ้าของร้านด้วยสีหน้าออดอ้อน

 

“ลดให้หน่อยได้มั้ยครับ”

 

“ได้มากสุดสี่ร้อยบาทถ้วนค่ะ ได้แค่นี้จริงๆ”

 

อูยองถอนหายใจแล้วก็วางต้นไม้ต้นนั้นลง ก่อนจะมองหาต้นอื่นที่ถูกกว่านี้

 

“เอามั้ยพี่จะซื้อให้”  เสียงทุ้มใจดีดังขึ้น

 

อูยองมองหน้านิชคุณงงๆ จะซื้อของให้อีกแล้วเหรอ บ่อยเกินไปรึเปล่า ซื้อให้ด้วยเหตุผลอะไร รุ่นพี่มหาวิทยาลัยเค้าใจดีดูแลรุ่นน้องดีขนาดนี้เลยเหรอ?

 

“ไม่เอาครับ”  อูยองปฏิเสธ ก่อนจะหันไปเลือกต้นไม้ต้นอื่นต่อ

 

“พี่ไม่ได้จะซื้อให้น้องอูยองฟรีๆ”

อูยองหันมามองด้วยความสงสัย  ถ้าจะซื้อให้แล้วต้องมีข้อแลกเปลี่ยนอูยองก็ไม่อยากได้หรอกนะ ไม่ได้อยากจะมาทำตามข้อตกลงของใครเพียงเพราะคนนั้นซื้อของให้

 

“ถ้ามีข้อตกลง ผมยิ่งไม่อยากได้อ่ะครับ ผมไม่ค่อยอยากมีข้อผูกมัดครกับสักเท่าไหร่”

อูยองเป็นคนตรงๆอยู่แล้ว ก็เลยบอกเหตุผลโดยไม่อ้อมค้อม

 

นิชคุณหยิบต้นไม้ที่ถูกตัดแต่งเป็นรูปหัวใจขึ้นมาชูให้อูยองดู

“พี่อยากได้ต้นนี้”

 

อูยองมองแล้วก็ขำออกมาเพราะต้นไม้ที่พี่คุณเลือกช่างไม่เหมาะกับพี่คุณ น่ารักไปรึเปล่า จะเลี้ยงต้นไม้รูปหัวใจ

 

“ต้นไม้รูปหัวใจเนี้ยนะครับ?”

 

“อื้ม ทำไมล่ะ ไม่ชอบเหรอ?”

 

“เอ้า พี่คุณถามผมทำไม ถ้าพี่ชอบพี่ก็ซื้อสิครับ”

 

“ก็ไม่ได้ชอบรูปหัวใจเท่าไหร่ แต่ตอนนี้มองว่ามันน่ารักดี เลยอยากซื้อแต่ไม่มีปัญญาดูแลมันหรอก น้องอูยองจะช่วยดูแลมันให้ได้มั้ยล่ะ ถ้าดูแลแทนพี่ได้พี่จะซื้อต้นนี้ กับต้นที่น้องอูยองอยากได้ ยกให้สองต้นไปเลี้ยงเป็นเพื่อนกันเลย”

 

“นี่คือข้อตกลงเหรอครับ?”

 

“อื้ม ง่ายมั้ยล่ะ ต่างคนก็ต่างอยากได้พี่ว่ามันก็ไม่ได้เสียหายนะ แค่เลี้ยงต้นไม้แทนพี่เอง”

 

ง่ายมากๆ ข้อตกลงของพี่คุณง่ายจนอูยองต้องยิ้มออกมา ก็ดีซะอีกอูยองจะได้เลี้ยงต้นไม้พร้อมกันถึงสองต้น

 

“งั้นก็ตกลงครับ”

 

นิชคุณอมยิ้ม แล้วพ่อบุญทุ่มก็ควักเงินในกระเป๋าออกมาจ่ายค่าต้นไม้ทั้งสองต้น  แล้วยื่นถุงต้นไม้ให้กับอูยอง

กับอิแค่ซื้อต้นไม้ให้อูยอง แล้วเห็นน้องมันยิ้มทำไมต้องรู้สึกมีความสุขมากขนาดนี้

“นิชคุณแพ้รอยยิ้มนี้หวะ” นิชคุณบอกกับตัวเองในใจ  เห็นแล้วเขาไม่สามารถหุบยิ้มได้เลย

 

 

d1gm2c cfpwj7

 

TBC…

Talk

หายไปนาน ขอโทษด้วยนะคะ T^T

ขอบคุณทุกๆคอมเม้นต์ค่ะ #ฟิคน้องไอติม

[Fic khunwoo] You Are My ice cream ตอนที่ 7

Title: You Are My ice cream ตอนที่ 7

Couple: KhunWoo

Writer: ilovekw

Rate : PG 

Gente :  romantic comedy

 

CY7Oy7vUEAUwsK1.jpg large

 

 

 

หกโมงเย็น ตามเวลานัด ที่นิชคุณนัดจะพาอูยองไปดูงาน art fair  รถสปอร์ตคันเดิมขับมาจอดเทียบร้านไอติมที่น้องอูยองทำงานอยู่ เพราะเขานัดเจอน้องที่นี่       นิชคุณมองอูยองผ่านกระจกรถ   นี่น้องอูยองคงไปอาบน้ำแต่งตัวมาใหม่แน่ๆ       ใส่กางเกงยีนส์สีซีดขาดๆ เสื้อไหมพรหมแขนยาวสีขาวบางๆ ดูเซอร์ถูกใจนิชคุณจริงๆ    แต่ว่าเซอร์ยังไงให้ดูน่ารักน่าเอ็นดูได้ขนาดนี้กันนะ    ทันทีที่อูยองเปิดประตูรถขึ้นมานั่ง กลิ่นหอมอ่อนๆก็ลอยมาเตะจมูกนิชคุณทันที กลิ่นนี้ทำเอานิชคุณแทบจะพุ่งตัวเข้าไปสูดดมให้ฉ่ำปอดซะจริงๆ  น้องอูยองเค้าปะแป้งเด็ก เอาสบู่เด็กมาถูตัวหรือไง  ทำไมถึงได้มีกลิ่นประจำตัวที่หอมน่าทะนุถนอมขนาดนี้

 

cats

 

“เอ่อ…พี่คุณจะไม่ออกรถเหรอครับ?”    อูยองขึ้นมานั่งคาดเข็มขัดเรียบร้อยแล้ว แต่ดูเหมือนว่าพี่คุณจะดูไม่ค่อนจะมีสติสักเท่าไหร่ มัวคิดอะไรอยู่ก็ไม่รู้นะ

 

“เอ่อ กำลังออกรถครับ”

นิชคุณละสายตาจากใบหน้าหวานของน้องไอติมแทบไม่ทัน ก่อนจะมองจดจ้องไปที่ถนนข้างหน้าแทน

 

 

“เดี๋ยวครับ”

 

“ครับ?”   นิชคุณหันมาขมวดคิ้วถามน้องไอติมคนติสท์ที่นั่งอยู่อีกฝั่ง

 

“พี่คุณไม่คาดเข็มขัด!”

 

“อ๋อครับๆ คาดแล้วๆ”

นิชคุณรีบดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดอย่างว่องไว  ทำไมคำสั่งน้องไอติมถึงทำให้เขาทำตามได้ไวขนาดนี้  เป็นใครเหรอ? แล้วมีอำนาจอะไรมาสั่งเหรอ?

.

.

.

.

ทันทีที่เดินย่างก้าวเข้ามาในงาน art fair ได้ไม่กี่ก้าว

 

“นั่นรุ่นพี่นิชคุณ!!!”

 

 

“กรี๊ดดดดดดดนิชคุณ!”

 

 

“ขอถ่ายรูปหน่อยสิคะรุ่นพี่นิชคุณ”

 

 

ทั้งเสียงตุ๊ด เสียงผู้หญิงส่งเสียงดังมาทั่วทุกสารทิศ  นั่นแหละคือสิ่งที่ทำให้นิชคุณไม่อยากจะมาเดินงานนี้สักเท่าไหร่  เพราะงานนี้จะมีคนจากหลายๆคณะชอบมาเดินซื้อของอาร์ทๆกัน  ถ้าเขามาที่นี่ ก็จะกลายเป็นคนสาธารณะมีคนแห่เข้ามาขอถ่ายรูปมากหน้าหลายตา  และเขาเองก็ปฏิเสธแทบจะไม่ได้

 

 

“ขอถ่ายรูปหน่อยนะคะ”   เสียงหญิงสาวที่ใส่เสื้อช็อปจากคณะวิศวะดังขึ้น ไม่เพียงเท่านั้นเธอยังรีบโน้มตัวเข้ามาใกล้ๆนิชคุณ แล้วชูสองนิ้ว รอให้เพื่อนกดถ่ายรูปให้

 

 

“เอ่อ..ครับ”   ตั้งท่าจะถ่ายรูปคู่มาขนาดนี้นิชคุณจะปฏิเสธก็ยังไงอยู่  นิชคุณอมยิ้มนิดหน่อยตามมารยาท แล้วเสียงชัตเตอร์ถ่ายรูปก็ดังขึ้น เป็นอันว่าเรียบร้อย

 

นิชคุณก็แค่เคยเป็นเดือนคณะ ตอนปีหนึ่ง แต่นั่นก็นานมาแล้ว เขาก็ไม่เข้าใจว่าทำไมคนยังจะตามมาขอถ่ายรูปอยู่ไม่หยุดไม่หย่อน เขาไม่ใช่ดารา หรือคนของประชาชนสักหน่อย

 

 

“อย่าพึ่งไปค่ะรุ่นพี่  ถ่ายรูปกับพวกหนูก่อนได้มั้ยคะ”

นิชคุณที่กำลังจะเดินเข้าไปดูงานพร้อมกับอูยอง ก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อโดนน้องผู้หญิงดึงมือเอาไว้ แล้วขอถ่ายรูปด้วย  เธอมาเป็นแก๊ง ราวๆเจ็ดถึงแปดคนได้

 

“เอ่อ ครับ ถ่ายรวมเป็นกลุ่มเลยนะครับ พอดีพี่รีบจะเข้าไปดูงาน”

 

“ไม่ค่ะ ขอถ่ายคู่ ทีละคนๆนะคะ นะ นานๆจะได้เจอรุ่นพี่นิชคุณ พวกเราไม่มีโอกาสเจอรุ่นพี่นิชคุณใกล้ๆแบบนี้สักเท่าไหร่ ไม่กล้าเข้าไปถ่ายรูปพี่ที่คณะน่ะค่ะ นะคะ นะๆๆๆ”

นิชคุณได้แต่ยืนถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยใจเล็กน้อย แต่ใบหน้าหล่อนั้นยังคงยิ้มแย้มแจ่มใสอยู่ดี

 

 

ส่วนอูยองได้แต่ยืนมองตาปริบๆ นี่อูยองมากับคนฮอตฮิตของมหาวิทยาลัยนี้หรอกเหรอ ไม่คิดว่ารุ่นพี่นิชคุณจะปอปปูล่ามากขนาดนี้  อูยองยืนมองกลุ่มผู้หญิงที่มายืนรอ จะมาขอถ่ายรูปคู่กับพี่คุณก็อีกหลายคนเหมือนกัน อูยองเลยเลือกที่จะนั่งยองๆ รอแถวๆนั้น เพราะยืนนานเขาก็เมื่อยเหมือนกันนะ

 

นิชคุณหันหลังมามองคนที่ตัวเองบอกจะพามาเดินดูงานอาร์ทแฟร์ เห็นอูยองนั่งยองๆอยู่กับพื้นแถมยังทำหน้าเซ็งๆ ก็อดจะรู้สึกผิดไม่ได้ แล้วยิ่งนั่งยองๆแบบนั้นก็กลัวจะเมื่อยเอา  แบบนี้นิชคุณก็ยิ่งอยากจะเลิกให้คนพวกนี้เลิกถ่ายรูปสักที ตอนนี้แทนที่จะได้เข้าไปเดินดูงานกันแล้ว  แต่อูยองกลับต้องได้มานั่งรอเขาอยู่คนเดียว

.

.

.

ผ่านไปแล้ว ห้า นาที คนมารุมขอถ่ายรูปพี่คุณไม่หยุดไม่หย่อน แถมยังมากันเรื่อยๆ คนนั้นถ่ายเสร็จ คนนี้ขอต่อ อูยองก็เลยลุกขึ้น แล้วเดินเข้าไปสะกิดข้างหลังนิชคุณเบาๆ

 

“พี่คุณ ผมไปเดินเล่นในงานรอนะครับ”     อูยองกระซิบบอกเบาๆ ก่อนจะเดินเข้าไปในงานทันที

 

“เอ่อน้องอูยองอีกแป๊บเดียวครับ รอ…”

นิชคุณตะโกนบอก แต่เหมือนจะไม่ทันเพราะอีกคนเดินดุ่มๆเข้างานไปคนเดียวอย่างรวดเร็ว  เขาก็แทบอยากจะเดินตามอูยองไปซะตอนนี้ แต่โดนตุ๊ดควงแขนไว้ จะให้เขาทำยังไงได้ล่ะ

.

.

.

ผ่านไป 15 นาที

 

 

“น้องไอติมไปไหนแล้ววะเนี้ย”

นิชคุณชะเง้อหาอูยอง บวกกับต้องเก๊กสีหน้าดาร์คๆหน่อย จะได้ไม่มีใครกล้าเข้ามาขอถ่ายรูป

 

คนในงานก็พลุกพล่านซะเหลือเกิน จะหากันเจอได้ยังไง

 

“มีเบอร์น้องไอติมนี่หว่า” นิชคุณยิ้มกว้าง ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาโทรออกหาน้องไอติม

 

“พกมือถือมามั้ยวะเนี้ย ทำไมไม่รับ”  นิชคุณบ่นพลางๆเดินตามหาอูยอง

..

..

 

“เอาอันนี้นะครับ”

อูยองยื่นประเป๋าผ้าใบเล็กๆที่ถูกเพ้นท์ลวดลายลงอย่างสวยงามให้กับเจ้าของร้าน แล้วก็ควานหากระเป๋าตังค์

 

 

แต่…เอ๊ะ หาย?……หาไม่เจอ

 

 

“ห หายไปไหนอ่ะ”

 

 

อูยองเริ่มลุกลี้ลุกลน ไม่แน่ใจว่าทำหาย หรือลืมไว้ที่ห้อง

 

“เอ่อ…พี่สาวครับ รอแป้บนึงนะครับ พอดีผมหากระเป๋าตังค์ไม่เจอ”   เม็ดเหงื่อเริ่มผุดขึ้นมาจากใบหน้ามน

 

“จ้า ไม่ต้องรีบ น้องค่อยๆหาก็ได้”

 

“คือ…ผมคิดว่า ผมลืมกระเป๋าตังค์ไว้ที่ห้องอ่ะครับ แต่อยากได้อันนี้จริงๆ เก็บไว้ให้ได้มั้ยครับ พรุ่งนี้จะมาเอา”

อูยองส่งสายตาอ้อนวอน เพราะกระเป๋าผ้าลายนี้ดูเหมือนว่าจะเหลือเหลืออันเดียวแล้วด้วย  อูยองอยากได้มันจริงๆนะ

 

“พรุ่งนี้พี่ไม่ได้มาค่ะน้อง  วันนี้พี่ก็ต้องขายของให้หมดด้วยจ้า ขอโทษด้วยน้า”

 

“อ่า อย่างงั้นเหรอครับ”   อูยองทำหน้าผิดหวัง แล้วมองกระเป๋าผ้าอันนั้นอย่างอาลัยอาวรณ์ ก่อนจะถอนหายใจแล้วลุกขึ้นเดินออกไปจากร้าน

 

“น้องอูยอง! โห พี่หาเราตั้งนาน แล้วโทรไปไม่เห็นจะรับเลย”

 

“พี่คุณ! ยืมตังค์หน่อยครับ!”

อูยองเจอหน้ารุ่นพี่นิชคุณดีใจยิ่งกว่าเจออะไรซะอีก  เพราะอูยองจะได้ขอยืมเงินเอาไปซื้อกระเป๋าผ้าอันนั้นมาเก็บไว้ในอ้อมอกอ้อมใจ

 

“หืม?”   นิชคุณทำหน้างงๆ แต่มือนั้นก็รับควักตังค์ให้อย่างรวดเร็ว

 

“คือผมลืมเอากระเป๋าตังค์มาอ่ะครับ เดี๋ยวผมคืนนะครับ”   อูยองยิ้มร่า ก่อนจะรีบวิ่งกลับไปที่ร้านเดิม  ในที่สุดอูยองก็ได้กระเป๋าผ้าอันนั้นมา

 

นิชคุณเห็นอูยองยืนกอดกระเป๋าผ้า แล้วทำหน้าปลื้มปริ่มก็อดจะขำไม่ได้ ชอบมากขนาดนั้นเลยเหรอ

“แล้วพี่โทรหาไม่เห็นจะรับโทรศัพท์เลยล่ะครับ”

 

“ผมก็ลืมทุกอย่างไว้ที่ห้องหมดนั่นแหละครับ”

 

“ทีหลังอย่ารีบขนาดนั้นสิ ป่ะเดินเล่นกัน อยากกินอะไรเดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง”

 

“ผมว่าจะกลับหอแล้วล่ะครับ”   ก็อูยองเดินมานานแล้วนี่นา เริ่มจะเมื่อยแล้วด้วย

 

“อะไรกัน จะรีบกลับไปไหน พี่ยังไม่ทันได้เดินดูงานเลย”

 

“ก็พี่คุณมัวแต่ถ่ายรูปกับสาวๆนี่ครับ ผมหน่ะ เดินดูจนครบทุกร้านแล้ว”

 

“อ่า โอเคๆ พี่ขอโทษนะที่ผิดคำพูดที่บอกว่าจะพาเดิน งั้นกลับก็กลับ ป่ะ”    กลับก็ดีเหมือนกัน เพราะนิชคุณก็เบื่อเหมือนกันที่จะโดนหลายต่อหลายคนมารุมขอถ่ายรูป

 

“พี่คุณพูดเหมือนจะไปส่งผมเลยครับ?”

 

“ก็ใช่ไง พี่เป็นคนพาน้องอูยองมา พี่ก็ต้องเป็นคนไปส่งสิ จะเดินกลับเองให้โจรมันตีหัวอีกมั้ยล่ะ”

 

“แต่ว่านี่ยังไม่สองทุ่มเลยนะครับ ยังไม่ดึกเลย ไฟในมหาลัยก็เปิดสว่างจ้าเลย ไม่มีโจรหรอก   อีกอย่างพี่คุณบ่นยังไม่ได้เดินดูงานเลยนี่ครับ เดินต่อเลยก็ได้ ผมกลับเองได้ครับ”

 

นิชคุณจิ๊ปากเบาๆพูดมากจังเลยเว้ยไอ้เด็กคนนี้ บอกจะไปส่งก็ไปส่งสิวะ ยังจะดื้ออีก

 

“พี่ไม่อยากโดนรุมขอถ่ายรูปอีกหน่ะ ป่ะกลับๆ ก่อนที่จะมีคนมารุมขอถ่ายรูปอีก น่าเบื่อจะตาย”

 

“อ๋อ ครับ งั้นก็ได้”

 

แล้วอูยองก็รีบเดินตามรุ่นพี่ขายาวไปติดๆ  อูยองงงว่าทำไมพี่คุณเค้าต้องรีบเดินขนาดนั้นด้วย คนที่บอกอยากกลับ เป็นเขาไม่ใช่เหรอ หรือว่ารุ่นพี่นิชคุณปวดท้องอยากเข้าห้องน้ำกระทันหัน? เลยต้องรีบเดิน

 

“ทำไมพี่คุณเดินเร็วจังครับ ผมเดินไม่ทันแล้วเนี้ย แล้วทำไมพี่คุณทำหน้าเครียดจังครับ?”

 

 

“เดี๋ยวพี่ตอบ!”

นิชคุณตอบอูยองด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ก่อนจะรีบก้าวขายาวๆเดินไปให้ถึงรถให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้  ทำเอาอูยองแทบจะวิ่งตามเพราะเดินไม่ทัน

 

“เจอแฟนเก่าเหรอครับ?”

พอขึ้นไปนั่งบนรถแล้วอูยองก็อดจะถามไม่ได้ เพราะพี่คุณเค้าทำตัวรีบเหมือนหนีอะไรสักอย่าง

 

“แฟนเฟินอะไร พี่ไม่เห็นจะเคยมีเลย”

 

“ห้ะ?????  หน้าอย่างพี่คุณเนี้ยนะครับ ไม่เคยมีแฟน ไปโกหกเด็กที่ไหนก็ไม่มีใครเชื่อหรอกครับ”   อูยองถามแล้วก็ขำพรืดออกมา เพราะมันเหมือนเรื่องตลก ที่คนหน้าหล่อๆอย่างงี้จะไม่เคยมีแฟน เป็นไปได้เหรอ

 

“ถามมากน่า…ไม่ได้หนีแฟนเก่าอย่างที่น้องอูยองถามหรอก แต่พี่หนีกลุ่มตุ๊ดที่กำลังเดินตามหลังมาต่างหาก ถ้าไม่หนีมีหวังโดนลวนลามทั้งทางสายตาแล้วก็ทางร่างกายแน่ๆ”

 

“อ๋อ อย่างงี้นี่เอง”

 

พอได้ยินแบบนั้นอูยองถึงกับขำกร๊ากออกมาทันที  มือเล็กกดลดกระจกลงก่อนจะชะโงกหน้าออกไปตะโกนบอกกลุ่มตุ๊ดที่ตามนิชคุณมาเมื่อกี้นี้

 

“พี่ครับๆ พี่คุณเค้าบอกว่าพวกพี่สวยจังเลย สวยกันยกแก๊งเลย สวยมากๆๆๆ”

 

“อ้าวเห้ย!! อูยอง!! เล่นอะไรเนี้ย”

นิชคุณถึงกับเบิกตากว้าง มือหนารีบคว้าเอาต้นคอเด็กดื้อที่กำลังชะโงกหน้าออกนอกกระจกรถ ดึงตัวให้กลับมานั่งดีๆ ก่อนจะเหยียบคันเร่งไปจนมิด ต้องขับหนีจากตรงนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้  เด็กแสบมันเล่นงานเข้าแล้วไง

 

“ปกติชีวิตพี่ก็อยู่ยากแล้วนะ ยังจะไปเพิ่มความอยู่ยากให้ชีวิตพี่อีกเหรอ!!”  นิชคุณข่มเสียงดุเพื่อเป็นการสั่งสอนไอ้เด็กแสบ

 

อูยองนั่งกุมมือตัวเองอย่างสงบเสงี่ยม ก่อนจะหันไปยิ้มแห้งๆให้กับคนที่นั่งอยู่ฝั่งคนขับ “แหะๆ”

 

“ไม่ต้องมายิ้มเลยไอ้ตัวแสบ!”

 

อูยองหันไปทำปากยื่นใส่นิชคุณ ที่ตัวเองโดนเรียกว่าไอ้ตัวแสบ

“ผมไม่ใช่ไอ้ตัวแสบ”

 

“แล้วที่ทำเมื่อกี้ไม่ได้เรียกว่าแสบเลยว่างั้น?”

 

“ก็ไม่ใช่ไงครับ ผมแค่อยากแกล้งแบบที่พี่คุณเคยแกล้งผมบ้างนี่ครับ”

 

“คิดจะเอาคืนพี่เหรอ?”

 

“หึๆ เปล่าเลยครับ”  อูยองส่ายหน้าเป็นการแก้ตัวรัวๆ

 

“จำไว้นะเด็กน้อยเอ๋ย อย่าแม้แต่จะคิดแกล้งรุ่นพี่เชียว ไม่อย่างงั้นจะโดนไม่ใช่น้อย”

 

อูยองทำปากยื่นใส่อย่างขัดใจ ก่อนจะเบ้ปากเล็กน้อย แล้วบ่นพึมพำเบาๆคนเดียว

“ใช่สิเป็นรุ่นพี่ก็ได้เปรียบรุ่นน้องทั้งนั้นแหละ”

 

“พี่ได้ยินนะบ่นอะไร แล้วทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะรู้มั้ย เล่นอย่างอื่นเล่นได้นะ แต่ถ้าเล่นแบบเมื่อกี้มันจะทำให้ชีวิตพี่อยู่ยากมากกว่าเดิม ตลอดที่ใช้ชีวิตอยู่มหาวิทยาลัยต้องหลบหลีกพวกนี้มาตลอด พี่ถึงไม่อยากจะไปไหนมาไหนไงล่ะ”

 

“อ่า…ผม..ขอ..โทษ ครับ ”   อูยองทำหน้าสำนักผิด แล้วเอ่ยขอโทษนิชคุณด้วยน้ำเสียงที่ดูเหมือนเด็กสามขวบกำลังขอโทษผู้ใหญ่ยังไงก็ไม่รู้  แล้วอย่างงี้ใครมันจะไปโกรธลงวะ

 

“ก็ผมไม่รู้นี่ครับ ว่าชีวิตพี่ต้องมาวิ่งหนีตุ๊ดแบบนี้นี่นา”

 

“อืม ช่างเถอะ ทีหลังอย่าแสบ”

 

“แต่ว่าชีวิตพี่คุณ ดูลำบากจังนะครับ พี่ต้องทำใจนะครับ ก็อยากเกิดมาหน้าตาดีเองนี่นา แถมยังเคยมีดีกรีเป็นถึงเดือนมหาลัยอีกต่างหาก”

 

“ก็ลำบากนิดหน่อย คงต้องหาแฟนสักคนล่ะมั้งว่ามั้ย คนอื่นถึงจะได้เลิกตาม”

แต่พอนึกไปถึงเรื่องแฟน ขนาดเขาแค่คบกับผู้หญิงเล่นไปวันๆ ยังได้ยินข่าวว่าไปตบเพื่อแย่งเขาเลย ถ้าเขาจะคบน้องไอติมอย่างจริงจัง ก็หวังว่าจะไม่มีใครมาตบน้องไอติมของเขาหรอกนะ แต่ถ้ามีจริงๆ นิชคุณไม่ปล่อยผ่านแน่!

 

“อ๋า~นั่นหน่ะสิครับ หน้าตาแบบพี่คุณหาแฟนได้ไม่ยากหรอกครับ แค่กระดิกนิ้วก็มีคนวิ่งมาหาแล้วมั้ง”

 

“อื้มความคิดเข้าท่าดีเนอะ พี่กำลังหาอยู่อ่ะ สเปคพี่นะ ตาตี๋ มีแก้มกลมๆ ปากอมชมพูอยู่ตลอดเวลา

น่ารักตลอดเวลา  แต่งตัวเซอร์ๆ กางเกงยีนส์ขาดๆ”

คนที่กำลังขับรถหันกลับมายิ้ม แล้วยักคิ้วให้ ตอนนี้พี่อยากได้แฟนหน้าตาแบบน้องอูยองต้องทำยังไง  ยิ่งจีบคนไม่เป็นด้วยสิ

 

“พี่คุณเป็นคนชัดเจนดีนะครับ สามารถบอกรายละเอียดสเปคคนที่ตัวเองชอบได้ละเอียดยิบ”

 

 

“ยังไม่รู้ตัวอีกเหรอ?”  นิชคุณเพียงขมวดคิ้วและตั้งคำถามขึ้นมาในใจตัวเอง

 

“พี่เจอแล้วจะไม่ปล่อยไปแน่ คอยดูสิ” นิชคุณยิ้มมุมปากแล้วยักคิ้วให้อูยองด้วยความเจ้าเล่ห์

.

.

.

“จอดๆๆครับ จะเลยแล้วครับพี่คุณ”   อูยองรีบร้องบอกก่อนที่นิชคุณจะขับรถเลยหน้าหอ

 

“พี่รู้น่า ว่าถึงหอน้องอูยองแล้ว ก็พี่จะขับรถไปจอดที่ลานจอดรถไง”

 

“หา??”   อูยองทำหน้างงเข้าไปใหญ่  ก็แค่มาส่ง ไม่ต้องขับรถไปถึงที่จอดรถก็ได้มั้ง จอดหน้าหอไม่ถึงนาทียามเค้าไม่ไล่หรอก

 

“พี่ย้ายมาอยู่หอนี่หน่ะ”

 

“ห้ะ ????”    อูยองยิ่งตกใจเข้าไปใหญ่

 

“ทำไมน้องอูยองต้องตกใจขนาดนั้นครับ?”

 

“อ๋อ เปล่าหรอกครับ เมื่อตอนบ่ายเห็นรุ่นพี่แทคยอนบอกมาช่วยพี่คุณย้ายหอ ผมก็ไม่คิดว่าจะย้ายมาอยู่หอเดียวกัน”

 

“มันว่างพอดีหน่ะ พี่เลยรีบย้ายมา”   นิชคุณโกหกครับ ห้องที่ไหนจะมาว่างตอนช่วงเปิดเทอมใหม่ๆล่ะ  หวังว่าน้องอูยองจะไม่สงสัยอะไรไปมากกว่านี้

 

“อ่า ครับ งั้นดีเลยผมจะได้เอาเงินคืนพี่คุณด้วย”

 

“ไม่เป็นไร ไม่ต้องคืน แค่นี้เอง พี่ซื้อให้”

 

อูยองยกมือขึ้นมาเกาหัวงงๆ พี่คุณเค้ามาแปลกๆเนอะ รู้สึกผิดที่เค้าโดนโจรตีหัวเหรอ ถึงได้ทำดีด้วยขนาดนี้  อูยองจะถือว่าของชิ้นนี้เป็นของปลอบขวัญก็แล้วกัน

 

“เอ่อ…พี่คุณไม่ต้องเดินไปส่งผมที่ห้องก็ได้นะครับ คือ…จะถึงห้องแล้วครับ”

อูยองหันไปบอกอย่างเกรงใจ เพราะเห็นพี่คุณบอกอยู่หอนี้ แต่พอตอนกดลิฟต์ ก็ไม่เห็นพี่เค้าจะกดชั้นไหนเลย มีเพียงอูยองเท่านั้นที่กดขึ้นมาชั้นเก้า  แล้วแถมยังเดินตามเขาออกมาจนจะถึงห้องอยู่แล้ว  ทำดีกลบความผิดมากเกินไปรึเปล่าเนี้ย

 

“ห้องพี่อยู่ชั้นนี้”

 

“หืม?? พี่คุณอยู่ฝั่งไหนครับ?”

 

“ฝั่งAครับ”

 

“อ่าว ฝั่งเดียวกันซะด้วย”  อูยองคิดในใจ

 

“นี่ห้องผมครับ”   อูยองหยุดอยู่ที่หน้าห้อง กำลังจะไขกุญแจเข้าไป

 

“นี่ห้องพี่”   นิชคุณชี้ไปที่ห้องถัดไปแล้วยิ้มๆ

 

อูยองเบิกตากว้าด้วยความตกใจ เมื่อเช้าที่ย้ายของเสียงดัง เป็นพี่คุณเองเหรอ

หึหึ  แต่ยังไงก็โดนอูยองด่าไปแล้วล่ะ ก็อยากย้ายของแต่เสียงเสียงดังรบกวนคนอื่นเองนี่นา

 

“บังเอิญจังครับ”

 

“นั่นหน่ะสิบังเอิญมากเลยเนอะ”   นิชคุณอมยิ้ม ก็เสียไปเท่าไหร่แล้วล่ะกับการติดสินบนเจ้าของหอให้ได้ห้องนี้มา

 

“แต่เมื่อเช้าย้ายของกันซะเช้าตรู่ เสียงดังมากๆเลยนะครับ น่ารำคาญมากๆเลยอ่ะครับ”

 

“เสียงดังรบกวนน้องอูยองมากเลยเหรอ”

 

“ก็มากระดับที่ว่า ผมนอนต่อไม่ได้อ่ะครับ หกโมงเช้ากำลังนอนสบายเลยนะครับ แต่มีเสียงรบกวนดังมากๆๆๆๆ ผมนอนต่อไม่ได้เลยครับ”

 

“งั้นพี่ขอโทษนะ เดี๋ยวเลี้ยงไอติมเป็นการขอโทษได้มั้ย”

 

“ตกลงครับ”

 

นิชคุณอ้าปากค้าง เพียงแค่บอกว่าจะเลี้ยงไอติม น้องอูยองยอมง่ายๆขนาดนี้เลยเหรอวะ

 

“พรุ่งนี้วันอาทิตย์ น้องอูยองน่าจะว่างนะ เข้าไปวาดรูปที่คณะกันมั้ยครับ”

 

อูยองทำท่าครุ่นคิด นึกถึงตารางงานของตัวเองอยู่สักพัก

“พรุ่งนี้ผมทำงานถึงเที่ยงนะครับ”

 

“ไม่เป็นไรพี่รอได้”

 

“รอผม?  พี่เข้าไปคณะก่อนก็ได้ครับ เดี๋ยวผมตามเข้าไปทีหลัง”

 

“เอ่อ…พี่หมายถึง คือ…ก็เช้าๆพี่ยังไม่ได้ไปไหนหรอก นอนเล่นอยู่ห้อง เดี๋ยวบ่ายๆค่อยรอออกไปพร้อมน้องอูยองไง”

 

“อ๋อ งั้นก็ได้ครับ แล้วแต่พี่คุณเลยครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้เลิกงานผมจะมาเคาะห้องพี่คุณเลยนะครับ”

 

“ครับ”  =]

.

.

.

.

ทันทีที่เข้ามาในห้องนิชคุณก็รีบหยิบเอามือถือขึ้นมา กดเบอร์โทรออกหาเพื่อนสนิททันที

 

“มีไร”   เสียงจากปลายสายตอบรับกลับมาสั้นๆง่ายๆ ตามประสาเพื่อนที่สนิทกัน

 

“มึงว่าน้องไอติมจะใจง่ายกับทุกคนที่เลี้ยงไอติมเลยมั้ยวะ”

 

“ทำไมอีกล่ะ มึงจะไปเลี้ยงไอติมน้องเค้าอีกแล้วเหรอ?”

 

“ก็..เออ!!  น้องมันบ่นบอกเมื่อเช้าย้ายหอเสียงดัง กูเลยจะเลี้ยงไอติมเป็นการขอโทษไง

น้องไอติมตอบตกลงอย่างไว”

 

“พูดง่ายๆว่ามึงกลัวน้องเค้าจะดีกับทุกคนที่เลี้ยงไอติมเหรอวะ”

 

“เออ”  นิชคุณตอบกลับมาด้วยเสียงจริงจังสั้นๆ

 

แทคยอนกลั้นขำอยู่ปลายสาย ไม่เคยเห็นนิชคุณขี้วิตกกังวลแบบนี้มาก่อน นี่ท่าทางจะเป็นเอามาก

“ถามหน่อยว่ามึงเป็นอะไรกับน้องเค้ารึยัง?”

 

“ยัง”

 

“อืม แล้วตอนนี้มึงมีสิทธิ์อะไรไปหวงน้องเค้า? จะหวงในฐานะอะไร หนึ่งฐานะรุ่นพี่ที่คณะ สองฐานะพี่น้องที่รู้จักกันเฉยๆ”

 

นิชคุณเหมือนโดนเพื่อนสนิทตบหน้ากลางอากาศเลยครับ  ก็ถูกของแทคยอนมันนั่นแหละ  สถานะตอนนี้เราเป็นแค่รุ่นพี่ รุ่นน้อง นิชคุณยังไม่เริ่มรุกจีบอูยองเลยด้วยซ้ำ   แต่ขนาดยังไม่เป็นแฟนกัน เขายังรู้สึกว่าหวงมากขนาดนี้

 

“ทำไงดีวะ แทคมึงต้องช่วยกู”

 

“แล้วทีตอนแรกก็ปิด ไม่ยอมปริปากบอกกู มึงนี่ก็กล้าๆหน่อยสิวะ ทีกับผู้หญิงที่เข้ามาหา ทำไมกล้าคุยกล้าหยอดเค้าจังเลยล่ะ  เอาเป็นว่าถ้ามึงชอบน้องอูยองจริงๆ กูก็จะช่วยเท่าที่ทำได้แล้วกัน น้องมันน่ารัก ระวังไว้นะมึง จีบช้าระวังจะหลุดมือ อย่าป้อด!ไอ้กาก!”

 

แทคยอนรู้จักนิชคุณมาสี่ปี ก็พอจะรู้นิสัยเพื่อนสนิทดี ดูเหมือนจะเพลย์บอย สาวๆในสังกัดไม่เคยขาด แต่แทคยอนก็ยังไม่เคยเห็นนิชคุณในลุคนี้สักเท่าไหร่ เหมือนกำลังบ้าชอบเขาอยู่ฝ่ายเดียว แต่ก็ดันไม่กล้าจีบ แล้วก็มานั่งดีดดิ้นอยู่ฝ่ายเดียว

 

TBC

Talk

เอาใจช่วยรุ่นพี่นิชคุณกันเนอะ รีบๆจีบน๊า เดี๋ยวมีคนมาจีบตัดหน้าไม่รู้ด้วย ^^

ปล. เรื่อง นี้วางพล็อตไว้คร่าวๆประมาณ 11 ตอน น่าจะจบนะคะ อยากแต่งมากกว่านี้ แต่อารมณ์แต่งฟิคมันไม่ค่อยมี  แล้วมันเขียนไม่ค่อยออกจริงๆค่ะ ไม่ใช่ไม่มีกำลังใจนะคะ รีดเม้นต์กันเข้ามาก็เยอะ  แต่อยู่ที่ตัวผู้แต่ง  อารมณ์อยากแต่งฟิคช่วงนี้ไม่ค่อยมา  อาจมีเรื่องให้คิดเยอะด้วย   เอาเป็นว่าวางไว้เท่าที่จะแต่งจบแล้วกันเนอะ ^^

*ขอบคุณทุกคอมเม้นต์นะคะ ^^* #ฟิคน้องไอติม

[Fic khunwoo] You Are My ice cream ตอนที่ 6

Title: You Are My ice cream ตอนที่ 6

Couple: KhunWoo

Writer: ilovekw

Rate : PG 

Gente :  romantic comedy

นี่คือฟิคที่เกิดจากจินตนาการของไรทเตอร์ enjoy reading ^^

 

 

CY7Oy7vUEAUwsK1.jpg large

“แทคยอน!”

ความเงียบจากห้องศิลป์ถูกทำลายลงเพราะเสียงเรียกของนิชคุณ

 

“อะไร?”

แทคยอนขานรับส่งๆ ไม่ได้หันไปมองคนที่เรียกชื่อ เพราะเขากำลังจดจ่ออยู่กับการวาดรูปอยู่

 

“กูว่า กูอยากย้ายหอหวะ”

 

แทคยอนถึงกับชะงักแล้วหยุดวาดรูปทันทีทันใด  นึกอารมณ์ไหนถึงอยากจะย้ายหอ คิดอะไรของมันอยู่เนี้ย

 

“มึงอยู่หอเดิมมาตั้งแต่ปีหนึ่งไม่เคยคิดอยากจะย้าย อารมณ์ไหนของมึง? เรียนจนจะจบอยู่แล้ว จะย้ายทำไม”

 

“ก็…โห แทคมึงไม่รู้อะไร เจ้าของหอกูขี้งกชิบหาย ขูดเลือดขูดเนื้อ กูจะทนอยู่ทำไม”

ตอบไปมือก็ควงพู่กันไป เพื่อกลบเกลื่อนว่าตัวเองกำลังโกหก  แถมยังทำหน้าตายไม่ให้มีพิรุธอีกต่างหาก

 

พอนิชคุณบอกแบบนั้นแล้ว แทคยอนถึงกับขมวดคิ้วด้วยความสงสัย มันบอกจะทนอยู่ทำไม

แต่นี่มันก็อยู่มาจนจะจบมหาวิทยาลัยอยู่แล้ว พึ่งจะรู้สึกตัวเหรอว่าอยากจะย้ายหอ

 

 

“แล้วมึงจะย้ายไปไหน?”

 

 

หน้ามอ

นิชคุณตอบเสียงจริงจัง ก่อนจะเอาพู่กันจุ่มสีแล้ววาดตะหวัดลงบนผืนกระดาดที่อยู่ตรงหน้า ถ้าถามว่า ตอนนี้นิชคุณวาดรูปออกมาเป็นรูปเป็นร่างหรือยัง ก็ยังหรอก วาดส่งๆไปอย่างงั้น ใครมันจะไปมีสมาธิมาวาดรูปล่ะ  กลัวแทคยอนมันจับพิรุธได้ว่าชอบน้องอูยองก็กลัว เพราะถ้าไอ้นี้รู้ มีหวังมันได้ไปเที่ยวป่าวประกาศจนน้องอูยองรู้ตัวแน่ๆๆ          ถ้าเป็นอย่างงั้นลูกเจี๊ยบตัวน้อยของเขาอาจตื่นตกใจเอาได้  ทุกอย่างจะต้องค่อยๆเป็น ค่อยๆไป

 

“หืม????  ไปส่งน้องอูยองวันเดียวมึงติดหอใจแถวหน้ามอขนาดนั้นเลยเหรอวะ”

แทคยอนว่าแล้วก็หัวเราะล้อเพื่อนตัวเอง

 

“ขำไรของมึง! ไม่ใช่โว้ย!”     นิชคุณยังคงแกล้งทำหน้าตายต่อไป

 

“ว่าแต่ติดใจหอ หรือติดใจน้องอูยองวะ”

 

แทคยอนยังคงแกล้งแซวต่อ พู่กันที่วางว่างๆอยู่แถวๆนั้น นิชคุณเลยหยิบมาปาใส่ไอ้เพื่อนปากดี  แทคยอนยกแขนขึ้นมาป้องกันตัวเองแทบไม่ทัน  ทำไมคนอย่างอ๊คแทคยอนจะไม่รู้ทัน มาถึงขนาดนี้ไม่ต้องปิดกันก็ได้มั้ง ทำเป็นเก๊กไม่รู้ไม่ชี้      น่าหมั่นไส้

 

“อย่าพูดมากได้ป้ะ หุบปากแล้วพรุ่งนี้ไปช่วยกูขนของย้ายหอด้วย ลากแฟนมึงมาด้วย”

 

“หา??? พรุ่งนี้เลยเหรอ? รีบไปรึเปล่า”

 

“เออกูรีบ!”

 

แทคยอนกลั้นขำให้กับท่าทีของเพื่อนตัวเอง ทำหน้าทำตาขึงขังด้วยนะ  เหงื่อท่วมเชียว  สักวันเขาต้องจับให้ได้ ว่านิชคุณมันชอบน้องอูยอง

 

“แล้วค่าจ้างอ่ะมีป่ะ!”

 

“เออน่า!! หล่อสปอร์ตอย่างกู ใจป๋าอยู่แล้ว”

 

“ก็ดี๊ อย่างงี้ค่อยน่าไปช่วย”

 

“เออนี่แทค…ถามไหรหน่อยดิ”

 

“อืม ว่า?”

 

“มึงจีบมินจุนยังไงวะ”

 

แทคยอนหลุดขำพรวดออกมาทันที ชักจะเริ่มสงสัยในตัวเพื่อนตัวเองจริงๆนะ มาแปลกผิดหูผิดตา ไปกินยาไม่เขย่าขวดมารึเปล่าวะ

 

“โถ..ไอ้นี่ ทำยังกะมึงไม่เคยมีแฟน แล้วสาวๆในสังกัดมึงที่ผ่านมามึงไปจีบเค้ายังไงล่ะ”

 

นิชคุณนั่งเงียบๆพลางนึกถึงสาวๆในสังกัดที่นับคนไม่ถ้วน ที่ผ่านมา เขาก็ไม่ได้เป็นคนเข้าหาก่อนนี่หว่า

 

“น้องเค้าเข้ามาหาก่อน กูก็คุยไปงั้นรักษาน้ำใจ”

 

“หราาาาาา”  แทคยอนลากเสียงยาวๆ เป็นคนดีเหลือเกิ้น ใครเข้ามาคุยมันก็คุยกับเขาไปซะหมด พ่อคนดี

 

 

“แล้วสรุปว่ามึงเริ่มจีบมินจุนยังไง”

 

“ไม่บอกโว้ย! ของแบบนี้มันก็แล้วแต่คนดิ ทำไม? จะยืมมุกไปจีบใครหรออออ?????”

แทคยอนยิ้มกรุ่มกริ่ม เพียงแค่บอกมาว่าชอบน้องอูยอง จะจีบน้องอูยอง เขาก็จะหาวิธีช่วยแล้ว

 

บางทีนิชคุณเหมือนจะเป็นเพลย์บอยนะ จากที่สังเกตที่ผ่านๆมา ก็มีคนเข้ามาคุยกับมันเยอะแยะ  แต่เอาเข้าจริงๆ จะจีบจริงๆก็ดูจะเป็นคนอ่อนหัดขึ้นมาซะอย่างงั้น

 

“เห้ย ก็เปล่า กูอยากรู้เฉยๆ เผื่อจะอยากมีประสบการณ์เจอใครถูกใจแล้วจะลองจีบดูบ้าง”

 

“เจอยังคนที่ถูกใจ? ใช่คนที่พักอยู่แถวหน้ามอรึเปล่า?? จะจีบก็บอก  เผื่อกูเป็นพ่อสื่อให้ได้~”

 

“มึงนี่มัน!!”   นิชคุณเริ่มจะเกลียดความรู้ทันของเพื่อนตัวเองจริงๆ จะมีสักเรื่องมั้ยที่มันไม่รู้ทัน

 

“ชอบเค้าก็ทำดีกับเค้านะ ไปร้ายใส่มากๆระวังนะมึง พอน้องเจอคนที่ใจดีใส่แล้วเค้าจะเมินมึง”

 

“อะไร…..โอ้ยมึงนี่พูดอะไรเนี้ย”    นิชคุณบ่นกลบเกลื่อน ก่อนจะเงียบแล้วตั้งอกตั้งใจวาดรูปต่อให้เสร็จ

.

.

.

เช้าตรู่ของวันเสาร์

 

อูยองนอนขดตัวในผ้าห่ม พร้อมกับเอาหมอนมาอุดหูตัวเองไว้ เพราะไอ้ห้องข้างๆไม่รู้ทำอะไรตั้งแต่เช้าตรู่

เสียงลากของ ลากกล่องสารพัดเสียง ดังทะลุมาที่ห้องเขา นี่เป็นวันหยุดนะ

เสาร์นี้อูยองมีทำงานพาสไทม์ตอนบ่าย ก็กะว่าจะตื่นสายๆสักหน่อย แต่ทำไมห้องข้างๆต้องมีการขนย้ายอะไรตั้งแต่เช้าตรู่ด้วยเนี่ย!!

 

 

“ฮึ้!!เสียงดังจังเลย!! ใครจะหลับต่อได้ล่ะ”

 

 

สุดท้ายอูยองทนต่อเสียงดังรบกวนจากห้องข้างๆไม่ไหว จนต้องลุกขึ้นมา แล้วไปชงโอวันติลกิน

 

อูยองทำให้ห้องนอนของตัวเองมีมุมประจำโดยการออกแบบเอง  เนื่องจากห้อง   อูยองอยู่ชั้นบนสุด ระเบียงที่ยื่นออกมามีพื้นที่เยอะพอสมควร อูยองก็เลยเอาเก้าอี้กับโต๊ะมาวางเป็นมุมโปรด อูยองชอบมานั่งวาดรูปเล่นที่มุมนี้เพราะมักจะได้ไอเดียอะไรหลายๆอย่าง  และเช้านี้ อูยองก็ออกมานั่งจิบโอวันติล และเอาสมุดวาดรูปติดไม้ติดมือมาด้วย

 

 

“คุณคนนั้นอัพบล็อกรึยังน้า~”

 

 

แต่ก่อนจะวาดรูป อูยองนำเอาไอแพดขึ้นมานั่งเปิดอ่านบล็อกนักวาดรูปคนนึง

ที่อูยองติดตามมานานมาก อูยองชอบวลีในการเขียนของเจ้าของบล็อกนี้มากๆ เขาจะเอารูปที่เขาวาด มาเขียนบรรยายไว้ว่าอะไรคือแรงบันดาลใจให้เขาวาดรูปนี้ อ่านแล้วก็สนุกดี และที่สำคัญ เจ้าของบล็อกนี้วาดรูปสวยมากๆ ได้ข่าวว่ามีบริษัทใหญ่ๆจ้างไปให้ออกแบบผลิตภัณฑ์ให้ด้วย อูยองเองก็อยากจะซื้อมาเก็บไว้หลายๆชิ้น เผื่อว่าวันนึง เจ้าของบล็อกเปิดตัวหรือมาแสดงตัวตามงานแสดงศิลปะ   อูยองก็จะได้เอาของพวกนี้ไปให้เค้าเซ็นให้   แต่ของแต่ละชิ้นช่างแพงซะเหลือเกิน  ถึงอย่างงั้น อูยองก็ยังซื้อกระเป๋าใบเล็กๆมาไว้ใส่พวกสีและปากกาด้วย

 

“เห~?? ปกติก็อัพแทบจะทุกอาทิตย์นี่นา  ทำไมอาทิตย์นี้ยังไม่ได้อัพอะไรเลยล่ะ”

 

อูยองทำหน้าผิดหวัง อูยองเปิดเข้ามาดูความเคลื่อนไหวทุกอาทิตย์เลยนะ รออย่างใจจดใจจ่อ อยากจะอ่าน

อยากจะดูรูปเพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้กับตัวเอง  จริงๆแล้วที่อูยองเข้าคณะศิลปกรรมศาสตร์อูยองไม่ได้มีฝีมือทางด้านการวาดรูปนักหรอก แต่แค่อูยองชอบวาดรูป ก็พอวาดได้ แต่ไม่ได้สวยนัก ที่เข้าคณะนี้ก็เพราะเจ้าของบล็อกนั่นแหละ   อูยองตามอ่านแล้วก็ดูเหมือนว่าเขาจะมีความสุขในการวาดรูป   แทนที่เค้าจะถ่ายภาพเป็นการบันทึกความทรงจำ  แต่เจ้าของบล็อกนี้ไม่ใช่อย่างงั้น  เขาเลือกที่จะใช้ฝีมือที่มีอยู่ วาดรูปเป็นการเก็บบันทึกความทรงจำ          วาดเสร็จก็เอารูปมาอัพลงเขียนบันทึกเป็นความทรงจำดีๆในบล็อก  อูยองคิดว่าเขาเท่ห์ดี เป็นอาร์ตตัวพ่อเลยก็ว่าได้

.

.

.

เวลาบ่ายโมงตรง  ณ ร้านไอศกรีมบุฟเฟ่ ที่อยู่ข้างๆหอของอูยอง

 

“สวัสดีครับ พี่จุงกิ”

อูยองก้มหัวทักทายพี่เจ้าของร้านอย่างสดใส  พี่เจ้าของร้านใจดีกับอูยองมาตลอดเลย จำได้ว่าวันนั้นที่อูยองอยากกินไอติม แต่ไม่อยากกินแบบบุฟเฟ่ พี่เขาก็ใจดีตักขายเป็นโคนให้    แล้วนี่พี่เค้ายังใจดีรับอูยองเข้ามาทำพาสไทม์อีก

 

“วันนี้วันเสาร์ คนเยอะหน่อยนะอูยอง”

 

“ครับผม ผมขอตัวไปทำงานก่อนนะครับ”

 

อูยองกำลังจะเดินไปเปลี่ยนเป็นชุดประจำร้านที่หลังร้าน แต่เหลือบไปเห็นเหมือนจะเป็นรุ่นพี่นิชคุณ รุ่นพี่แทคยอน แล้วก็….ใครไม่รู้อีกคน นั่งกันอยู่สามคนอูยองก็เลยเดินเข้าไปทักทาย ลูกค้าซะหน่อย

 

“สวัสดีรุ่นพี่”   อูยองยิ้มให้รุ่นพี่ที่รู้จักทั้งสองคน แล้วก็รุ่นพี่ที่ไม่รู้จักอีกหนึ่งคน

 

“อ้าวอูยอง นี่พี่มินจุนนะ แฟนพี่เอง”

แทคยอนจับบ่ามินจุนแล้วแนะนำให้กับอูยองได้รู้จัก   อูยองยิ้มให้อย่างสดใสอีกครั้ง

 

“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับพี่มินจุน”

 

“ครับ เช่นกันครับ”  มินจุนยิ้มกลับ

 

“อูยองมากินไอติมเหมือนกันเหรอ มานั่งด้วยกันสิ นั่งฝั่งนู้นนะ ฝั่งนู้นว่าง”

แทคยอนบุ้ยหน้าไปทางนิชคุณ แล้วกระตุกยิ้มให้ไอ้เพื่อนรัก

 

“อ๋อ ไม่ใช่ครับ ผมมาทำงานพาสไทม์ร้านนี้น่ะครับ บังเอิญจังเลยครับที่เจอพี่ๆที่ร้านนี้”

 

“โอ้ย ก็ไอ้คุณมันลากพวกพี่มาเลี้ยงร้านนี้ เป็นค่าตอบแทนที่พวกพี่ช่วยมันขนของย้ายหอ”

 

 

“อ๋า~~”  อูยองยิ้มแล้วพยักหน้ารัวๆ

 

“เห๋? พี่คุณย้ายหอมาอยู่แถวนี้เหรอครับ”

 

“พี่คุณ รุ่นพี่แทคยอน?  พี่คุณ รุ่นพี่แทคยอน?  หูยยย มีความแตกต่างหวะ”

แทคยอนเพียงแค่นั่งสงสัยอยู่เงียบๆ รู้ดีว่าเพื่อนตัวเองมันเจ้าเล่ห์ขนาดไหน มันคงไปมีข้อตกลงอะไรกับน้องอูยองแน่ๆ น้องถึงได้เรียกว่าพี่คุณเฉยๆ

 

“เอ่อ….”  นิชคุณอ้ำๆอึ้งๆ

อยากจะบอกว่าย้ายมาอยู่หอเดียวกับน้องอูยองนั่นแหละครับ แต่ก็กลัวน้องมันจะตกอกตกใจเอา

 

“ใช่แล้ว นิชคุณมันติดใจอะไรหน้ามอก็ไม่รู้~~~~~”

 

ตอนนี้นิชคุณโคตรจะหมั่นไส้เสียงแทคยอนเลย  นิชคุณใช้ช่องว่างระหว่างโต๊ะให้เกิดประโยชน์โดยการยื่นขายาวๆไปเตะขาแทคยอนด้วยความหมั่นไส้ก่อนจะถลึงตาใส่ พูดมากขนาดนี้ถ้าเกิดน้องมันรู้ตัวเดี๋ยวไก่ตื่นกันพอดี ก็เพราะอย่างงี้ไง เลยไม่อยากให้มันรู้  บางทีการมีเพื่อนพูดมากอย่างแทคยอนก็ไม่ดีเหมือนกัน ไม่รู้จะพูดอะไรนักหนา!

 

“หรือว่าพี่คุณจะติดใจไอติมร้านนี้ใช่มั้ยครับ ก็เลยย้ายมาอยู่แถวๆนี้   เมื่อคืนที่พามาเลี้ยง ผมก็ลืมขอบคุณเลย ขอบคุณตรงนี้เลยนะครับ เดี๋ยววันนี้อยากได้ไอติมรสไหนบอกผมได้เลย ผมพร้อมบริการลูกค้าครับ”      อูยองฉีกยิ้มแฉ่งให้กับรุ่นพี่นิชคุณ แล้วก็หันมายิ้มให้กับรุ่นพี่สองคนคนที่นั่งอยู่ฝั่งเดียวกันด้วย

 

นิชคุณที่นั่งเกร็งอยู่ตั้งนาน ก็ลุ้นว่าน้องอูยองมันจะพูดเรื่องเมื่อคืนออกมามั้ย

สุดท้ายก็ไม่รอด    มือหนายกขึ้นมาเสยผมเก๊กหล่อ แล้วกระแอมกระไอแก้เขินเล็กน้อย  ตอนนี้เขาไม่ได้มองหน้าแทคยอนมันหรอก รู้ดีว่าตอนนี้มันคงกำลังนั่งหัวเราะเยอะแน่ๆ เมื่อวานแทคยอนมันก็อุส่าสงสัยว่าเขากำลังจีบใคร  แต่วันนี้ครับ

น้องอูยองมาไขข้อสงสัยให้มันเรียบร้อยครับ……. มันคงรู้กระจ่างแจ้งแล้วล่ะ

 

หลังจากนิชคุณนั่งเงียบอยู่นาน ไหนๆแทคยอนมันก็รู้แล้ว เค้าก็จะไม่ปิดบังมันอีกต่อไป

 

“นิชคุณหน้าแดงหวะ ร้อนเหรอมึง”   แทคยอนกลั้นขำแทบไม่อยู่เมื่อเห็นเพื่อนตัวเองหน้าแดงเพราะโดนน้องอูยองเปิดโปรงความลับที่ตัวเองตั้งใจจะปิด

 

“อ่านั่นหน่ะสิครับ ร้อนเหรอครับพี่คุณ เดี๋ยวผมไปเอาพัดลมมาตั้งให้นะครับ”

 

“ไม่ๆๆ น้องอูยองไม่ต้องไปเอามาครับ พี่ไม่ได้ร้อน”

 

“ไม่ได้ร้อนแน่นะครับ”

 

“อื้มครับ ไม่ได้ร้อน เอ้อ น้องอูยองเย็นนี้มีงาน Art fair ไปกันมั้ย ไปเดินดู เผื่อจะได้ไอเดียดีๆ”

 

“หา??”   แทคยอนร้องออกมาในใจ นิชคุณเนี้ยนะจะไปเดินงาน Art fair?  ผีเข้ามันรึเปล่า ร้อยวันพันปี ไม่เคยอยากจะไปเดิน เคยชวนไปแล้วมันก็รีบปฏิเสธ  แล้วนี่มันชวนน้องอูยองไปงานนี้?   แทคยอนยกมือขึ้นมาป้องปาก แล้วหัวเราะเยอะเพื่อนออกมาเบาๆ น้องอูยองสามารถเปลี่ยน    นิชคุณได้ขนาดนี้เลยเหรอ

 

“ผมอยากไปมากเลยครับ พี่ๆไปด้วยกันมั้ยครับ ผมเลิกงานห้าโมงแหน่ะ”

 

“โอ้ย แทคยอนกับมินจุนไม่ว่างหรอก สองคนนั้นต้องไป….ไปฟิตเนตกัน!   ใช่มั้ย!!แทคยอน!มินจุน!”

ประโยคสุดท้าย นิชคุณหันไปถามแทคยอนด้วยน้ำเสียงออกแนวบังคับว่าพวกมึงสองคนต้องไปฟิตเนต!!

 

“อ๋อ…เออ ใช่พวกพี่สองคนต้องฟิตเนตหน่ะ น้องอูยองไปกับนิชคุณสองคนนะ  งานนี้นิชคุณมันรู้ดี ให้พี่เค้าพาเดิน”

 

ที่จริงแล้ว นิชคุณก็แทบจะไม่รู้หรอกว่าที่งานมีอะไรบ้าง ไปครั้งล่าสุดก็น่าจะเป็นตอนที่อยู่ปีสอง

แต่ก็โบ้ยให้นิชคุณมันไปแล้วว่ามันรู้ดี ก็ออกตัวเองนี่ว่าจะพาน้องอูยองไป ยังไง คนฉลาดอย่างนิชคุณก็รู้จักเอาตัวรอดอยู่แล้วล่ะ

 

“น่าเสียดายจังครับรุ่นพี่แทคยอน รุ่นพี่มินจุน น่าจะไปด้วยกัน”

 

“ปล่อยสองคนนั้นไปฟิตเนตดีแล้วล่ะน้องอูยอง น้องอูยองไม่รู้อะไร สองคนนี้เค้ารักษาหุ่นจะตาย”

 

“อ๋อครับ”

 

แทคยอนกับมินจุนรีบมองหน้ากันทันที นิชคุณมันยัดเยียดให้เป็นคนรักหุ่นซะงั้น

ซึ่งปกติสองคนนี้ไม่ค่อยได้ไปฟิตเนตกันเท่าไหร่  แทคยอนนึกขำอยู่ในใจ  นิชคุณมันไม่เคยจีบใคร พอเห็นนิชคุณมาทำตัวแบบนี้ก็แปลกตาดีเหมือนกัน

 

 

TBC

ขอบคุณทุกคอมเม้นค่ะ ^0^ #ฟิคน้องไอติม

[Fic khunwoo] You Are My ice cream ตอนที่ 5

Title: You Are My ice cream ตอนที่ 5
Couple: KhunWoo
Writer: ilovekw
Rate : PG 
Gente :  romantic comedy
นี่คือฟิคที่เกิดจากจินตนาการของไรทเตอร์ enjoy reading ^^
CY7Oy7vUEAUwsK1.jpg large
พอขึ้นไปนั่งบนรถ อูยองถอดเป้ออก แล้วคาดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อย ก่อนจะกระชับกอดเป้ตัวเองเอาไว้แน่น   นิชคุณเห็นก็ได้แต่นึกขำ นั่งรถไปแค่หน้ามอ มันต้องคาดเข็มขัดเพื่อความปลอดภัยขนาดนี้เลยเหรอ?  ปกติเขาขับรถในมอไม่เคยจะคาดเลยสักครั้ง    นิชคุณเหยียบคันเร่งออกรถช้าๆ อูยองหันไปมองแล้วยู่หน้าใส่ตามนิสัย
“ไม่คาดเข็มขัดเหรอครับ?!”     ก็ที่บ้านป๊ากับม๊าอูยองสอนตลอด ว่าให้คาดเข็มขัดให้เป็นนิสัย ไม่ว่าจะใกล้หรือไกลก็ต้องปลอดภัยไว้ก่อน
“คาดทำไม พี่แค่จะขับรถไปส่งน้องหน้ามอเอง”
“แต่ยังไงก็ต้องปลอดภัยไว้ก่อนนี่ครับ ป๊ากับม๊าผมสอนมาแบบนี้อ่ะ!”
นิชคุณยังคงไม่สนใจในสิ่งที่อูยองบอก และขับรถต่อไปเรื่อยๆ
“ถ้าเกิดว่ามันเกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดขึ้นมา จะทำยังไงล่ะครับ!”
ยังครับ น้องมันยังไม่เลิกบ่นอีก!
นิชคุณสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วเหยียบเบรคจนอูยองหัวทิ่ม ดีนะที่อูยองคาดเข็มขัด ไม่อย่างงั้นหัวได้โขกกับอะไรสักอย่างแน่ๆ
“โอเค! โอเค!!!”   นิชคุณดึงเข็มขัดออกมาคาดตามที่น้องไอติมสั่ง เพราะขี้เกียจฟังเสียงเล็กๆบ่น ปากก็บ่นแก้มก็ขยับตาม น่า….น่ารำคาญจะตายไป!
เสร็จเรียบร้อยแล้วนิชคุณเคลื่อนรถต่อ ขับไปอย่างช้าๆใจเย็นๆ ไม่รีบไม่ร้อนอะไร ปกติเขาจะเป็นคนขับรถเร็ว แต่วันนี้ รู้สึกว่าอยากจะทดลองขับช้าๆบ้าง
เปลี่ยนอารมณ์ดูบ้างจะเป็นไรไป
“ไอติมที่ซื้อให้หมดรึยัง?”
“เหลือครับ รุ่นพี่นิชคุณจะกินมั้ยครับ”
อูยองคนมีน้ำใจกำลังจะเปิดกระเป๋าเอาไอติมออกมาให้รุ่นพี่นิชคุณ
“ไม่กิน พี่ไม่ใช่เด็กๆที่จะชอบกินไอติมแบบนาย!”
“โตเป็นผู้ใหญ่ก็กินไอติมได้ ถ้าผมโตไปกว่านี้ผมก็ยังจะชอบกินไอติมอยู่ดี”
นิชคุณก็อดจะขำไม่ได้ น้องไอติมพูดราวกับว่าตอนนี้ตัวเองอายุเจ็ดแปดขวบยังไงอย่างงั้น ทั้งๆที่ตอนนี้ตัวเองก็เข้ามหาวิทยาลัย อยู่ปีหนึ่งแล้ว
“อื้ม ก็เรื่องของนายเถอะ  แล้วนี่แผลที่หัวเป็นยังไงบ้าง?”
นิชคุณถาม แต่สายตายังจ้องมองถนนข้างหน้า
มือเล็กยกขึ้นมาลูบๆที่แผลเบาๆ  “ปวดครับ โดนเย็บไปตั้งห้าเข็ม”
ตากลมเบิกกว้างขึ้นทันที “ขนาดต้องเย็นเลยเหรอ?”
“ลืมไปเลย!!!!”   อูยองอุทานออกมาด้วยความตกอกตกใจ
“ลืมของอะไรไว้เหรอ?”  นิชคุณเริ่มชะลอความเร็วลง ก่อนจะหันไปมองเด็กแก้มป่องที่นั่งอยู่อีกฝั่ง
“หมอนัดไปล้างแผลตั้งแต่ทุ่มนึงแล้วครับ”
อูยองยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู ตอนนี้ปาไปสองทุ่มกว่าๆแล้วด้วย
“ไปตอนนี้ยังทันนะ ไปตอนไหนก็ล้างแผลได้เหมือนกันแหละ ดีกว่าไม่ไป เดี๋ยวพี่พาไปเอง”   นิชคุณรีบหักพวงมาลัยเพื่อจะกลับรถไปยังโรงพยาบาลของมหาวิทยาลัย ก่อนจะเร่งความเร็วเป็น 120กิโลเมตรต่อชั่วโมง  แต่เรื่องขับรถเร็วไม่ต้องห่วงว่าจะเกิดอุบัติเหตุ เพราะเขาขับรถเร็วจนชินมือไปแล้วล่ะ
อูยองนั่งตัวเกร็งทื่อ เพราะรุ่นพี่นิชคุณขับรถเร็วเกินไป นี่เป็นถนนในมหาวิทยาลัยนะ ทำไมถึงต้องขับเร็วด้วย
“ร รุ่นพี่นิชคุณไม่ต้องรีบก็ได้นะครับ! ผมไม่ได้รีบขนาดนั้น”
สองมือหาที่ยึดเกาะเพื่อความปลอดภัย ขนาดอูยองคาดเข็มขัดแล้วยังรู้สึกไม่ปลอดภัยเลย อูยองไม่ชอบคนขับรถเร็วสักเท่าไหร่
.
.
.
พอถึงโรงพยาบาลแล้วนิชคุณรีบปลดเข็มขัดออกทันที แต่อูยองกลับนั่งนิ่งๆ
ไม่ยอมลงจากรถซะอย่างงั้น
“ถึงแล้วนะอูยอง ไม่ลงเหรอ นั่งนิ่งเชียว พี่ขับรถเร็วจนทำให้นายเบลอไปแล้วรึไง”
นิชคุณแกล้งแซว ก่อนจะขำออกมาเบาๆ
อูยองหันมาช้อนตามองคนที่นั่งอยู่ฝั่งคนขับ ก่อนจะถอนหายใจออกมา อูยองไม่ชอบการล้างแผลสักเท่าไหร่
“ขอนั่งทำใจก่อนนะครับ ผมไม่อยากล้างแผล”
อูยองนั่งกอดกระเป๋าแน่น แถมยังทำหน้าตาและน้ำเสียงสงสาร  นิชคุณก็อดเห็นอกเห็นใจไม่ได้
“ยังไงก็ต้องไปล้างแผลนะ ไปกับพี่ป่ะเดี๋ยวไปยืนอยู่ข้างๆ เดี๋ยวพี่คุ้มครองเอง”
นิชคุณรู้สึกว่าตัวเองไม่เคยจะต้องพูดให้กำลังใจใครขนาดนี้มาก่อน
แต่ทำไมกับน้องไอติม เขาถึงได้รู้สึกอยากจะพูดปลอบโยน อยากจะโอ๋ เขาก็ไม่เข้าใจตัวเอง อาจจะเป็นเพราะความผิดครั้งนี้เขาเป็นตัวต้นเหตุด้วยนั่นแหละ  อืม…หรือว่าอาจจะด้วยเหตุผลอื่นก็ไม่รู้เหมือนกัน
“เป็นพระเหรอครับ ถึงจะคุ้มครองได้”
นิชคุณจิ๊บากเบาๆ  “ไอ้เด็กนี่ คนอุส่าจะไปให้กำลังใจ”  ทำได้เพียงแค่ด่าในใจ
“อืม! พระคุณอ่ะรู้จักมั้ยล่ะ ไปกันได้แล้วป่ะ”
รุ่นน้องปีหนึ่งเดินตามรุ่นพี่ปีสี่ไปที่ห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลอย่างเงียบๆ นิชคุณหันมามองอูยองเป็นพักๆ เห็นสีหน้าแววตาดูเป็นกังวล โตแล้วทำไมถึงได้มีนิสัยเหมือนเด็กๆไปได้
“คุณจางอูยองเชิญค่ะ”
เสียงพยาบาลเรียกชื่อให้เข้าไปล้างแผลในห้องฉุกเฉินทำเอาอูยองสะดุ้ง
อูยองนั่งอิออดกับตัวเอง ก้มหน้าก้มตาดูมือตัวเองที่กำลังหยิกกันสลับไปมาทั้งสองข้าง

 

“ป่ะอูยอง”  น้ำเสียงที่ฟังดูอ่อนโยนเอ่ยชวนขึ้น  อูยองช้อนตามองแล้วส่ายหน้าให้รัวๆ
“คุณจางอูยอง!! เชิญค่ะ!!”  เสียงเรียกชื่อดังขึ้นเป็นรอบที่สอง
มือหนาของรุ่นพี่ปีสี่เอื้อมมากุมมือน้องปีหนึ่งเอาไว้ ก่อนที่น้องจะนั่งหยิกตัวเองไปมานานกว่านี้ แล้วดึงมือน้องปีหนึ่งให้ลุกขึ้น ก่อนจะเป็นคนเดินพาอูยองเข้าไปล้างแผล มือเล็กของอีกคนเย็นเฉียบเชียว สงสัยจะกลัวจริงๆ   อูยองขึ้นไปนั่งบนเตียงรอทำแผลตอนนี้หน้าซีดเป็นไก่ต้มเชียว  พยาบาลเข็นอุปกรณ์ล้างแผลมา อูยองเห็นแล้วยิ่งหน้าซีดเข้าไปใหญ่
“นึกว่าจะเบี้ยวนัดไม่ยอมมาล้างแผลแล้วซะอีก”
คุณพยาบาลเอ่ยทัก เพราะทุกคนต่างจำอูยองวันที่มาเย็บแผลได้ดี จะไม่ให้จำได้ ได้ยังไงล่ะ ก็เล่นร้องซะลั่นห้องฉุกเฉินเลย
“อูยอง ล้างแผลเสร็จเดี๋ยวพี่พาไปเลี้ยงไอติม แต่มีข้อแม้ว่าห้ามงอแงตกลงมั้ย? ทำได้รึเปล่า? ถ้าทำได้ เลือกร้านไอติมบุฟเฟ่ไว้รอเลย”
อูยองฟังข้อตกลงของรุ่นพี่นิชคุณก็ได้แต่เม้มปากแน่น
“ไอติมบุฟเฟ่ ไอติมบุฟเฟ่ ไอติมบุฟเฟ่ ” อูยองพึมพัมอยู่ในใจ  “ฟรีด้วยอ่ะ ฟรีอ่ะ!!!”
อูยองกำลังคิดอยากจะไปกินบุฟเฟ่ไอติมอยู่ด้วยสิ มีคนเสนอมาจะเลี้ยงขนาดนี้ แต่ข้อตกลง มันช่าง
……ฮืออออ ลำบากใจอูยองจริงๆเลย
“ว่ายังไง ตกลงรับข้อเสนอนี้มั้ย?”
เสียงทุ้มของนิชคุณทำเอาอูยองหลุดจากภวังค์  คนที่นั่งรอล้างแผลผ่อนลมหายใจออกมาอย่างลำบากใจ
ปากสีชมพูคว่ำลงจนเป็นสระอิ  แล้วส่งสายตาละห้อยมองไปยังพยาบาลที่กำลังถือสำลีชุบแอล์กอฮอล์ขึ้นมารอ
“พี่พยาบาลครับ ล้างแผลให้เบาๆนะครับ ผมอยากกินบุฟเฟ่ไอติม”
“จ้ะ”
“แต่ว่ามีแอล์กอฮอล์ชนิดที่มันไม่แสบมั้ยอ่ะครับ”
“ไม่มีค่ะ!”
“อ่า…ครับ”   อูยองทำหน้าผิดหวัง แล้วถอนหายใจออกมายาวๆ ได้แต่นั่งคอตกอยู่บนเตียง ก็จะให้ทำยังไงล่ะ อยากกินไอติมบุฟเฟ่นี่นา
นิชคุณยืนกอดอกมองอูยองอยู่ไม่ห่างเตียง ก็ได้แต่ขำออกมาเบาๆ  ขอแค่เป็นไอติม ให้ทำอะไร น้องไอติมก็คงจะตอมทำตามทุกอย่างงั้นสิ
.
.
.
“ก็เก่งหนิ ”
นิชคุณก็อดจะเอ่ยชมไม่ได้ ก็นึกว่าจะงอแงเป็นเด็กๆซะแล้ว  พอพยาบาลปิดแผลเสร็จแล้ว  อูยองก็ทำท่าจะกระโดดลงจากเตียง แต่โดนนิชคุณจับตัวไว้ก่อน
“อย่าพึ่ง!”
“เอ้าก็เสร็จแล้วนี่ครับ”  อูยองมุ้ยหน้าใส่ทันที
“คุณพยาบาลช่วยตามหมอมาดูอาการแพ้ที่แก้มให้น้องเค้าทีสิครับ”
“ได้ค่ะ”
“ไหนๆก็มาโรงพยาบาลแล้วก็ให้หมอดูแก้มที่มันแพ้หน่อย จะได้หายไวๆ”
“เดี๋ยวมันก็หายแล้ว ไม่เห็นต้องให้หมอดูให้เสียเวลาเลยนี่ครับ”
“อย่าดื้อนักได้มั้ย”  นิชคุณข่มเสียงดุทันทีที่อีกคนดื้อใส่
 ไม่นานก็มีหมอเดินเข้ามาดูอาการให้ นิชคุณขยับหลบทางให้หมอได้เดินเข้าไปดูอาการให้ อูยอง

 

“ไหนครับ แพ้ตรงไหน”
อูยองยกมือขึ้นมาจิ้มที่แก้มตัวเองทั้งสองข้าง หมอเห็นแล้วก็ขำออกมาน้อยๆ เพราะไอ้รอยแดงนั้นแดงเป็นรอยหนวดแมว แถมจมูกยังแดงเป็นวงใหญ่ๆอีกต่างหาก
“ไปโดนอะไรมาเหรอครับ?”
“ลิปสติกครับ ผมแพ้เครื่องสำอาง”
“อยู่ในช่วงรับน้องล่ะสิ โดนรุ่นพี่แกล้งใช่มั้ยเรา”
“ครับ พี่คนนั้นอ่ะแกล้งผม!”  อูยองชี้ไปทางนิชคุณ
 
“ขี้ฟ้องชะมัด”  นิชคุณบ่นอยู่ในใจ
 
“อืม…พี่ขอโทษได้มั้ยล่ะ”
“อ่าว!!! พี่ก็พูดคำว่าขอโทษเป็นหนิครับ นึกว่าจะพูดไม่เป็นซะอีก”
“ถ้าพูดมากพี่จะไม่เลี้ยงไอติมบุฟเฟ่แล้วนะ!”
“อย่าพึ่งเถียงกันได้มั้ยครับ!”   เสียงหมอเอ่ยแทรกขึ้น
“เป็นรุ่นพี่ก็หัดดูแลรุ่นน้องดีๆหน่อยสิครับ ยังดีที่ว่าน้องเค้าแพ้ไม่เยอะ มีแค่ผื่นแดงเม็ดเล็กๆขึ้นตามแนวลิปสติกที่ทา เดี๋ยวไปรับยาด้านหน้านะครับ”
“ครับ ขอบคุณครับ วันหลังผมจะระวัง”   นิชคุณโค้งขอบคุณหมอ  ส่วนอูยองก็รีบจะกระโดดลงจากเตียงอย่างเดียวเลย
 “อ้าว ระวังๆสิ จะรีบกระโดดลงมาทำไม ค่อยๆลงก็ได้”
ถ้าไม่ได้นิชคุณช่วยประครองตัวเองไว้ อูยองก็คงจะเซจนล้มไปแล้วล่ะ ไม่รู้ว่าจะรีบกระโดดลงมาทำไม
“ไอติมบุฟเฟ่”  อูยองรีบทวงคำสัญญาจากนิชคุณทันทีทันใด
“เปลี่ยนใจว่าจะไม่เลี้ยงแล้ว”  นิชคุณพูดด้วยสีหน้านิ่งๆ และจริงจัง
“อ้าว!!!! พี่!!! ทำไมพูดงี้ล่ะ!!! ทำไมถึงไม่รักษาคำพูดล่ะครับ!! พี่ทำแบบนี้ไม่ได้นะ!!!!”
อูยองแหกปากโวยวายเสียงดัง ไม่ได้เกรงใจว่าตัวเองกำลังอยู่ในห้องฉุกเฉิน   ตอนนี้อูยองไม่รู้หรอกว่าตัวเองโดนสายตาทุกคู่ในห้องนี้จับจ้องมาที่ตัวเอง  เพราะอูยองมัวแต่จ้องหน้าไอ้รุ่นพี่ที่ไม่รักษาคำพูด
“เอ่อ เห้ย พี่ล้อเล่นเฉยๆน่า ไม่เห็นต้องโวยวายเลย เห็นมั้ยคนเค้ามอง ไปกันได้แล้ว”
แค่ล้อเล่นทำไมถึงต้องรู้สึกผิดขนาดนี้ด้วยวะ นิชคุณงงจนทำอะไรไม่ถูก  ก่อนยกมือขึ้นมาเสยผมอย่างวางมาด ทำอะไรไม่ถูกแต่ก็ขอหล่อไว้ก่อนก็แล้วกัน   เขารีบจูงมือไอ้เด็กขี้โวยวายออกจากห้องฉุกเฉิน ผ่านสายตาใครต่อใครหลายคน ร้างสูงก้มหัวโค้งขอโทษมาตลอดทาง เพราะตัวเองเป็นคนก่อเรื่อง ให้ไอ้เด็กนี่โวยวายส่งเสียงดังรบกวนการทำงาน
“ไอติมบุฟเฟ่”
“จะกินไอติมบุฟเฟ่!!”
“จะกินไอติมบุฟเฟ่ฟรี!!”
“ไอติมบุฟเฟ่ๆๆๆๆๆๆๆ”
ครับ…..ไอ้เด็กไอติมมันร้องประท้วงมาตลอดทางนั่นแหละ   ทีหลังถ้ารู้ว่ามันจะแหกปากร้องประท้วง แล้วโวยวายขนาดนี้ จะไม่แกล้งน้องมันในที่สาธารณะแล้ว!
“โอเค! โอเค! แล้วเลิกโวยวายได้รึยัง แล้วอยากไปกินไอติมร้านไหนล่ะ?”
“ร้านไอติมที่อยู่ข้างๆหอผม”
.
.
.
ณ ร้านบุฟเฟ่ไอศกรีม ทั้งร้านถูกตกแต่งประดับประดาไปด้วยตุ๊กตาและของเล่นน่ารักมากมายเต็มไปหมด สไตล์ร้านมันช่างไม่เข้ากับคนหล่อแมนๆอย่างนิชคุณเอาซะเลย
นี่ถ้าอ๊คแทคยอนเพื่อนรักมันรู้ว่าเขามานั่งอยู่ที่ร้านไอติมมันคงจะหัวเราะ เยอะแน่ๆ เพราะมันรู้ว่าเขาไม่ชอบมานั่งที่ร้านอะไรแบบนี้หรอก  นิชคุณให้อูยองเป็นคนไปสั่งไอติมตามใจชอบ ส่วนเขามานั่งรอที่โต๊ะที่อยู่มุมข้างในสุดของร้าน  ไม่นานอูยองก็กลับมาพร้อมไอติมหม้อไฟสองหม้อใหญ่ๆ ในหม้อนั้นจะมีไอติมอยู่หม้อละเจ็ดแปดลูกคละรสกันไป
“เอามาเยอะจะกินหมดเหรอ?”   นิชคุณถามด้วยความสงสัย เพราะถ้าเป็นเขา คงจะกินแค่สองลูกแรกก็พอแล้ว เพราะเป็นคนไม่ชอบกินไอติมเท่าไหร่
“เอามาให้รุ่นพี่นิชคุณด้วยครับ”   อูยองดันไอติมอีกหม้อให้กับรุ่นพี่ที่ใจดีเลี้ยง
นิชคุณส่องดูไอติมคละรสที่อยู่ในหม้อ แค่เห็นเขาก็อิ่มแล้ว จะไปกินยังไงให้หมดล่ะ  ก็คนมันไม่ชอบกินไอติมนี่หว่า กินไปลูกเดียวก็เลี่ยนจะแย่อยู่แล้ว
“พี่กินไม่หมดหรอก”
“ผมจะช่วยเอง เดี๋ยวรุ่นพี่เสียงตังค์แล้วกินไม่คุ้มนะครับ”
อูยองพูดพลางๆตักไอติมเข้าปาก      นิชคุณได้แต่นั่งมอง แค่กินไอติมเฉยๆทำไมน้องมันต้องทำหน้าตาบ้องแบ้วด้วยวะ  กินไอติมแล้วมีความสุขมากขนาดนั้นเลยเหรอ?
 “นี่เราเลือกหอเพราะร้านไอติมบุฟเฟ่ร้านนี้รึเปล่าเนี้ยน้องไอติม”
“อย่าเรียกผมว่าน้องไอติม! ผมชื่ออูยอง”   อูยองรู้สึกขัดหูทุกครั้งที่โดนรุ่นพี่เรียกว่าน้องไอติม!  เพราะอูยองไม่ชอบให้ใครมาตั่งฉายาให้
“ทำไมล่ะ ไม่ชอบชื่อนี้หรอกเหรอ พี่ว่าเหมาะดีออก”
“ไม่เอา!! ก็ผมไม่ชอบ!”
“อ่าๆ    โอเคๆ   ไม่เห็นต้องมองพี่ด้วยสายตาดุๆแบบนั้นเลย  พี่จะไม่เรียกน้องไอติมต่อหน้า น้องอูยองแล้วก็ได้ แต่พี่จะมีข้อตกลงมาแลกเปลี่ยนจะยอมมั้ย”
“อะไรครับ?”
“ให้เรียกพี่คุณเฉยๆ ไม่ต้องมีคำว่ารุ่นพี่นำหน้า ฟังแล้วรู้สึกขัดหูยังไงก็ไม่รู้”
“ตกลงครับ!”   อูยองยอมตกลงง่ายๆ เพราะไม่อยากจะโดนเรียกชื่อนั้นอีก
อ้าวเห้ย ยอมตกลงง่ายๆด้วย  นิชคุณกระตุกยิ้มออกเพียงเล็กน้อย  เด็กนี่มันตลกดีหวะ
“ได้กินไอติมแล้วอารมณ์ดีเหรอ?”
“ก็เป็นแบบนี้ทุกครั้งแหละครับ”
“เลี้ยงง่ายดีเนอะ ให้กินไอติมทั้งวันก็คงจะเป็นคนว่านอนสอนง่ายล่ะสิท่า”
“ก็…คงงั้นมั้งครับ”  อูยองตอบส่งๆ เพราะตอนนี้อูยองมัวแต่ให้ความสนใจกับไอติมที่อยู่ตรงหน้า
คุยกันแค่แป้บเดียว นิชคุณแอบเหลือบไปเห็นไอติมที่อยู่ตรงหน้าอูยองลดลงไปเยอะ จนจะหมดอยู่แล้ว ในขณะที่ไอติมที่อยู่ตรงหน้าเขาหมดยังไม่ถึงลูก  ก็ยังนึกสงสัยว่ากินเข้าไปได้ยังไงตั้งเยอะตั้งแยะ   น้องอูยองเป็นคนหรือเป็นเครื่องดูดไอติมกันแน่วะ

 

อูยองค้นหาตารางเรียนในกระเป๋าแล้วหยิบขึ้นมาดู พลางๆกับตักไอติมเข้าปาก  แล้วทำท่าครุ่นคิดอะไรอยู่สักพัก ก่อนจะลุกขึ้น
“น้องอูยองจะไปไหน?”
“ไปสมัครงานพาสไทม์ร้านนี้ครับ”
นิชคุณค่อยถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ก็นึกว่าจะไปสั่งมาอีก เพราะไอติมที่อยู่ตรงหน้าเขาก็ยังไม่หมด ก็กะจะให้น้องมันช่วยกินให้หมดๆ
“เดี๋ยว นั่งลงคุยกันก่อน ทำไมถึงต้องทำงานพาสไทม์”
อูยองยอมนั่งลงไปที่เก้าอี้ตัวเดิม ก่อนจะอธิบายให้ฟัง  “ผมโดนปล้นมือถือไปด้วย แต่ไม่ได้บอกหม่าม๊า กลัวหม่าม๊าดุ ก็เลยจะต้องทำงานเก็บเงินซื้อใหม่ครับ”
“แล้วไหนตารางเรียน เอามาให้พี่ดูก่อน”

 

นิชคุณทำหน้าที่รุ่นพี่ที่ดี    เป็นห่วงว่าถ้าทำงานแล้วจะทำให้เสียการเรียนเพราะไม่ได้พักผ่อน    อูยองยื่นตารางเรียนให้กับรุ่นพี่   นิชคุณกวาดสายตามอง ตารางเด็กปีหนึ่งแน่นเอียดขนาดนี้จะเอาเวลาที่ไหนไปทำงานพาสไทม์  มีเวลาว่างตอนเย็นๆแค่ไม่กี่วัน จะไม่พักผ่อนเลยเหรอ
-แชะ-     นิชคุณหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปตารางเรียนน้องไอติมไว้ดู
“พี่ถ่ายไปทำไมเหรอครับ?”   อูยองถามด้วยความไม่เข้าใจ  นี่มันตารางเรียนของอูยองนะ
รุ่นพี่นิชคุณจะถ่ายไปทำไม  ตารางเรียนน้องปีหนึ่ง รุ่นพี่ปีสี่อย่างรุ่นพี่นิชคุณจำเป็นต้องมีเก็บไว้ด้วยเหรอ?
นิชคุณชะงักเพื่อคิดคำตอบสักพัก ก่อนจะได้คำตอบที่สวยงาม
“อ๋อ….ก็…พี่อยากเก็บตารางเรียนน้องปีหนึ่งไว้เฉยๆ จะได้เอาไปดูว่าว่างกันช่วงไหนไง จะได้นัดทำกิจกรรมถูก”
“อ๋อ ครับ”   อูยองพยักหน้าให้หงึกๆ เขาก็ลืมไปว่ารุ่นพี่นิชคุณก็เป็นถึงประธาณคณะนี่เนอะ ไหนจะเป็นคนดูแลกิจกรรมทั้งหมดอีก พี่เค้าอยากจะรู้ตารางเด็กปีหนึ่งก็คงไม่แปลกอะไรแล้วล่ะ
“แล้วถ้าน้องอูยองทำพาสไทม์ จะไหวเหรอ?”  นิชคุณถามด้วยความเป็นห่วง
“ก่อนที่หม่าม๊าจะรู้ว่ามือถือหาย ยังไงก็ต้องทำครับ ถ้าหม่าม๊ารู้นอกจากจะโดนดุแล้วอาจจะโดนตีด้วย”
“ไม่หรอกน้องอูยอง หม่าม๊าเราต้องเขาใจว่ามันเป็นอุบัติเหตุ เราไม่ได้ทำความผิดอะไรนี่”
“แต่ผมก้อยากเก็บเงินซื้อมือถือเองอยู่ดีอ่ะ”
“เอาอย่างงี้มั้ย ว่างๆไปนั่งวาดรูปในห้องศิลป์ แล้วก็เอาไปขายที่ตลาดนัดArt fairสิ จะมีทุกๆเสาร์ อาทิตย์ จะได้ฝึกฝีมือด้วย”
“มีอะไรแบบนี้ด้วยเหรอครับ ดีจังเลยเนอะ”
“มีสิเมื่อก่อนว่างๆพี่ก็ชอบเอารูปไปขายที่นั่น ได้เงินเยอะนะ มีปัญหาอะไรปรึกษาพี่ได้ทุกเรื่องนะ”
แล้วนิชคุณก็จดเบอร์ตัวเองใส่กระดาษแล้วยื่นให้กับน้องปีหนึ่งแก้มป่อง  อูยองรับกระดาษนั้นมาแล้วพยักหน้ารับรัวๆ  บางทีมีรุ่นพี่ไว้ให้ปรึกษาก็ดีเหมือนกันแฮะ เพราะรุ่นพี่ก็คงจะผ่านอะไรมาเยอะกว่า ถามอะไรรุ่นพี่ก็น่าจะให้คำปรึกษาได้ดีทีเดียว
“โทรเข้ามาหน่อยสิ พี่จะได้รู้เบอร์น้องอูยอง”
โดยปกติแล้วนิชคุณไม่ค่อยอยากจะให้เบอร์ใครถ้าไม่จำเป็น แล้วนิชคุณก็ไม่เคยคิดอยากจะได้เบอร์ใครด้วย
แต่เบอร์น้องอูยองเขาจำเป็นต้องมีสิ เพราะน้องพึ่งจะโดนโจรมันทำร้ายจิตใจมา แล้วเขาก็เป็นต้นเหตุในครั้งนี้ด้วย  เผื่อว่าจะได้โทรติดต่อถามสารทุกข์สุขดิบ เวลาที่ไม่ได้เจอน้องไง น้องจะได้เห็นเขาเป็นรุ่นพี่ที่ดีในสายตาน้องบ้าง
“แต่ว่าเบอร์นี้เป็นเบอร์จุนโฮนะครับ เดี๋ยวพอได้เครื่องใหม่มา ผมก็จะไปเปลี่ยนเบอร์ แล้วก็เอาเบอร์นี้คืนจุนโฮไป”
“ยังไงก็เอามาก่อนเถอะน่า เปลี่ยนเบอร์ก็ค่อยบอกพี่แล้วกัน”
นิชคุณยังเร่งเร้าที่จะเบอร์น้องไอติมให้ได้
“เดี๋ยวผมค่อยโทรเข้าเบอร์พี่แล้วกันนะครับ ผมจะกินไอติม”
แล้วอูยองก็เก็บกระดาษที่นิชคุณเขียนเบอร์ให้  ยัดใส่ไปในกระเป๋ากางเกง    ก่อนจะก้มหน้าก้มตาตักไอติมกิน ไม่ได้สนใจสายตาของคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเลยสักนิด
“เอามือถือมานี่มา น้องอูยองกินไอติมไป เดี๋ยวพี่จะเม็มให้”  นิชคุณแบมือรอ  มองอูยองด้วยสายตาที่บ่งบอกว่า วันนี้เขาจะต้องเอาเบอร์น้องอูยองให้ได้!
อูยองใช้นิ้วชี้จิ้มที่ตัวเครื่องโทรศัพท์ แล้วก็ไถมือถือของตัวเองไปให้นิชคุณ  ด้วยความรีบร้อนของนิชคุณ รีบที่จะคว้าเอามือถือของน้องอูยองขึ้นมา แต่มือก็ดันไปจับมือน้องอูยองด้วย
“พี่คุณนั่นมือผมครับ!”
“รู้แล้ว แค่อยากจับ”  นิชคุณได้แต่พูดในใจ แล้วกระตุกยิ้มออกมาเพียงแค่มุมปากเท่านั้น 
 
“ก็ว่า ทำไมมือถือนิ่มจัง”       นิชคุณหยิบเอามือถือน้องอูยองขึ้นมากดเบอร์ตัวเอง พร้อมกับเม็มชื่อให้ “รุ่นพี่นิชคุณสุดหล่อ”  พร้อมกับกดโทรออก ให้เบอร์น้องไปโชว์อยู่บนเครื่องของตัวเอง เสร็จแล้วก็ส่งมือถือคืนน้องเค้าไป ตอนนี้นิชคุณได้แต่นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ก็ไม่เคยคิดว่าไอ้เด็กกวนประสาท จะมีเสน่ห์ทำให้เค้าหลงจนโงหัวไม่ขึ้นได้ขนาดนี้

 

 

 

“แทคยอนกูแม่งหลงไอ้น้องไอติมหวะ”
นิชคุณเพียงแค่นึกในใจ ถ้าบอกแทคยอนไปแบบนี้จะโดนมันหัวเราะเยาะมั้ย ก็ไปร้ายใส่น้องเขาซะเยอะ ถ้ามันรู้มันต้องขำจนฟันร่วงแน่ๆ 
 
TBC…
Talk
รุ่นพี่นิชคุณก็ไม่ได้เลวร้ายนะ เห็นมั้ยล่ะออกจะใจดีเลี้ยงไอติมบุฟเฟ่ด้วย ^^
*ขอบคุณทุกคอมเม้นต์เลยนะคะ >0<*

[Fic khunwoo] You Are My ice cream ตอนที่ 4

Title: You Are My ice cream ตอนที่ 4

Couple: KhunWoo

Writer: ilovekw

Rate : PG 

Gente :  romantic comedy

นี่คือฟิคที่เกิดจากจินตนาการของไรทเตอร์ enjoy reading ^^

 

 

 

CY7Oy7vUEAUwsK1.jpg large

เมื่อคืนทั้งคืนนิชคุณแทบจะนอนไม่หลับ ก็เพราะเป็นห่วงน้องไอติม ไม่รู้ว่าใครมาทำร้ายร่างกายน้อง และที่สำคัญนอกจากจะหัวแตกแล้ว จะเป็นอะไรนอกเหนือจากนั้นมั้ย แล้วจะขวัญเสียไปถึงไหนต่อไหนแล้วก็ไม่รู้ พึ่งเข้าปีหนึ่งมาได้ไม่กี่วันแท้ๆ ทำไมถึงได้ซวยขนาดนี้  เขาอยู่มหาวิทยาลัยนี้มาจนจะเรียนจบแล้ว ทุกคนก็ต่างรู้กันดีว่าไม่เคยมีข่าวการจี้ปล้นเกิดขึ้น

 

เช้าของวันนี้ก็เลยแวะมาร้านขายกาแฟข้างๆคณะกินแก้ง่วงซะหน่อย

 

“ขอกาแฟแก้วนึงครับ”

 

“จ้ะน้องคุณรูปหล่อ”   เจ้ขายกาแฟยิ้มรับออเดอร์

นิชคุณยิ้มให้กับแม่ค้าขายกาแฟ ไม่ว่าจะมาซื้อกี่ครั้ง เจ๊แกก็ปากหวานไม่เคยเปลี่ยน

 

 

เป็นปีสี่ช่างแสนสบาย เทอมนี้เรียนอีกไม่กี่วิชานิชคุณ กับแทคยอนก็จะเรียนจบแล้ว เรียกง่ายๆว่าจบได้ภายในสามปีครึ่งนั่นแหละ เทอมนี้มีเวลาว่างมาก วันๆก็เข้ามานั่งวาดรูปที่คณะเล่นๆ  ส่วนเช้านี้ก็จะไปหาแทคยอนที่จุดนับพบก่อน คือที่ใต้โรงอาหารคณะ ที่เก่าเวลาเดิม

 

แทคยอนเห็นนิชคุณเดินถือแก้วกาแฟมาแต่ไกล ปกตินิชคุณมันไม่ค่อยจะกินกาแฟเลยนะ นับครั้งได้ นี่ไปอดหลับอดนอนมาจากที่ไหนของมัน หรือพาสาวๆไปท่องราตรีมาจนเช้ากันแน่

 

“อ้าวเห้ยวันนี้นึกยังไงกินกาแฟ”

 

“นอนไม่ค่อยหลับหวะ”

 

“มึงเนี้ยนะนอนไม่หลับ? ไม่ใช่ว่าพาสาวไปเที่ยวมาทั้งคืนแล้วบอกนอนไม่หลับนะ”

 

“ไม่ใช่ละแทค”     นิชคุณตอบแทคยอนด้วยความจริงจัง บวกกับสีหน้าบ่งบอกว่ากำลังมีความเครียด  แทคยอนมองหน้านิชคุณงงๆ มาอารมณ์ไหนของมันวะ เคร่งเครียดเชียว

 

“มึงเป็นอะไรรึเปล่า ทำไมวันนี้ดูเครียดๆ?”

 

 

“เออมีเรื่องให้คิดมาก”

 

“เรื่องอะไรว่ามาดิ”

 

“…..น้อง..ไอ…ติม”

นิชคุณมองตามน้องปีหนึ่งแก้มกลมกำลังเดินไปทางร้านไอศครีมของโรงอาหาร  ซึ่งวันนี้ที่หัวมีผ้าปิดแผลติดมาด้วย  นิชคุณมองตามจนคอจะหมุนรอบตัวได้อยู่แล้ว ทำเอาแทคยอนต้องมองตาม

 

“เห้ย!!! น้องอูยองไปโดนอะไรมาวะ ทำไมมีผ้าปิดแผล?”

 

“เออนั่นแหละที่กูนอนไม่หลับ เมื่อคืนหลังจากอยู่ตรวจสอบความเรียบร้อย แล้วก็เก็บของที่ยิมต่อแป้บนึง พอขากลับ กูขับรถไปเจอน้องมันนั่งร้องไห้อยู่ข้างถนน เลยจอดรถลงไปดู ว่าจะพาไปทำแผลที่โรงพยาบาล น้องมันไม่ยอมไปด้วย แล้วพอเพื่อนน้องมันมา น้องมันเลยเลือกไปกับเพื่อน ทิ้งกูไว้กลางทางอยู่คนเดียว”

 

ทันทีที่แทคยอนฟังนิชคุณจบ รุ่นพี่ที่แสนดีอย่างแทคยอนก็รีบเข้าไปถามสารทุกข์สุขดิบน้องอูยองทันที

นิชคุณรีบก้าวขายาวๆเดินตามไปติดๆ เพราะเขาก็อยากรู้เหมือนกันว่าเมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้นกับน้องไอติมกันแน่

 

พอแทคยอนเห็นหน้าน้องอูยองใกล้ๆถึงกับผงะ  หน้าที่แพ้เครื่องสำอางก็ยังเป็นรอยหนวดแมวอยู่เหมือนเดิม แถมวันนี้ที่หัวยังมีผ้าปิดแผล ติดมาเป็นออปชั่นเสริมอีกต่างหาก

 

“น้องอูยอง ทำไมวันนี้หัวถึง…”

แทคยอนเอานิ้วชี้ไปที่แผลบนหัวน้องปีหนึ่ง พร้อมกับทำหน้าเป็นห่วงเป็นใย

 

“เมื่อคืนผมโดนทำร้ายร่างกาย ระหว่างที่เดินกลับน่ะครับ”

 

นิชคุณก็นึกรู้สึกผิดอยู่ในใจ เมื่อคืนถ้าเขาให้แทคยอนไปส่งน้องไอติม มันก็คงจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้หรอก  แต่ไม่รู้ทำไมเขาถึงไม่อยากให้แทคยอนไปส่งน้องไอติม  แต่ถ้าเมื่อคืนไม่ติดว่าเขาต้องอยู่ตรวจความเรียบร้อย แล้วก็เก็บของที่ยิม เขาก็จะไปส่งอยู่หรอก ไม่อยากให้น้องไอติมมันรอ เดี๋ยวจะดึก

 

“แล้วนอกจากหัวแตกแล้วเป็นอะไรอีกมั้ย?”    นิชคุณรีบเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง

 

อูยองปรายตามองคนตั้งคำถามด้วยความขุ่นเคือง ก็ขอบคุณนะที่ยังอุส่าถามด้วยความเป็นห่วงแต่อูยองก็นึกเคืองอยู่ในใจเพราะเมื่อคืนวาน ถ้ารุ่นพี่แทคยอนไปส่งก็คงจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นหรอก รุ่นพี่แทคยอนอุส่ามีน้ำใจแท้ๆ

แต่เพื่อนรุ่นพี่แทคยอนนี่สิ แล้งน้ำใจซะจริงๆ กี่เรื่องแล้วล่ะที่เขาต้องซวยเพราะรุ่นพี่นิชคุณ บุคคลที่ขึ้นชื่อว่าเป็นคนดีนักดีหนา

 

“อ่อ ไม่ล่ะครับ”   อูยองตอบส่งๆ แถมยังเบ้ปากใส่อีกต่างหาก  ก่อนจะหันไปยิ้มให้กับรุ่นพี่แทคยอน

 

“ขอบคุณที่เป็นห่วงนะครับรุ่นพี่แทคยอน”

อูยองเลือกที่จะไม่พูดขอบคุณรุ่นพี่นิชคุณ เพราะยังมีความขุ่นเคืองอยู่

 

“แน่นใจเหรอว่าไม่เป็นอะไรมาก? แล้วรอยที่คอนั่น?”

แทคยอนเห็นรอยคล้ายๆโดนของมีคมปาด ก็อดไม่ได้ที่จะทักขึ้นมา  แต่อูยองกลับรีบยกมือขึ้นมาปิดรอที่คอตัวเอง เหมือนว่าไม่ค่อยอยากให้เป็นเรื่องใหญ่อะไร เพราะมันก็แค่รอยนิดเดียวเอง

 

“เอ่อ…เล็บข่วนเฉยๆครับรุ่นพี่แทคยอน ไม่มีอะไรครับ”

 

“อูยองพี่เป็นรุ่นพี่ สามารถบอกได้ทุกเรื่องนะ ไม่ต้องปิด มีอะไรที่สามารถช่วยแก้ไขได้ พี่ก็จะได้ช่วย”   แทคยอนถามออกมาด้วยความเป็นห่วงในฐานะรุ่นพี่

 

“คนร้ายเอามีดจี้ จะเอาเงินครับ”

พอนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนอูยองก็น้ำตาคลอขึ้นมาเพราะความกลัว

 

“หืม??!!!จี้เลยเหรอ แล้วโจรได้เงินไปเยอะรึเปล่าอูยอง”

นิชคุณรู้สึกตกใจ แค่โดนตีหัวก็ร้ายแรงแล้ว แต่นี่ยังโดนจี้อีกเหรอ

 

“พี่คิดว่ายังไงล่ะครับ!! ถ้าผมไม่ให้กระเป๋าตังค์มัน ผมคงโดนโจรเอามีดแทงตายซะก่อน!”

 

 

ป๊าบบบ!!!

 

 

“เพราะมึงเลยไอ้คุณ!”

แทคยอนตบหัวเพื่อนด้วยความโมโห เพราะนิชคุณแท้ๆที่ทำให้น้องอูยองคนน่ารักต้องโดนทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจขนาดนี้

 

“สวัสดีครับรุ่นพี่ทังสอง”

จุนโฮที่พึ่งจะวิ่งเข้ามาก้มหัวทักทายรุ่นพี่  ก่อนจะตามตัวอูยองไปเรียนวิชาถัดไป  เพราะนี่ก็เหลืออีกแค่ สิบนาที อูยองยังซื้อไอติมไม่เสร็จอีก เขาเลยต้องรีบมาตาม

 

“อูยองซื้อไอติมเสร็จรึยัง?”

 

“อ่า..ยังเลยอ่ะจุนโฮ”

อูยองหันไปเลือกไอติม ก่อนจะหยิบกระเป๋าเอาเหรียญที่เป็นเงินเก็บออกมานับแล้วจ่ายเป็นค่าไอติม ที่จริงอูยองก็ไม่อยากจะทุบกระปุกออมสินลูกเจี๊ยบมาใช้หรอกนะ แต่มันก็จำเป็นจริงๆ เงินสดก็โดนปล้นไปหมด บัตร ATM ก็ยังไม่ไปทำใหม่ ตอนต้องทุบกระปลุกออมสินลูกเจี๊ยบใบโปรดนะอูยองนั่งร้องไห้ทำใจอยู่เป็นชั่วโมงๆ

 

“ไม่ต้อง! เดี๋ยวพี่จ่ายให้เอง!”   นิชคุณหยิบเงินจากมือแม่ค้าร้านไอติม แล้วเอาไปยัดใส่มืออูยอง ก่อนจะเป็นคนจ่ายเงินค่าไอติมให้อูยองแทน

 

“พี่เลี้ยงเอง”

 

“เลี้ยง?? จะเลี้ยงเนื่องในโอกาสผมโดนโจรตีหัวเหรอครับ?”

อูยองมองหน้ารุ่นพี่นิชคุณด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์สักเท่าไหร่

 

 

“ยังจะมากวนประสาท!”

 

 

“แล้วจะเลี้ยงผมทำไมครับ?!!”

 

“อื้ม…ก็เลี้ยง บอกว่าเลี้ยงก็เลี้ยงดิ อย่าถามอะไรมากได้มั้ย”

ปกตินิชคุณก็เป็นคนหล่อสปอร์ตนั่นแหละนะ แต่เฉพาะกับเพื่อนฝูงที่สนิทเท่านั้น  แต่…น้องไอติม สนิทกันแล้วเหรอ? ก็ยังหรอก แต่ก็เลี้ยงๆไปเถอะ ถือว่าเป็นกรณีพิเศษที่เขาเป็นต้นเหตุทำให้น้องไอติมต้องขวัญเสีย  เลี้ยงปลอบขวัญน้องมันไป

 

“งั้นผมขอไอติมห้าอัน”

 

“หา??”

นิชคุณร้องออกมาด้วยความตกใจ  ก่อนจะเก๊กฟอร์มทำเป็นเหมือนไม่เป็นไร เรื่องเลี้ยงไอติมห้าเท่ง มันไม่ใช่ปัญหาเงินในกระเป๋าเขาเลยแม้แต่น้อย  เพียงแต่ตอนนี้เขามีเงินติดตัวอยู่ไม่กี่บาท เพราะลืมกระเป๋าตังค์ไว้ในรถ    นิชคุณหันไปสะกิดแทคยอนเบาๆ

 

“แทคๆขอยืมเงินห้าร้อยดิ เดี๋ยวคืน น้องไอติมเล่นงานกูเข้าแล้วล่ะ”

 

แทคยอนพยักหน้าเอือมๆ โถ วางมาดมาซะดิบดีว่าเลี้ยงน้อง แต่ดันไม่ได้เอากระเป๋าตังค์มา

“ไอ้กระจอก”   แทคยอนด่าเพื่อนสนิทในใจก่อนจะควักแบงค์ห้าร้อยยัดใส่มือมัน

 

“อื้ม เอาเลย เอากี่อันก็หยิบไปสิ พี่จ่ายให้เอง”

 

“เอานี่ นี่ นี่ นี่ๆๆๆๆ แล้วก็อันนี้ครับ”

อูยองชี้สั่งๆอย่างเอาแต่ใจ นิชคุณนับตามดูคร่าวๆ ก็สิบแท่งได้นะ นี่น้องไอติมมันจะตุนไว้กินช่วงจำศีลรึไงวะ

 

อูยองเปิดกระเป๋าเป้ เป็นรุ่นพิเศษที่สามารถเก็บความเย็นของไอติมไว้ได้ แล้วเอาไอติมทั้งหมดยัดลงใส่กระเป๋าด้วยความดีใจ ที่วันนี้ได้กินไอติมฟรีตั้งหลายแท่งแหน่ะ

 

“ผมขอไอติมโคลนอีกหนึ่งอันครับ”   อูยองชี้ไอติมรสโปรดให้แม่ค้าตักให้ ก่อนจะรับไอติมโคลนนั้นมากินอย่างสบายใจ สบายกระเป๋าอีกต่างหาก

 

“แหนะ ยังไม่พอ น้องไอติมมันยังมีการตบท้ายด้วยไอติมโคลนด้วย” 

นิชคุณได้แค่คิดในใจนั่นแหละ ก็เอ่ยปากไปแล้วว่าจะเลี้ยง จะบ่นอะไรได้ล่ะ

 

“ขอบคุณครับรุ่นพี่นิช ชะ คุณ~”

 

อูยองยิ้มให้อย่างสดใส จนนิชคุณงง ทั้งยิ้มให้ ทั้งเรียกชื่อออกเสียงชัดเจนเชียว ไอติมมันเปลี่ยนคนได้ขนาดนี้เลยเหรอ ก่อนหน้านี้ยังไม่คุยดีกับเขาเลย อูยองเป็นคนประหลาดที่สุดเท่าที่เคยเจอ

 

“อะไรเนี้ย มาไม้ไหน ทำไมครั้งนี้มาดีล่ะ ไม่เป็นเด็กแสบแล้วเหรอ?!”

 

“ก็รุ่นพี่นิชคุณเลี้ยงไอติมอ่ะ ผมก็พูดดีด้วยกับทุกคนที่เลี้ยงไอติมนั่นแหละ”

 

นิชคุณขำแล้วพยักหน้าให้ เอออูยองคงเป็นเด็กประหลาดจริงๆนั่นแหละ แค่มีคนมาเลี้ยงไอติมก็พูดจาดีด้วย

ทำเหมือนเมื่อก่อนไม่เคยกัดกันยังไงอย่างงั้น

 

“น้องไอติมเป็นเด็กประหลาด!”   นิชคุณพึมพำเบาๆ

 

“อะไรนะครับ!!”

 

“เปล่า!!”   แค่พูดเบาๆยังจะมาได้ยินอีก

 

“แล้วเอาไปซะเยอะ อย่าให้พี่รู้ว่ากินทิ้งกินขว้างนะ!”

 

 

นิชคุณยืนกอดอมองเด็กแก้มป่องเก็บไอติมใส่กระเป๋าเป้  ก็เหมาะสมแล้วแหละที่เขาเรียกน้องอูยองว่าน้องไอติม ขนาดกระเป๋ายังเป็นรุ่นที่เก็บไอติมได้เลย ทำยังกะรถไอติมเคลื่อนที่

 

.

.

.

สองทุ่ม ณ โรงยิมของคณะ

 

“พวกพี่ได้ประชุมกันแล้ว เราจะไม่มีกิจกรรมซ้อมเชียร์ และทุกๆกิจกรรมที่เลิกดึกจะถูกยกเลิกทั้งหมด เพื่อความปลอดภัยของน้องๆทุกคน  เพราะเมื่อวานมีเพื่อนของพวกเราโดนทำร้ายร่างกายระหว่างเดินทางกลับ เมื่อเช้าพี่พึ่งไปประชุมกับทางมหาวิทยาลัยมา เห็นบอกว่ามีคนร้ายหลบหนีมาจากต่างจังหวัด มาซ่อนตัวแถวๆมหาวิทยาลัยเรา พี่ก็อยากให้น้องๆทุกคนระวังตัว และดูแลตัวเองให้ดีๆนะครับ”        นิชคุณเอ่ยด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด

 

สายตาของทุกคนต่างจับจ้องมาทางอูยองด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะทุกคนก็ต่างเดากันว่าน่าจะเป็นอูยองแน่ๆแหละที่โดนทำร้ายร่างกาย

ดูจากผ้าปิดแผลที่ปิดอยู่ที่หัวแล้ว ก็ท่าทางจะโดนหนักเหมือนกัน

 

“อูยองโดนอะไรเหรอ?”

 

“อูยองโดนทำร้ายร่างกายแถวๆไหนอ่ะ แล้วมันทำอะไรบ้างเหรอ”

 

“แล้วเป็นอะไรมากมั้ย”

 

“แล้วมันได้อะไรไปบ้างอ่ะ”

 

เสียงเพื่อนๆต่างรุมถามอูยองมาทั่วทุกสารทิศ อูยองหันตามเสียงทางซ้ายทีขวาที จนอูยองไม่รู้จะเลือกตอบคำถามใครก่อนดี

 

“น้องๆครับเงียบๆกันก่อนนะ อย่าพึ่งไปถามอะไรเพื่อนเรามาก ถ้าเกิดไม่เจอกับตัว เราก็คงไม่รู้หรอกว่าจะขวัญเสียขนาดไหน เพราะฉะนั้น อย่าพึ่งไปเค้นเอาคำตอบจากคนที่พึ่งเจอสถานการณ์เลวร้ายมาจะดีกว่านะครับ”

 

เหมือนเสียงสวรรค์จากรุ่นพี่นิชคุณจะช่วยชีวิตอูยองเอาไว้ เพราะอูยองก็ไม่ค่อยอยากจะตอบคำถาม พอนึกไปถึงเรื่องเมื่อคืนแล้วมันทำให้อูยองต้องนึกหวาดกลัวไปด้วย

 

“ตอนนี้แยกย้ายกันกลับได้แล้วครับ กลับกันดีๆ เพื่อนคนไหนอยู่หอละแวกเดียวกัน ก็ให้กลับกันเป็นกลุ่ม พี่ฝากน้องๆดูแลกันด้วยครับ”

 

รุ่นน้องปีหนึ่งทำตามคำสั่งนิชคุณเป็นอย่างดี มีตะโกนถามกันเพื่อที่จะจับกลุ่มกันกลับหอ ส่วนจุนโฮกับชานซอง อาสาไปส่งอูยองเอง แต่อูยองก็ปฏิเสธ หอจุนโฮกับชานซองอยู่คนละทิศคนละทางกับหออูยองเลย   ยังไงซะมันก็มีเพื่อนที่อยู่หอแถวๆหน้ามออยู่แล้ว เขาเดินกลับพร้อมเพื่อนๆกลุ่มนั้นก็ได้ ถึงอย่างงั้นเพื่อนซี้ทั้งสองก็เซ้าซี้ที่จะไปส่งอูยองอยู่ดี

 

“วันนี้พี่จะไปส่งน้องอูยองเอง”

เสียงทุ้มของรุ่นพี่ดังมาจากทางด้านหลัง ทำเอาทั้งสามคนหันไปมองอย่างพร้อมเพียงกัน

 

อูยองกำลังจะอ้าปากปฏิเสธ แต่ช้ากว่าคำสั่งของรุ่นพี่นิชคุณ

“ไม่ต้องปฏิเสธพี่ นี่ถือเป็นข้อบังคับจากประธานคณะ”

 

อูยองจิ๊ปากใส่ คำสั่งบ้าบออะไรของพี่เค้า เอาอำนาจตัวเองมาบังคับกันขนาดนี้เลยเหรอ

 

“ถ้านายไม่ให้พวกพวกฉันไปส่ง นายก็กลับพร้อมรุ่นพี่นิชคุณนะ”

 

“เอ่อ…ไม่เอาอ่ะ! ไม่กลับกับรุ่นพี่นิชคุณหรอก! งั้นขอกลับกับพวกนายก็ได้”

 

 

“ไม่ต้องเรื่องมากได้มั้ย?! จางอูยอง!! ส่วนน้องสองคนกลับไปพักผ่อนกันได้แล้วครับ

เมื่อวานพี่เป็นต้นเหตุให้น้องอูยองต้องเจออุบัติเหตุหน่ะ พี่จะรับผิดชอบดูแลเพื่อนน้องเองไม่ต้องห่วงหรอก”

 

อูยองทำหน้าไม่พอใจอย่างแรง ทำไมต้องขึ้นเสียงใส่เขาด้วย ทั้งๆที่ไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย แล้วดูน้ำเสียงที่พูดกับสองคนนั้นสิ ต่างกันลิบลับ

 

“น้องอูยองตามพี่มาที่รถ!”     รุ่นพี่ปีสี่ออกคำสั่งเสียงเข้ม ก่อนจะเดินนำไปก่อน

 

พอไม่ได้ยินฝีเท้าเดินตามมานิชคุณจึงหันกลับไปมอง  น้องไอติมยังยืนอยู่กับเพื่อนสองคนไม่ยอมตามมาสักที ก็เลยต้องเดินกลับไปลากแขนน้องให้เดินตามมา แต่กลับโดนสะบัดมือออกอย่างแรง

 

“ปล่อยผม!!  พี่แทคยอนไปส่งผมหน่อยครับ”

อูยองตะโกนขอความช่วยเหลือจากรุ่นพี่แทคยอน   แทคยอนที่กำลังนั่งดูสถานการณ์อยู่ดีๆถึงกับสะดุ้ง

 

“ไม่ต้องแทคยอน! มึงมีธุระไม่ใช่เหรอ?”

แทคยอนขมวดคิ้วทันทีที่นิชคุณบอกมาแบบนั้น ได้แค่ติดในใจ  “เดี๋ยวนะ ธุระอะไรของกูวะ ก็ไม่ได้เป็นคนขี้ลืมขนาดนั้นนะ แต่วันนี้มีธุระอะไรวะ นึกไม่ออก”

 

“ธุระ???”    แทคยอนเลิกคิ้วถาม

 

นิชคุณขยิบตาส่งสัญญาณว่า “มึงก็รับๆไปเหอะน่า จะมีธุระอะไรก็ได้ ตามใจมึงเลยครับเพื่อน”

 

“อ๋อ เออ พี่มีธุระอ่ะน้องอูยอง ให้พี่นิชคุณไปส่งนะ”

 

“ได้ยินรึยังล่ะ ว่าแทคยอนมีธุระ ป่ะ พี่จะไปส่ง!!”  นิชคุณคว้าหมับไปที่มือเล็ก แล้วออกแรงดึงให้น้องไอติมเดินตาม

 

“ปล่อย!  ผมเดินเองได้ครับ”   อูยองพยายามงัดมือตัวเองออกจากมือใหญ่ของรุ่นพี่ปีสี่

 

“จะปล่อยจนกว่าจะถึงรถ”   เสียงทุ้มเอ่ยออกมาพลางตั้งหน้าตั้งตาเดินตรงไปที่รถ มือนึงก็ดึงมือน้องไอติม ส่วนมือนึงก็ล้วงกระเป๋ากางเกง  -โคตรจะวางมาด-

 

“โอ้ย! ผมบอกแล้วไงว่าเดินเองก็ได้”

 

“โอ้ย!!ก็พี่บอกแล้วไงว่าจะปล่อยจนกว่าจะเดินไปถึงรถ”   นิชคุณยอกย้อนกลับ

 

 

แทคยอนมองเหตุการณ์อยู่ไกลๆก็ได้แต่นึกสงสัย มันจะไปส่งน้อง หรือมันจะฉุดน้องไปปล้ำวะ ทำไมต้องดูบังคับกันขนาดนั้นด้วย   แทคยอนได้แต่ยกมือขึ้นบ้ายบายตามหลังสองคนนั้น ภวนาขอให้น้องอูยองไม่โดนนิชคุณแกล้ง แล้วก็หวังว่า

นิชคุณมันจะไม่ไปกวนประสาทน้องอูยองอีกนะ ยิ่งอยู่ด้วยกันแค่สองคนด้วยสิ

 

 

 TBC…

Talk

น้องไอติมเป็นเด็กประหลาด ประหลาดจนอาจทำใครบางคนหลงจนโงหัวไม่ขึ้นแล้วก็ได้เนอะ  วันนี้รุ่นพี่นิชคุณเค้าฉุดน้องอูยองไปปล้ำ เอ้ย ไปส่งด้วยแหละ ^^

ปล. ตอนแรกก็ว่าจะไม่ได้เล่นแท็กจริงจัง แต่รีดเดอร์ผู้น่ารักเสนอมา #ฟิคน้องไอติม  เล่นกันได้นะคะ ^^

*ขอบคุณทุกคอมเม้นท์นะคะ*

[Fic khunwoo] You Are My ice cream ตอนที่ 3

Title: You Are My ice cream ตอนที่ 3

Couple: KhunWoo

Writer: ilovekw

Rate : PG 

Gente :  romantic comedy

นี่คือฟิคที่เกิดจากจินตนาการของไรทเตอร์ enjoy reading ^^

CY7Oy7vUEAUwsK1.jpg large

 

อูยองนั่งรอมอเตอร์ไซค์วินประมาณสิบนาทีแล้ว ก็ไม่เห็นวี่แววว่าจะมีสักคัน ก็เลยเลือกที่จะเดินกลับหอ ก่อนที่จะดึกไปมากกว่านี้ ตอนนี้ก็ห้าทุ่มกว่าๆแล้วด้วยหนุ่มน้อยร่างเล็กเดินตามทางฟุตบาทมาเรื่อยๆ ในมหาวิทยาลัยตอนดึกๆแบบนี้ บรรยากาศก็เงียบสงบดีเหมือนกันเนอะ อูยองอมยิ้มออกมาเล็กน้อย แล้วสูดเอาอากาศที่แสนจะบริสุทธิ์เข้าไปจนเต็มปอด   แต่พอสมองนึกไปถึงเรื่องที่รุ่นพี่แทคยอนเค้าอุส่ามีน้ำใจจะไปส่งแท้ๆ แต่มีรุ่นพี่บางคนกลับมา   หักห้ามน้ำใจของรุ่นพี่แทคยอนซะอย่างงั้น นึกแล้วมันน่าโมโห!

 

“หึ!! ป่านนี้ถ้าได้รุ่นพี่แทคยอนไปส่งนะ ได้อาบน้ำนอนไปนานแล้ว นั่นหน่ะเหรอรุ่นพี่นิชคุณที่ถูกกล่าวขานว่านิสัยดีอย่างงั้น นิสัยดีอย่างงี้ ทำไมรุ่นพี่นิชคุณที่เค้าเจอ ถึงได้เป็นคนที่นิสัยไม่ดีเลยล่ะ หาเรื่องรุ่นน้องตัวเล็กๆน่ารักอย่างเราได้ลงคอ แถมยังเป็นคนแล้งน้ำใจอีกต่างหาก”

อูยองบ่นอุบอิบกับตัวเอง ส่วนเท้าก็เตะก้อนหินที่อยู่ตามฟุตบาทไปเรื่อยเปื่อยแก้เซ็ง

 

 

“เห้อ จากคณะไปถึงหอก็แค่สาม สี่กิโลเอง วันหลังขอให้ชานกับโฮไปส่งก็คงดี เอ๊ะแต่หอสองคนนั้นก็อยู่คนละทางนี่นา ไม่เอาดีกว่าเกรงใจ เดินกลับเองแหละดีแล้ว ถือซะว่าออกกำลังกาย”

อูยองบ่นพลางก้มลงไปนวดขาตัวเอง ที่ตอนนี้เริ่มจะปวดเมื่อยขึ้นมาแล้วล่ะ ส่วนมืออีกข้างนึงก็ยกขึ้นมาเกาแก้ม ที่กำลังคันได้ที่เหมือนกัน พอเดินมาได้ยังไม่ถึงครึ่งทาง ไฟรายทางก็เริ่มดับลง บรรยากาศก็ดูเงียบ แล้วก็วังเวงชอบกล

 

“เห๋? ปะ ปิดไฟทำไมอ่ะ! มันมืดนะเนี้ย!”

 

อูยองกระชับเป้แน่นยิ่งขึ้น สายตาก็สอดส่องมองไปรอบๆตัว มันมืดจนน่ากลัว แถมยังรู้สึกเสียวๆสันหลังแปลกๆ ช่างเงียบเชียบอะไรอย่างงี้ จะไม่มีคนสันจรผ่านไป ผ่านมาจริงๆเหรอ

 

“ตั้งสติแล้วเดินต่อสิจางอูยอง” อูยองพยายามข่มใจตัวเองไม่ให้กลัว

 

ท่ามกลางความเงียบ นอกจากอูยองจะได้ยินเสียงฝีเท้าของตัวเองเดินแล้ว อูยองยังได้ยินเสียงฝีเท้าของอีกคนเดินตามอูยองมาห่างๆ พออูยองหยุด เสียงฝีเท้านั้นก็หยุดด้วย แต่อูยองไม่กล้าหันกลับไปมอง

 

“ไม่มีอะไร มันต้องไม่มีอะไรสิ”

 

อูยองพยายามเตือนสติตัวเองไม่ให้กลัวไปมากกว่านี้ ตอนนี้ได้แต่รีบก้าวขาเดินให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ มือเล็กหยิบมือถือขึ้นมาโทรออกเพื่อหาเพื่อนคุย เผื่อว่าจะลบล้างความกลัวได้บ้าง

 

“เอ่อ..ฮ ฮโหลจุนโฮถึงหอกันรึยังอะ”

เสียงอูยองสั่นเพราะรู้สึกหวาดกลัว กลัวอะไรก็ไม่รู้ เสียงฝีเท้านั้นที่ตามมาอาจเป็นนักศึกษาด้วยกันก็ได้

 

“ถึงแล้ว นายล่ะอูยอง อยู่ไหนเนี่ย ทำไมเสียงนายดูสั่นๆ”

 

“อ เอ่อ อยู่ข้างนอกหน่ะ กำลังเดินกลับหอ มันมืดๆ เปลี่ยวๆอ่ะ เลยหาเพื่อนคุยเฉยๆ ไม่มีอะไร”

 

“เห้ย! เดี๋ยวให้ชานซองเอารถออกไปรับมั้ย มันดึกแล้วนะ ฉันก็นึกว่านายไปเอากระเป๋าแล้วจะกลับเลย ทำไมออกมาช้าล่ะ”

 

“ก็….”

 

 

ผลั่ว!!!

 

 

“โอ๊ยยยยย!!!”  

 

เสียงร้องดังออกมาจากปลายสายทำเอาจุนโฮตกใจ

 

“จุนโฮ!!!!!!!!!!!!!!!! จุนโ…”   อูยองพยายามตะโกนให้จุนโฮได้ยินเสียงตัวเอง

 

 

“อูยอง!!!! ฮัลโหล ฟังอยู่มั้ย อูยอง!! เห้ย!!   จางอูยอง!!!!”

 

………………….

 

แล้วเสียงโทรศัพท์ก็ขาดหายไป ใจคอจุนโฮเริ่มไม่ดี รีบไปตะโกนเรียกชานซองให้อาบน้ำเร็วๆแล้วไปตามหาอูยอง พิกัดน่าจะอยู่แถวๆในมหาวิทยาลัย

 

.

.

 

ท่ามกลางความมืด อูยองก็ยังสามารถรับรู้ได้ว่าตัวเองโดนตีจนหัวแตก เลือดที่ไหลลงมาตามข้างแก้มไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ทำให้อูยองรับรู้ว่ามันออกมาเยอะขนาดไหน อูยองไม่ได้โดนแค่ตีหัวอย่างเดียว แต่ยังโดนโจรต่อยปากจนอูยองได้รสเค็มของเลือดสดๆ บนเรียวปากของตัวเองอีกต่างหาก

 

 

“ฮึก ฮึก เจ็บชะมัดเลย!”

 

“คิดถึงหม่าม๊า ฮึก คิดถึงป๊า ฮึก หม่าม๊าน้องอูยองอยากกลับบ้าน ฮึก ฮึก”

 

เสียงสะอื้นดังขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ อูยองโดนทำร้ายร่างกาย แล้วโจรก็ขโมยเอามือถือไป แถมยังจี้เอาเงินจากอูยองอีกต่างหาก ตอนนี้อูยองกลัวจนทำอะไรไม่ถูก มือถือก็ไม่มี จะติดต่อขอความช่วยเหลือได้ยังไง จุดที่เกิดเหตุก็เงียบๆ ไม่มีวี่แววว่าจะมีคนผ่านไปผ่านมาเลยสักนิด   ตอนนี้อูยองไม่กล้าแม้แต่จะก้าวขาเดินต่อ   ได้แต่นั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่ท่ามกลางความมืด      หวังว่าจุนโฮกับชานซองจะมาหาเขาเจอเร็วๆ

 

แสงไฟจากรถยนต์สาดส่องมายังคนที่นั่งกอดเข่าอยู่ที่ริมฟุตบาท อูยองไม่แน่ใจว่าเป็นรถของจุนโฮ กับชานซองรึเปล่า แต่ก็รีบลุกขึ้นแล้วโบกรถเพื่อขอความช่วยเหลือทันที

 

“ช่วยด้วยครับ ช่ว…”

 

พอกระจกถูกเลื่อนลง อูยองต้องชะงักเมื่อเห็นคนที่นั่งในรถเป็นรุ่นพี่นิชคุณ โจทย์เก่าอูยองดีๆนั่นเอง

 

“เห้ยน้องไอติมเป็นไรอ่ะ!!”   ตากลมเบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจ เมื่อเห็นสภาพของน้องไอติม

 

นิชคุณรีบเปิดประตูลงจากรถ แล้วตรงเข้ามาหาคนที่ยืนหน้าซีดอยู่ข้างถนน

ดูเหมือนว่าจะพึ่งถูกทำร้ายร่างกายมา หัวแตกไปข้างนึง เลือดไหลเป็นทาง ท่าทางจะขวัญเสียซะด้วยสิ

 

“ซวยจากโดนโจรปล้น แล้วยังจะมาซวยเจอรุ่นพี่เฮงซวยแบบนี้อีกเหรอ”

อูยองบ่นก่อนจะรีบก้าวขาเดินหนี แต่โดนนิชคุณดึงมือเอาไว้ ก่อนจะออกคำสั่งเขียงเข้ม

 

“ไปขึ้นรถกับพี่!”    

 

“ฮึก ไม่!ไป!”

 

อูยองปฏิเสธเสียงแข็ง แถมยังพยายามที่จะเดินหนี เรื่องอะไรจะต้องให้ไอ้รุ่นพี่ตัวดีมาช่วยล่ะ จะสร้างภาพเหรอ ที่ผ่านมาเคยทำตัวดีกับเขาบ้างมั้ยล่ะ

 

“นี่!! ถ้าไม่ขึ้นรถไปกับพี่ แล้วเดินไปคนเดียว เดี๋ยวก็โดนโจรมันตีหัวเอาอีกหรอก!”

 

เสียงเข้มของรุ่นพี่ปีสี่เอ่ยดุ ไม่ดุแค่เสียง แต่ยังใช้สายตาคมๆนั้นมองจ้องดุไปที่น้องปีหนึ่งขี้แยด้วย นิชคุณไม่แน่ใจว่าตัวเองดุเกินไปรึเปล่า เพราะตอนนี้ไอ้น้องปีหนึ่งขี้แยเบะแล้วสะอื้นเงียบๆ เหมือนเด็กที่อยากจะร้องไห้แต่โดนผู้ใหญ่ดุ ต้องกลั้นไว้ไม่อย่างงั้นเดี๋ยวจะโดนตี

 

“จะกลับหอ!!ฮึก”

 

“ก็รู้ว่าจะกลับหอ แล้วเห็นสภาพตัวเองรึยังว่าเป็นยังไง หัวแตกเลือดอาบขนาดนี้ จะกลับได้ยังไง พี่จะพาไปหาหมอ!”

 

“จะกลับหอ!!”

 

เจอโจรแล้วยังมาเจอรุ่นพี่นิชคุณอีก สมองอูยองมันตื้อไปหมด ตอนนี้รู้แค่ว่าตัวเองอยากจะกลับหอ อยากไปจากตรงนี้ แล้วก็ไม่อยากเห็นหน้าไอ้รุ่นพี่เฮงซวยคนนี้ สภาพตัวเองจะเป็นยังไงตอนนี้อูยองไม่สนใจแล้ว!!

 

“จะยอมไปกับพี่ดีๆ หรือจะเดินไปคนเดียวให้โจรมันตีหัวแตกอีกข้างเลือกเอา!!”

คนอย่างนิชคุณ ไม่เคยโอ๋ใครครับ และจะไม่มีวันโอ๋ด้วย มีแต่คำขู่เท่านั้นแหละ ถ้าไม่ฟังกันก็จะปล่อยให้เดินกลับเองเลยคอยดูสิ!!

 

“ฮึก ฮึก”

 

“เอ้า! แล้วจะร้องทำไม ก็เนี้ย พี่กำลังจะมาช่วยนาย!”

 

“ฮึก!! ฮืออออออออ ฮืออออๆๆๆๆๆๆๆ งืออๆๆๆๆๆๆๆ พี่!! พี่มันตัวซวยของผม!!”

อ่าว เอาแล้วไง ซวยแล้วไงนิชคุณยกมือขึ้นมากุมขมับด้วยความกลุ้มอกกลุ้มใจ

ก็แค่พูดขู่ทำไมถึงต้องร้องไห้ด้วยวะเนี้ย!!! ทำไมถึงได้ร้องไห้ง่ายขนาดนี้ แล้วไอ้เด็กซ่าที่เขารู้จักหายไปไหนแล้วล่ะ ที่แท้ก็เป็นไอ้ขี้แยหรอกเหรอ!! แค่ขู่แค่นี้ทำเป็นร้องไห้ ถ้าคนอื่นมาเห็นสภาพแบบนี้จะเดี๋ยวเค้าก็หาว่าเขาเป็นโรจมาปล้นไอ้เด็กรวยแก้มนี่กันพอดี

 

อูยองหันหลังให้นิชคุณแล้วก้าวขาเดินหนี เขาไม่สนใจแล้วว่าจะโดนโจรตีหัวอีกมั้ย ตอนนี้ก็ไม่เหลืออะไรให้มันปล้นแล้วนี่   นิชคุณมองตามแผ่นหลังเล็กที่กำลังสั่นเทา ก็รู้หรอกว่ากลัวโดนทำร้ายร่างกายอีก แต่ก็ยังดื้อดึงที่จะเดินหนีเขา ขายาวๆก้าวเดินตามแค่สองสามก้าวก็ทัน       แล้วก็เดินไปขวางทางเดินน้องไอติม แถมยังกางแขนกันไว้อีกต่างหาก

 

 

“จะหนีไปไหน? ก็บอกว่าให้ไปขึ้นรถกับพี่ อย่าทำให้คนเป็นรุ่นพี่ต้องเป็นห่วงได้มั้ย”

 

“ฮึก ฮึก หลบนะ!”   มือเล็กยกขึ้นมาเช็ดน้ำตาออก

 

“ไม่หลบ!”

 

นิชคุณล่ะเหนื่อยใจจริงๆ ไม่รู้จะดื้อทำไมนักหนา ร้องไห้หนักแบบนี้ถ้าเกิดมีคนขับรถผ่านไปผ่านมา เดี๋ยวก็หาว่าเขาเป็นโจรปล้นไอ้เด็กรวยแก้มคนนี้กันพอดี

 

 

แต่คนอย่างนิชคุณไม่เคยโอ๋ใครนะโว้ย กับผู้หญิงมากหน้าหลายตาที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเขา เขาก็ไม่เคยโอ๋ใครเลย แล้วไอ้เด็กไอติมคนนี้ มันกำลังร้องไห้ คิดว่าคนอย่างนิชคุณจะง้อเหรอ

 

 

“ฮึก ฮึก ฮืออออๆ”   อูยองยืนเบะ ร้องไห้ไม่ลืมหูลืมตา มือเล็กทั้งสองข้างยกขึ้นมาปาดน้ำตาออกครั้งแล้วครั้งเล่า

 

12802986_10207872707127135_1121352033888865090_n

 

นิชคุณได้แต่ยืนกอดอกมอง ก่อนจะคิดในใจ

“ร้องไห้ไม่หยุดใช่มั้ย ได้!!!! เดี๋ยวรู้กันเลยไอ้เด็กน้อยขี้แย!!!

 

 

 

 

สุดท้ายนิชคุณเลยเลือกที่จะดึงร่างเด็กขี้แยเข้ามากอด ทำเหมือนคนเป็นแฟนกัน อย่างน้อย ถ้ามีคนเห็นก็จะได้คิดว่าเป็นแฟนกัน กำลังทะเลาะกันอยู่ ยังดีกว่าเห็นเขาเป็นโจรปล้นเด็ก

 

“ฮือออปล่อยยยยยยยยยยยย!!! ช่วยด้วย!!! ช่วยด้ว…!!!!!!!!!!!!!!!!”

 

 

เหมือนว่าจะไม่มีอะไรดีขึ้นเพราะไอ้เด็กนี่มันร้องไห้หนักกว่าเดิม!

 

 

อูยองพยายามดิ้นออกจากอ้อมกอดไอ้รุ่นพี่บ้าคนนี้ แถมยังตะโกนเสียงดังให้คนมาช่วย  มือหนารีบยกขึ้นมาปิดปากเด็กที่กำลังแหกปากโวยวายทันที ไม่รู้จะร้องแหกปากทำไม เขามาช่วยนะไม่ได้จะมาฆ่า!

 

“นี่!! น้องไอติม!! พี่จะมาช่วยเรา ทำไมถึงต้องทำให้คนอื่นมองพี่เป็นโจรด้วยเนี้ย!!!”

 

“พี่มันใจร้ายยิ่งกว่าโจรอีก รู้ไว้ซะด้วย!!! ฮึก”

 

นิชคุณได้แต่กอดไอ้เด็กนี่เอาไว้แน่น ชนิดที่ว่าไม่ให้ขยับตัวได้ แถมยังใจดีลูบหลังปลอบโยนให้อีก แบบนี้เรียกว่าใจร้ายเหรอ ไม่เคยกอดปลอบใครเลยนะโว้ย        นิชคุณคิดไม่ตกว่าจะเอายังไงกับเด็กคนนี้ดี จะทำยังไงให้มันหยุดร้องไห้ดีวะ!

 

เหมือนสวรรค์จะมาโปรด เพราะอูยองมองไปเห็นรถของจุนโฮกับชานซองมาจอดต่อจากรถรุ่นพี่นิชคุณ  อูยองงัดตัวเองออกจากอ้อมกอดของรุ่นพี่ตัวซวย แล้วก็รีบวิ่งเข้าไปหาเพื่อนตัวเองทันที

 

 

“จุนโฮ ชานซอง พ พาไปจากตรงนี้ทีดิ”

 

อูยองรีบพาตัวเองขึ้นไปนั่งรถในรถ ส่วนจุนโฮกับชานซองที่พึ่งจะลงจากรถมา    หันไปมองยังรุ่นพี่นิชคุณ ที่ตอนนี้ยืนหน้าเหวอทำอะไรไม่ถูก แถมเสื้อพี่เขายังเปื้อนเลือดอีกต่างหาก ทั้งสองคนมองหน้ารุ่นพี่นิชคุณ แล้วส่งสีหน้าและสายตาเป็นการตั้งคำถามเงียบๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับอูยอง

 

!!!! ????

 

“พี่ไม่ได้หาเรื่องน้องอูยองนะ น้องๆสองคนอย่ามองพี่ด้วยสายตาแบบนั้นสิ  คือพี่เจอน้องอูยองนั่งร้องไห้อยู่ข้างถนนเลยจอดรถดู พี่เองก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนน้องกันแน่”

นิชคุณต้องรีบบอกก่อนที่น้องสองคนจะเข้าใจผิดไปซะก่อน

 

“ครับ ยังไงก็ขอบคุณรุ่นพี่มากๆนะครับที่ยังอุส่าเป็นห่วงเพื่อนผม เดี๋ยวผมพาอูยองไปโรพยาบาลก่อนนะครับ”

 

“ให้พี่ไปด้วยสิ พี่เป็นรุ่นพี่ น้องอูยองเป็นน้องปีหนึ่งยังไงพี่ก็ต้องตามไปดูแล ให้น้องอูยองอยู่ในการดูแลของพี่เองนะ”

 

“วันนี้อย่าพึ่งดีกว่าครับ พวกเราไปก่อนนะครับรุ่นพี่นิชคุณ”

 

นิชคุณก็พอจะเดาเหตุผลออกว่าทำไมเพื่อนอูยองถึงไม่อยากให้ไปด้วย

ก็น้องไอติมคงไม่ชอบขี้หน้าเขาขนาดนั้น งั้นเขาไม่ไปเป็นตัวป่วนก็ได้  นิชคุณหยิบปากกาที่เหน็บอยู่กระเป๋าเสื้อ แล้วก็เปิดประตูรถไปหากระดาษมาเขียนเบอร์ให้

 

 

“อื้มงั้นก็ขับรถกันดีๆ มีอะไรให้พี่ช่วยก็โทรมาตามเบอร์นี้ได้ตลอดเวลาเลยนะ

ไม่ต้องเกรงใจ”

.

.

.

หลังจากพาอูยองไปทำแผลที่โรงพยาบาลแล้ว ตอนนี้ทั้งสามคนพากันมานั่งเล่นที่ห้องอูยอง พลางๆกับถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย

 

“มันได้เงินไปหมดกระเป๋านั่นแหละ แต่เจ็บใจตรงที่มันได้มือถือรุ่นใหม่ที่หม่าม๊าพึ่งซื้อให้ตอนเข้ามหาวิทยาลัย  เรื่องนึ้จะบอกหม่าม๊าไม่ได้เด็ดขาด แล้วก็ค่อยๆทำงานพาสไทม์เก็บเงินซื้อใหม่เอง”

 

“เอาอย่างงั้นเลยเหรออูยอง จะไม่บอกแม่จริงๆน่ะเหรอ?”

จุนโฮถามออกมาด้วยความเป็นห่วง เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆเลยนะ อูยองก็น่าจะบอกพ่อกับแม่ไว้หน่อยก็ดี

 

“อื้ม ถ้าบอกแล้วกลัวหม่าม๊าดุ อีกอย่างกลัวหม่าหม๊าเป็นห่วง แล้วจะไม่ให้อยู่หออ่ะ”

อูยองบอกพลางจะร้องไห้  โทรศัพท์ไม่ใช่ถูกๆ อูยองพึ่งจะได้เครื่องนี้มาตอนเปิดเทอมเข้ามหาวิทยาลัยปีหนึ่งนี่เอง แล้วตอนนี้เป็นไงล่ะ โดนโจรปล้นไปแล้ว

 

“ถ้างั้นเอามือถือเครื่องเก่าฉันไปใช้ก่อน เอาไว้โทรหาแม่ แล้วเบอร์ล่ะ แม่จะไม่ถามเหรอ?

 

“ก็…คงบอกว่าโดนตัดสัญญาณ เลยต้องเปลี่ยนใหม่”

 

“ตามใจนาย พรุ่งนี้จะเอามือถือมาให้นะ”

 

“ขอบใจนายสองคนนะ ที่เข้ามาทันเวลา ก่อนที่รุ่นพี่นิชคุณมันจะพาฉันขึ้นรถไปซะก่อน”

ถ้าจะให้ไปกับรุ่นพี่คู่อริ อูยองยอมเดินกลับหอแบบมืดๆ เปลี่ยวๆเสี่ยงต่อการที่โจรจะตีเอาเอายังจะดีกว่าอีก

 

“พี่เค้าหวังดีและเป็นห่วงนายนะอูยอง”

 

“ไม่รู้ไม่สนใจ ยังไงพี่เค้าก็เป็นตัวซวยของฉันอยู่ดี ตั้งแต่ได้รู้จักกันมายังไม่มีเรื่องดีๆเข้ามาในชีวิตเลยนะ”

 

TBC…

 

Talk

รุ่นพี่นิชคุณเค้าไม่เคยโอ๋ใครเลยจริงๆน๊า ที่กอดน้องไอติมก็เพราะกลัวคนอื่นมองว่าตัวเองเป็นโจรต่างหากเนอะๆๆ     อูยองเด็กแสบ ยังไงก็ยังคงเป็นอังอังอูยองอยู่ดี ขี้แยมากๆเหมือนเดิม

“ขอบคุณทุกๆคอมเม้นต์เลยนะคะ เพราะทุกคอมเม้นท์คือพลังของไรท์เตอร์^^ ”

[Fic khunwoo] You Are My ice cream ตอนที่ 2

Title: You Are My ice cream ตอนที่ 2

Couple: KhunWoo

Writer: ilovekw

Rate : PG 

Gente :  romantic comedy

นี่คือฟิคที่เกิดจากจินตนาการของไรทเตอร์ enjoy reading ^^

CY7Oy7vUEAUwsK1.jpg large

 

 

 

วันนี้ช่วงบ่ายจะมีกิจกรรมรับน้อง เป็นกิจกรรมของน้องๆปีสาม เป็นคนดูแล และได้มีตัวแทนจากปีสามมาเสนอแบบแผนกิจกรรมให้กับประธานคณะอย่าง      นิชคุณได้ฟัง  เขาได้รับรู้รูปแบบกิจกรรมทั้งหมดที่จะเกิดขึ้นแล้ว ทุกอย่างก็ดูสร้างสรรค์และไม่มีอันตรายอะไรทั้งสิ้น

 

“อ้อ ก่อนกิจกรรมจะเริ่ม ดึงตัวเด็กปีหนึ่งออกมาให้พี่จัดการก่อนแป๊บนึงสิ  ชื่อน้องไอติมไอ้เด็กนี่แสบเหลือเกิน!”

 

“ห้ะ? มีคนชื่อนี้ด้วยเหรอครับพี่คุณ”   แจ็คสัน เอ่ยปนขำ

 

“พี่ตั้งให้น้องมันเองแหละ พอเรียกชื่อนี้เดี๋ยวน้องมันสะดุ้งเองเชื่อดิ”

 

.

.

.

.

 

“จุนโฮ ชานซอง!!!  นั่นไงไอ้รุ่นพี่คนนั้นที่มันหาเรื่องอ่ะ”

อูยองดึงแขนจุนโฮกับชานซองให้มายืนหลบที่ข้างกำแพงตึก เพราะเห็นว่าไอ้รุ่นพี่คนนั้นกำลังยืนคุยอะไรสักอย่างกับรุ่นพี่ใครสักคน

 

“พี่นิชคุณอ่ะนะ?”

 

“นายรู้จัก?”   อูยองเลิกคิ้วถามจุนโฮด้วยความสงสัยว่าไปรู้จักกันตั้งแต่เมื่อไหร่

 

“เป็นประธานคณะนะ ทำไมจะไม่รู้จัก เค้าบอกนิสัยดีจะตาย เรียนดี กิจกรรมเป็นเลิศ”

จุนโฮบรรยายสรรพคุณรุ่นพี่หน้าหล่อคนนั้นแล้วยิ้มออกมา แต่หารู้ไม่ว่ากำลังมีคนกอดอกยืนมองด้วยสีหน้าโกรธๆ

 

“ย๊าห์ จุนโฮ ฉันยืนอยู่นี่ทั้งคน นายยังกล้าชมคนอื่นอีกเหรอ”   ชานซองเอ็ดเบาๆด้วยความหึงหวง

 

“หึ! นิสัยดีตายล่ะ มาหาเรื่องรุ่นน้องเนี้ยนะ จะมีใครรู้นิสัยที่แท้จริงของรุ่นพี่คนนั้นมั้ย เดี๋ยวฉันจะแฉมันเอง

 

ไอ้รุ่นพี่ตัวดี!!!”  อูยองเบ้ปากมองไปทางไอ้รุ่นพี่ที่ยืนอยู่แถวๆร้านถ่ายเอกสารที่อยู่ถัดไปอีกประมาณสองร้อยเมตร

 

“ฉันว่าเดี๋ยวพอนายได้สัมผัสพี่เค้าจริงๆนายต้องยอมรับพี่เค้า เชื่อฉัน”

จุนโฮตบบ่าเพื่อแล้วยิ้มให้ตาจนตาหยี่

 

 

“นายเคยสัมผัสเหรอจุนโฮ ขนาดฉันเคยเจอครั้งแรก ยังรู้สึกไม่ชอบเลย คิดเหรอว่าฉันจะยอมรับในความดีงามของพี่เค้า มันมาเค้นให้ฉันพูดคำว่าขอโทษ ทั้งๆที่ไม่ได้ผิดอ่ะ แบบนี้เรียกว่าคนดีเหรอ?”   พอนึกถึงเรื่องนั้นแล้วอูยองก็รู้สึกหงุดหงิดแล้วก็หัวเสียทุกที

 

“นั่นสิ! นายเคยสัมผัสรึไงจุนโฮ”    ชานซองแสดงความหึงหวงออกมาอีกรอบแล้วยืนกอดอกรอฟังคำตอบ

 

“ก็…เปล่า ไม่เคยสัมผัส แค่พูดตามที่คนอื่นเล่าๆกันมา อะไรเนี้ยชานซอง นายนี่หึงจังเลยนะ!”

 

“สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็นหรอกนะจุนโฮ  แล้วนี่พวกนายสองคนอ่ะเลิกหึงกันได้ยัง ไป๊ ไปเรียนกัน!”

.

.

.

 

ช่วงบ่าย  -กิจกรรมรับน้องของรุ่นพี่ปีสาม-

 

“ใครชื่อน้องไอติม?”    แจ็คสันถามหาชื่อนี้ตามที่รุ่นพี่นิชคุณบอกมา

 

น้องปีหนึ่งพากันเงียบกริบ ได้แต่นั่งมองตากันไป มองตากันมา ก็มันไม่ได้มีใครชื่อนี้นี่นา

 

ในเมื่อไม่มีใครแสดงตัวตน แจ็คสันก็เลยต้องใช้วิธีนี้

 

“น้องไอติมครั้งที่หนึ่ง”

 

“น้องไอติมครั้งที่สอง….”

 

“เห้ย!!!  น้องไอติม ชื่อนี้ไอ้รุ่นพี่ตัวดีมันเรียกวันนั้นนี่หว่า!!”

อูยองร้องออกมาเบาๆ นี่พี่คนนั้นมันเอาไปเที่ยวป่าวประกาศบอกว่าเราชื่อไอติมหรอกเหรอ????

 

“คือ ไอติมไม่ใช่ชื่อผมหรอกนะครับ แต่มีรุ่นพี่คนนึงมัน…เอ้ย เค้าเรียกผมชื่อนี้ ไม่แน่ใจว่าที่เรียกนั้นหมายถึงผมรึเปล่าครับ?”

 

แจ็คสันมองไปยังน้องไอติม ก่อนจะมองตรงไปยังรุ่นพี่นิชคุณที่ยืนแอบอยู่หลังเสา อยู่ถัดจากน้องไอติมที่นั่งอยู่แถวหลังสุดไม่ไกลนัก   นิชคุณพยักหน้าให้ แล้วทำปากส่งสัญญาณให้แจ็คสันเดินไปปิดตาน้อง

 

“อ่ะ ปิดตาซะ”   แจ็คสันยื่นผ้าปิดตาให้กับอูยอง  อูยองมองงงๆ คนอื่นไม่เห็นจะได้ปิดตาเลยนี่

 

“ทำไมผมถึงต้องปิดตาคนเดียวอ่ะครับ?”   อูยองช้อนตามอง และถามออกมาอย่างใสชื่อ

ทำเอาแจ็คสันแทบจะแย่งผ้าปิดตาคืน ไม่อยากจะแกล้งเด็กน้อยปีหนึ่งคนนี้เลย

 

“ก็…ไม่มีอะไรปิดไปเถอะ”

 

“ครับ”

อูยองยกผ้าผิดตาขึ้นมาปิดตาตัวเองอย่างว่าง่าย ไม่ได้ส่อแววเป็นเด็กแสบอย่างที่รุ่นพี่นิชคุณบอกมานี่

อูยองถูกดึงมือให้ลุกขึ้น ก่อนจะมีคนพาเดินไปที่ไหนสักที่

 

“ไปไหนครับ?”

 

“แถวๆนี่แหละ ไม่ไกลจากเพื่อนน้องเท่าไหร่หรอก”

อูยองพยักหน้าหงึกๆ ก่อนจะเดินตามแรงดึงของรุ่นพี่อีกคน  ดูเหมือนว่าจะมีรุ่นพี่แจ็คสัน แล้วก็มีรุ่นพี่อีกคนตามมาด้วย

 

“นั่งลง”

แจ็คสันมองหน้ารุ่นพี่นิชคุณเชิงถามว่าจะให้แกล้งอะไรน้องต่อ  นิชคุณเขียนใส่กระดาษบอกให้ใช้ลิปสติกวาดหนวดแมวให้น้องไอติม แจ็คสันพยักหน้ารับ ก่อนจะใช้ลิปสติกบรรจงวาดหนวดแมวให้น้องอูยองตามที่รุ่นพี่สั่ง

 

“อ อะไรครับ พี่ใช้อะไรเขียนหน้าผมอ่ะ??”    อูยองเอียงหน้าหลบพร้อมกับพยายามยกมือขึ้นมาปัดมือรุ่นพี่ออก

 

“ลิปสติกหน่ะ จะวาดหนวดแมวให้”

 

“พี่ครับ ผมแพ้เครื่องสำอางนะ ทาได้แต่แป้งเด็ก ไม่เขียนได้มั้ยอ่ะครับ?”

แจ็คสันหันมาหารุ่นพี่นิชคุณพลางสงสายตาตั้งคำถาม ว่าน้องมันแพ้เครื่องสำอางยังจะให้เขียนต่ออยู่มั้ย

 

“แต่มันแค่ลิปติกเองนะ คงไม่เป็นอะไรหรอก”  นิชคุณคิดอยู่ในใจ

 

ก่อนจะเขียนใส่กระเาษบอกแจ็คสันว่า  “วาดหนวดแมวต่อให้เสร็จ!”

 

“แค่ลิปสติกเอง ไม่เป็นอะไรหรอก”

 

“พี่! แต่ผมแพ้นะครับ!”

 

“นิดเดียวเอง”

 

“ถ้าพี่เขียนเยอะผมจะฟ้องหม่าม๊า!!”

 

“อืมไม่เยอะจริงๆ”

แจ็คสันเอ่ยบอกพร้อมกับวาดหนวดแมวให้กับรุ่นน้องอูยอง  อูยองก็ไม่อยากจะขัดอะไรมาก เพราะนี่คือการรับน้อง  รุ่นพี่อยากจะแกล้งอะไรก็คงจะได้ทั้งนั้นแหละ  แพ้เครื่องสำอางอย่างมากก็แค่คันเฉยๆ ถือซะว่าให้รุ่นพี่มันเจิมไปก็แล้วกัน

 

นิชคุณเห็นหน้ารุ่นน้องที่ถูกวาดหนวดแมวลงบนแก้ม ข้างละสามเส้นใหญ่ๆ ก็ได้แต่ยืนขำสั่นเป็นเจ้าเข้าอยู่คนเดียว แถมแจ็คสันยังใช้ลิปสติกวาดวนตรงปลายจมูกน้องอูยองให้อีกต่างหาก

นิชคุณหยิบป้ายที่ตัวเองตั้งใจทำขึ้นมา แล้วคล้องคอให้กับน้องอูยอง ในป้ายนั้นเขียนไว้ว่า

 

“ผมชื่อน้องไอติม”   

ตัวเบ้อเล้อ เรียกง่ายๆว่าคนเดินสวนกับอูยองห่างกันระยะร้อยเมตรยังเห็นจัดเจน

 

“ห้ามเอาป้ายนี้ออกจนกว่าจะพ้นวันนี้!  แล้วเย็นนี้มีซ้อมเชียร์ให้คล้องคอมาด้วย! ถ้าไม่เห็นป้ายนี้ อย่าหาว่าพี่ไม่เตือน”   นิชคุณเอ่ยขึ้น

 

เสียงนี้มัน!!!!!!    “ไอ้รุ่นพี่นิชคุณ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”

อูยองพูดออกมาเสียงดัง หนอย! ที่โดนลากตัวออกมาก็เพราะไอ้รุ่นพี่บ้าคนนี้หรอกเหรอ? เกินไปหน่อยมั้ย

 

แจ็คสันเอาผ้าปิดตาออกให้อูยอง

“พี่เค้าเดินไปโน่นแล้ว”

แจ็คสันบุ้ยหน้าไปทางรุ่นพี่นิชคุณ ที่พึ่งจะเดินออกจากตรงนี้ไปได้ไม่ไกลเท่าไหร่  อูยองมองตามแผ่นหลังนั้นด้วยความโกรธ เดิมก็มีความโกรธเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว วันนี้ยิ่งมาทำให้อูยองโกรธเพิ่มเข้าไปอีกรองเท้าผ้าใบสีขาว ยี่ห้ออาดิดาส

รุ่นซุปเปอร์สตาร์   เป็นรองเท้าคู่สุดรัก   สุดหวงของอูยอง ถูกถอดออกอย่างรวดเร็ว ก่อนที่อูยองจะรีบวิ่งตามหลังไอ้รุ่นพี่ตัวดีไปติดๆ

 

ป้าบ!!   

 

แจ็คสันเห็นแล้ว เข่าแทบทรุด เล่นกับใครไม่เล่น น้องมันเล่นกับรุ่นพี่นิชคุณครับท่านผู้ชม!!!

 “ไอ้น้องอูยองเล่นใหญ่ไปมั้ยน้องเอ้ย”   แจ็คสันอุทานออกมาในใจ

 

รองเท้าผ้าใบลอยไปโดนกลางหลังของนิชคุณเต็มๆ จนเขาต้องหยุดชะงัก แล้วหันกลับมามองอูยองด้วยสีหน้านิ่งๆ ถ้าถามว่าโดนรองเท้าปาใส่เต็มๆแรงขนาดนี้ถามว่าเจ็บมั้ย  ตอบได้เลยว่าโคตรเจ็บเลยครับ!     แต่ถ้าเค้าแสดงสีหน้าที่เจ็บปวดออกไป มันก็คงจะได้ใจไอ้เด็กนั่นกันพอดี  นิชคุณก็เลยต้องทำสีหน้านิ่งๆ เหมือนไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไร ตาคมจ้องมองไปที่รองเท้าผ้าใบข้างนั้น

 

“อะไร!? จะให้เหรอ?”

เขากำลังจะก้มลงหยิบรองเท้าข้างนั้นขึ้นมา แต่ต้องชะงักเพราะเสียงน้องอูยอง

 

“หยุด!! พี่อย่าจับรองเท้าผมนะ!!!!!”     อูยองรีบร้องห้ามขึ้นมาทันที เพราะกลัวว่าจะโดนไอ้รุ่นพี่ตัวดีแกล้งเอารองเท้าเขาไปแล้วจะไม่คืน รุ่นนี้กว่าจะซื้อมาได้ ทั้งแพงทั้งหายากนะ!

 

“อ้าว ก็พี่เห็นน้องปามาหนิ ไม่ได้จะให้หรอกเหรอ?”

นิชคุณแกล้งพูดด้วยน้ำเสียงยียวนวอนโดนรองเท้าน้องอูยองปาใส่อีกข้าง

 

“ผมไม่ได้จะให้!!”

 

“งั้นก็เอาคืนไป  ถ้าไม่อยากเดินเท้าเปล่ากลับบ้าน แล้วอย่าทำแบบนี้กับคนเป็นรุ่นพี่อีก!

ครั้งนี้พี่จะยังไม่เอาเรื่องก็แล้วกัน”   นิชคุณอบรมรุ่นน้องปีหนึ่งตัวแสบ ก่อนจะเตะรองเท้าผ้าใบข้างนั้นคืนเจ้าของเค้าไป  แล้วเดินหันหลังกลับไปด้วยมาดนิ่งๆเท่ห์ แต่ในใจนั้น

“ตอนนี้ โคตรเจ็บหลังเลยครับ!”

 

 

อูยองทำหน้าขัดใจที่ไอ้รุ่นพี่ตัวดีมันไม่รู้สึกสะทกสะท้าน ก่อนจะก้มลงไปใส่รองเท้า

ให้เรียบร้อย แล้วหยิบป้ายชื่อที่ไอ้รุ่นพี่ตัวดีเอามาคล้องคอให้ขึ้นมาอ่านดู

 

“ไม่ได้ชื่อไอติมโว้ย!!!!”

อูยองกำลังจะกระชากป้ายออก แต่โดนรุ่นพี่แจ็คสันชี้หน้าสั่ง

 

“อย่าเอาออกนะ! ถ้าไม่อยากโดนรุ่นพี่นิชคุณแกล้งไปมากกว่านี้”

 

“พี่!  ก็ไอ้รุ่นพี่ตัวดีคนนั้นเค้าแกล้งผมอ่ะ เค้าเคยมาหาเรื่องผมด้วยอ่ะ!”

 

“รุ่นพี่นิชคุณเค้าไม่มีอะไรหรอก เค้าคงแค่อยากหยอกรุ่นน้องปีหนึ่งเฉยๆมั้ง เมื่อกี้เล่นแรงไปนะรู้ตัวรึเปล่า”

 

“หยอกบ้าหยอกบออะไรล่ะ! พี่ไม่รู้อะไรว่าผมโดนอะไรมา แค่นั้นยังน้อยไป”

อูยองถอนหายใจฮึดฮัดอย่างขัดใจ แค่คิดว่าต้องห้อยไอ้ป้ายชื่อนั้นทั้งวันอูยองก็โมโหแล้ว คิดว่าจะอายมั้ยล่ะ ที่ต้องคล้องไอ้ป้ายชื่อบ้าบอนี้ทั้งวัน จนกว่าจะค่ำ แล้ววันนี้ก็ต้องห้อยป้ายนี้ไปซ้อมเชียร์อีก บ้าบอที่สุด!!!!

 

.

.

.

.

และเย็นวันนี้เป็นการนัดรวมตัวซ้อมสแตนเชียร์ของน้องปีหนึ่งเป็นวันแรก

 

“อ้าวพี่…..”    อูยองเอ่ยทักรุ่นพี่ ที่จำได้ก็เพราะวันนั้นพี่คนนี้ช่วยเข้าข้างอูยอง ตอนที่มีปัญหากับไอ้รุ่นพี่คนนั้น

 

“แทคยอนครับ พี่ชื่อแทคยอน อยู่ปีสี่  ยินดีที่ได้เจอกันกันอีกนะ เดี๋ยวได้เจอกันบ่อยๆเพราะพี่เป็นพี่ปีสี่ดูแลฝ่ายกิจกรรม”   แทคยอนแนะนำตัวให้น้องอูยองได้รู้จักอย่างเป็นทางการ ก่อนจะมองป้ายชื่อที่น้องอูยองห้อยมา เห็นแล้วรู้เลยว่าตอนบ่ายนิชคุณมันต้องไปแกล้งน้องมาแน่ๆ

 

“อ๋อครับ ดีจังเลย ผมก็ลงกิจกรรมของคณะไว้ทุกอย่างเลย ผมชอมทำกิจกรรมครับ”

 

“อื้มดีแล้วล่ะ ทำกิจกรรมเยอะๆ เราจะได้มีเพื่อนเยอะๆ อ้อแล้วเรื่องวันนั้นพี่ขอโทษแทนเพื่อนพี่ด้วย พี่ก็เห็นแหละว่าน้องไม่ได้ผิด”

 

“อ่อ ครับผมว่าพี่ไม่จำเป็นต้องขอโทษแทนเพื่อนพี่หรอก เพราะพี่ไม่ได้เป็นคนผิดนี่ครับ ขนาอคนผิดเค้ายังไม่รู้จักคำว่าขอโทษเลยนะครับ  อ้อ ผมชื่อจางอูยองนะครับพี่แทคยอน”

อูยองว่าพลางยกมือขึ้นมาเกาแก้มตัวเองทั้งสองข้าง เพราะไอ้ลิปสติกเมื่อตอนบ่ายนั้นแท้ๆ ที่ทำให้เขาคันแก้มยิบๆอยู่แบบนี้

 

 

แทคยอนพยักหน้ารับแล้วมองน้องอูยองตาปริบๆ น้องมันบ่นเป็นชุดๆเลยเว้ยเห้ย ท่าทางจะแค้นนิชคุณจริงจัง

 

“แล้ว แก้มน้องอูยองไปโดนอะไรมาเหรอครับ?”

แทคยอนย่อตัวลงให้ส่วนสูงเสมอตัวน้องอูยอง ก่อนจะมองสังเกตแก้มน้องอูยอง  รอยแดงมันแดงเป็นทางรูปหนวดแมวข้างละสามเส้นซะด้วยสิ  นี่คงไม่ใช่ผลงานของนิชคุณมันอีกหรอกใช่มั้ย?

 

“อ๋อ รับน้องเมื่อตอนบ่าย พี่เค้าเขียนหนวดแมวให้อ่ะครับ ผมแพ้เครื่องสำอาง มันก็เลยแดงๆ คันด้วยนิดหน่อยอ่ะครับ”

 

“แล้วทำไมถึงไม่บอกพี่เค้าไปล่ะว่าแพ้เครื่องสำอาง”

 

“ก็บอกไปแล้วครับ ไอ้รุ่น…เอ้ย เพื่อนพี่อ่ะน่าจะเป็นตัวบงการนะครับ ตอนนั้นผมโดนปิดตา เลยไม่รู้ว่าใครเป็นคนเขียน แต่ที่รู้ๆเพื่อนพี่น่าจะอยู่ตรงนั้นด้วย”

 

 

 

“น้องปีหนึ่ง มารวมตัวกันได้แล้วครับ”  

 

 

เสียงตะโกนเรียกรวมตัวดังขึ้น อูยองหันไปตามเสียงเรียกที่ดังประกาศขึ้น กำลังจะก้าวขาวิ่งตรงไปยังจุดเรียกรวมตัวเป็นต้องชะงัก แล้วหันหน้ามามองรุ่นพี่แทคยอน   แทคยอนเม้มปากแล้วพยักหน้าให้อย่างลำบากใจ

 

“เอ่อ…นิชคุณเป็นประธานคณะหน่ะ เดี๋ยวน้องอูยองต้องได้เจอกันบ่อยๆ คงไม่ลำบากใจใช่มั้ย แต่มันไม่ใช่คนนิสัยไม่ดีหรอก ถ้ามีปัญหาอะไรเดี๋ยวพี่ช่วยน้องเองไม่ต้องกังวลหรอก”

 

อูยองทำหน้าเซ็งทันทีที่ได้ยินแบบนั้น อูยองอุส่าจะสนุกกับกิจกรรมอยู่แล้วเชียว แต่พอรู้ว่าประธานกิจกรรมทั้งหมดเป็นรุ่นพี่คนนั้น อูยองก็เริ่มจะหมดสนุกขึ้นมาทันทีทันใด …ทำไมประธานไม่เป็นคนที่นิสัยดีๆอย่างพี่แทคยอน ทำไมถึงเป็นไอ้รุ่นพี่นิสัยบ้าๆอย่างพี่คนนั้นด้วย!!
“อ…เอ่อครับ”

 

อูยองทำหน้าเซ็งๆ แล้วก็รีบเดินไปเข้าแถวทันที  แทคยอนยกมือขึ้นมากุมขมับทันที ก็หวังว่านิชคุณเพื่อนรักของเขาจะไม่ไปแกล้งน้องอูยองคนน่ารักหรอกนะ

ดูจากท่าแล้วน้องมันก็คงจะไม่ค่อยชอบนิชคุณอยู่แล้ว

 

อูยองรีบวิ่งไปนั่งต่อแถวหลังสุด เนื่องจากมาช้ากว่าเพื่อน เพราะมัวแต่คุยกับรุ่นพี่แทคยอนอยู่

 

“ทำไมมาช้ากว่าเพื่อน!”

เสียงดุเอ่ยดังขึ้นก้องยิมบาส สายตาดุๆจดจ้องไปที่เด็กปีหนึ่งที่พึ่งจะหย่อนก้นนั่งลงเมื่อสักครู่นี้

 

“ก็ผ…”  อูยองกำลังจะอ้าปากตอบคำถาม ยังไม่ได้พูดอะไรเลย รุ่นพี่แทคยอนก็เดินเข้ามาบอกรุ่นพี่นิชคุณซะก่อน

 

“อย่าไปดุน้อง น้องคุยธุระกับกูนิดหน่อย”

อูยองส่งยิ้มให้รุ่นพี่แทคยอนอย่างน่ารัก ก่อนจะทำปากบอกแทคยอนว่า

“ขอบคุณครับ”

แทคยอนพยักหน้ารับก่อนจะส่งยิ้มกลับให้น้องอูยอง

 

“เอาล่ะๆ!!  ก่อนอื่นพี่ขอแนะนำตัวให้น้องๆปีหนึ่งได้รู้จักก่อนนะครับ พี่ชื่อนิชคุณ เป็นประธานคณะ จะมาดูแลน้องๆตลอดที่มีกิจกรรม ส่วนคนที่ยืนอยู่ข้างๆพี่         คือพี่แทคยอน เป็นรองประธานคณะ จะมาดูแลน้องๆเหมือนกัน”

 

สาวๆ ปีหนึ่งแอบกรี๊ดกันใหญ่ ต่างคนก็ต่างซุบซิบกันใหญ่ ว่าหล่ออย่างงั้น หล่ออย่างงี้ บ้างก็บอกว่าอยากให้มีกิจกรรมทุกวันจะได้เจอหน้ารุ่นพี่นิชคุณบ่อยๆ อูยองที่นั่งอยู่หางแถวก็ได้แต่ยกมือขึ้นมาป้องปากตัวเองแล้วก็เบ้ลงแรงๆ ด้วยความเกลียดชัง  ถ้าจะกรี๊ด กรี๊ดรุ่นพี่แทคยอนกันจะไม่ดีกว่าเหรอ หล่อ แถมยังใจดีมีเหตุผลอีกต่างหาก

 

“เงียบๆกันก่อน”  เสียงทุ้มเอ่ยดุขึ้น

เด็กๆปีหนึ่งก็พอกันเงียบกริบอย่างว่าง่าย ก็รุ่นพี่หน้าหล่อสั่งมาขนาดนี้ใครจะกล้าไปขัดคำสั่งล่ะ

 

“วันนี้เราจะซ้อมสแตนเชียร์กันเบื้องต้นก่อน จะมีพี่ๆอีกทีม มาสอนท่าให้ ตั้งใจซ้อมกันด้วย พี่จะนั่งดูอยู่ตลอด”

 

.

.

.

อูยองตั้งอกตั้งใจจดจำทุกท่าที่รุ่นพี่สอน  เพราะอูยองตั้งใจอยากจะทำให้โชว์สแตนเชียร์ออกมาเป๊ะ และดีที่สุด อูยองก็หวังว่าเพื่อนๆคนอื่นๆจะมีความตั้งใจแบบอูยองด้วยเหมือนกัน    การนั่งอยู่บนสแตนเชียร์ชั้นบนสุด มันทำให้อูยองได้เห็นวิวในยิมบาสของคณะได้กว้างมากขึ้น        แล้วอูยองก็แอบเหลือบไปเห็นไอ้รุ่นพี่นั่งจ้องมาทางสแตนเชียร์ และสายตาคมคู่นั้นก็เหมือนจะ จดจ้องมาตรงที่อูยองนั่งซะด้วยสิ   อูยองนั่งคิดอยู่ในใจ

“ชอบเล่นเกมจับผิดรึไง จ้องจะจับผิดอยู่ได้”

 

“น้องๆเราจะมาเริ่มร้องเพลง และทำท่าทางประกอบกันตามที่เราได้ซ้อมกันนะคะ”

เสียงพี่ที่คลุมเชียร์เอ่ยดังขึ้น อูยองนั่งตัวตรง เตรียมพร้อมที่จะซ้อมอย่างเต็มที่ แล้วเพลงแรกที่ซ้อมกัน

ก็ผ่านไปด้วยดี  จนไปถึง

เพลงที่สอง

 

เพลงที่สาม

 

และเพลงที่สี่ ก็ผ่านไปด้วยดี อูยองรู้สึกสนุกกับการเป็นสแตนเชียร์มาก ได้ร้องเพลงแถมยังได้ทำท่าทางประกอบอีกต่างหาก

 

“กูว่าไม่ไหวหวะแทค”  นิชคุณนั่งกอดอกแล้วเอ่ยออกมาลอยๆ ไม่ได้หันไปมองหน้าแทคยอน แต่สายตามองจ้องไปที่สแตนเชียร์ชั้นบนสุด

 

“อะไรไม่ไหว?”   แทคยอนถามออกมางงๆ เพราะเขาก็นั่งดูน้องๆซ้อมอยู่เหมือนกัน  เพลงที่ผ่านๆมา น้องๆก็ทำออกมาได้ดี นี่ขนาดซ้อมวันแรกยังดีขนาดนี้       แล้วนิชคุณมันจะเอาอะไรอีก

 

“น้องไอติม ท่าทางเก้ๆกังๆ จะไหวมั้ย จะรอดมั้ย แล้วเป็นบ้าอะไรว่างไม่ได้ ต้องนั่งเกาแก้มตลอด”

 

แทคยอนตบป้าบไปที่กลางหลังนิชคุณแรงๆ โทษฐานที่มันกำลังจะหาเรื่องน้องอูยองอีกแล้ว  แทคยอนไม่เห็นว่าน้องอูยองจะมีท่าทีเก้ๆกังๆเลยแม้แต่น้อย น้องตั้งอกตั้งใจซ้อม มิหนำซ้ำยังช่วยสอนเพื่อนๆ บอกเพื่อนๆที่นั่งอยู่ข้างๆตัวเองอีกต่างหาก นิชคุณมันเอาอะไรมาพูดว่าน้องเก้ๆกังๆ

 

“น้องเค้ามีชื่อ น้องชื่ออูยอง เรียกให้ถูก มึงอย่าไปหาเรื่องน้อง กูดูอยู่น้องซ้อมดีจะตายไป แล้วที่นั่งเกาแก้มมึงไม่รู้จริงๆเหรอ? ตอนบ่ายไปแกล้งอะไรน้องมันมาล่ะ น้องมันถึงได้แพ้เครื่องสำอาง เลยต้องมานั่งเกาอยู่แบบนั้นไง ไม่สำนึกผิดอีกนะมึง”

 

“ไม่รู้โว้ย ขัดหูขัดตา”

 

“อคติ!”

 

“กูจะไปบอกน้องที่คุมเชียร์ให้ซ้ำใหม่ สักห้ารอบ วันนี้น้องยังดูจำท่ากันไม่ได้”

 

“น้องคนไหน? ถ้าจะบอกว่าน้องอูยองกูขอเถียงหัวชนฝา แล้วนี่พึ่งซ้อมวันแรก น้องๆส่วนใหญ่ถือว่าทำออกมาได้ดี จะให้จำท่าให้ได้หมดทุกคนมันไม่ได้หรอก     นี่จะห้าทุ่มแล้ว ควรปล่อยน้องกลับบ้าน”

 

“ก็ทุกคนนั่นแหละน่า มึงเห็นกูจ้องจับผิดแค่น้องไอติมคนเดียวรึไงวะ”

.

.

.

หลังจากที่น้องคุมเชียร์ได้บอกให้น้องๆกลับบ้านกันได้ นิชคุณก็รีบตรงปี่เข้าไป ก่อนที่น้องๆปีหนึ่งจะลุกออกจากสแตนเชียร์

 

“อย่าพึ่งกลับ  ฟังพี่ก่อน พี่มีเรื่องจะคุย”

 

ก็ปฏิกิริยาเดิมๆ อูยองเห็นเพื่อนๆปีหนึ่งต่างพากันดีใจทุกครั้งที่รุ่นพี่นิชคุณนั่นออกมาพูด       ส่วนอูยองก็ได้แต่นั่งถอนหายใจ เมื่อไหร่จะได้กลับห้องสักที เพราะตอนนี้ก็ดึกซะเหลือเกิน

 

“การที่น้องๆพึ่งจะเข้าปีหนึ่งมา เรื่องที่สำคัญที่สุดคือการเคารพรุ่นพี่”

ตาคมของรุ่นพี่จนจ้องไปที่น้องปีหนึ่งคู่อริอย่างไม่ละสายตา  ส่วนอูยองได้แต่ถอนหายใจออกด้วยความหงุดหงิดก่อนจะก้มหน้าลง อูยองไม่ได้รู้สึกกลัว แต่อูยองเบื่อ ไม่อยากจะมองหน้าคนที่ผิดแล้วไม่รู้จักยอมรับผิด ได้แต่มาโทษแล้วก็มาสอนคนอื่นอยู่ได้  อูยองก็นึกอยู่แล้วเชียวว่าต้องมีการพูดเรื่องนี้

 

“ไม่ใช่เถียงฉอดๆ เถียงคำไม่ตกฟาก! เป็นเด็กที่ไม่น่ารักเอาซะเลย”

ปากก็อบรมน้องๆปีหนึ่งไป แต่ตาก็จ้องมองแต่คนเดียว แทคยอนชักไม่แน่ใจแล้วว่านิชคุณกำลังอบรมน้องๆปีหนึ่งทั้งหมด หรือแค่อยากจะแขวะน้องอูยองคนเดียว จนแทคยอนต้องเดินมาสะกิดแขนเตือนสติ

 

“นิชคุณ! กูรู้ว่ามึงตั้งใจจะพูดประชดน้องอูยอง พอได้แล้ว แล้วก็ปล่อยน้องๆกลับบ้าน!”

แทคยอนกระซิบเบาๆ ก่อนจะถอยห่างออกมา

 

“เอาละ กลับบ้านกันได้แล้ว พรุ่งนี้เรามีนัดกันที่นี่สองทุ่มเหมือนเดิมครับ กลับดึก อย่าตื่นสาย อย่าขาดเรียน”

 

“ครับ/ค่า รุ่นพี่นิชคุณ~~~”

 

“บ้ายบายนะจุนโฮชานซอง กลับดีๆล่ะ เจอกันพรุ่งนี้”

 

“แล้วนายกลับไง ให้ไปส่งมั้ย”

 

“เดี๋ยวไปเอากระเป๋า ก็กลับแล้ว กลับเองได้ไม่เป็นไร”

 

“อื้ม ตามใจ ถึงหอแล้วโทรมาด้วยล่ะ”

 

“อื้ม”  อูยองยิ้มให้กับเพื่อนซี้ทั้งสองคน ก่อนจะวิ่งไปเอากระเป๋า

 

 

“อ้าวน้องอูยองกลับยังไงเหรอครับ”      เสียงเอ่ยถามจากรุ่นพี่ที่แสนดีอย่างรุ่นพี่แทคยอน

 

“หอผมอยู่แถวๆหน้ามอครับ เดี๋ยวผมเดินกลับเอง”

 

“ให้พี่ไปส่งมั้ย มันดึกแล้ว อันตราย”

 

“ก็ดีเหมือนกันครับ…ขอบคุ..”

 

อูยองทันพูดไม่ทันจบนิชคุณก็รีบแทรกขึ้น

 

“แทคยอน….!! น้องมันโตแล้ว ให้น้องมันกลับเองก็ได้ ไม่เห็นต้องไปส่ง แล้วอีกอย่างกูได้ข่าวว่ามินจุนรอมึงอยู่หน้าคณะนิเทศ ”

เสียงทุ้มเอ่ยดังขึ้น จากตอนแรกก็นั่งเงียบๆไม่พูดไม่จาอะไร แต่พอแทคยอนบอกจะไปส่งน้องอูยอง นิชคุณก็เริ่มส่งเสียงขัดขึ้นมาทันที

 

“ก็รู้ กูจะไปส่งน้องในฐานะรุ่นพี่จะเป็นอะไรไป นี่ก็ดึกแล้วด้วยอย่าทำเป็นขัดหน่อยเลย

อยู่เงียบๆแบบเมื่อกี้แหละดีแล้ว”

 

“อืม ถูกของพี่แทคยอน ตอนนี้ก็ดึกแล้วจริงๆ”   อูยองเพียงแค่คิด

 

“มึงจะปล่อยให้แฟนรอ แล้วไปส่งคนอื่นก่อนงั้นเหรอวะ”

 

แฟน? รุ่นพี่แทคยอนมีแฟนแล้วเหรอ อูยองทำหน้าผิดหวังนิดหน่อย ใครคือคนที่โชคดีคนนั้นนะ ที่ได้พี่แทคยอนเป็นแฟน ทั้งหล่อ ทั้งนิสัยดี  ไม่เหมือนกันไอ่รุ่นพี่ตัวดี ใครได้ไปเป็นแฟนคงซวยน่าดู! 

 

“ก็แค่แป๊บเดียวป่ะ!!”    แทคยอนเริ่มจะหงุดหงิดเพื่อนตัวเอง มันจะอะไรนักหนากับอิแค่เขาจะไปส่งน้องอูยองที่หน้ามอ

 

“ถ้ากูเป็นมินจุนกูงอนไปแล้ว”

 

“งั้นมึงจะไปส่งน้องอูยองมั้ย?”

 

“เอ่องั้นไม่เป็นไรดีกว่าครับ”  อูยองรีบปฏิเสธทันทีทันใด

 

“ผมกลับแล้วนะครับพี่แทคยอน แล้วก็รุ่นพี่นิชคุณ!!!”

 

อูยองก้มหยิบเป้ขึ้นมาสะภายหลังแล้วกระชับให้เข้าที่ ดูเหมือนว่าอูยองกำลังจะก่อนปัญหา       ถ้าพี่แทคยอนไปส่ง รุ่นพี่ก็จะมีปัญหากับแฟน กลายเป็นปัญหาใหญ่โตไปอีก   แล้วตอนนี้รุ่นพี่นิชคุณกับรุ่นพี่แทคยอนก็ดูเหมือนกำลังจะทะเลาะกัน เพราะเขา?   ทำไมต้องมาทะเลาะกัน       อูยองไม่เข้าใจ!!

 

“อืมก็ดี พี่ก็ไม่ว่างไปส่งหรอก…เดินกลับดีๆล่ะน้องไอติม”

 

“ผมชื่ออูยอง! ไม่ได้ชื่อไอติมซะหน่อย!!”  อูยองมองค้อนด้วยสีหน้าไม่พอใจ

 

“อ้าว! ก็ทีวันนั้นถามชื่อ น้องไม่เห็นจะบอกพี่หนิ! อีกอย่างป้ายที่ห้อยก็เขียนไว้ตัวเบ้อเล้อว่า

“ผมชื่อไอติม””

 

“ก็นี่ไง!! ผมบอกแล้วว่าชื่ออูยองอ่ะ! แล้วไอ้ป้ายนี้พี่ก็เอาคืนไปเลยนะ! ”

อูยองหน้ามุ้ยใส่ แล้วถอดป้ายชื่อโยนคืนรุ่นพี่นิชคุณ  แต่เด็กมีมารยาทอย่างอูยองก็ไม่ลืมยกมือขึ้นไหว้รุ่นพี่ทั้งสอง แล้วก็เดินจากไป

 

“ไปดิแทคยอน!”

 

“เออไอ้แล้งน้ำใจ!! ไม่ต้องไล่!!  น้องยิ่งหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู ถ้าโดนฉุดกลางทางขึ้นมามึงรับผิดชอบน้องเค้าไหวมั้ย”

 

“กลัวอะไร มหาลัยเราไม่เคยมีข่าวจี้ปล้น”

นิชคุณเบ้ปากให้เพื่อนรักก่อนจะยักไหล่ใส่แล้วก็เดินหนีเอาดื้อๆ

 

TBC….

Talk

รุ่นพี่ปีสี่กับรุ่นน้องปีหนึ่งเค้าฉะกันอีกแล้วค่ะ ฮ่าๆๆ คราวนี้รุ่นน้องแสบนะคะ ไปปารองเท้าใส่รุ่นพี่ ก็น้องเค้าแค้นฝังใจอ่ะ แถมยังสั่งรุ่นพี่ปีสามวาดหนวดแมวให้อีก!  รุ่นพี่นิชคุณนิสัยไม่ดี ไม่มีน้ำใจเอาซะเลย ไม่ให้แทคยอนไปส่งอูยอง แถมตัวเองก็ปฏิเสธไม่ไปส่งอีกต่างหาก !!

ปล.  ยืมแจ็คสันมาเป็นรุ่นพี่ปีสามหน่อยนะ อาจจะดูแปลกๆที่ต้องมาเป็นรุ่นพี่น้องอูยอง 55555

*ขอบคุณทุกคอมเม้นต์เลยนะคะ^^*

 

[Fic khunwoo] You Are My ice cream ตอนที่ 1

Title: You Are My ice cream ตอนที่ 1

Couple: KhunWoo

Writer: ilovekw

Rate : PG 

Gente :  romantic comedy

นี่คือฟิคที่เกิดจากจินตนาการของไรทเตอร์ enjoy reading ^^

 

CY7Oy7vUEAUwsK1.jpg large

 

 

 

 

 

 

ณ  คณะศิลปกรรมศาสตร์

 

เปิดเทอมวันแรก  ถ้าถามรุ่นพี่ปีสี่ อย่างแทคยอนกับนิชคุณว่าตื่นเต้นมั้ย ทั้งสองตอบได้เลยว่า มาก!!

เพราะอะไร…ก็เพราะสองคนนี้ชอบไปส่องเด็กปีหนึ่งวัยใสๆเอาะๆที่พึ่งเข้ามาหน่ะสิ คือมันก็เป็นอาหารหู อาหารตาให้กับรุ่นพี่แก่ๆอย่างสองคนนี้แหละนะ

 

คาบเรียนก่อนพักเที่ยง….

 

“อะไรวะเปิดเทอมวันแรกอาจารย์ก็จะสอนเลยเหรอ”

 

นิชคุณบ่นออกมาอย่างหัวเสีย ก็สามคาบแรกก่อนหน้านี้ ก็ตามธรรมเนียมแหละนะ ที่เปิดเทอมวันแรก อาจารย์ก็ไม่ได้สอนอะไร นอกจากจะไม่สอนแล้วยังไม่เช็คชื่ออีก   มันน่าเบื้อน่าเบื่อนะ ไม่สอน ไม่เช็คชื่ออาจารย์ก็น่าจะบอกกันบ้าง จะได้ไม่ต้องตื่นเช้า  แต่ทำไมวิชานี้อาจารย์ต้องสอนด้วย แทนที่จะได้ไปส่องเด็กปีหนึ่งเร็วๆ แต่ต้องมานั่งเรียนในคาบเรียนก่อนพักเที่ยงเนี้ยนะ น่าเบื่อจะตาย

 

“กูก็เบื่อ…..”   แทคยอนหันมาทำหน้าเบื่อๆ ก่อนจะฟุบหลับลงบนโต๊ะ

 

เสียงตบโต๊ะดังขึ้นสองสามที

“นี่! พวกนายสองคน ถ้าไม่เรียนก็ออกจากห้องไปเลย”

 

“ครับอาจารย์!!!”

เสียงนิชคุณกับแทคยอนประสานสามัคคีกันตะโกนบอกอาจารย์  ก่อนจะรีบวิ่งออกนอกห้องตามคำสั่ง  อาจารย์รู้จักสองคนนี้ดีเพราะ ทั้งสองเป็นเด็กกิจกรรม งานคณะไม่เคยขาด  และนิชคุณมีดีกรีเป็นถึงประธานคณะ ถึงจะไม่ค่อยตั้งใจเรียนในห้อง แต่เขาก็เก่งสามารถทำเกรดให้ได้เป็นที่หนึ่งของคณะได้ในทุกๆปี จนเป็นที่ยอมรับของอาจารย์และเพื่อนๆในคณะ  ส่วนแทคยอน ก็ทำเกรดได้รองลงมาจาก นิชคุณนั่นแหละ

 

“เดี๋ยวๆนิชคุณ มึงจะไปโรงอาหารตอนนี้เนี้ยนะ?”

 

ที่ต้องถามก็เพราะนี่พึ่งจะสิบเอ็ดโมงเองนะ ปกติไอ้นี่บางวันข้าวเที่ยงยังไม่กิน

แล้ววันนี้นึกยังไงของมันถึงจะไปโรงอาหารล่ะ

 

“ส่องเด็กปีหนึ่งมึงจะไปป่ะ ถ้าไปด้วยก็หุบปากซะ”

 

“ไป!!!”

 

แทคยอนรีบเดินนำลิ่วๆไปก่อน นิชคุณรีบวิ่งไปตบหัวด้วยความหมั่นไส้ แล้วทีตอนแรกก็บ่น!

 

 

ณ โรงอาหารคณะศิลปกรรมศาสตร์

 

“อุ้ยชน!!”

 

น้องปีหนึ่งที่กำลังถือถ้วยไอติมอยู่ อุทานออกมาเบาๆเมื่อมีรุ่นพี่หน้าหล่อเดินลอยหน้าลอยตา เข้ามาชนไหล่เต็มๆแรง จนอูยองต้องล้มไปนั่งก้นกระแทกพื้น  อูยองมองค้อนใส่ ก่อนจะรีบลุกขึ้นมาปัดฝุ่นออกจากก้นตัวเอง  คนอะไรทำไมเดินไม่มองถนนข้างหน้าเอาซะเลย  เอาแต่เดินเชิดลอยหน้าลอยตา หรือว่าจะคอเคล็ด?

 

“ก็ชนหน่ะสิ!!!”

 

เสียงรุ่นพี่ปีสี่หน้าหล่อเอ่ยดุขึ้น  และไม่ได้สำนึกผิดที่ตัวเองเดินชนรุ่นน้องจนล้มเอาก้นกระแทกพื้น

 

น้องปีหนึ่งมองหน้างงๆ ว่าทำเสียงดุใส่ทำไมในเมื่อเขาไม่ได้เป็นคนผิดซะหน่อย  เดินชนกันล้มแล้วยังจะมีหน้ามาพูดดุอีกเหรอ? ทำไมไม่รู้จักสำนึกว่าตัวเองผิด  น้องปีหนึ่งไม่ได้ส่อแววกลัวรุ่นพี่ออกมาเลยแม้แต่น้อย ถึงจะโดนดุก็ตาม ก็จะต้องกลัวอะไรในเมื่อไม่ได้เป็นคนผิด

 

“นี่น้องครับ  เวลาเดินหัดดูคนซะบ้าง ไม่ใช่ใส่หูฟังแล้วเดินกินไอติมลอยหน้าลอยตาไม่มองใครแบบนี้  นี่ท่าทางจะเป็นเด็กปีหนึ่งที่พึ่งเข้ามาใหม่ล่ะสิท่า!!”

 

นิชคุณยืนกอดอกสำรวจเด็กปีหนึ่งแก้มกลม ที่ยืนอยู่ตรงหน้า แต่งตัวเรียบร้อยเชียว ผูกเนคไทรองเท้าคัทชูขัดเงาวับ   สะพายกระเป๋าเป้ ข้างในท่าทางจะหอบหนังสือเรียนมาเต็มกระเป๋า      ไม่รู้รึไงว่าคณะนี้เปิดเรียนวันแรกอาจารย์เค้าไม่สอนกัน

 

“อืม!  ผมปีหนึ่งแล้วทำไมอะ? เดินกินไอติมมันผิดรึไง คณะนี้มีกฎห้ามไว้เหรอครับ?”

 

อูยองนึกอะไรก็พูดออกไปตามนั้น ก็มันจริงมั้ยล่ะ จะเดินกินไอติมมันก็เรื่องของเขาสิ ทีไอ้รุ่นพี่คนนี้ยังเดินหน้าเชิดได้เลย ไม่เห็นจะมีใครว่า  อูยองยืนมองรุ่นพี่หน้านิ่งๆ แล้วเบ้ปากใส่นิดหน่อย ก่อนจะก็ตักไอติมรสโปรดขึ้นมากินหน้าตาเฉย ก็ตัวเองไม่ได้ผิดอ่ะ ทำไมจะต้องโดนด่าด้วย คนที่เดินลอยหน้าลอยตาคือไอ้รุ่นพี่ต่างหาก อูยองพยายามเดินหลบแล้ว      แต่อีกทางมันมีโต๊ะอยู่เลยหลบไม่ได้ก็เลยโดนชน

 

เถียง!!!! นิชคุณถลึงตาใส่รุ่นน้องคนนี้ เป็นแค่ปีหนึ่งตัวกระเปี๊ยกเดียว พึ่งเข้ามาวันแรกก็กล้าเถียงรุ่นพี่แล้วเหรอ

 

“นี่น้อง!!!ขอโทษพี่เดี๋ยวนี้ ไม่งั้นอย่าหาว่าพี่ไม่เตือน!”

 

“ทำไมต้องขอโทษล่ะ ผมไม่ได้ผิดอ่ะ ถามเพื่อนพี่ดูก็ได้ เพราะพี่คนนั้นเดินตามหลังพี่มาติดๆน่าจะเห็นทุกอย่าง”

 

อูยองชี้ไปทางแทคยอน  แทคยอนสะดุ้งนิดหน่อยที่โดนลากเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องโดยไม่ทันได้ตั้งตัว

 

“อย่าพึ่งไปลากคนอื่นเข้ามา น้องเป็นรุ่นน้องอ่ะ ยังไงพี่ก็เป็นรุ่นพี่ พูดออกมาสิว่าขอโทษ แล้วพี่จะไม่ว่าอะไร”

 

“ไม่!!! ผมไม่ได้ผิด พี่เองก็เดินไม่ดูเหมือนกันแหละเดินหน้าเชิดคิดว่าตัวเองหล่อนักหรือไง”

อูยองเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาแล้วนะ  ยิ่งหงุดหงิดอูยองยิ่งต้องตักไอติมขึ้นมากินดับอารมณ์ร้อน

 

“โว๊ะไอ่เด็กนี่ไม่มีมารยาทเอาซะเลย นี่รุ่นพี่นายนะโว้ย!!!”

นิชคุณตะโกนเสียงดังลั่นโรงอาหาร ตอนนี้ยังไม่พักเที่ยงคนเลยยังไม่เยอะ จะมีก็แต่น้องๆปีหนึ่งที่มาหาอะไรกิน แล้วก็มีแม่ค้าตามร้านขายของนั่นแหละ ซึ่งต่างคนก็ต่างจับจ้องมายังจุดเกิดเหตุ

 

“แล้วทีผมล้มจนก้นกระแทกพื้นเพราะพี่ พี่ไม่เห็นจะขอโทษ!”

 

“!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”

นิชคุณเริ่มจะโมโห ร่างสูงเดินขยับเข้าไปใกล้ๆเพื่อข่มให้รุ่นน้องปีหนึ่งแก้มป่องกลัว

จะได้รู้กันไป ว่าใครเป็นใคร

 

 

 

แต่……

 

 

 

 

 

รุ่นน้องปีหนึ่งแก้มป่องไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น  แถมยังผลักไหล่ให้นิชคุณหลบอีกต่างหาก

 

 

“ผมต้องไปหาเพื่อนแล้ว เสียเวลาเถียงกับรุ่นพี่แบบพี่ไปนานแล้ว”

อูยองกระชับเป้กำลังจะก้าวขาเดิน แต่รุ่นพี่นิชคุณยกขาขึ้นมาขวางทางไว้ ไม่ให้เดินไปไหน แถมยังมองหน้าหาเรื่องอีกต่างหาก

 

“ขอโทษดิ แล้วพี่จะให้น้องไป”

 

 

ผลั่ก!!!!!!

 

 

อูยองเตะผ่าหมากรุ่นพี่ตัวดี  มีอย่างที่ไหนเป็นรุ่นพี่แล้วยังจะมาหาเรื่องรุ่นน้องอีก

 

ไอ้รุ่นน้องตัวดีทำเอานิชคุณจุกจนต้องนั่งยองๆลงกับพื้น

 

“ไม่!! ขอ!! โทษ!!”

 

อูยองพูดออกมาเสียงดังด้วยความโกรธ มันเป็นนิสัยของอูยอง ถ้าไม่ผิดอูยองก็ไม่ยอมเหมือนกัน อูยองมองแก้วไอติมตัวเองกำลังจะตักมากินดับความโกรธ แต่ปรากฏว่าหมดแล้ว ซึ่งถ้าไม่มีอะไรมาดับอารมณ์อูยอง อูยองก็ยิ่งจะหงุดหงิดและโมโหมาก!!! ถึงมากที่สุด!!

 

นิชคุณรีบลุกขึ้นมาแล้วชี้หน้ารุ่นน้องตัวแสบ

“เออดี พี่จะได้จำไว้ น้องชื่ออะไร เดี๋ยวได้เจอกันตอนรับน้อง!! แสบนักนะ”

 

“ไม่บอก!!!!”

 

“ดี!! งั้นจะตั้งให้ใหม่ ชื่อ…”   นิชคุณครุ่นคิดอยู่สักพักว่าจะตั้งชื่ออะไรให้ดี

ชื่อน้องไอติม!”   ก็เห็นกินไอติมดีนัก ถึงจะมีเรื่องกับรุ่นพี่อยู่ ไอ้เด็กนี่ก็ไม่วายเลิกกินไอติม ชื่อนี้เหมาะกับเด็กนี่ที่สุดแล้ว

 

“หลบ!”  อูยองมองด้วยสีหน้าที่โกรธจัด

 

“เฮ้ยคุณกูว่าไปเถอะ คนเค้ามองกันทั้งโรงอาหารแล้วนะ”

 

แทคยอนเห็นท่าไม่ดี เหมือนว่าสงครามมันจะไม่จบง่ายๆ ก็เลยต้องรีบห้ามมวย แล้วก็ฉุดกระชากลากแขนเพื่อนตัวเองให้ไปจากตรงนี้ มาหาเรื่องรุ่นน้องปีหนึ่งที่น่าตาน่ารัก และน้องเองก็ไม่ได้มีความผิดอะไรเลย แบบนี้เดี๋ยวก็เสียประวัติกันพอดี

 

“ไม่ไปโว๊ย!!  กำลังอบรมเด็กปีหนึ่งที่ไม่มีมารยาทอยู่   เดินชนรุ่นพี่แล้วยังไม่     ขอโทษอีก แถมยังมาเตะผ่าหมากกูอีก เป็นมึงจะยอมมั้ย?”

 

“พี่ครับๆ แต่ว่าเพื่อนพี่ก็เดินชนผมเหมือนกันนี่ครับ ผมไม่ได้ผิดคนเดียวอ่ะ”

อูยองสะกิดแขนฟ้องรุ่นอีกคนที่มาด้วยกัน

 

 

“อื้ม……ครับ เดี๋ยวพี่เครียร์เองนะครับน้อง”

แทคยอนบอกน้องปีหนึ่งพร้อมพยายามดึงแขนเพื่อนสนิทให้เดินออกมา มันก็อย่างที่น้องเค้าว่านั่นแหละ นิชคุณมันเดินลอยหน้าลอยตา มีตาก็มองหาแต่เด็กสาวๆสวยๆ ไม่มองทางเดิน จนเดินไปชนน้องเค้าเข้าไง

 

“เห็นมั้ยแทคมึงเห็นมั้ยว่าเด็กคนนี้มันกวนประสาทขนาดไหน”

 

“เออออออออออออมึงเชื่อกูไปเถอะน่า ไปๆๆ”

 

แทคยอนพยายามลากเพื่อนให้ไปนั่งที่โต๊ะ  แทคยอนนึกในใจ น้องมันไปกวนประสาทตอนไหนวะ นิชคุณมันก็อคติเกินไปรึเปล่า ตอนนี้คิดแค่ว่าตัวเองเป็นรุ่นพี่ เดี๋ยวต้องอบรมไอ้เพื่อนตัวดีซะหน่อยแล้ว  ก่อนที่จะเสียภาพพจน์ไปมากกว่านี้

 

“ระยะเวลาของเด็กปีหนึ่งยังอีกยาวไกล….แล้วเราจะได้เห็นดีกัน!! ”

รุ่นพี่หน้าหล่อชี้หน้ารุ่นน้องที่ไม่เจียมตัวก่อนจะเดินตามแรงดึงของเพื่อน

 

 

“ไอ้ รุ่นพี่บ้าเอ้ยใช้แต่อารมณ์ทั้งๆที่ตัวเองก็ผิดก็ไม่ยอมขอโทษสงสัยมันคงพูด   คำว่าขอโทษไม่เป็นสินะทั้งๆที่ตัวเองก็ผิดจะให้เราพูดว่าขอโทษฝ่ายเดียวไม่        มีทางหรอก วันนี้วันอะไรเนี่ยทำไมซวยแบบนี้เจอรุ่นพี่แย่ๆซวยจริงๆ ”

อูยองบ่นออกมาอย่างหัวเสีย แล้วก็รีบเดินไปหาชานซองกับจุนโฮที่รออยู่โต๊ะหินอ่อนแถวๆอาคารเรียน

.

.

.

.

“นานจังอูยอง แล้วไหนว่าไปซื้อไอติม?”

เห็นอูยองบอกจะไปซื้อไอติม แต่ทำไมถึงกลับมาตัวเปล่า แถมยังเดินกลับมาด้วยสีหน้าอารมณ์ไม่ค่อยดีอีกต่างหาก

 

“ร้านปิดเหรออูยอง”   ชานซองเอ่ยถามขึ้น

 

“ไม่ใช่อ่ะ ฉันกินหมดละ มีรุ่นพี่ไม่รู้อยู่ปีไหน เดินชนแล้วก็มาหาเรื่องว่าฉันเป็นคนชน แล้วก็มาด่าว่าฉันมี่มารยาท! แล้วก็กักตัวไว้ กว่าจะได้เดินออกมา”

 

อูยองนั่งกอดอกบ่นออกมาอย่างหัวเสียที่นึกถึงหน้าไอ้รุ่นพี่คนนั้น โตจนเป็นรุ่นพี่แล้วยังไม่รู้อีกว่าใครถูกใครผิด ประสาท!!!

 

“แล้วยังไง นายได้ขอโทษเค้ารึเปล่าล่ะ”

 

“ไม่!!”

อูยองบอกออกมาด้วยน้ำเสียงที่หงุดหงิด ทำเอาชานซองกับจุนโฮมองหน้ากัน เค้าก็ไม่ได้อยู่ในสถานการณ์หรอกนะ ไม่รู้ว่าอูยองผิดรึเปล่า แต่ยังไงอูยองก็เป็นรุ่นน้อง ผิดไม่ผิดก็น่าจะเอ่ยบอกขอโทษไปหน่อยก็ยังดี

 

“เอ่อ…อูยองใจเย็นๆนะ ฉันว่านายเลิกโกรธรุ่นพี่คนนั้นเถอะ อีกเดี๋ยวเราก็จะต้องได้เข้ารับน้อง คงต้องได้เจอกัน ยังไงรุ่นพี่ก็มีสิทธิ์เหนือรุ่นน้องนะ อย่าไปถือโทษโกรธเขาเลย”

 

อูยองได้แต่ถอนหายใจออกมาด้วยความเบื่อหน่าย ต้องเป็นแบบนี้เหรอ สังคมรุ่นพี่รุ่นน้องหน่ะ   รุ่นน้องไม่ผิด ก็ต้องขอโทษรุ่นพี่งั้นสิ

 

“อืม ก็ได้ ครั้งนี้ฉันจะไม่คิดอะไรมากแล้วกันจุนโฮ”

“ฝากไว้ก่อนเถอะไอ้รุ่นพี่ตัวดี!”  อูยองบ่นอุบอิบออกมาเบาๆ

 

 

 

TBC……

Talk

มา เปิดเรื่องใหม่แล้วเนอะ ไม่รู้ว่าจะชอบกันรึเปล่า พล็อตก็ไม่ได้ซับซ้อนมากค่ะ มาแนวหวานๆ ฮาๆ แต่งให้อ่านสนุกๆ ให้แม่ยกคุณด้งได้หายเหงา โมเม้นท์แห้งเหือดเหลือเกินเนอะ   เรื่องนี้ขอใช้ภาษาไม่เครียดมากนะคะ จะมีภาษาพูดประบนมาบ้างไม่ว่ากันเนอะ มีคำหยาบเกรียนติดมาด้วยตอนที่แทคยอนกับนิชคุณพูดกัน อยากสื่ออารมณ์ที่เป็นเพื่อนซี้กันออกมา 

ส่วนน้องไอติมน่ารักมั้ยคะ น้องเค้าไม่ได้เป็นคนผิดซะหน่อย รุ่นพี่ปีสี่นั่นแหละตัวดีเลย ไปหาเรื่องน้องซะอย่างงั้นแหละ 

เรื่อง นี้จะลงได้ทุกอาทิตย์มั้ย ยังตอบไม่ได้ค่ะ ขอดูฟีดแบคก่อนนะคะ  อ่านแล้วเม้นให้หน่อยก็ดีน๊า จะเม้นมาแค่ ♥️ ก็ยินดีค่ะ จะสังเกตุว่าไรท์เคยลงหลายๆบล็อคก็เพราะจะเก็บเม้นไว้อ่านค่ะ บล็อคไหนเงียบๆไม่มีคนเม้นแล้วก็ปล่อยร้างไป  แหะๆ

 

[Fic khunwoo] Love and hate 18 (Special) :)

Title:Love and hate 18

Couple: KhunWoo

Writer: ilovekw

Rate : PG 

Gente :  Romantic

นี่คือฟิคที่เกิดจากจินตนาการของไรทเตอร์ enjoy reading ^^

 

 

 

 

ในวันที่อูยองเรียนจบ เป็นคุณหมอเต็มตัวแล้ว มีเพื่อนๆที่จบไปแล้วหลายๆคนมาร่วมแสดงความยินดี จุนโฮ กับชานซองก็มา ถึงแม้สองคนนี้จะงานยุ่งแค่ไหนก็ตาม

พี่แทคยอนกับพี่มินจุนก็มาด้วยเหมือนกัน พี่ๆทั้งสองงานยุ่งไม่แพ้กันเลย

เอาดอกไม้มาให้แล้วก็กลับไปทำงานกันหมดแล้ว ตอนนี้อูยองนั่งรอพี่คุณอยู่ที่

สตาร์บัค ร้านประจำร้านเดิมนั่นแหละ

 

“ยินดีด้วยนะครับ คุณหมออูยองคนเก่ง”

เสียงทุ้มดังมาจากข้างหลัง อูยองยกยิ้มขึ้นมาทันทีที่เห็นพี่คุณถือกุหลาบช่อใหญ่มาด้วย

 

“พี่คุณ~”

 

อูยองรีบรับช่อดอกไม้แล้วเรียกชื่ออีกคนแล้วทำท่าทางตื่นเต้นดีใจเหมือนมีอะไรอยากจะบอก

 

“พี่คุณครับ นั่งเร็วๆ”

อูยองรีบลากเก้าอี้ออกมาแล้วดึงให้คนตัวสูงนั่งลง

 

“ทำท่าทางตื่นเต้นแบบนี้มีอะไรรึเปล่าหื้ม”

 

“ถ้าอูยองบอกแล้วพี่คุณต้องดีใจมากแน่ๆเลย”

 

อูยองยังเล่นตัวไม่ยอมบอกเรื่องที่น่าตื่นเต้นดีใจ ให้กับอีกคนรู้ ปล่อยให้นิชคุณตั้งหน้าตั้งตารอสิ่งที่อูยองจะพูดต่อไป

 

“แล้วมันอะไรล่ะครับ หื้ม พี่คุณเองก็มีเรื่องจะบอกอูยองเหมือนกันให้อูยองบอก

พี่คุณก่อนแล้วกันเนอะ”

 

“พี่แทคยอนจัดค่ายอาสาให้ครับ พี่แทคยอนเป็นคนออกอุปกรณ์การแพทย์แล้วก็ยา ให้ไปทำค่ายหนึ่งเดือน พี่แทคยอนประสานงานกับทางคณะไว้แล้ว ให้คนที่สนใจมาลงชื่อ แล้วก็ไปกันเป็นคณะเลยครับ”

 

อูยองบอกนิชคุณด้วยความดีใจ เพราะมันคือสิ่งที่เราสองคนวาดฝันไว้ว่าอยากจะไปออกค่ายด้วยกัน   แต่นิชคุณกลับยิ้มออกมาน้อยๆ ก่อนจะบอกเรื่องของตัวเองบ้าง

 

“พี่คุณต้องไปอเมริกาวันนี้”

 

ได้ยินแบบนั้นอูยองถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตกใจ

“ท ทำไมกะทันหันแบบนี้ล่ะครับพี่คุณ?”

 

อูยองทำหน้าเบะเหมือนจะร้องให้ออกมา เหมือนฝันที่เคยวาดไว้ว่าจะได้ไปออกค่ายอาสาพร้อมกับพี่คุณจะพังลงอีกครั้ง

 

“อาจารย์ที่นั่นขอเรียกตัวให้ไปผ่าตัดคนไข้ ซึ่งอาจารย์นัดคนไข้ไว้แล้ว พี่คุณก็เลยต้องรีบไป”

 

อูยองหน้าหงอยลงทันที ถ้าพี่คุณไปผ่าตัดให้คนไข้ แสดงว่าพี่คุณก็ต้องไปอยู่ที่อเมริกาอย่างน้อยๆสองเดือน เพราะการผ่าตัดสมองก็ต้องได้รับการดูแล จากหมอเจ้าของไข้อย่างใกล้ชิด เหมือนครั้งที่พี่คุณมาผ่าตัดให้เขา

 

“อ อย่างงั้นเหรอครับ”

อูยองเอ่ยออกมาเสียงสั่นแต่เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ เพราะคนเป็นหมอการรักษาคนไข้ต้องมาเป็นที่หนึ่งอยู่แล้ว แต่ที่อูยองกังวลใจที่สุดก็คือ กลัวเหตุการณ์เดิมจะเกิดขึ้นซ้ำอีก กลัวพี่คุณจะทิ้ง กลัวโดนพี่คุณบอกเลิกอีก ภาพและเหตุการณ์ และความรู้สึกในตอนนั้นมันเริ่มผุดขึ้นมาในสมอง เพราะอูยองค่อนข้างจะฝังใจกับเรื่องนี้อยู่พอสมควร มือเล็กรีบยกขึ้นมาปาดน้ำตาออก

 

“ยังกลัวใจพี่คุณอีกเหรออูยอง”

 

“กลัว…อูยองกลัวพี่คุณไปมีคนใหม่ กลัวพี่คุณทิ้ง อูยองกลัวพี่คุณจะไม่สนใจ”

คนตัวเล็กเอ่ยออกมาเสียงเบา ถ้านิชคุณไม่ขยับไปใกล้ๆ ก็คงจะฟังไม่รู้เรื่องหรอกว่าอูยองพูดว่าอะไร ร่างสูงรีบรั้งร่างเล็กเข้ามากอดปลอบพร้อมกับค่อยๆพูดปลอบโยน

 

“ไม่ต้องกลัวนะอูยอง มันจะไม่มีทางเป็นแบบเดิมแน่นอน ต่างคนก็ต่างไปทำหน้าที่ของตัวเอง อูยองก็จะได้ไปออกค่ายแล้วไงครับ เป็นคุณหมอเต็มตัวแล้ว อยากรักษาคนไข้ให้หายป่วยกี่คน ก็สามารถทำได้ตามกำลังของเรา”

 

“แต่อูยองอยากให้พี่คุณไปออกค่ายด้วยกันนี่ครับ”

 

“เดี๋ยวต้องได้ไปแน่ๆ ต้องมีสักครั้งแหละ”

 

อูยองพยายามยิ้มแล้วพยักหน้ารับ “ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีๆนะครับ พี่คุณติดต่อหาอูยอองบ่อยๆนะ อย่าเงียบหายไปเข้าใจไหม”

 

“รับทราบครับ! ^^ และสัญญาว่าจะไม่หายไป”

มือหนายกขึ้นมาโยกหัวเด็กน้อยไปมาด้วยความเอ็นดู

.

.

.

อูยองขออาสาไปส่งพี่คุณที่สนามบิน โดยให้คนขับรถที่บ้านไปส่ง

อูยองค่อยๆปีนขึ้นมานั่งบนตักนิชคุณ แล้วกอดคอเอาไว้แน่น แก้มกลมๆยื่นไปแนบชิดกับใบหน้าหล่อๆของอีกคน ไม่พูดไม่จาอะไรทั้งนั้น ตอนนี้อูยองขอเวลาให้ได้อยู่ใกล้ชิดพี่คุณให้ได้นานที่สุด เพราะจะไม่ได้เจอกันอีกอย่างน้อยๆสองเดือน

 

“อูยอง จะไปค่ายยังไงก็ดูแลตัวเองด้วยนะเด็กดี”

 

“อืม…รู้แล้วครับ” อูยองอู้อี้ตอบออกมาเสียงเบา

 

“อูยองไปอยู่ที่นั่นอย่าลืมทานข้าวให้ตรงเวลาด้วยนะ”

 

“รู้แล้ว…”  ก็พี่คุณย้ำเรื่องนี้กับอูยองเป็นสิบๆรอบแล้ว

อูยองน้ำเสียงเริ่มขึ้นจมูก อีกคนแสดงความห่วงใยออกมาอูยองก็ยิ่งจะคิดถึง แล้วจะไปออกค่ายไกลๆ อูยองไม่แน่นใจว่าจะมีสัญญาณมือถือติดต่อพี่คุณได้หรือเปล่า

 

“ไม่เอา อูยองไม่ร้องสิ”

 

“ฮึก…อูยองจะร้อง”

 

“อูยองก็รู้ว่าพี่คุณไปทำงาน เราไม่ได้ห่างกันเพราะเหตุผลอื่นเลย ไม่เห็นต้องร้องไห้เลยนี่ครับเด็กดี”

 

“อูยองเข้าใจว่าพี่คุณไปทำงาน เพียงแค่อูยองคิดว่าจะห่างพี่คุณสองสามเดือนมันก็เลยใจหาย มันจะเหงาแค่ไหนล่ะครับ …ม ไม่มีคนให้อ้อน” ประโยคหลังพูดอู้อี้ออกมาเบาๆ

 

“คิดว่าอูยองจะเหงาคนเดียวเหรอ หื้ม ก็เหงากันทั้งคู่นั่นแหละ แต่อดทนอีกไม่นานก็เจอกันแล้วเนอะ สัญญากับพี่คุณสิว่าอูยองจะไม่งอแงอีก”       นิชคุณยกนิ้วก้อยขึ้นมารอ

 

“………”   อูยองไม่ตอบอะไรทั้งสิ้น แถมยังไม่ยกนิ้วก้อยขึ้นมาเกี่ยวก้อยกับนิชคุณอีกต่างหาก เด็กขี้แยนั่งเงียบๆ แล้วค่อยๆเอาหน้าซุกไหล่กว้างของอีกคน มือเล็กกระชับกอดเอวแน่น   ส่วนนิชคุณก็ได้แต่กอดแล้วลูบหลังปลอบโยนเด็กขี้แยมาตลอดทาง

.

.

.

“ถึงสนามบินแล้ว ลงกันได้แล้วป่ะ”

 

“ฮึก ไม่อยากลง”

อูยองส่ายหน้ารัวๆ อูยองไม่อยากลงไป ถ้าลงไปแล้วอีกไม่นานพี่คุณก็ต้องเข้าเกท แล้วเราก็ต้องห่างกันแล้วสิ

 

“ไม่เอาหน่า เด็กดีต้องไม่งอแงนะครับ”

มือหนาเอื้อมมือไปเปิดประตูรถพร้อมกับก้าวขาลงจากรถ ในเมื่ออูยองไม่ยอมลง เขาก็ต้องอุ้ม   อูยองไปแบบนี้แหละ สองมือขับขาอูยองให้เกี่ยวเอวตัวเองไว้ มือเล็กกระชับกอดคอคนตัวสูงเอาไว้แน่น ส่วนนิชคุณก็กอดเอวอูยองเอาให้เพราะเดี๋ยวจะหล่นเอา พอเดินเข้าไปในสนามบินก็มีแต่คนมอง ถามว่านิชคุณอายไหม ก็ไม่เลย แถมยังยิ้มให้คนที่มองอีกต่างหาก

 

lX73TC8a.jpg large

 

“อูยองพี่คุณต้องไปเช็คอินแล้วนะ ขอหอมแก้มให้ชื่นใจหน่อยเร็ว”

อูยองผละออกจากไหล่กว้างของอีกคน แต่มือเล็กนั้นยังคล้องคอคนที่อุ้มเขาอยู่ เอาไว้แน่น      นิชคุณมองหน้าเด็กน้อยที่เปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำหูน้ำตา หนำซ้ำยังมีน้ำมูกอีกต่างหาก จมูกโด่งๆฝั่งลงไปที่แก้มนิ่ม แล้วสูดดมให้ชื่นใจทั้งแก้มซ้ายแก้มขวา หอมซ้ำๆให้หนำใจ ก่อนจะยิ้มให้เด็กน้อยขี้แย

 

“หนูอังขี้แยเอ้ย”

 

“ฮึก ฮึก”

 

“ดูสิร้องไห้งอแงเป็นเด็กเด็กๆเลย หื้ม ป่ะลงได้แล้ว พี่คุณจะเข้าไปเชคอินแล้วเด็กดี”

 

อูยองเอาแต่ส่ายหน้ารัวๆแล้วกระชับกอดคอเขาไว้แน่น นอกจากจะไม่พูดไม่จาอะไรแล้วอูยองยังสะอื้นหนักเข้าไปใหญ่

 

“ฮึก ฮึก ฮึก”

อูยองมองหน้านิชคุณแล้วก็ยิ่งเบะสะอื้นฮึกฮัก เพียงแค่อูยองคิดว่าจะห่างจากพี่คุณ อูยองก็เหงาแล้ว

 

“อูยองเดี๋ยวพี่คุณตกเครื่อง ไปไม่ทันแล้วแย่เลยนะ”

 

“ฮึก ฮึก ฮึก”

อูยองสะอื้นจนนิชคุณต้องถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน สุดท้ายนิชคุณก็เลือกที่จะเดินกลับไปส่งอูยองที่รถ ไม่อย่างงั้นอูยองก็คงจะงอแงกอดเขาอยู่แบบนี้ ไม่ได้ไปไหนกันพอดี

.

.

.

มือหนาเปิดประตูรถออก แล้วแกะขาอูยองออกจากเอว ก่อนจะอุ้มเด็กน้อยขี้แยยัดเข้าไปนั่งในรถ

“พี่คุณไม่ได้ไปอยู่เป็นปี ไม่ต้องร้องไห้แล้ว กลับบ้านนะเด็กดี”

 

“พี่คุณอ่า ฮึก ฮึก ขอกอดอีกสิบนาทีได้ไหม”   อูยองร้องไห้จนตาแดง จมูกแดงไปหมด

 

“ไม่ได้ครับ พี่คุณไม่มีเวลาแล้วนะ”

 

“ฮึก”

 

“เดี๋ยวเราจะได้เจอกัน ไม่ต้องร้องนะคนเก่ง อดทนนะครับ อีกไม่นานหรอก

เดี๋ยวเจอกันแล้ว”   ร่างสูงโน้มตัวไปจูบกลีบปากปางอย่างปลอบโยน แล้วรีบเดินกลับไปเช็คอิน ก่อนที่เขาจะร้องไห้ตามเด็กขี้แย

 

ทันทีที่รถเคลื่อนตัวออกอูยองรีบปีนไปเกาะกระจกหลังมองตามแผ่นหลังของอีกคนที่กำลังจะเดินกลับไปเช็คอินก็ได้แต่ร้องไห้งอแงเสียงดังลั่นรถ จนคุณลุงคนขับรถอดสงสารคุณหนูของเค้าไม่ได้

.

.

.

.

สองวันถัดมา เป็นวันที่อูยองต้องเดินทางไปออกค่ายแล้ว พี่แทคยอน พี่มินจุน        จุนโฮ และชานชองขอไปออกค่ายในครั้งนี้ด้วย อูยองดีใจแต่ก็ดีใจไม่สุด        เพราะอูยองคิดถึงพี่คุณ อยากให้ไปด้วยกัน มีนักศึกษาแพทย์ปีห้า และปีหกลงชื่อไปออกค่ายในครั้งนี้เยอะเหมือนกัน แล้วก็มีหมอที่พึ่งจบใหม่พร้อมกับอูยองไปด้วยทั้งชั้นปีนั้นแหละ รถบัสของคณะออกเดินทางนำไปก่อนแล้วเกือบจะสิบคัน        ส่วนอูยองมานั่งรถตู้ของผู้บริหารอย่างพี่แทคยอน อูยองขอให้จุนโฮแล้วก็ชานซองมานั่งด้วยกัน พี่แทคยอนก็ไม่ว่าอะไร จุนโฮและชานซองไปนั่งด้วยกันที่เบาะหลังสุด ส่วนพี่แทคยอนพี่มินจุนก็นั่งด้วยกันที่แถวหน้า ส่วนอูยองหน่ะเหรอ นั่งแถวกลางคนเดียว ㅠㅠ

 

“ชานซองเลิกถ่ายรูปสักทีสิ ฉันจะนอน รำคาญเสียงชัตเตอร์”

เสียงจุนโฮเอ่ยเอ็ดชานซองดังขึ้นมาจากด้านหลัง

 

“ถ่ายไปกี่รูปจุนโฮก็น่ารักอ่ะ เลยหยุดถ่ายไม่ได้”

 

พออูยองได้ฟังบทสนทนาของสองคนก็ได้แต่เบ้ปากด้วยความอิจฉา หวานกันเกินไปรึเปล่าเนี่ย! ถึงระยะทางจะไกลแค่ไหนสองคนนี้ก็คงไม่เหงาหรอก ส่วนพี่แทคยอนพี่มินจุนหน่ะเหรอ

ตอนนี้พี่มินจุนหลับเอาหัวซบไหล่พี่แทคยอนอยู่หน่ะสิ อูยองเห็นแล้วก็ได้แต่นึกในใจ อูยองน่าจะเลือกไปนั่งแถวหน้าสุด จะได้ไม่ต้องไปอิจฉาคนมีคู่รักมาด้วย!!

 

อูยองหยิบมือถือขึ้นมาดู พี่คุณก็ยังไม่เปิดอ่านไลน์ที่อูยองส่งไปอีกอยู่ดีนั่นแหละ

 

“พี่คุณครับ อูยองเหงาจัง”

 

“อูยองคิดถึงพี่คุณนะ”

 

อูยองไม่รู้ว่าพี่คุณจะว่างมาเปิดอ่านข้อความเมื่อไหร่ ขอแค่อูยองได้ส่งไปก็พอแล้ว เดี๋ยวพอพี่คุณว่า ก็คงจะได้เห็นแล้วก็ตอบกลับมาเองนั่นแหละ

.

.

.

เดินทางมาได้ห้าชั่วโมง นี่ก็ใกล้จะถึงแล้วล่ะ

 

“อูยอง เห็นทางหมู่บ้านแจ้งมาว่ามีผู้นำหมู่บ้านตั้งเต้นรอแล้วนะ แล้วก็เตรียมต้อนรับพวกเราเป็นอย่างดีเลย”   แทคยอนเห็นน้องนั่งเหงาๆก็เลยชวนคุย

 

“จริงเหรอครับพี่แทคยอน น้องเริ่มตื่นเต้นแล้วสิ”

 

“พอไปถึง น้องช่วยไปเป็นตัวแทนขอบคุณแทนพี่หน่อยสิ พี่เหนื่อยอยากพักผ่อน”

 

“ได้สิฮะ”

อูยองตอบเสียงใส อูยองอยากจะช่วยแบ่งเบาภาระให้พี่แทคยอนทุกอย่างนั่นแหละ อะไรที่ช่วยได้ก็ช่วย แค่พี่แทคยอนเป็นคนออกอุปกรณ์การแพทย์แล้วก็ยาให้มาออกค่าย อูยองก็รู้สึกขอบคุณพี่แทคยอนมากๆแล้ว

 

“พี่ก็ไม่เคยรู้ด้วยสิว่าคนไหนผู้นำหมู่บ้าน แต่คนที่ติดต่อจากทางนั้นเค้าบอกมาว่าชอบใส่ผ้าขาวม้าคาดเอว ชอบใส่หมวก ยังไงน้องก็ลองหาดูนะ”

 

“ไม่ต้องห่วงฮะ น้องจะให้จุนโฮกับชานซองช่วยหาเอง”

.

.

.

.

พอมาถึงหมู่บ้านอูยองรู้สึกตื่นเต้นดีใจ จนอยากจะทำงานซะตอนนี้เลย แต่ตอนนี้ก็ค่ำแล้วยังไงก็ต้องพักผ่อนเอาแรงก่อน และที่สำคัญต้องไปหาผู้นำหมู่บ้าน เพื่อขอบคุณแทนพี่แทคยอนก่อน ทางพี่แทคยอนกับพี่มินจุน ได้ขอตัวไปเข้าที่พักก่อน ส่วนอูยองขอให้ชานซองแล้วก็จุนโฮ เดินไปหาผู้นำหมู่บ้านเป็นเพื่อน

คนรอต้อนรับเยอะแยะเต็มไปหมด จนทั้งสามเดาไม่ถูกเลยว่าคนไหนเป็นผู้นำหมู่บ้าน   ทั้งสามคนพากันเดินไปที่เต้นที่ทางหมู่บ้านตั้งไว้และติดป้ายไว้ว่าเป็นกองอำนวยการ อูยองเห็นคนที่ผูกผ้าขาวม้าคาดเอว แล้วก็ใส่หมวกกำลังก้มๆเงยๆจัดเรียงขวดน้ำหลายๆแพ็คที่น่าจะเอาไว้ให้เหล่าคุณหมอได้ดื่มในวันพรุ่งนี้ ลักษณะการแต่งตัวก็คล้ายๆกับที่พี่แทคยอนบอกนะ อูยองก็เลยเดินเข้าไปทัก

 

“เอ่อ…ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่าเป็นผู้นำหมู่บ้านหรือเปล่าครับ”

อูยองเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนน้อมและสุภาพ

 

ชายที่กำลังลำเรียงน้ำได้หยุดพักแล้วหันมายิ้มให้

 

 

 

“พี่คุณณณณณณณณณ!!!!”

อูยองตะโกนเรียกชื่อเสียงดัง ทั้งตกใจและดีใจ แล้วก็วิ่งเข้าไปกระโดดขึ้นเอวด้วยความคิดถึง

ถ้านิชคุณไม่แข็งแรงพอ ก็คงจะหงายหลังล้มกองไปกับพื้นกันทั้งคู่

 

“ก็บอกแล้วว่าไม่ต้องร้อง เดี๋ยวเราได้เจอกันยังไงล่ะ”

 

“คนขี้โกหก! แล้วรู้ได้ยังไงครับว่าจะมาออกค่ายที่นี่ ฮึ้ คุณผู้ใหญ่บ้าน!!”

อูยอมอมยิ้มออกมาแล้วก็เรียกผู้ใหญ่บ้านล้อเลียนคนขี้แกล้ง

 

“พี่คุณขอโทษที่ทำเด็กน้อยร้องไห้งอแงจนใจแทบจะขาด คือพอดีแทคยอนสอบถามเรื่องทำค่าย อยากจะเซอร์ไพรส์อูยอง พี่คุณก็เลยอยากจะเซอร์ไพรส์ด้วย”

มือเล็กหยิกลงแก้มคนขี้แกล้งแรงๆ นิชคุณกดจูบลงปากเด็กดื้อแรงๆด้วยเหมือนกัน ทำโทษ โทษฐานที่บังอาจหยิกแก้มคมหล่อ

 

“เอ่อ…อูยองเดี๋ยวฉันกับชานซองไปรอที่พักแล้วกันนะ”

จุนโฮเอ่ยขึ้น ไม่อยากจะขัดขวางความหวานของสองคนนี้ ไม่เจอกันแค่สองวันทำยังกะห่างกันไปเป็นสิบๆปี

 

“อื้ม ไปก่อนเลยจุนโฮเดี๋ยวตามไปนะ”

อูยองหันไปยิ้มให้จุนโฮ ก่อนจะหันมายิ้มให้คุณผู้ใหญ่บ้านที่ใจดีอุ้มเขาอยู่ตอนนี้

 

“พี่คุณหนักนะเนี้ย จะลงได้ยังเด็กดื้อ ไม่เจอกันสองวันเองทำไมหนักขึ้น

กินเยอะเหรอเราหื้ม”

 

อูยองส่ายหน้าให้รัวๆ “ไม่เอาอูยองไม่ลง”   อูยองยังคงยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดี ไม่โกรธเลยสักนิดที่พี่คุณว่าอูยองน้ำหนักขึ้น วันนี้ยกให้หนึ่งวัน

 

“โอเค ไม่ลงก็ไม่ลงครับ”

 

“ถึงว่าล่ะเงียบหายไปเลย ไม่เห็นพี่คุณติดต่อมา รู้ไหมว่าอูยองใจหายแค่ไหน        นึกว่าไปติดสาวแหม่มที่อเมริกาแล้วซะอีก”

 

“ก็จะให้พี่คุณติดต่อได้ยังไงล่ะครับ สัญญาณโทรศัพท์ไม่มีเลย”

นิชคุณตอบพลางอุ้มอูยองเดินกลับที่พัก ผ่านสายตาใครต่อใครหลายคน

 

“คุณหมอมีลูกติดมาด้วยหรือเจ้า”

เสียงชาวบ้านอู้คำเมืองเอ่ยทักขึ้นเมื่อเห็นว่าคุณหมอหนุ่ม กำลังอุ้มใครสักคนเดินผ่านมา   ชาวบ้านที่นี่ได้รู้จักนิชคุณเพราะสองวันก่อน นิชคุณมาที่นี่ก็ได้มาช่วยชาวบ้านตั้งเต้นท์ เตรียมงานทุกอย่าง ไม่เพียงเท่านั้นนิชคุณยังตั้งโต๊ะตรวจสุขภาพให้ชาวบ้านไปพลางๆด้วย แถมยังให้ความรู้เกี่ยวกับโรคทางสมองที่อาจเกิดขึ้นในทุกๆวัยอีกต่างหาก ชาวบ้านก็ต่างให้ความสนใจเป็นอย่างดี

 

นิชคุณหัวเราะออกมาก่อนจะบอก “ไม่ใช่ลูกครับคุณลุง แต่เป็นแฟน”

 

“อ๋อออออ แฟน มีแฟนเด็กก็ต้องอดทนหน่อยนะเจ้าคุณหมอ ดูท่าทางเปิ้นจะขี้อ้อนขนาดเลยเนอะ”    คุณลุงชาวบ้านยิ้มมาทางอูยองอย่างเอ็นดู

 

“ครับ เด็กคนนี้ขี้อ้อนมากๆเลย” นิชคุณทั้งตอบทั้งยิ้มให้กับคุณลุงคนที่เอ่ยแซว

 

อูยองตีลงไหล่ของนิชคุณแก้เขิน ก่อนจะดิ้นแล้วก็ขอลงเดินเองดีกว่า เพราะนี่ขนาดเดินมาได้ไม่ไกลยังโดนชาวบ้านเอ่ยแซวเลย

 

“พี่คุณยังอยากอุ้มต่ออยู่เลย จะรีบลงไปไหนล่ะ”

 

“ไม่เอาแล่ว! อูยองจะเดินเอง ขะ เขิน แค่เดินมาแป้บเดียวก็โดนแซวแล้ว”

 

“แต่พี่คุณชอบนะ ชอบบอกคนอื่นว่าอูยองเป็นแฟนพี่คุณ เดี๋ยวไปประกาศออกเสียงตามสายดีกว่า”   แล้วนิชคุณก็แกล้งวิ่งไปข้างหน้า ทำอย่างกับจะรีบไปประกาศออกเสียงตามสายจริงๆอย่างงั้นแหละ

 

“นี่พี่คุณ หยุดเลยนะ!!”   อูยองรีบวิ่งตามคนขายาวไปติดๆ

.

.

.

พอมาถึงที่พัก อูยองสำรวจรอบๆ ที่นอนของแขก VIPของพี่แทคยอนจะถูกจัดสรรไว้เป็นส่วนตัว มีอยู่สามหลังด้วยกัน คือหลังของพี่แทคยอน พี่มินจุน ของอูยองกับพี่คุณ และหลังของจุนโฮกับชานซอง   ส่วนหมอและนักศึกษาแพทย์คนอื่นๆ ก็ถูกแบ่งให้ไปนอนตามบ้านของชาวบ้าน

 

บ้านพักส่วนตัวที่ถูกเตรียมไว้ต้อนรับ ก็ไม่ได้หรูหรามาก เป็นบ้านไม้หลังเล็กๆ พออยู่นั่นแหละ มีเฟอร์นิเจอร์บ้างตามที่จำเป็นต้องมี ในบ้านแต่ละหลังจะมีเตียงนอนห้องละหนึ่งเตียงเท่านั้น   หลังจากเดินสำรวจครบแล้วอูยองก็ไปอาบน้ำเตรียมจะนอน ทันทีที่โน้มตัวลงนอนพี่คุณก็รีบรวยตัวอูยองมากอดเอาไว้แน่น

 

“พ พี่คุณ นอนดีๆสิครับ”

 

“คิดถึงอ่ะ”   มือหนาลุกล้ำเข้ามาในเสื้อจนอูยองต้องรีบจับมือพี่คุณเอาไว้

 

“ฮื้อ ไม่เอานะ ที่นี่มันเงียบ เดี๋ยวคนอื่นได้ยินกันหมด”

 

“อูยองก็อยากเสียงดังสิ”

 

“พี่คุณอ่า~ พรุ่งนี้อูยองต้องทำงานหนักนะ”

 

“น่านะ~”

 

“ฮื้อ งั้นพี่คุณก็ลุกไปปิดหน้าต่างปิดม่านเลย!”

 

“วันนี้อย่ายั่วนักนะเด็กน้อย พี่คุณไปบอกชาวบ้านว่าวันนี้แฟนจะมาหา มีคุณลุงคนนึงเดินเข้ามาสะกิด แล้วบอก คุณหมอลองกินนี่ดูไหม? แล้วเค้าก็ยื่นแก้วมาให้ ในแก้วเป็นน้ำสีแดงเข้ม กลิ่นฉุนพอสมควร” นิชคุณเล่าให้ดูน่าตื่นเต้น เหมือนกำลังเล่านิทานก่อนนอนให้เด็กฟัง

 

“ล แล้วยังไงครับ?”   อูยองยังตั้งอกตั้งใจฟังสิ่งที่นิชคุณเล่า

 

“มันคือยาดองที่ชาวบ้านเรียกว่าโด่ไม่รู้ล้ม”    นิชคุณบอกแล้วกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาทันที

อูยองเบิกตากว้างแถมยังอ้าปากค้าง แล้วคืนนี้อูยองจะได้นอนได้ยังไงกัน!!!

 

………พรึ่บ!!! นิชคุณลุกมาปิดม่าน ปิดหน้าต่างตามคำสั่งของอูยอง ^_~ ………

 

เช้าวันใหม่ วันนี้อากาศช่างเอื้ออำนวยจริงๆ มีลมพัดเอื่อยๆ เย็นกำลังดีไม่ร้อนมาก   เมื่อคืนก็แทบจะไม่ได้นอนเพราะคนเอาแต่ใจคนเดียว! แต่เช้านี้อูยองก็ยังสดชื่นเพราะตื่นเต้นที่จะได้มาทำงานตามความใฝ่ฝันของตัวเองสักที    อูยองก้มมองป้ายชื่อที่ถูกปักลงบนเสื้อกาวน์ของตัวเอง มีคำว่านายแพทย์เป็นนำหน้าชื่อ อูยองก็ได้แต่ยิ้มออกมาอย่างภาคภูมิใจ อูยองนึกถึงคำพูดของ   พี่คุณขึ้นมาทันที ในเมื่ออูยองเป็นคุณหมอเต็มตัวแล้ว อูยองจะรักษาคนให้หายป่วยกี่คนก็ได้ ตามที่กำลังยังไหว วันนี้อูยองจะทำให้เต็มที่เลย

 

 

“โอ๊ะ พี่คุณ คนเยอะเหมือนกันนะครับ”

อูยองร้องออกมาด้วยความดีใจที่เห็นชาวบ้านที่นี่ให้ความสนใจและใส่ใจที่จะมาตรวจสุขภาพ

 

“พี่คุณทำป้ายประกาศแปะไปทั่วทุกหมู่บ้านที่อยู่ละแวกนี้เลยนะอูยอง ที่คนให้ความสนใจเยอะก็เพราะที่นี่ห่างไกลจากโรงพยาบาลประมาณ หกสิบกิโลเมตร จากที่สอบถามถ้าชาวบ้านป่วยก็มักจะหายากินเอง ไม่ไปหาหมอหรอก เพราะบ่นกันว่าค่ารถแพง ค่ายาก็แพง”

 

พออูยองได้ฟังแบบนั้นแล้วก็ยิ่งทำหน้าสลดเข้าไปใหญ่ อูยองก็พอจะเข้าใจนะว่าชาวบ้านหาเงินกันยากลำบากก็คงจะไม่อยากเสียค่ารถ ค่ายาแพงๆสักเท่าไหร่ แต่อูยองก็ห่วงเรื่องสุขภาพของชาวบ้านอยู่ดี ไม่รู้ยาที่ซื้อมากินกันจะซื้อถูกหรือเปล่า  ตลอดหนึ่งเดือนที่จะมาอยู่ที่นี่อูยองจะต้องทำหน้าที่ตัวเองให้ดีที่สุด อูยองจะช่วยสอนชาวบ้านให้รู้จักป้องกันตัวเองจากโรคต่างๆเอง นิชคุณกับอูยองเดินไปทักทายชาวบ้านที่กำลังต่อแถวรอตรวจด้วยท่าทีทีสุภาพแล้วก็ยิ้มแย้ม แล้วก็พากันเดินไปที่เต้นตรวจคนไข้ นิชคุณเดินไปส่งอูยองก่อน แล้วก็โน้มตัวลงไปจูบหน้าผากโดยที่ไม่ได้รอให้อีกคนได้ตั้งตัว คนที่พึ่งจะนั่งลงเก้าอี้หันมาเอ็ดเบาๆ

“นี่พี่คุณ! อายชาวบ้านหน่อยสิครับ!”

 

“ก็ให้กำลังใจไงครับ เมื่อคืนยิ่งไม่ค่อยได้นอน เพราะฤทธิ์ยาดองคุณลุงคนนั้นแท้ๆ วันนี้ก็ห่วงกลัวคุณหมอจะไม่มีแรงตรวจคนไข้หน่ะสิ”

 

“พี่คุณ!!”

พี่คุณนี่เป็นคนยังไงกัน มาพูดถึงเรื่องเมื่อคืนได้อย่างหน้าตาเฉย ไม่มีความเขินอายเลยแม้แต่น้อย จะไม่พูดถึงเรื่องเมื่อคืนเลยก็ไม่มีใครว่าหรอกนะ

 

“สู้ๆนะครับคุณหมอแก้มป่อง”

นิชคุณยิ้มให้ก่อนจะเดินไปนั่งลงเก้าอี้ที่อยู่ถัดจากอูยอง ในระหว่างรอให้คนที่จัดสรรค์คิวส่งคนไข้มาให้ตรวจนิชคุณก็เอาแต่นั่งมองอูยอง ส่วนอูยองมองกลับมาหานิชคุณ ต่างคนก็ต่างยิ้มให้กัน

ส่วนจุนโฮก็นั่งถัดไปจากนิชคุณมีชานซองเป็นตากล้องส่วนตัว คอยตามถ่ายรูปเก็บบันทึกความทรงจำทุกอิริยาบถ ทางแทคยอนกับมินจุนตอนนี้ก็กำลังเอาของไปแจกตามโรงเรียนประจำหมู่บ้านนี้

.

.

.

 

“ให้คุณยายไปรอรับยาตรงนู้นนะครับ เอาใบที่คุณหมอเขียนไปยื่นให้กับเภสัชกรนะครับ”       อูยองตรวจเสร็จแล้วก็พยายามที่จะพูดช้าๆชัดๆให้คุณยายไปรับยาที่อยู่อีกเต้นนึง เพราะคุณยายแก่แล้วหูไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก คุณยายยิ้มและพยักหน้าให้พร้อมทั้งพูดขอบคุณคุณหมอแก้มป่องก่อนจะลุกเดินไปตามทางที่อูยองบอก อูยองชะเง้อมองตามจนเห็นว่าคุณยายเดินไปถูกเต้นแล้ว อูยองค่อยก้มหน้าก้มตาเขียนชาร์ตอาการคนไข้ไว้ตามดูอาการต่อ เพราะต้องอยู่ที่นี่เป็นเดือน      อูยองก็อยากจะตามดูอาการคนไข้ที่ตรวจไปทุกคนนั่นแหละ ไม่นานก็มีเสียงคนเดินเข้ามาแล้วลากเก้าอี้นั่งลง

 

“รอคุณหมอแป้บนึงนะครับ”   เสียงใสของคุณหมอแก้มกลมเอ่ยบอกทั้งๆที่กำลังตั้งใจก้มหน้าก้มตาเขียนชาร์ตคนไข้เมื่อสักครู่อยู่

 

“ครับคุณหมอ”

เสียงคุ้นหูจนอูยองต้องเงยหน้าขึ้นมามอง “อ้าวพี่คุณมีอะไรรึเปล่าครับ”

 

“ไม่มีครับ แต่นี่กี่โมงแล้วหื้ม ค่ำแล้วคนไข้กลับบ้านกันหมดแล้วครับ ชานซองกับจุนโฮเค้าไปถ่ายรูปเล่นกันถึงไหนต่อไหนแล้ว ”

 

อูยองรีบยกนาฬิกาขึ้นมาดู นี่ก็หกโมงกว่าแล้ว มองดูก็ไม่มีคนไข้ต่อคิวมาให้ตรวจแล้วจริงๆด้วย

“งั้นอูยองขอเวลาอีกแป้บนึงนะครับพี่คุณ”   แล้วอูยองก็ก้มหน้าก้มตาเขียนชาร์ตต่อให้เสร็จ   นิชคุณนั่งมองคุณหมอแก้มป่องที่มีสเต็ทโตสโคปสีฟ้าสดใสคล้องคอ ตั้งอกตั้งใจเขียนชาร์ต แถมวันนี้ยังทำงานไม่มีทีท่าว่าจะเหน็ดเหนื่อย ก็ได้แต่ยิ้มให้อย่างภาคภูมิใจ

 

“เสร็จแล้วครับ~”   อูยองเก็บชาร์ตใส่กระเป๋าเตรียมจะลุกขึ้น แต่ก็มีเด็กน้อยผู้หญิงวัยสี่ขวบวิ่งเข้ามาจับมืออูยอง อูยองก็เลยต้องนั่งลงก่อน แล้วก็ก้มลงถามเด็กน้อยผู้น่ารักคนนี้

 

“หนูไม่สบายเหรอคะ”

หนูน้อยมองคุณหมอแก้มป่องตาปริบๆ ไม่พูดไม่จาอะไร นิชคุณหันมองซ้ายมองขวาเพื่อที่จะหาผู้ปกครองเด็ก แต่ก็ไม่เห็นว่าจะมีใครอยู่แถวๆนี้ ก็เลยจัดการอุ้มเด็กน้อยให้มานั่งตักตัวเอง อูยองขยับเก้าอี้ให้เข้ามาใกล้ๆนิชคุณ แล้วก็ก้มลงถามเด็กน้อยด้วยน้ำเสียงเหมือนเด็กห้าขวบ

 

“ว่ายังไงคะ หนูไม่ฉะบายตรงไหนเอ่ย ไหนบอกพี่หมออูยองหน่อยซี้”

 

“…”

พอไม่ได้คำตอบ อูยองก็เลยหยิบสเต็ทโตสโคปขึ้นมาแนบหน้าอกเด็กน้อย ตรวจดูแล้วก็ปกติดีทุกอย่าง ไม่ได้ไม่สบายตรงไหน

 

“ก็ไม่ได้ป่วยนี่นา”

 

“แม่….”

อูยองเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ก่อนจะยกมือขึ้นมาเกาหัวเขินๆ ใครๆก็บอกว่า

อูยองหน้าหวานเหมือนผู้หญิง แต่อูยองไม่คิดว่าจะหน้าวานจนเด็กน้อยเรียกว่าแม่ขนาดนี้

 

“พ พี่คุณน้องเรียกอูยองว่าแม่”  อูยองยิ้มเขินๆให้นิชคุณ

 

นิชคุณยิ้มให้กับอูยอง “น้องอาจจะกำลังขอความช่วยเหลืออยู่ก็ได้อูยอง ดูจากสายตาน้องเหมือนจะมีอะไรจะบอกเรานะ” นิชคุณเอ่ยออกมาอย่างใจเย็นๆ ก่อนจะเอียงหน้าไปถามเด็กหญิงวัยสี่ขวบที่นั่งอยู่บนตัก

 

“หนูมีอะไรจะให้พี่หมอช่วยรึเปล่าคะ” เสียงทุ้มใจดีเอ่ยถามแล้วลูบหัวเบาๆ

เด็กน้อยพยักหน้าให้เบาๆ

 

 

“พ พี่หมอขา แม่หนูไม่สบาย ฮึก”

 

“โอ๋..หนูไม่ต้องร้องนะคนเก่ง เดี๋ยวพี่หมอสองคนไปดูแม่หนูเอง แล้วคุณแม่หนูอยู่ไหนคะ พาพี่หมอไปได้ไหมเอ่ย?”

 

เด็กน้อยพยักหน้าให้อูยอง นิชคุณรีบอุ้มตัวเด็กขึ้นมาส่วนอูยองก็เก็บอุปกรณ์ตรวจใส่กระเป๋า แล้วรีบแล้วก็เดินกันไปตามทางที่เด็กน้อยบอกพอมาถึงบ้านหลังเล็กๆ  ก็มีหญิงวัยน่าจะสี่สิบกว่าๆนอนห่มผ้าอยู่ นิชคุณรีบวางเด็กลงก่อนจะคว้าเอากระเป๋าอุปกรณ์ตรวจจากอูยองมา แล้วตรงปรี่เข้าไปตรวจดูอาการทันที

 

“เป็นไข้หวัดใหญ่ หมอฉีดยาให้แล้ว เดี๋ยวอาการก็ดีขึ้นตามลำดับนะครับ” นิชคุณยิ้มแล้วก็เอ่ยบอกคนที่นอนป่วยอยู่ เธอไหว้ขอบคุณทันที ส่วนอูยองก็จัดยาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว

 

“พรุ่งนี้หมอจะมาดูอาการให้อีกทีนะครับ”

 

“ขอบคุณนะเจ้าคุณหมอ ถ้าไม่ได้คุณหมอก็คงจะแย่ ไม่มีแรงเดินออกไปหาหมอเลยเจ้า”

 

“ขอบคุณตัวเล็กคนนี้ด้วยนะครับ ที่วิ่งไปเรียกให้หมอมาดูอาการ”   อูยองยิ้มแล้วก็ลูบหัวเด็กหญิง ก่อนจะหยิบเอาตุ๊กตาออกจากกระเป๋าแล้วยื่นให้กับเด็กน้อย

 

“ขอบคุณค่ะพี่หมอแก้มป่อง”

เด็หหญิงยิ้มให้กับคุณหมอแก้มกลมผู้ที่แสนจะใจดี มือเล็กเอื้อมไปบีบแก้มพี่หมอแก้มป่องทีนึง

 

อูยองหน้ามุ่ยเล็กน้อยที่โดนเรียกแบบนั้น “พี่หมออูยองค่ะ ไม่ใช่พี่หมอแก้มป่องนะ”

 

“แต่ว่าพี่หมอแก้มป่องนี่คะ น่ารักด้วย”

 

“แต่พี่หมอไม่ได้ชื่…”

นิชคุณรีบยกมือขึ้นมาปิดปากอูยองทันที ก่อนที่อูยองจะทะเลาะกับเด็กไปนานกว่านี้

 

“ชู่วๆ อูยองไม่เอาน่า เด็กก็ใสซื่อเรียกไปตามที่เห็นนั้นแหละนะ ไปกันได้แล้วป่ะ คนไข้จะได้พักผ่อน”

 

อูยองหันไปยิ้มให้เด็กหญิง “พี่หมอยอมให้หนูเรียกชื่อนี้ก็ได้”

.

.

.

ณ ร้านอาหารของหมูบ้าน พี่แทคยอนและพี่มินจุนนัดให้ อูยอง พี่คุณ จุนโฮ และชานซองมาทานข้าวเย็นให้พร้อมหน้าพร้อมตากันที่นี่ นิชคุณกับอูยองมาช้ากว่าคู่อื่นๆเพราะไปรักษาคนป่วยมา

 

“สองคนนั้นมากันพอดีเลย” แทคยอนยิ้มให้น้องชายที่กำลังขี่หลังนิชคุณมา เห็นน้องมีความสุข คนเป็นพี่ก็พลอยมีความสุขตามไปด้วย

 

“เป็นยังไงบ้างอูยอง น้องเหนื่อยไหมคุณหมอคนเก่งของพี่”

“ไม่เหนื่อยเลยฮะ”   อูยองรีบตอบออกมาเสียงใส แล้วก็รีบลงจากหลังแฟนใจดี

 

“แล้วพี่แทคยอนกับพี่มินจุนล่ะฮะ วันนี้เป็นยังไงบ้าง”

“พี่สองคนไปแจกของให้กับเด็กๆ แล้วก็คนสูงอายุมา อิ่มใจมากๆเลยอูยอง” มินจุนตอบแล้วยิ้มให้กับคนที่ตั้งคำถาม

 

“แล้วนายล่ะชานซอง ถ่ายรูปจุนโฮเม็มเต็มไปรึยัง” อูยองแซวแล้วก็ขำออกมา

 

“เม็มมีสิบอันไม่ต้องห่วงเรื่องนั้น ฉันไม่ได้ถ่ายแค่รูปจุนโฮ มีรูปทุกคนนั่นแหละ”

 

“ไหนขอดูมั่งสิ” อูยองแบบมือรอรับกล้อง พอได้มาแล้วมือเล็กก็กดเลื่อนดูรูปไปเรื่อยๆ แหมชานซองไหนบอกไม่ได้ถ่ายแค่รูปจุนโฮ เปิดมาสิบรูปแล้วก็มีแต่รูปจุนโฮ

 

“โอ๊ะมีรูปพี่มินจุนกับพี่แทคยอนด้วยเหรอเนี้ย”    อูยองยื่นให้พี่ๆทั้งสองคนดู

HYtOHKsk

 

“มีรูปพี่คุณด้วย พี่คุณหล่อจังเลยครับ~~”   อูยองยิ้มแล้วยื่นให้พี่คุณดูรูปตัวเองในกล้อง

 

“ยะ ย้าห์ ชานซองรูปคนอื่นดีหมด ทำไมรูปฉันมัน….”   อูยองทำหน้าไม่พอใจใส่ชานซอง แล้วก็ยื่นรูปให้ตากล้องดู ชานซองขำกร๊ากออกมาทันที ก่อนจะส่งให้ทุกคนดู

 

 

cxRulvmn.jpg large

“น่ารักนะอูยอง” จุนโฮดูรูปบอกว่าน่ารักแต่ก็ยังขำออกมา   ส่วนพี่แทคยอนกับพี่มินจุนก็เหมือนกัน ปากบอกน่ารักแต่ขำกันทำไมล่ะ

 

“น่ารักดีพี่คุณชอบ ชานซองกลับโซลเมื่อไหร่ส่งรูปนี้ให้พี่ทีสิ จะเอาไปอัดกรอบ ฮ่าๆ”

 

“ทุกคนบอกว่าอูยองน่ารัก แต่ทำไมต้องขำอูยองด้วยล่ะ!” อูยองหน้าบึ้งขึ้นมาทันที ทำเอาทุกคนต่างสะดุ้งกันเป็นแถบๆ

 

“เอ่อ…แต่มันน่ารักจริงๆนะอูยอง เชื่อพี่คุณสิ ไม่งอนกันนะ ดีกันนะ”

 

“!_!”   อูยองยังคงหน้าบึ้ง

 

“พี่คุณกับอูยองถ่ายรูปคู่กันหน่อยไหมครับ” ชานซองยกกล้องรอเตรียมที่จะถ่ายรูปคู่ให้ เผื่อสถานการณ์จะดีขึ้น

 

“อูยองมาถ่ายรูปคู่กับพี่คุณหน่อยเร็วครับ” นิชคุณสะกิดเรียกเด็กน้อยที่กำลังนั่งทำหน้านิ่ง

 

 

CYiAfqIWsAAVnzX

.

.

.

.

 

 

“แฟนงอนอยู่ครับ ไม่ยอมหันมาถ่ายรูปด้วยเลย T.T”

.

.

.

.

.

“แต่ถึงยังไงซะ งอนกันได้ไม่ถึงนาทีหรอกครับ ก็กลับมาคืนกีกันแล้ว~ ใครจะกล้าทำให้เด็กน้อยจางอูยองงอนข้ามวันข้ามคืนล่ะ”

 

 

113130139

 

END❤️

Talk 

จบจริงๆแล้ว ^^  ขอบคุณทุกคนที่ตามอ่านมาจนจบนะคะ ภาษาไม่ได้สวยมาก (แต่ก็ยังอยากจะแต่งฟิคแหะๆ)     อาจมีบางฉากบางตอนอ่านแล้วอาจจะไม่ค่อยลื่นเท่าไหร่ต้องขอโทษทุกคนนะคะโมเม้นท์ไม่มี ก็ได้แต่เก็บรูปแล้วมาจิ้นเอา T-T

 

> เรื่องใหม่มีแน่นอนค่ะ ขอมาแนว romantic comedy เนอะ  ใครอยากเม้นทักทายก็เม้นได้นะคะ จะได้เก็บไปเป็นกำลังใจในการแต่งเรื่องใหม่  ขอบคุณนักอ่านทุกคนเลย ^^    

[Fic khunwoo] Love and hate 17 End

Title:Love and hate 17

Couple: KhunWoo

Writer: ilovekw

Rate : PG

Gente :   Romantic

นี่คือฟิคที่เกิดจากจินตนาการของไรทเตอร์ enjoy reading ^^

 

 

 

นิชคุณนอนมองเด็กน้อยแก้มกลม ที่กำลังหลับพริ้มหนุนแขนแกร่งของเขาก็ได้แต่ยิ้มให้อย่างเอ็นดู ก่อนจะมอบจูบอันแสนหวานให้กับเด็กน้อยขี้เซาเป็นการปลุกให้ตื่น

 

“งือ…”

 

เมื่อมีสิ่งรบกวนในยามเช้า อูยองก็ต้องงอแงออกมาเป็นเด็กๆ เพราะยังไม่อยากจะตื่นเอาตอนนี้

 

“งื้อ…!!”

นิชคุณงับแก้มแกล้งเด็กขี้เซาเบาๆ แล้วก็นอนดูเด็กที่กำลังยู่หน้างอแง ทั้งๆที่ตา  ก็ยังหลับสนิท

ทำเอานิชคุณยิ้มแล้วก็หัวเราะออกมาเบาๆ

 

“เช้าแล้วนะเด็กดี ตื่นเร็ว”

 

อูยองค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นมาช้าๆแล้วใช้มือเล็กขยี้ตาตัวเองเบาๆ ก่อนจะยืดแขนบิดขี้เกียจ แล้วเอาขาพาดเอวอีกคนพร้อมกับกระชับกอดแน่น ก่อนจะยิ้มให้        มันดีแค่ไหน ที่ตื่นขึ้นมาแล้วมีพี่คุณให้นอนกอดในยามเช้าๆแบบนี้

 

“จะไม่ยอมตื่นเหรอ หื้ม?”

 

อูยองส่ายหน้าออดอ้อนช้าๆ “ยังไม่อยากตื่นครับ อูยองขอนอนกอดพี่คุณต่อนะ”

 

“นอนทับตัวพี่คุณทั้งคืนยังไม่พอใช่มั้ยหึ้ม หลับสบายกว่านอนหนุนหมอนอีกนะเรา”

 

“ก็นอนกอดพี่คุณแล้วอูยองมีความสุขนี่ครับ ก็เลยหลับฝันดี”

 

“ป่ะ ไปอาบน้ำแล้วออกไปซื้อของมาเตรียมปาร์ตี้กันดีกว่าเนอะ”

 

“ฮื้อออ อูยองยังอยากนอนต่อ!!” อูยองทำเสียงงอแงใส่

 

“ตอนนี้เราร่างเปลือยเปล่ากันอยู่ทั้งคู่นะรู้ตัวรึเปล่า ถ้ายังไม่ลุกไปอาบน้ำตอนนี้ อาจจะมีกิจกรรมเหมือนเมื่อคืนอีกในเร็วๆนี้ แล้วก็จะได้อาบอีกทีตอนเย็นเลยนะ ”

 

นิชคุณกระตุกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ เพียงเท่านั้นแหละอูยองถึงได้ดึงเอาผ้าห่มแล้วนอนม้วนตัวเองหันหลังให้กับอีกคน

 

“พ พี่คุณไปอาบก่อนเลย~ ไปเลยๆ ไปอาบน้ำเลย!!”

 

อูยองสัมผัสได้ถึงเตียงที่เด้งขึ้น เพราะนิชคุณได้ลุกออกจากเตียงเตรียมจะไปอาบน้ำ แต่ก็พึ่งนึกขึ้นได้ว่าพี่คุณก็ไม่ได้ใส่เสื้อผ้าเหมือนตัวเอง ก่อนจะเบิกตากว้างแล้วหันกลับไปมอง

 

“พี่คุณ!! ทะ ทำไมไม่ใส่เสื้อผ้าก่อนล่ะครับ!”

อูยองหันไปดุเพียงแค่แป้บเดียวก็มุดตัวเองเข้าไปในผ้าห่มด้วยความเขินอาย

 

นิชคุณหัวเราะเบาๆ ก็เขากำลังจะเดินไปหยิบผ้าขนหนูอยู่นี่ไง แต่ก็อยู่คนละมุมห้องนู้นแหน่ะ

ร่างสูงแกล้งเดินเข้ามาใกล้ๆ แล้วกระซิบข้างๆหูของเด็กน้อยที่กำลังม้วนตัวเองเป็นดักแด้อยู่ในผ้าห่ม

 

“เดี๋ยวพี่คุณเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำก็ได้ถอดอยู่ดี เขินอะไรเนี่ยเรา ทีเมื่อคืนยังเป็นคนเก่งไม่รู้จักเขินอายเลย”

 

“ร รีบไปอาบน้ำเลยนะพี่คุณ!!”

 

“นี่ คลุมโปงแบบนี้เดี๋ยวก็หายใจไม่ออกหรอกอูยอง”

เห็นอูยองนอนนิ่งๆในผ้าห่มก็อดจะขำไม่ได้ แล้วคนขี้แกล้ง ก็แกล้งดึงผ้าห่มลง

อยากจะดูหน้าเด็กน้อยสักหน่อย ตอนนี้คงแกล้มแดงเปล่งเลยล่ะมั้ง

 

“งืออออ! มะไม่ต้องเปิดนะ! อูยองหายใจออก!”

 

“ถ้าหายใจไม่ออกตะโกนเรียกเลยนะ พี่คุณจะรีบมาผายปอดให้”

ว่าแล้วก็ขำออกมาอย่างพออกพอใจ ก่อนจะเดินเข้าไปอาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาด พอได้ยินเสียงล็อคประตูห้องน้ำอูยองถึงได้ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ

 

“ฟู่ววว พี่คุณคนเจ้าเล่ห์!!”

.

.

.

.

ถึงเวลาไปจ่ายตลาด เพื่อที่จะซื้ออุปกรณ์เตรียมงานปาร์ตี้ในเย็นนี้ ลิสรายการทั้งหมดพี่คุณ     เป็นคนจดเองกับมือ อยากได้ อยากซื้ออะไร มีอะไรที่ขาดไม่ได้      พี่คุณก็จดไว้เรียบร้อยแล้ว พูดง่ายๆว่าเรื่องอาหาร อูยองต้องยกให้พี่คุณเป็นคนจัดการเองทั้งหมด เพราะพี่คุณก็ค่อนข้างจะชำนาญเรื่องนี้อยู่ไม่น้อย

 

 

“เราน่าจะซื้อของกันครบแล้วเนอะพี่คุณ”

 

สองมืออูยองหอบของพะลุงพะลัง ไม่แพ้กันกับนิชคุณเลย อูยองชักจะไม่แน่ใจแล้วสิว่าที่ซื้อ   ไปเอาไปทำปาร์ตี้กินกันแค่สองคน หรือทำเลี้ยงคนทั้งรีสอร์ทกันแน่   ตาคมมองสำรวจของจากถุงที่มือตัวเอง แล้วก็จากอูยองดูคร่าวๆก็น่าจะครบแล้ว

 

“อืม…พี่คุณว่าขาดไปอย่างนึงนะอูยอง”

 

“หืม? แต่ที่ลิสรายการไว้ก็ซื้อไว้หมดแล้วนี่ครับพี่คุณ ยังขาดอะไรอีกเหรอครับ?”

 

“ขาดกุหลาบล่ะ ของสำคัญเลยนะเนี้ย”

 

“หืม? กุหลาบ?”

อูยองทำหน้างุนงง กุหลาบ? มันใช้เอาไปเป็นส่วนผสมของอะไรเหรอ? หรือพี่คุณมีสูตรลับ

จะเอาไปเพิ่มรสชาติให้อาหารให้อร่อยกลมกล่อมอย่างงั้นเหรอ

 

“ซื้อให้อูยองไง วันนี้ครบรอบเจ็ด ปีของเรานะ พี่คุณยังไม่ซื้ออะไรให้อูยองเลย”

 

เหตุผลของนิชคุณทำเอาอูยองปล่อยเสียงหัวเราะออกมาอย่างสดใส

“ครบรอบครั้งนี้ไม่มีการเซอร์ไพรส์กันเลยเนอะพี่คุณ”

 

“งอนพี่คุณเหรอครับ?”

 

 

นิชคุณถามด้วยสีหน้าจริงจัง แล้วก็ดูจะกังวลนิดหน่อย แต่มันเป็นเป็นการครบรอบที่ไม่มี       เซอร์ไพรส์อะไรอย่างที่อูยองว่าจริงๆนั่นแหละ เพราะเขาเองก็ไม่รู้ว่าจะง้ออูยองทันวันที่ครบรอบหรือเปล่า กลัวเตรียมอะไรไว้แผนจะพังซะก่อน

 

 

“ไม่เลยครับพี่คุณ อย่าเครียดไปเลยอูยองแค่พูดเล่น”

 

อูยองรู้ดีว่าพี่คุณแคร์ความรู้สึกของอูยองขนาดไหน ถึงอูยองจะแค่พูดเล่น แต่สีหน้าพี่คุณก็ดูกังวลอยู่ดีนั่นแหละ คนตัวเล็กกว่า เขย่งขาให้สูงขึ้น เพื่อไปหอมแก้มคนที่ตัวสูงกว่า ทำให้เห็นว่าอูยองไม่ได้โกรธเลยจริงๆ พอคนตัวเล็กหอมแก้มเสร็จนิชคุณค่อยคลี่ยิ้มออกมาด้วยความโล่งใจ ก่อนจะเดินนำไปยังร้านขายดอกไม้เพื่อซื้อกุหลาบให้กับเด็กดีของเขา

“เอากุหลาบสีชมพูทั้งหมดที่มีในร้านครับ”

 

พอได้ยินพี่คุณสั่งไปแบบนั้นอูยองถึงกับเบิกตากว้างขึ้นทันที

 

“พี่คุณ! ม เหมาร้านเลยเหรอครับ”

 

ตอนแรกอูยองก็คิดว่าแค่จะซื้อให้กันสักช่อ ตอนที่ได้กุหลาบสองช่อเมื่อครั้งก่อนหน้านี้อูยอง   ก็ว่าพี่คุณเวอร์เกินไปแล้วนะ แต่ครั้งนี้พี่คุณเล่นซะเหมาร้านกันเลยเหรอ

 

นิชคุณหันมายิ้มให้กับคนตัวเล็ก “แล้วเซอร์ไพรส์ไหม หื้ม?”

 

“เวอร์เกินไปแล้วน้า แค่ช่อเดียวก็พอมั้งครับ เผื่อคนอื่นอย่ากจะซื้อให้แฟนจะทำยังไงล่ะ”

 

นิชคุณยิ้มแล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆเด็กแก้มป่อง ก่อนจะกระซิบบอก

“ก็ไม่รู้…ตอนนี้รู้แค่ว่าพี่คุณก็อยากซื้อให้แฟน~”

อูยองอมยิ้มออกมาเขินๆ แถมยังยืนบิดม้วนไปม้วนมา จนขาจะพันกันเป็นเกลียวอยู่แล้ว

 

“ให้เอาไปส่งที่ไหนครับ?”

พนักงานจัดส่งของร้านดังขึ้นขัดจังหวะความหวาน อูยองถึงได้เลิกเขินแล้วรีบทำตัวให้ปกติ

 

“รบกวนจัดส่งที่รีสอร์ท….เอ่อ”

นิชคุณจำชื่อรีสอร์ทอูยองไม่ได้ถึงได้หันมาหาอูยองเพื่อขอความช่วยเหลือ

 

“รีสอร์สของตระกูล อ๊ค จาง ครับ”   อูยองบอกพนักงานไปแค่นั้น พนักงานยิ้มแล้วพยักหน้ารับ ที่นี่ทุกคนรู้จักรีสอร์ทของตระกูลนี้เป็นอย่างดี

.

.

.

.

.

ช่วงบ่ายแก่ๆรอให้แดดร่มลมตก ทั้งนิชคุณและอูยองช่วยกันออกมาจัดเตรียมสถานที่กันเองทั้งหมด เพื่อเตรียมฉลองปาร์ตี้กันสองคน นิชคุณมีหน้าที่แบกยกทั้งเก้าอี้และโต๊ะมาตั้งไว้ที่ชายหาด  ส่วนอูยองตอนนี้ก็กำลังนั่งไล่เรียงแก้วเทียนที่เอาไว้จุดตอนกลางคืน ให้เป็นรูปหัวใจล้อมรอบโต๊ะ ที่พี่คุณได้วางจัดเตรียมเอาไว้          ส่วนกุหลาบที่สั่งมา พนักงานของรีสอร์ทก็พากันช่วยจัดใส่แจกันแล้วก็เอามาวางเรียงกันบนหาดทรายขาวเป็นชื่อ

นิชคุณ♡ อูยอง

 

ก็ช่างเข้าใจจัดกันซะจริงๆ

 

“เหนื่อยไหมอูยอง”

เสียงทุ้มใจดีเอ่ยทักขึ้นแล้วก็เดินเข้าไปซับเหงื่อให้คนที่กำลังตั้งใจเรียงเทียนเป็นรูปหัวใจลายล้อมโต๊ะ แต่ตอนนี้ทำหัวใจได้แค่ครึ่งเดียว

 

“ไม่เหนื่อยครับ”  อูยองหันมาตอบแล้วยิ้มให้

 

 

“เก่งมากเด็กดี”

ร่างสูงโน้มลงไปจูบกลีบปากบางเป็นการให้รางวัลให้กับคนขยันทำงานโดยที่ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

 

“แล้วพี่คุณล่ะ เตรียมอุปกรณ์ไว้ย่างบาร์บีคิวเสร็จแล้วเหรอครับ? ให้อูยองช่วยหมักเนื้อดีไหม?”

 

“ไม่ๆๆอูยองไม่ต้องช่วยพี่คุณหมักเนื้อครับ”

 

นิชคุณรีบปฏิเสธทันทีทันใด เพราะถ้าอูยองเป็นคนหมักเนื้อ เราทั้งสองอาจได้กินบาร์บีคิวแช่น้ำปลากันก็ได้

 

“อ่า…ครับ แล้วใกล้เสร็จรึยังล่ะครับพี่คุณ”

 

“ของพวกนั้นพี่คุณเตรียมเสร็จแล้วครับ เดี๋ยวตรงนี้ให้พี่คุณทำต่อเองนะ อูยองไปนั่งพักก่อน” มือหนาฉุกมือคนตัวเล็กให้ลุกขึ้น ก่อนจะจูงมือให้ไปนั่งลงตรงเก้าอี้ที่เตรียมไว้ แล้วตัวเองก็เดินเอาแก้วเทียนไปวางเรียงต่อจากที่อูยองทำไว้ อูยองวางแก้วเทียนไปแค่ครึ่งทางได้รูปหัวใจมาครึ่งนึงแล้วล่ะ ส่วนที่เหลือนิชคุณกำลังจะสานต่อ

 

“เสร็จหมดแล้วล่ะอูยอง”   นิชคุณลุกขึ้นแล้วสองมือก็ถูกันไปมาเพื่อเอาเศษทรายออกจากมือ

 

“ไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดแล้วมาปาร์ตี้กันครับ”

อูยองพูดออกมาด้วยความตื่นเต้น แล้วก็วิ่งมากระโดดขึ้นขี่หลังคนตัวสูง แล้วหอมแก้มซ้ายที แก้มขวาที อ้อนอ้อนนักเชียว

 

.

.

.

ท่ามกลางหาดทรายขาว และทะเลสีดำ ที่มีเพียงแค่เสียงคลื่นทะเลซัดขึ้นฝั่ง แล้วก็เสียงของคู่รักสองคน กำลังสนทนากัน บรรยากาศอบอวนไปด้วยความสุข และความสนุกสนาน เสียงหัวเราะที่สดใสของอูยอง นิชคุณได้ฟังแล้วเขาไม่สามารถหุบยิ้มได้เลย ชีวิตนี้ นิชคุณไม่ต้องการอะไรไปมากกว่านี้แล้ว ขอเพียงเขาได้อยู่ข้างๆอยู่ยอง ทำให้อูยองได้ยิ้ม ได้หัวเราะออกมาอย่างมีความสุข เพียงเท่านี้เขาก็มีความสุขมากแล้ว

 

“อูยอง”

 

“ครับ?”   อูยองที่กำลังจะเอาบาร์บีคิวเข้าปากก็ต้องชักแล้วหันมาหาคนที่เรียกชื่อ

 

“กินเยอะเดี๋ยวก็อ้วน จะมางอแงว่าน้ำหนักขึ้นไม่ได้นะ”

นิชคุณแกล้งแซว แล้วก็อดที่จะขำไม่ได้ ที่เห็นอูยองทำหน้าหงิกหน้างอใส่

 

“ก็ใครบอกให้พี่คุณทำบาร์บีคิวอร่อยเล่า!! อูยองจะกินให้อ้วนไปเลย!!”

แล้วคนไม่กลัวอ้วนก็กินบาร์บีคิ้วทีเดียวพร้อมกันสองไม้ แล้วก็เคี้ยวบาร์บีคิวจนแก้มตุ่ยมือหนาของคนใจดีก็เอาทิชชู่มาเช็ดขอบปากที่เลอะซอสมะเขือเทศออกให้

 

“เดี๋ยวจะเลี้ยงจากลูกเจี๊ยบน้อยให้กลายเป็นลูกหมูเลยคอยดูสิ”

 

“ฮึ้!!!พี่คุณอ่ะ!!”   อูยองยู่หน้าใส่ ก่อนจะตักเค้กรสโปรดกิน นิชคุณก็ได้แต่นั่งมองแล้ว ก็ทำหน้าที่เช็ดปาก เช็ดแก้มที่เลอะครีมออกให้ ไม่รู้ว่ากินยังไงให้เลอะได้ขนาดนี้

 

 

“อูยองเลิฟชอตกันหน่อยไหม?”

 

นิชคุณยิ้มแล้วชูแก้วไวน์ขึ้นมารอ ส่วนอูยองรีบยกแก้วน้ำอัดลมขึ้นมาเตรียมจะทำเลิฟชอตด้วยกัน แต่นิชคุณเห็นแล้วก็ต้องกลับตา แล้วปล่อยหัวเราะออกมาให้กับความน่าเอ็นดูของเด็กน้อยจางอูยอง จะเลิฟชอตทั้งที ไม่คิดจะเลิฟชอตด้วยไวน์เลยเหรอเนี้ย

 

“อูยองไม่อยากลองดื่มไวน์เหรอครับ”

 

“พี่คุณคิดจะมอมเหล้าอูยองเหรอ? ถึงได้ชวนให้ลองดื่ม”

 

“เปล่า~ แต่ไวน์แล้วดื่มแล้วช่วยให้น่าเด็กนะ”

 

“จริงเหรอครับ? งั้นอูยองขอหัดดื่มไวน์ด้วยได้ไหมครับ”

อูยองรีบวางแก้วน้ำอัดลมลง นิชคุณยื่นแก้วไวน์จากมือตัวเองให้อูยองได้ลองชิม พอชิมไปได้แค่จิบเดียวเท่านั้นแหละอูยองทำหน้าเหยเก แล้วก็รีบถุยทิ้งทันที     ทั้งรสชาติทั้งกลิ่นเป็นอะไรที่   อูยองไม่ชอบมากๆ อูยองทำหน้าพะอืดพะอมจนนิชคุณรีบเทน้ำเปล่าให้อูยองบ้วนปาก

แล้วอูยองก็รีบดื่มน้ำอัดลมล้างรสชาติไวน์เมื่อสักครู่นี้ทันที คนตัวเล็กลุกจากเก้าอี้แล้วมานั่งตักนิชคุณ ก่อนจะมองด้วยสายตาออดอ้อน

 

“พี่คุณเอาไวน์ออกจากปากให้อูยองหน่อยสิครับ มันขมปี๋เลย ไม่อร่อย”

ริมฝีปากบางถูกประทับจูบลง นิชคุณไล่กวาดหารสไวน์ที่ซ่อนอยู่นโพรงปากของคนตัวเล็ก เพื่อที่จะเอารสไวน์ที่ยังตกค้างอยู่ออกจากปากให้เด็กดื้อขี้อ้อน ริมฝีปากบางถูกงับเบาๆเป็นการลงโทษ

 

“ไม่เห็นมีรสไวน์เลย หื้ม”

 

อูยองหัวเราะออกมาอย่างสดใส “แบบนี้เรียกว่าเลิฟชอตได้ไหมครับพี่คุณ?”

 

“เด็กดื้อ ทะเล้นนักนะเรา”

นิ้วเรียวหยิกลงจมูกเล็กด้วยความหมั่นเขี้ยว ก่อนจะใช้จมูกโด่งฝังลงบนแก้มกลมๆอย่างหมั่นเขี้ยว

 

อูยองขยันอ้อนแบบนี้จะให้นิชคุณหนีไปไหนรอดล่ะครับ…..

 

Happy ending

 

CaiEMCXXEAAFcO4

 

 

 

TBC…. (special)

 

Talk  

จบแล้วค่ะ ซบสักทีเนอะ ไม่รู้ว่าจบได้สวยรึเปล่า T^T ที่จริงเรื่องต้องจบตั้งแต่ตอนที่แล้วค่ะ แต่ไรท์ไม่อยากจบเรื่องด้วย nc ก็เลยต้องหาอะไรมาเขียนต่อ

 

ขอบคุณทุกกำลังใจที่เม้นให้นะคะ ทำให้มีแรงอยากเขียนฟิคมาจนจบ คอมเม้นต์คือกำลังใจสำคัญของคนเขียนฟิคจริงๆค่ะ ขอบคุณจริงๆค่ะ   มีตอนพิเศษให้อีกหนึ่งตอนค่ะ   อย่าลืมเข้ามาอ่านกันน้า

 

ปล. ขายบัตรคอนวันที่ 14 ก.พ. นะคะ เลื่อนมาสองรอบแล้ว ทำนอย์ดทีเดียว เอาฟิคมาปลอบค่ะ ^^

[Fic khunwoo] Love and hate 13

Title:Love and hate 13

Couple: KhunWoo

Writer: ilovekw

Rate : PG 

Gente :  Romantic

นี่คือฟิคที่เกิดจากจินตนาการของไรทเตอร์ enjoy reading ^^

 

 

 

 

ณ โอกินาวา ประเทศญี่ปุ่น

 

 

อู ยองกำลังจะไปพักผ่อนที่รีสอร์ทที่เป็นกิจการเก่าแก่ของครอบครัวที่สืบทอดมา ตั้งแต่รุ่นปู่กับย่า จนมาถึงรุ่นพ่อกับแม่  และตอนนี้คนที่ดูแลรีสอร์ท ก็เป็นพี่แทคยอน   พี่แทคยอนต้องบินมาที่นี่ทุกอาทิตย์ มาตรวจดูกิจการเพื่อสานต่อให้รีสอร์ทนี้ยังคงเป็นรีสอร์สอันดับหนึ่ง ของ          โอกินาวาต่อไป บางทีอูยองก็คิดว่าพี่ชายของตัวเองทำงานหนักเกินไปหรือเปล่านะ ที่ต้องคอยดูแลกิจการตั้งหลายอย่าง  แต่ตอนนี้อูยองว่างๆ กว่าจะได้กลับไปเรียนก็อีกตั้งนานก็เลยขออาสามาช่วยงานเล็กๆน้อยๆที่อูยอง สามารถทำได้สักหนึ่งอาทิตย์  และคนขยันอย่างอูยองก็ไม่ลืมจะหอบตำราเรียนมาอ่านทบทวนความรู้ด้วย

 

“รอนานไหมครับคุณหนู”

 

อูยองละสายตาออกจากมือถือแล้วหันไปมองทางต้นเสียง ก่อนจะยิ้มให้อย่างสดใส

 

“ไม่นานเท่าไหร่ครับ”

 

แต่ในความเป็นจริงแล้วอูยองรอนานมาก รอเป็นชั่วโมง ไล่อ่านข้อความที่ใครบางคนส่งมาเป็นสิบยี่สิบความความจนหมด แล้วก็เล่นเกมในมือถือจนครบทุกเกมแล้วล่ะ แต่อูยองก็ไม่กล้าบอกว่ารอนานเพราะกลัวคุณลุงโดจินรู้สึกผิด  คนที่ผิดก็คืออูยองเองนั่นแหละที่นึกปุ๊บปั๊บอยากจะมาก็มา พอมาถึงสนามบินค่อยโทรให้คุณลุงมารับ

 

“คุณหนูจะมาพักที่รีสอร์ทน่าจะแจ้งก่อนนิดนึงนะครับ พวกเราจะได้เตรียมตัวต้อนรับ”

คุณลุงโดจินชวนคุยพลางลากกระเป๋าเดินทางให้อูยองพร้อมกับเดินนำไปที่รถ

 

“ตอนนี้ผมว่างๆนึกอยากมาก็มาเลยครับ คิดถึงที่นี่ อีกอย่างอยากจะมาช่วยพี่แทคยอนดูแลกิจการที่นี่ด้วยครับ ยังไงรบกวนคุณลงช่วยสอนงานให้ผมด้วยนะครับ”

 

“แต่คุณแทคยอนพึ่งจะสั่งมา บอกว่าไม่ให้คุณหนูทำงานครับ ให้พักผ่อนและเที่ยวเล่นให้สนุกก็พอ”

 

อูยองมุ้ยหน้าขัดใจเล็กน้อยที่ได้ยินแบบนั้น ก็อูยองอยากมาช่วยแบ่งเบาภาระพี่แทคยอนนี่นา เชื่อสิว่าถ้าพี่แทคยอนสั่งมาแบบนี้ คนที่นี่ก็ไม่กล้าขัดคำสั่งหรอก  เพราะพี่แทคยอนเคร่งและดุพอสมควร

 

“ขอทำอะไรก็ได้นะครับ นิดๆหน่อยๆก็ยังดี จะได้ช่วยแบ่งเบางานพี่แทคยอนบ้าง รับรองว่าผมไม่บอกพี่แทคยอนแน่นอน”   อูยองทำน้ำเสียงออดอ้อนและฉีกยิ้มให้คุณลุงโดจิน

 

“คุณหนู…”   คุณลุงโดจินหันมามองอูยองแล้วทำเสียงลำบากใจ   คงจะไม่มีใครอยากจะแหกคำสั่งของคุณแทคยอนหรอกนะ คุณลุงโดจินก็ด้วย

 

“อย่างงั้นก็ได้ครับ ไม่ทำก็ไม่ทำ”   อูยองทำหน้าเศร้าลงทันที

 

คุณลุงโดจินยิ้มให้ด้วยความเอ็นดู  คุณหนูเล็กของที่นี่เคยเจอตั้งแต่ตัวเล็กๆ โตมานิสัยขี้อ้อนงอแงไม่ยอมเปลี่ยนเลย  เมื่อตอนคุณแทคยอนและคุณอูยองยังเด็ก ก็มักจะติดสอยห้อยตามคุณผู้หญิง มาเยี่ยมคุณผู้ชายที่นี่บ่อยๆ แต่พอท่านทั้งสองไม่อยู่แล้ว ก็เห็นจะมีแต่คุณแทคยอนนั่นแหละที่บินมาดูกิจการอยู่บ่อยๆ   ส่วนคุณอูยองทุกคนที่นี่ก็เฝ้ารอวันที่คุณอูยองจะกลับมาเยี่ยมที่นี่บ้าง เพราะเห็นคุณแทคยอนบอก คุณอูยองเรียนหนักไม่ค่อยมีเวลาว่างเลย

 

“คนที่นี่น่าจะตื่นเต้นดีใจที่คุณหนูมานะครับ ตั้งแต่คุณหนูเข้ามหาวิทยาลัยก็ยังไม่เคยมาเลย ทุกคนคิดถึงคุณหนูมากเลยนะครับ”

 

อูยองขำก่อนจะพูดออกมา “ขนาดนั้นเลยเหรอครับคุณลุงโดจิน”

 

“จริงๆนะครับคุณหนู”

 

อูยองส่งยิ้มให้ ไม่ใช่แค่คนที่รีสอร์สหรอกที่ตื่นเต้นดีใจ อูยองเองก็รู้สึกดีใจไม่แพ้กันเลยที่ได้กลับมาที่นี่ ตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัย อูยองก็แทบจะไม่มีเวลาไปไหนมาไหนเลยนอกจากเรียนอย่างเดียว

 

หลัง จากที่มาถึงรีสอร์ทที่ถือเป็นบ้านหลังที่สองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  อูยองก็เก็บของเข้าห้องให้เป็นที่เป็นทาง แล้วก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมจะเดินลงไปเล่นรับลมแถวๆริมทะเลให้ชื่นใจซะ หน่อย แต่ด้วยความที่ว่าช่วงนี้เป็นช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีเหมือนที่เกาหลี อากาศก็เลยเย็นๆหน่อย อูยองเลยเสียใจนิดหน่อยที่มาทะเลทั้งที แต่ก็ไม่ได้ลงเล่นน้ำทะเล    ก็ถือซะว่ามาเอาบรรยากาศก็แล้วกัน   ทะเลที่นี่สวย หายทรายก็ช่างขาวสะอาดตา น้ำทะเลสีฟ้าคราม บวกกับท้องฟ้าสดใสมันช่างสดชื่น แล้วก็รู้สึกผ่อนคลายจริงๆ ที่มาที่นี่ อูยองไม่ได้ตั้งใจจะหนีใคร ไม่ได้จะหนีใจตัวเองด้วย           แค่อยากมาที่นี่ เพราะคิดถึงบ้านหลังที่สองเท่านั้นเอง  แล้วก็กะว่าจะมาช่วยพี่แทคยอนดูแลความเรียบร้อยซะหน่อย ถึงพี่แทคยอนจะสั่งห้ามอูยองก็จะช่วย   อูยองเดินเล่นริมหาดได้สักพักก็เดินไปหยิบไม้ยาวๆมา เพื่อที่จะเขียนชื่อตัวเองลงผืนทรายขาว ถ้ามาแล้วไม่ได้เขียดเขียนอะไรลงไปบนผืนทรายมันก็จะไม่ใช่นิสัยของอูยองหน่ะ สิ หลังจากเขียนชื่อตัวเองเสร็จก็กำลังจะเขียนชื่อ “นิชคุณ” ลงไป แต่เขียนลงไปยังไม่ทันเสร็จก็รีบลบออก พลางพึมพำออกมาคนเดียว

 

“ทำไมต้องเขียนชื่อคนนิสัยไม่ดีลงไปด้วย!”

 

อีกจุดประสงค์นึงที่อูยองต้องหนีมาไกลๆก็เพราะอยากจะมาทบทวนกับตัวเองให้ดีๆ ว่าเขาจะกลับไปคบกับพี่คุณจริงๆเหรอ  จะเชื่อใจได้มากน้อยแค่ไหนก็ไม่รู้

 

“ฮึ!!ทำไมต้องคิดถึงคนนั้นด้วย!”

 

อู ยองหงุดหงิดให้กับตัวเอง ทั้งๆที่หนีมาไกลขนาดนี้แล้วก็ยังไปคิดถึงพี่คุณอยู่อีก    อูยองใช้ไม้เขี่ยๆทรายเพื่อระบายความหงุดหงิดก่อนจะนั่งยองๆเก็บก้อนหินก้อน เล็กๆมาเรียงเป็นชื่อ

“นิชคุณ”  แต่สุดท้ายสองมือเล็กก็ช่วยกันเขี่ยทำลายชื่อนั้นออกไป  แล้วอูยองก็นั่งลงบนพื้นทราย ถอดรองเท้าแตะออกแล้วยื่นเท้าออกไปรอให้คลื่นทะเลขึ้นมาซัด พอคลื่นลูกแรกขึ้นมาซัด

 

“หูย~ หนาวดีจังเลยแฮะ”  แล้วอูยองก็หัวเราะ เอิ๊กอ๊ากออกมาชอบอกชอบใจ พอโดนน้ำสัมผัสเท้าอูยองรู้สึกว่ามันก็รู้สึกดีเหมือนกันนะถึงน้ำจะเย็นไป หน่อยก็เถอะ  แต่แล้วคลื่นลูกนั้นก็ได้หายไป ความรู้สึกดีเมื่อสักครู่ก็จางหายไปด้วย   ความรักของพี่คุณจะเป็นแบบนี้หรือเปล่า มาให้รู้สึกดีแล้วก็จะจากไปอีกเหมือนเดิมที่เคยทำกับเขาหรือเปล่า  คนที่เคยกล้าทิ้งกันไป ถ้าจะทิ้งกันอีกเป็นรอบที่สองมันก็คงทำได้ไม่ยากหรอกนะ เพราะเคยมีครั้งแรกไปแล้ว         ทิ้งด้วยเหตุผลที่งี่เง่าด้วยซ้ำ พูดมาได้ว่าไปมีคนใหม่ เพื่อจะได้ทำให้มีสมาธิเรียน แล้วก็จะได้รีบกลับมาหากัน!!

 

“คนงี่เง่า! งี่เง่าๆๆๆพี่คุณงี่เง่าที่สุดเลยยยยย!!!”   อูยองตะโกนระบายออกมาดังๆไม่เกรงใจใคร เพราะยังไงซะหาดทรายตรงนี้มันก็เป็นพื้นที่ส่วนตัว

 

“อ้าวคุณหนูอูยองมาคนเดียวเหรอครับ?”    เสียงชายวัยกลางคนถามอูยองเป็นภาษาญี่ปุ่น  อูยองฟังญี่ปุ่นออก เพราะภาษาญี่ปุ่นเป็นภาษาที่สามของอูยอง

 

“ครับ..ผมมาคนเดียว”  อูยองตอบเป็นภาษาญี่ปุ่นก่อนจะหันไปมองทางต้นเสียง

 

“เห้ยย!! พี่คุ….”  อูยองเกือบจะเผลอหลุดปากเรียกพี่คุณออกมาแต่ก็ต้องหยุดไป

 

“หืม? เมื่อกี้จะเรียกพี่อะไรนะครับ?” นิชคุณกระตุกยิ้ม แล้วโน้มตัวลงไปถามคนที่นั่งแบะอยู่บนผืนทรายอีกครั้ง

 

“ไหน ลองพูดอีกทีซิครับ”

 

อูยองรีบหันหน้าหนีไมพูดไม่จาอะไร แล้วก้มหน้าก้มตาเขี่ยทรายเล่นแก้เขิน นิชคุณย่อตัวลงไปนั่งยองๆข้างๆเด็กน้อยที่กำลังเขี่ยทรายเล่น แล้วก็ยิ้มให้ แต่อูยองไม่ยอมหันมามองหน้าเขาเลยสักนิด เอาแต่ก้มหน้าหลบงุดๆ

 

“พี่คุณอยากได้ยินอีก เมื่อกี้เรียกว่าพี่อะไรน้า~”

 

“หึ! เปล่าเรียกซะหน่อย หูแว่วเองต่างหากล่ะ แล้วทำไมต้องดัดเสียงซะแก่เลย ผมก็นึกว่าเป็นคุณลุงที่ดูแลที่นี่ซะอีก”

 

“ก็เห็นนั่งเล่นทรายอยู่คนเดียว นึกว่าเด็กที่ไหน ที่แท้ก็คุณหนูอังอังนี่เอง~~”

ที่จริงแล้วนิชคุณแอบยืนซุ่มดูอูยองอยู่สักพัก ก่อนหน้านี้อูยองตะโกนอะไรไปเขาได้ยินหมดนั่นแหละ

 

“ก็ผมเคยบอกแล้วไงว่าไม่ให้เรียกหนูอังๆๆ!!!!! ให้แค่แม่นมเรียกอ่ะ!!!!”   อูยองโมโหจนใช้กำปั้นทุบลงผืนทรายรัวๆ

 

“อ่า…โอเคๆ ไม่เรียกก็ไม่เรียกครับ”   นิชคุณต้องยอม ไม่อย่างงั้นเด็กที่นั่งแบะอยู่ตรงผืนทรายตอนนี้ก็คงจะไม่เลิกใช้กำปั้นทุบทราย เดี๋ยวทรายตรงนี้ได้เป็นหลุมกันพอดี

 

“แล้วรู้ได้ยังไงครับว่าผมอยู่ที่นี่!”

 

“จะรู้ได้ไงก็ช่างเถอะ ลุกขึ้นมาก่อนเถอะเราอ่ะ อากาศเย็นแบบนี้มานั่งตากลม แล้วก็นั่งให้คลื่นซัดเท้าเล่นเนี่ยนะ”      นิชคุณลุกขึ้นแล้วรั้งข้อมือเด็กดื้อให้ลุกขึ้นตาม มือหนารีบเอื้อมก็ไปปัดทรายออกจากกางเกงออกให้ทันที

 

“ดูซิเลอะหมดแล้ว ไหนแบมือมาให้พี่คุณดูหน่อย”

 

อู ยองมุ้ยหน้าใส่อีกคนแล้วทำปากบ่นมุบมิบอยู่คนเดียว ทำไมถึงต้องทำเหมือนเขาเป็นเด็กๆด้วยล่ะ แต่ถึงอย่างงั้น     อูยองก็ชูมือทั้งสองข้างยกขึ้นสูงๆแกล้งยื่นมือที่เลอะทรายเข้าไปใกล้ๆหน้า คนที่ขอดูมือ จนนิชคุณต้องเอียงหน้าหลบ

 

“นี่! ทำแบบนี้เดี๋ยวทรายก็…”

 

“ฮือออ”

 

พูดยังไม่ทันขาดคำมันก็เป็นอย่างที่เขาว่าจริงๆ ลมทะเลพัดเอาผงทรายที่ติดอยู่บนมือจนปลิวเข้าตาของเด็กแสบจนได้ จะสมน้ำน่าหรือจะสงสารดีล่ะ   ด้วยความเคยชินอูยองก็รีบยกมือขึ้นมาขยี้ตาตัวเอง

 

“อย่า!! อย่าเอามือไปขยี้ตาตัวเองสิอูยอง อยู่เฉยๆ มานี่พี่คุณดูให้”

เสียงทุ้มรีบเอ่ยดุทันที แล้วประครองใบหน้ามนให้เงยขึ้นมา นิ้วเรียวค่อยๆเปิดเปลือกตาคนตัวเล็กขึ้นดู แล้วก็โน้มตัวลงไปใกล้ๆเพื่อที่จะดูให้ถนัดๆ แต่อูยองรู้สึกว่าพี่คุณจะเอาหน้าเข้ามาใกล้จนเกินไป จมูกโด่งๆของพี่คุณห่างจากแก้มอูยองไม่กี่เซน อูยองสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆที่หายใจเข้าหายใจออกรดแก้มตัวเอง  มันใกล้ซะจนอูยองรู้สึกว่าหัวใจตัวเองเต้นไม่เป็นจังหวะอีกแล้ว  คนตัวเล็กรีบเอียงหน้าหลบก่อนที่หัวใจตัวเองจะเต้นหลุดออกมาข้างนอก

 

“อย่าดิ้นสิครับ อยู่เฉยๆ คนหล่อจ้องตาแค่นี้ถึงกับเขินเลยเหรอ? หืม”    นิชคุณหัวเราะออกมาเบาๆให้กับคนที่กำลังเขินหน้าแดงแถมยังมีท่าทีเก้ๆกังๆทำตัวไม่ถูก

 

“ปะ เปล่าเขินซะหน่อย~  ลมมันเข้าตา ผมแสบตาก็เลยต้องดิ้น”

 

นิชคุณก็ได้แต่ยิ้มให้กับเด็กที่กำลังแถไปเรื่อยเปื่อย

“อ่า..เหรอครับ~  งั้นอยู่เฉยๆก่อนนะ ให้พี่คุณดูให้แป้บนึง”

 

มือหนาเชยคางให้อูยองเงยขึ้นอีกครั้ง แล้วจ้องลงไปสำรวจที่ดวงตาของเด็กดื้ออีกรอบนึง พอใบหน้าหล่อๆของอีกคนจ้องเข้ามาใกล้ๆ      อูยองรู้สึกเขินๆมือไม้ไม่รู้จะเอาไปวางไว้ที่ไหนจนรีบคว้าเอาชายเสื้อของอีกคนมาเกาะเอาไว้แน่น  นิชคุณต้องกลั้นขำอยู่ในใจ เพราะนอกจากจะเกาะเสื้อเขาไว้แน่นแล้วอูยองกรอกตาไปมาไม่ยอมมองตาเขาเลยสักนิด รู้หรอกว่าเขินจะแย่อยู่แล้ว

 

“อูยองมองตาพี่คุณ! แล้วก็ไม่ต้องกรอกตาไปมา!”  นิชคุณเอ่ยดุปนขำ

 

“ม..ไม่..”

 

“ไม่ต้องดื้อได้ไหม!”

พอโดนดุอูยองถึงได้ยืนนิ่งๆยอมสบตาคมคู่นั่นแต่โดยดี มือเล็กก็ยิ่งกำชายเสื้ออีกคนแน่นเข้าไปใหญ่

 

“เด็กดื้อซนจนได้เรื่องเลยเห็นไหมล่ะ”

พอ ตรวจดูดวงตาของอูยองเสร็จแล้วค่อยหายใจออกมาอย่างโล่งใจหน่อย   โชคดีที่เป็นแค่เศษฝุ่นเล็กๆ แค่ล้างน้ำออกก็ออกแล้ว  นิชคุณเปิดกระเป๋าแล้วคว้าเอาขวดน้ำออกมาแล้วก็จัดการล้างตาเอาเศษฝุ่นออก ให้เรียบร้อยก่อนจะคว้ามือเล็กมาทีละข้างแล้วก็ค่อยๆปัดทรายออกให้

 

“เป็นเด็กซนก็อย่างงี้แหละ จะแกล้งคนอื่นแต่ตัวเองก็โดนเอง ทีหลังอ่ะอย่าซน!”

 

แขนล่ำๆถูกตีลงด้วยฝ่ามือเล็กแรงๆ  “ผมไม่ใช่เด็กแล่ว! ทำไมชอบว่าผมเด็กอยู่เรื่อยเลย”

 

มือหนาทั้งสองข้างยกขึ้นมาหยิกแก้มของเด็กดื้อด้วยความหมั่นเขี้ยว  “ก็แบบนี้ไงล่ะ เขาเรียกว่าเด็ก ถึงอายุจะเยอะแล้ว โตขึ้นแล้ว แต่ยังไงอูยองก็เป็นเด็กดื้อในสายตาพี่คุณอยู่ดี”

อูยองจับมือคนที่กำลังหยิกแก้มของตัวเองอยู่แล้วดึงออก แต่นิชคุณก็ยังไม่ยอมปล่อยมือออกจากแก้มนิ่มของเด็กดื้อ   ยิ่งอูยองพยายามจะดึงมือเขาออก แก้มอูยองก็ยิ่งยืดออกตามแรงดึงเท่านั้น  นิชคุณเห็นภาพเด็กแก้มยืดที่ยืนอยู่ตรงหน้าก็ได้แต่ขำอย่างพอใจ

 

“ปล่อยแก้มผม! เอามือออกไปเลย!”

 

“อูยองก็ปล่อยมือพี่คุณออกก่อนสิ”

ก่อนอูยองจะปล่อยมือออก ก็ฉวยโอกาสหยิกลงไปแรงๆที่มือทั้งสองข้างของคนขี้แกล้ง ทั้งหยิกทั้งกัดริมฝีปากล่างใส่อย่างหมั่นไส้!

 

“คุณเจ็บนะเนี่ย เดี๋ยวจะโดนตี!”

 

“ก็แกล้งผมก่อนทำไมล่ะ!”

 

“เอาล่ะๆ พี่คุณจะไม่ทะเลาะกับเด็กดื้อแล้ว แล้วนึกยังไงถึงได้มานั่งตากลมหนาวๆอยู่แบบนี้คนเดียวหึ้ม เดี๋ยวไม่สบายกันพอดี”

 

“บ่น บ่น บ่น มาถึงก็บ่นเป็นคนแก่เลย!!! ที่นี่ก็บ้านของผมอีกหลังนึงนะทำไมผมจะนั่งเล่นคนเดียวไม่ได้!”

 

“พี่คุณไม่ได้บ่น แล้วรู้ไหมว่าพี่คุณเป็นห่วงอูยองแค่ไหน พี่คุณรู้แค่ว่าอูยองไม่เคยไปไหนมาไหนคนเดียวไกลๆ กลัวจะไปหลงที่ไหน กลัวจะมีคนมาทำมิดีมิร้าย พี่คุณกลัวไปสารพัด ทีหลังจะไปไหนมาไหนให้บอกพี่คุณด้วย ไม่ใช่หนีไปดื้อๆ ตกลงไหม?”   เสียงเข้มเอ่ยดุแต่คำพูดที่เปล่งออกมาก็ล้วนแต่แสดงความเป็นห่วงอูยองทั้งนั้น

 

“…..”   คนโดนดุเอาแต่ก้มก้มตาหน้าจนคางชิดอก ปากก็เบะลงเป็นสระอิอยู่แล้ว แก้มก็ยิ่งป่องออก

 

“โอเค…โอเค…พี่คุณขอโทษครับที่ดุ แต่พี่คุณเป็นห่วงอูยองจริงๆ”    เสียงทุ้มที่เอ่ยดุเมื่อสักครู่ต้องยอมอ่อนลงเพราะเห็นเด็กดื้อทำหน้าเหมือนจะร้องไห้

 

อูยองรู้สึกหัวใจอุ่นวาบขึ้นมายังไงก็ไม่รู้   ก็ไม่คิดว่าจะเป็นห่วงกันถึงขนาดตามมาถึงที่นี่

“รู้แล้วน่า!~”    คนที่โดนดุเอ่ยออกมาเสียงเบา

 

“แล้วไม่หนาวเหรอครับ? หื้ม?”   นิชคุณถามพลางควานหาผ้าพันคอที่เอาติดกระเป๋ามาแล้ว เอาค่อยๆพันให้กับเด็กดื้อ

 

“ใส่ให้ทำไม ผมไม่หนาวสักหน่อย”

นิชคุณยืนมองคนที่บอกไม่หนาวก็ได้แต่กลั้นขำ จะขำกร๊ากออกมาก็กลัวจะโดนอูยองงอนอีก   ดูสิปากบอกไม่หนาวๆ แต่ยืนตัวสั่นแถมยังขนลุกซู่ อากาศเย็นๆอยู่แล้ว ยิ่งเจอลมทะเลเข้าไปจะไม่หนาวได้ยังไง

 

“เด็กปากแข็ง พี่คุณไม่ยักจะรู้ว่าอากาศเย็นทำให้คนปากแข็งได้ด้วย”

 

นิ้วเรียวหยิกเบาๆลงไปที่จมูกเย็นๆของคนที่บอกไม่หนาวด้วยความหมั่นเขี้ยว ก่อนจะเดินจูงมืออูยองเดินชมวิว       ริมหาดเคียงคู่กันไป

 

“ก็ผมชอบอากาศหนาว ไม่รู้เหรอครับ?”

 

“พี่คุณรู้ครับ รู้ดีด้วย แต่ห่วงตัวเองด้วย ถ้าไม่สบายขึ้นมาแล้วจะยุ่ง ชอบทำให้พี่คุณเป็นห่วงอยู่เรื่อยเลยเรา แล้วทำไมถึงต้องหนีมาที่นี่คนเดียวครับ? อยู่ๆก็หายไปรู้ไหมว่าพี่คุณตกใจแค่ไหน  อูยองโกรธอะไรพี่คุณรึเปล่า”

นิชคุณถามออกไปตรงๆ เพราะเขารู้สึกไม่สบายใจที่รู้ว่าอูยองหนีมาต่างประเทศคนเดียว เพราะกลัว…กลัวว่าอูยองจะรำคาญที่เขาตามตื้อตามง้อ จนอูยองต้องหนีหน้าเขา

 

“เปล่านี่ครับ ผมจะไปโกรธเรื่องอะไรล่ะ หรือว่าร้อนตัว ไปทำอะไรไว้ให้ผมต้องโกรธรึเปล่าล่ะครับ?”

 

“ใครจะไปกล้าทำอะไรอีกล่ะครับ”

นิชคุณบอกแล้วก็ขำออกมา ตามง้อยากขนาดนี้ถ้าขืนไปทำวีรกรรมอะไรไว้อีกรับรองอูยองไม่ยอมเจอหน้าเขาอีกตลอดชีวิตแน่ๆ

 

“งั้นก็แล้วไปครับ”

 

นิชคุณสัมผัสได้ถึงความเย็นจากมืออูยองมันเริ่มเย็นขึ้นเรื่อยๆ จมูกแล้วก็แก้มก็เริ่มแดงขึ้นมาอีก แถมอูยองยังดู        จะตัวสั่นเพราะความหนาว ก็เล่นไปนั่งให้น้ำทะเลซัดขนาดนั้นไม่หนาวก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว  ก็เลยรีบถอดเสื้อคลุมของตัวเองออกแล้วยื่นให้อูยอง

 

“ท่าทางจะหนาวนะ อูยองใส่ไว้สิ”

 

อูยองลังเลที่จะรับเสื้อ เพราะพี่คุณถอดเสื้อคลุมออกก็เหลือเพียงแค่เสื้อยืดตัวเดียว อากาศก็ยิ่งเย็นๆอยู่ด้วย

 

“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ได้หนาวขนาดนั้น”

 

นิชคุณหยุดเดินแล้วก็เป็นคนใส่เสื้อคลุมให้อูยองด้วยตัวเอง อูยองขัดขืนนิดหน่อยแต่สุดท้ายก็ต้องยอมยืนนิ่งๆให้อีกคนใส่สวมเสื้อคลุมให้ เพราะอูยองก็หนาวจริงๆนั่นแหละ

“แล้ว พี่คุณไม่หนาวเหรอครับ”   อูยองถามออกมาเบาๆก่อนจะเม้มปากแน่นด้วยความเขินอาย นานแค่ไหนแล้วล่ะที่เขาไม่ได้เอ่ยชื่อพี่คุณออกมา

 

“ว่าไงนะครับ?”   นิชคุณยิ้มแล้วก็แกล้งเป็นคนหูตึกเพราะอยากได้ยินอูยองเรียกพี่คุณอีกครั้ง

 

“ผมถามว่าไม่หนาวเหรอครับ”   อูยองยังปากแข็งที่จะไม่เรียกพี่คุณ ก็มันเขินนี่นา

 

“พี่คุณไม่เป็นไร ไม่หนาวเท่าไหร่ครับ เมื่อกี้หูแว่วเหมือนได้ยินอะไรพี่คุณๆมันก็รู้สึกอุ่นขึ้นมาแล้วล่ะ”

 

อูยองรู้ดีว่าพี่คุณก็ปากแข็งใช่ย่อย พี่คุณก็คนนะไม่ใช่คนเหล็กที่จะไม่หนาว  แต่ก็แล้วแต่นะเจ้าตัวบอกเองว่าไม่หนาว อูยองก็จะรอดูว่าจะทนได้สักเท่าไหร่

 

“ผมอยากรู้จริงๆนะครับว่าทำไมถึงตามผมมาที่นี่ถูก”

อูยองช้อนตามอง แววตานั้นออดอ้อน แบบนี้นิชคุณเรียกง่ายๆว่าการเค้นเอาคำตอบแบบน่ารักน่าหมั่นเขี้ยว    นิชคุณก็เลยต้องยอมใจอ่อนบอกไปโดยปริยาย

 

“พี่คุณรู้จากพี่ชายเรา”

 

อูยองขมวดคิ้วอย่างงุนงงว่าพี่แทคยอนกับพี่คุณไปญาติดีกันตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอ

 

“พี่แทคยอนเนี่ยนะครับ?”

 

นิชคุณยักคิ้วพร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์ให้ ก็เหลือทางเลือกเดียวแล้ว ถามแม่นมของอูยองก็ไม่รู้

ถามจุนโฮผู้รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเพื่อนสนิทที่ชื่อจางอูยอง จุนโฮก็ไม่รู้ ก็เลยตัดสินใจไปหาแทคยอนที่บริษัท ถึงจะต้องรอให้แทคยอนประชุมเสร็จ นานหน่อยเขาก็รอเพื่อที่จะเอาคำตอบ   ตอนแรกแทคยอนก็จะไม่ยอมตอบหรอกนะ แต่พอเขาบอกว่าเขาจะมาตามง้ออูยองอย่างจริงจังและจริงใจ อย่าปิดกั้นกันเลย แทคยอนถึงได้ยอมบอก  แล้วแทคยอนยังบอกกับเขาอีกว่า อูยองเป็นคนใจแข็ง  ข้อนี้นิชคุณรู้ดี แล้วมีข้อสำคัญอีกข้อนึงคือ แทคยอนบอกว่าอูยองก็ไม่ได้ปิดกั้นเขา แต่แค่อูยองยังคิดถึงแต่เรื่องเดิมๆที่ไม่ดี มันก็เลยทำให้อูยองยังไม่กล้าเปิดใจยอมรับ เพราะ  อูยองเป็นคนขี้กลัว   เพียงแค่นั้นแหละนิชคุณรู้สึกมีแรงฮึดสู้ขึ้นมายิ่งกว่าเดิม

 

“ใช่ครับ พี่คุณไปหาพี่ชายของอูยองมา”

 

“แล้วพี่แทคยอนไม่ว่าอะไรเหรอครับ ไม่ได้โดนต่อยใช่ไหม”   อูยองถามแล้วก็มองสำรวจไปทั่วไปหน้าหล่อๆว่ามีรอยช้ำอะไรตรงไหนหรือเปล่า แล้วก็ขำออกมา เพราะพี่คุณก็ไปสร้างวีรกรรมเยอะซะเหลือเกิน เกือบจะโดนพี่ชายเขาต่อยหน้ามาแล้วก็ตั้งหลายครั้ง นี่ไปเจอพี่ชายเขาตัวต่อตัวกลับมาในสภาพหน้าดีก็ถือว่าเป็นบุญแล้วล่ะ

 

“ก็เกือบๆหน่ะ”    นิชคุณว่าแล้วก็ขำออกมา

 

“จริงเหรอครับ แค่เกือบๆเองเหรอ น่าจะโดน…”    อูยองทำท่าชูกำปั้นขึ้นมาแล้วแกล้งเหมือนจะต่อยเข้าหน้าของหล่อๆของนิชคุณจริงๆ  มือหนารีบยกขึ้นมากุมกำปั้นน้อยๆเอาไว้ แล้วจูบลงเบาๆเป็นการลงโทษเด็กดื้อ โทษฐาน     ขี้แกล้ง

 

“โดนอะไร หืมเด็กดื้อ”

 

“ปะ ปล่อย~”    มือเล็กพยายามแกะมือใหญ่ออกจากมือตัวเอง นิชคุณเห็นความพยายามบิดข้อมือไปมาของอูยองจนต้องรีบปล่อยเพราะกลัวข้อเมือเล็กนั้นจะหักเอาซะก่อน

 

“หนาวไหมครับ?”     อูยองถามออกมาเสียงเบา เพราะที่สัมผัสมือพี่คุณเมื่อสักครู่นี้ มือพี่คุณเย็นเฉียบ อูยองมั่นใจว่าพี่คุณไม่ได้มือเย็นเพราะความเขินอายที่จูบลงมือเขาเมื่อสักครู่หรอก แต่พี่คุณน่าจะมือเย็นเพราะหนาวมากกว่า

 

“พี่คุณไม่หนาวเลยสักนิด”

 

นิ ชคุณยิ้มให้ คำถามที่อูยองถามออกามันทำเอาเขาอุ่นจนไปถึงขั้วหัวใจเลยล่ะ    มือเล็กเอื้อมไปผสานกับมือหนาของอีกคนแล้วกระชับให้แน่นยิ่งขึ้น  ก่อนจะช้อนตาขึ้นไปมองคนตัวสูงพร้อมกับส่งยิ้มให้  พอนิชคุณได้เห็นรอยยิ้มที่ยิ้มให้อย่างจริงใจจากอีกคน ทำให้รู้สึกว่าตัวเองเขินอย่างบอกไม่ถูก ปกติตัวเองเป็นคนรุกจีบอูยองหนักมาตลอด          แต่อูยองก็เหมือนจะนิ่งเฉย แต่พอได้รอยยิ้มนี้แล้วมันทำให้รู้สึกหัวใจเริ่มมีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง  มือหนาอีกข้างที่ว่างยกขึ้นไปขยี้หัวคนตัวเล็กด้วยความหมั่นเขี้ยวแล้วส่ง ยิ้มให้อย่างอบอุ่น และอ่อนโยน

 

“ว่าแต่คนอื่นปากแข็ง ตัวเองก็ปากแข็งเหมือนกันนั่นแหละ”   อูยองอู้อี้ออกมาเบาๆ

 

“ก็พี่คุณหนาวกาย แต่อุ่นใจได้ไหมล่ะ”

 

“เราเข้าไปนั่งจิบชาอุ่นๆที่ล็อบบี้กันดีกว่านะครับ เดินไม่ไหวแล้ว หนาว~”

อูยองอมยิ้มแล้วรีบเปลี่ยนประเด็นแก้เขิน นิชคุณเห็นเด็กแก้มแดงก้มหน้างุดๆ ชักจะไม่แน่ใจแล้วว่าแก้มแดงเพราะหนาวหรือเพราะเขินกันแน่

….

….

“สุขใดเล่าจะเท่าได้นั่งจ้องหน้าอูยองคนน่ารัก”

 

อูยองที่กำลังจิบน้ำชาอยู่ได้ยินอีกคนพูดคำเสี่ยวๆเลี่ยนๆที่คนตรงหน้าออกมาก็แทบจะสำลัก

“ไปฝึกเล่นมุขเสี่ยวๆมาตั้งแต่เมื่อไหร่กันครับ”

 

“ก็เปล่า ฝึกเฝิกที่ไหนกันล่ะ พี่คุณพูดออกมาตามความจริงต่างหาก”

 

อูยองอมยิ้มแล้วก้มหน้าก้มตาจิบชาแก้เขิน เชื่อแล้วล่ะว่าพี่คุณเป็นคนใหม่ เมื่อก่อนเคยเล่นที่ไหนกันล่ะมุกเสียวๆเลี่ยนๆแบบนี้

 

“แล้วนี่ไม่ทำงานรึไงครับ ถึงได้บินตามมา”

 

“ยังครับ ยังไม่ว่างรับเคสใหม่ ตอนนี้ต้องมารักษาหัวใจของใครบางคนแถวๆนี้หน่ะ”   นิชคุณยิ้มแล้วยักคิ้วให้

 

อูยองแกล้งทำเป็นหูทวนลมนั่งจิบชาหน้าตาเฉย ก่อนจะชวนเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่น

“แล้วพักที่ไหนครับ?”

อูยองมั่นใจมากว่าพี่คุณไม่ได้พักที่รีสอร์ทนี้ เพราะที่นี่เต็มไปตั้งนานแล้ว   พอพูดถึงเรื่องที่พักนิชคุณถึงพึ่งจะนึกขึ้นได้ว่าตัวเองก็ยังหาที่พักไม่ได้

 

“พี่คุณยังไม่รู้เลยครับ  เดี๋ยวค่อยไปเดินหาตอนดึกๆ”

 

“ไม่ได้ครับ! ไปหาที่พักเดี๋ยวนี้เลย แถวนี้มันหาที่พักยากนะ!!”

อูยองตะหวาดใส่เสียงดัง พี่คุณไม่รู้อะไรซะแล้ว แถวๆนี้หาที่พักยากจะตายไป เพราะเป็นย่านดังของที่นี่ คนก็ย่อมมาพักกันเยอะอยู่แล้ว ที่พักแถวๆนี้ถูกจองเต็มตลอดนั่นแหละ แล้วนี่พี่คุณมาจะมาหาที่พักเอาข้างหน้าคิดผิดแล้วล่ะ

 

“ยังอีกนะครับ!”   อูยองเห็นพี่คุณนั่งจิบชาอย่างสบายใจไม่เดือดไม่ร้อนก็เลยต้องเอ่ยดุอีกครั้ง

 

“ก็พี่คุณยังอยากนั่งจิบชากับอูยองต่อนี่ครับ”

 

“ยัง….!!”    อูยองเอ่ยออกมาเสียงเรียบแล้วมองหน้านิชคุณด้วยสีหน้าโกรธๆ

 

“ครับๆ พี่คุณไปแล้วก็ได้”

ก่อนจะเดินออกมามือหนาหยิกแก้มนิ่มคนที่กำลังนั่งทำหน้าโกรธ ด้วยความหมั่นเขี้ยว อูยองบทจะดุ ก็ดุจะจนเขาต้องยอมทำตามคำสั่ง

 

ร่างสูงเดินย่องเบามาทางด้านหลังแล้วเกาะไหล่อูยอง ก่อนจะกระซิบเบาๆข้างหู

“ถ้าหาไม่ได้พี่คุณขอนอนด้วยได้ไหมครับ”

 

คนตัวเล็กสะดุ้งเฮือก ก่อนจะหันไปมองค้อนใส่คนขี้แกล้ง  “มะ ไม่ได้ครับ!! ไปเลย! ไปหาที่พักเองเลย!”

 

TBC…

Talk

ใกล้แล้วน้า~~ใกล้ดีกันแล้ว อูยองหลุดเรียก “พี่คุณ” ตั้งสองรอบแหน่ะ แต่เด็กดื้อยังปากแข็งอยู่ ยังไม่กล้าเรียกเต็มๆปากเต็มๆคำสักที  พี่คุณก็ขยันจีบ ขยันหยอด ตามง้อมาก ก็คนมันรักอ่ะเนอะ

พี่คุณจะหาห้องพักได้รึเปล่า จะได้นอนกับเด็กดื้อรึเปล่าน้า~

“ขอบคุณทุกๆคอมเม้นท์เลยนะคะ^^”

 

[Fic khunwoo] Love and hate 11

Title:Love and hate 11

Couple: KhunWoo

Writer: ilovekw

Rate : PG 

Gente :  Romantic

 

สามวันถัดมา

 

นิชคุณยังคงไม่หายสงสัยเกี่ยวกับเรื่องอูยองกับคุณมิงกิ นั่งคิดแล้วคิดอีกว่าอูยองจะไปมีคนใหม่จริงๆเหรอ นั่งคิดนอนคิดสามวันนอนรวมๆกันนับแล้วได้ประมาณ 24ชั่วโมงได้ ถ้าเกิดนิชคุณจะบอกว่าคิดถึงคนที่มีแฟนแล้วเขาจะผิดไหม? นิชคุณทะเลาะกับตัวเองมานานหลายวันจนสุดท้ายเขาก็ทนคิดถึงอูยองไม่ได้ แล้วก็กดเบอร์โทรออกไปหาอูยอง  นิชคุณรู้สึกใจเต้นตุ้มๆต่อมๆอย่างบอกไม่ถูก ลุ้นว่า       อูยองจะรับโทรศัพท์ไหม

 

ส่วนทางอูยองที่กำลังวิ่งเล่นกับมิงกิอยู่ที่สนามหญ้าหน้าบ้านก็ต้องหยุดชะงัก แล้วตาเรียวก็จ้องดูมือถือตัวเองก่อนจะยกยิ้มออกมา และกดตัดสายในที่สุด แล้วก็ไปวิ่งเล่นกับมิงกิต่อ

 

“ถึงกับกดตัดสายกันเลยเหรออูยอง ขอพี่คุณคุยด้วยหน่อยไม่ได้เลยรึไง”

นิชคุณบ่นพึมพัมออกมาอย่างหัวเสีย โทรไปไม่รับนิชคุณก็เลยลองเปลี่ยนมาส่งไลน์แทน อย่างน้อยอูยองก็น่าจะได้อ่านข้อความที่เขาส่งไปหาบ้างล่ะ

 

“อูยองทำอะไรอยู่ครับ เหงาไหม”     เหงาไหม? นิชคุณทวนกับตัวเองอีกรอบ เขาไม่ควรถามคำถามกับอูยองนี้ เพราะอูยองก็เคยบอกแล้วว่ามิงกิไม่เคยทำให้อูยองเหงา จะมีก็แต่เขานี่แหละที่เหงานั่งห่อเหี่ยวอยู่ที่บ้านคนเดียว ก่อนจะลบข้อความที่พิมพ์เมื่อสักครู่ออก แล้วพิมพ์ข้อความใหม่ลงไปแล้วกดส่ง

 

“อูยอง ทานข้าวรึยังครับ”  

 

อูยองยกมือถือขึ้นมาเปิดอ่านข้อความพลางๆเทอาหารให้กับมิงกิ อ่านแล้วก็แค่  ยักไหล่ไปทีนึง  นี่ไม่มีอะไรจะถามแล้วเหรอ ดูเวลาบ้างไหมเนี่ยว่าตอนนี้มันบ่ายสามกว่าๆแล้ว ใครเขาจะมาทานข้าวอะไรในเวลานี้ล่ะ แล้วอูยองก็เลือกที่จะไม่ตอบอะไรกลับไปเลยมือเล็กจิ้มดูรูปโปรไฟล์ของอีกคน เป็นรูปที่เราถ่ายคู่กันเมื่อตอนก่อนที่พี่คุณจะบินไปเรียนต่ออเมริกาประมาณหนึ่งอาทิตย์ อูยองยังจำช่วงเวลานั้นได้ดี ทั้งมีความสุขที่ได้ไปเที่ยวกัน ทั้งยินดีกับพี่คุณเรื่องที่ได้ทุน แต่ก็ยังมีความเศร้าปะปนนิดๆที่อีกคนจะไปต่างประเทศ

catsld

 

พอนิชคุณเห็นว่าข้อความถูกอ่านแล้ว เพียงแค่อูยองยังไม่ตอบอะไรกลับมา ก็เลยส่งไปอีก

 

 

“ช่วงนี้อากาศเย็นขึ้นนะ ใส่เสื้อหนาๆด้วยล่ะ พี่คุณเป็นห่วงนะครับ”

 

อากาศเย็นขึ้นเหรอ? อูยองไม่เห็นจะรู้สึกว่ามันเย็นขึ้นเลยสักนิด แล้วอูยองก็ยังคงอ่านแล้วไม่ตอบอีกอยู่ดีนั่นแหละ

 

“อูยองกำลังทำอะไรอยู่เหรอครับ”

 

ครั้งนี้อูยองยังไม่อ่านแฮะ ไม่รู้ว่ายังไม่ว่างหรือกำลังทำอะไรอยู่ นิชคุณแตะหน้าจอมือถือเลื่อนไปเลื่อนมาเพื่อไม่ให้หน้าจอมืดไป จะได้ดูว่าข้อความถูกอ่านแล้วหรือยัง นิชคุณนั่งจ้องหน้าจอมือถือที่เปิดอยู่หน้าที่กำลังแชทกับอูยองอยู่แบบนั้นนานสามนาที ข้อความก็ขึ้นมาว่า อ่านแล้ว

ไม่ถึงนาทีก็มีข้อความส่งกลับมาจากอูยอง

 

                                                                                  “อาบน้ำกับมิงกิ”

                           แล้วอูยองก็ส่งสติกเกอร์ตัวการ์ตูนที่แสดงสีหน้าเขินๆไปด้วย                            

                                                                                      10430500_10207376370039018_5107749767655639762_n

อูยองหัวเราะคิกคักออกมาชอบอกชอบใจเพราะรู้ว่าถ้าส่งข้อความนี้ไปนิชคุณคงต้องอกแตกตายแน่ๆ แต่อูยองก็ตอบตามความจริงนี่นา เมื่อกี้ไปวิ่งเล่นกันมาจนได้เหงื่อ อูยองแค่อยากจะอาบน้ำ   แล้วก็จับมิงกิมาอาบน้ำด้วยกันจริงๆตอนนี้อูยองกับมิงกิกำลังนั่งแช่น้ำอุ่นๆ อยู่ในอ่างจากุชชี่ด้วยกัน ไม่ได้โกหกเลยสักนิด

 

 

ทันทีที่นิชคุณได้อ่านข้อความที่อูยองส่งกับมา มือไม้สั่นไปหมด มือถือก็แทบร่วงจากมือ หัวใจแทบจะหยุดเต้นทันที

 

“หืม? กะ กำลังอาบน้ำด้วยกันเลยเหรอ?????”

นิชคุณอุทานออกมาแบบตะกุกตะกักรู้สึกใจคอไม่ดีอย่างบอกไม่ถูก เอาแต่นึกภาพที่อูยองกำลังอาบน้ำกับไอ้คนนั้นแล้วมันก็ทำให้เขานึกไปถึงช่วงใกล้สอบ เขาจะไปติวหนังสือให้อูยองที่บ้าน แต่อูยองปฏิเสธเพราะไม่อยากให้พี่ชายรู้ว่าตัวเองมีแฟน นิชคุณก็เลยให้อูยองมานอนด้วยที่บ้านแทน จำได้ว่าวันนั้นเขาไปเจ้าเล่ห์ใส่         อูยอง ไปขออูยองอาบน้ำด้วยกัน เป็นครั้งแรกที่เราได้อาบน้ำด้วยกัน อูยองเป็นคนที่เวลาเขินแล้วจะน่ารักน่าแกล้งมากๆ แล้วนี่อูยอง กำลัง….? โอยยย……!!!         นิชคุณยิ่งคิดก็ยิ่งหัวเสียอยู่คนเดียว นิชคุณทนกับความฟุ้งซ่านของตัวเองไม่ไหวจนต้องกดมือถือโทรออกไปหาอูยองอีกรอบ ก็ได้แต่ภวนาให้อูยองรับโทรศัพท์ทีเถอะ

 

 

“ฮัลโหล….”     พอได้ยินเสียงเสียงจากปลายสายตอบรับกลับมานิชคุณอยากจะพนมมือขอบคุณพระเจ้าเหลือเกิน ไม่คิดไม่ฝันว่าอูยองจะยอมรับสายเขาตอนนี้  แต่เสียงที่เปล่งออกมาดังก้องเหมือนอยู่ในห้องน้ำจริงๆ แสดงว่าอูยองคงไม่ได้โกหกเขาว่ากำลังอาบน้ำอยู่ นิชคุณเงียบเพื่อจะฟังเสียงแปลกปลอมเสียงอื่นที่ไม่ใช่เสียงอูยอง ที่อาจจะหลุดลอดมาพอให้เขาได้ยินบ้าง   แต่ก็ไม่มี

 

“อู อูยองอาบน้ำอยู่รึเปล่าครับ?”

 

“ผมก็บอกไปแล้วไงว่ากำลังอาบ มีธุระอะไรรึเปล่าครับ”

 

“ก็ เอ่อ พี่คุณขอเจออูยองหน่อยได้ไหม?”

 

“เราจะต้องเจอกันเรื่องอะไรอีกล่ะครับ”

 

นิชคุณครุ่นคิดอยู่สักพัก สมองตื้อไปหมด เขาไม่รู้ว่าจะต้องตอบอูยองว่าอยากเจอเพราะเหตุผลอะไรดีอูยองถึงจะยอมมาเจอเขา ใช่สิก็ตอนนี้เขาเป็นหมาหัวเน่าไปแล้ว อูยองจะมาสนใจอะไรคนนิสัยไม่ดีอย่างเขาล่ะ

 

“พี่คุณ…แค่อยากเจออูยองได้ไหมครับ ไม่มีเหตุผล”

 

นิชคุณหารู้ไม่ว่าอูยองนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ในอ่างอาบน้ำจากุชชี่ ไหล่เล็กยกขึ้นมาหนีบโทรศัพท์ไว้แนบหูแล้วสองมือก็อาบน้ำให้มิงกิอย่างสบายใจ แต่ด้วยความที่ว่ามิงกินั้นเป็นเด็กดี อูยองชี้นิ้วสั่งมิงกิตั้งแต่ก่อนจะรับโทรศัพท์แล้วว่าห้ามเห่า ห้ามส่งเสียงดังจนกว่าอูยองจะคุยโทรศัพท์เสร็จ ถ้าดื้อจะถูกจับขังล่ามโซ่ไม่ให้ไปวิ่งเล่น

 

“ถ้าอย่างงั้นผมขออาบน้ำเสร็จก่อน จะให้ไปเจอที่ไหนครับ”

 

“แล้วแต่อูยองสะดวกเลยครับ พี่คุณไปหาอูยองได้ทุกที่ครับ”

 

“ให้ผมเลือก ผมก็ไม่สะดวกสักที่ นอกจากที่บ้าน แต่ไม่ให้มาบ้านผมนะ”              อูยองแกล้งกวนประสาทนิชคุณเล่นๆ

 

“กวนนะเราอ่ะ ถ้าอย่างงั้นเจอที่สตาร์บัคโรงพยาบาลที่ประจำของเรานะครับ”

.

.

.

ณ สตาร์บัคโรงพยาบาล มหาวิทยาลัยเกาหลี ที่เก่าที่เดิม ที่ประจำระหว่างนิชคุณกับอูยอง

 

“ผมขอเอสเพรสโซ่มัคคิอาโตหนึ่งแก้ว ช็อคโกแลตครีม แฟรบปูชิโน่หนึ่งแก้ว    แล้วก็เค้กช็อคโกแลตหนึ่งชิ้น บลูเบอร์รี่ชีสเค้กอีกชิ้นครับ”

นิชคุณสั่งไปยิ้มไป ไม่รู้เหมือนกันว่ากับอิแค่สั่งเมนูที่เคยสั่งให้ตัวเองแล้วก็สั่งให้อูยองเหมือนเดิมแบบเมื่อก่อนมันทำให้เขามีความสุขได้มากมายขนาดนี้เลยเหรอ พนักงานรับออเดอร์ยิ้มรับเห็นนิชคุณสั่งไปยิ้มไปก็อดที่จะแซวไม่ได้

 

“วันนี้มีคนทานเค้กให้แล้วเหรอครับหมอคุณ สั่งไปตั้งสองชิ้นแหนะ”

 

“มีแล้วครับ คนเดิมนั่นแหละ”   นิชคุณยิ้มแล้วยื่นบัตรเครดิตให้

 

“โต๊ะเดิม ข้างในสุด ที่ประจำที่คุณหมอทั้งสองคนเคยนั่งกันยังว่างนะครับ ไปนั่งรอได้เลยเดี๋ยวผมเอาไปส่ง”

 

นิชคุณยิ้มรับ พนักงานที่นี่รู้ใจเขาจริงๆ นิชคุณเดินยิ้มหน้าบานออกจากเค้าเตอร์ทันที ก่อนจะเดินถอยหลังกลับมากำลังจะอ้าปากพูด แต่พนักงานก็พูดขึ้นมาก่อน

 

“เดี๋ยวผมจะบอกคุณหมออูยองให้เองครับว่าให้ไปหาที่ไหน”

นิชคุณยกนิ้วโป้งให้ บริการเป็นเลิศขนาดนี้เขาคงต้องให้ทริปหนักๆซะหน่อยแล้วล่ะ

 

ไม่นานอูยองก็เดินเข้ามาที่โต๊ะ มีนิชคุณนั่งจิบกาแฟรออยู่ก่อนหน้านี้แล้ว ร่างสูงรีบลุกขึ้นยกเก้าอี้ออกให้อูยองนั่ง อูยองมองด้วยสีหน้างงๆ แล้วก็รู้สึกแปลกๆ ปกติอูยองจะเป็นคนลากเก้าอี้ออกมานั่งเอง อูยองไม่ได้ต้องการให้ใครมาบริการขนาดนี้หรอก นิชคุณก็น่าจะรู้ดี แต่วันนี้มาแปลกผิดหูผิดตาแต่อูยองก็เลิกสนใจแล้วหันไปสนใจเมนูโปรดที่วางอยู่บนโต๊ะแทนแล้วก็อมยิ้มออกมาน้อยๆ ไม่ยิ้มเยอะเดี๋ยวจะมีใครบางคนได้ใจ

 

“ใครมาส่งครับ?”   นิชเอ่ยถาม แล้วทำหน้าลุ้นกับคำตอบที่อูยองกำลังจะตอบกลับมา

 

“มิงกิครับ”   อูยองตอบแล้วทำหน้านิ่งๆ ก็มันเรื่องจริง วันนี้เขาเอามิงกินั่งรถมาด้วย แล้วก็ให้กลับไปกับคนขับรถที่บ้าน อูยองสังเกตเห็นสีหน้าของนิชคุณก็ดูจะถอดสีด้วยสิตอนนี้ แต่อูยองก็ทำเป็นไม่สนใจ แล้วก็ตักเค้กกินหน้าตาเฉย พร้อมกับยกแก้วช็อกโกแลตขึ้นมาดูดให้ชื่นใจ

 

“อ่า…งั้นเหรอครับ ถ้าอย่างงั้นขากลับพี่คุณขอไปส่งได้ไหม?”

 

“ขอคิดดูก่อนแล้วกันนะครับ แล้วจะบอกอีกที”

 

นิชคุณยิ้มแล้วพยักหน้าให้ ตอนนี้นั่งจิบกาแฟไป จ้องมองอูยองไปรู้สึกวันนี้กาแฟจะอร่อยกลมกล่อมกว่าทุกๆวันยังไงก็ไม่รู้แฮะ อาจจะเป็นเพราะนั่งมองคนที่อยู่ตรงหน้าเพลิน ก็จะไม่ให้เพลินได้ยังไงกันล่ะ ก็ลองนึกภาพดูมีเด็กน้อยแก้มกลมกลุ่มผมสีน้ำตาลหน้าม้าที่เล็ดลอดออกมาจากหมวกไหมพรหมสีน้ำเงิน บวกกับแก้มกลมๆอมชมพูหน่อยๆเพราะอากาศเย็น แล้วก็ปากสีสดที่มองแล้วน่าประทับจูบลงไปให้ชื่นใจ ทุกอย่างรวมกันแล้วคืออูยองน่ารัก น่าทะนุถนอมเป็นที่สุด อูยองก็นั่งกินเค้กไปตามปกติแต่พอรู้ตัวว่าตัวเองโดนอีกคนจ้องแบบไม่ยอมละสายตาก็เลย   กระแอมกระไอนิดหน่อย

 

“เรียกผมมาจะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอครับเอาแต่นั่งจ้อง ไม่อย่างงั้นผมจะกลับบ้านแล้วนะ”

 

“เอ่อ…คือพี่คุณ…พี่คุณ..”   นิชคุณยังคิดไม่ออกว่าจะคุยอะไรกับอูยองดี มีแต่อยากจะบอกอูยองว่ารัก แล้วก็คิดถึงแต่ก็ไม่กล้าบอก เพราะกลัวอูยองรำคาญ แล้วจะไม่ยอมมาเจอเขาอีก อีกอย่าง อูยองก็มีคนรักอยู่แล้ว

 

“มีอะไรอยากจะพูดก็พูดมาเถอะครับ”

 

“งั้นพี่คุณขอถามอะไรตรงๆเลยได้ไหมครับ”

 

“เรื่องอะไรล่ะครับ”

 

“ไปเจอกับมิงกิได้ยังไง” อูยองขำอยู่ในใจ เรื่องนี้มันคาใจพี่คุณมากเลยสินะ ถึงได้กล้าขอถามกันตรงๆแบบนี้ แต่มันก็เป็นตัวตนของพี่คุณนั่นแหละอูยองรู้ดีอยู่แล้วว่าพี่คุณต้องถาม

 

“พี่แทคยอนเป็นคนแนะนำให้รู้จักหน่ะครับ”   มันก็จริงไหมล่ะ ก็พี่แทคยอนเป็นคนซื้อมิงกิมาให้ แล้วก็ตั้งชื่อให้ด้วย ถ้ายังเป็นตาทึ่มไม่รู้ว่ามิงกิเป็นชื่อหมาอูยองก็จะแกล้งนิชคุณต่อไป

 

“แล้วเค้าก็รักอูยองเลยหน่ะเหรอ รักจริงรึเปล่า? ตอนที่เราป่วยอยู่ พี่คุณไม่เห็นจะมาเยี่ยมสักวัน อูยองแน่ใจได้ยังไงว่าเค้ารักเราจริงๆ”

 

อูยองแกล้งทำเป็นวางช้อนที่ใช้ตักกินเค้กเมื่อสักครู่ลงแรงๆกระทบจานกระเบื้องเสียงดังจนนิชคุณต้องสะดุ้งแล้วอูยองก็ยกมือขึ้นมากอดอกมองนิชคุณหน้านิ่งๆ

 

“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันนะครับว่าเค้าจะรักจริงรึเปล่า ขนาดคนที่ผมมั่นใจว่าคนนั้นรักผมมาก ก็ยังเคยทิ้งผมเลยนี่ครับ จริงไหม?”   อูยองไม่แน่ใจว่าตัวเองกำลังเล่นแรงไปหรือเปล่า เพราะตอนนี้พี่คุณดูหน้าซีดลง ดวงตากลมโตคู่นั่นก็ดูเหมือนจะเศร้าลงด้วย

 

คำพูดที่อูยองเปล่งออกมา มันเหมือนหมัดที่มาต่อยตรงท้องนิชคุณรัวๆ จุกจนแทบจะพูดอะไรต่อไม่ได้

 

“แต่ว่าพี่คุณทำเพื่อพี่คุณแล้วก็อูยองจริงๆนะ จะเรียนจบเป็นหมอศัลย์เฉพาะทางภายในปีเดียวมันยากนะ แต่พี่คุณก็ทำมันได้ แล้วก็จะได้กลับมาหาอูยองเร็วๆ ดีกว่าไปอยู่อเมริกาสองปีสามปีไม่ใช่เหรอ”

 

มันก็มีส่วนที่อูยองเห็นด้วยบ้างว่าจะได้รีบเรียนรีบจบ แล้วรีบกลับมาหาเขา แต่พี่คุณก็ไม่น่ามาทำร้ายจิตใจเขาเลยนี่ แค่หายไปเฉยๆเขายังจะไม่เจ็บเท่าพี่คุณไป    มีแฟนใหม่

 

“แล้วทำไมไม่หายไปเฉยๆ ไม่ติดต่อผม ผมก็ไม่ว่าอะไร เพราะผมรู้ดีว่าเรียนหนัก แบบนั้นผมยังจะรู้สึกดีมากกว่า”

 

ก็จริงอย่างอูยองว่าทุกอย่างนั่นแหละ การกระทำแบบนี้นิชคุณนับว่ามันเป็นความผิดพลาดที่ร้ายแรงที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้ เขาไม่มีคำแก้ตัวใดๆกับอูยองหรอก นอกจากคำว่า

“พี่คุณขอโทษจริงๆกับความผิดพลาดที่เกิดจากความโง่ของตัวเอง”

 

อูยองยังคงทำหน้านิ่งนั่งกอดอกมองคนที่อยู่ตรงหน้า ตอนนี้เหมือนพี่คุณจะยิ้มไม่ค่อยออกนัก

“ก็ช่างเถะครับ ผมลืมเรื่องพวกนั้นไปหมดแล้วล่ะ ต่อไปเราเลิกคุยกันเรื่องนี้”

 

แล้วอูยองก็นั่งก้มหน้าก้มตากินเค้กต่อไป ไม่พูดไม่จาอะไรกับนิชคุณอีกส่วนนิชคุณก็ไม่ได้พูดอะไรนอกจากเอาแต่นั่งมองอูยอง

 

“เค้กหมดแล้ว เอาอีกไหมครับ? พี่คุณจะไปสั่งให้”   นิชคุณถามเด็กที่เอาแต่นั่งคาบช้อนเค้กไม่ยอมปล่อย อาจจะเป็นเพราะเค้กหมดแล้ว ก็เลยไม่มีอะไรจะทำแล้วล่ะสิท่า   อูยองส่ายหน้าไปมา แล้วก็เอาช้อนวางเก็บไว้ที่จาน ก่อนจะบอกออกไปว่า

“เดี๋ยวอ้วน”

 

นิชคุณอมยิ้มให้ กินเค้กหมดไปตั้งสองชิ้นอูยองยังต้องกลัวอ้วนอีกเหรอ

“แล้วอยากกินอะไรอีกไหมครับ ไปดูเมนูข้างหน้ากันปะ”

มือหนาคว้าเอามือเล็กกำลังจะฉุดให้ลุกขึ้น แต่อูยองกลับดึงมือตัวเองออกจากมือของอีกคน

 

“ไม่เอาอะไรแล้วครับ ตอนนี้ใกล้ได้เวลาทานข้าวเย็นกับพี่แทคยอนแล้วล่ะ ผมต้องขอตัวกลับก่อน”

 

“งั้นให้พี่คุณไปส่งนะครับ”

อูยองพยักหน้าให้เบาๆ

.

.

.

“อยากรู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างผมกับมิงกิมากกว่านี้ก็ต้องสืบนะครับ มาถามตรงๆผมจะไม่ตอบแล้ว”

 

ประโยคที่อูยองหันมาบอกนิชคุณก่อนจะลงจากรถ ทำเอานิชคุณนั่งคิดอยู่ตั้งนานจนดึกดื่นตอนนี้สมองเขาตื้อจริงๆ ไม่รู้ว่าจะต้องไปสืบข้อมูลมามาจากที่ไหนและจากใครล่ะ เห็นบอก   แทคยอนเป็นคนแนะนำให้รู้จัก ถ้าให้เขาไปถามแทคยอนหน่ะเหรอ รับรองกลับมาอาจได้มานอนหยอดข้าวต้มที่โรงพยาบาลแน่ๆ จนสุดท้ายนิชคุณก็ต้องยกโทรศัพท์ขึ้นมา โทรไปสืบข้อมูลจากจุนโฮ เพราะจุนโฮคือเพื่อนสนิทของอูยอง แล้วก็น่าจะรู้ทุกเรื่อง อูยองก็ไม่น่าจะมีความลับกับจุนโฮนะ

 

 

Rrrrrrr Rrrrrrrrrrr

 

จุนโฮละสายตาออกมาจากหนังสือ แล้วก็มองดูนาฬิกานี่ก็จะตีหนึ่งแล้ว ใครช่างโทรมาไม่ได้เกรงใจเขาเอาซะเลย

 

-รุ่นพี่นิคคุณ

 

“สวัสดีครับพี่คุณ”

 

“จุนโฮพี่ขอโทษที่โทรมารบกวนนะ แต่พี่มีเรื่องคาใจมากจริงๆ”

จุนโฮขมวดคิ้วเข้าหากันทันที พี่คุณมีเรื่องอะไรสงสัยขนาดนั้นเลยเหรอ ปกติไม่เคยเห็นพี่คุณต้องมีเรื่องขอให้เขาช่วยนี่นา

“มีเรื่องอะไรรึเปล่าครับพี่คุณ”

 

“จุนโฮ อูยองบอกพี่ว่ามีคนรักใหม่แล้วมันจริงเหรอ?”

 

“หืม?!!”   จุนโฮพูดออกมาในใจ จุนโฮได้ฟังแบบนั้นแล้วยิ่งขมวดคิ้วเข้าไปใหญ่    อูยองเนี่ยนะจะไปมีแฟนใหม่ ก็ตั้งแต่โดนพี่คุณบอกเลิก อูยองมันกลัวความรักจะตาย ใครมาจีบก็ไม่เอา ใครที่เคยมาจีบ ไม่ว่าจะเป็นรุ่นน้อง หรือใครก็ตามแต่ที่เปิดตัวว่าจะมาจีบอูยอง อูยองไม่คุยด้วยเลยแม้แต่คำเดียว ถ้าอยากให้อูยองคุยด้วย ต้องไม่เข้ามาหาอูยอองในรูปแบบที่จะเข้ามาจีบ จนไม่มีใครกล้าเข้ามาจีบอูยองเลยสักคน

 

“อูยองบอกพี่คุณแบบนั้นเหรอครับ”

 

“จริงจุนโฮ”     นิชคุณทำน้ำเสียงจริงจัง

จุนโฮยังคงขมวดคิ้ว ปกติอูยองมีอะไรก็บอกเขาตลอดนี่นา เป็นไปได้เหรอที่อูยองจะไปมีแฟนใหม่แล้วไม่บอกเขา

 

“ผมขอรู้ชื่อหน่อยได้ไหมครับพี่คุณ”   เผื่อว่าจะเป็นรุ่นน้องที่คณะ เค้าก็จะได้ไปสืบต่อ

 

“เค้าชื่อมิงกิใช่ไหมจุนโฮ บอกพี่หน่อยได้ไหมว่าเค้าเป็นใคร มาจากไหน” นิชคุณพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูแล้วเครียดๆแล้วก็จริงจัง

 

พอได้ยินชื่อมิงกิแล้วจุนโฮถึงกับขำกร๊ากออกมาดังๆก่อนจะหลุดปากออกมา

“นั่นหมาที่…เอ่อ เอ่อ….”   จุนโฮรู้ตัวว่าเผลอพูดออกไป ไม่รู้อูยองต้องการจะแกล้งพี่คุณหรือเปล่า แต่เขาหลุดปากไปแล้วอ่ะ

 

“อะไรจุนโฮ?? หมา??หมายความว่าไง???”     นิชคุณเร่งเร้าจะเอาคำตอบ

 

“คือ….”

 

“จุนโฮพี่ต้องการคำตอบ”

 

“ครับ มิงกิคือหมาที่อูยองรักที่สุด พี่แทคยอนซื้อให้เลี้ยงตอนที่เลิกกับพี่คุณ อูยองเขาเป็นโรคซึมเศร้า ก็เลยหาอะไรให้เลี้ยง”

ได้ฟังแบบนั้นนิชคุณรู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันที   แต่พอนึกไปถึงอดีตแล้ว เขาก็ไม่น่าจะเห็นแก่ตัว ไม่น่าปล่อยให้อูยองต้องเจออะไรแย่ๆเลย ต่อไปเขาจะดูแลให้ดีที่สุดในชีวิตเลยคอยดูสิ

 

“จุนโฮ ขอบใจมากนะที่บอกเรื่องนี้กับพี่ ไม่งั้นพี่คงเป็นบ้าแน่ๆ”

 

“พี่คุณอย่าบอกอูยองนะว่าผมบอก ไม่งั้นอูยองโกรธผมแน่”     ใจนึงจุนโฮก็รู้สึกสะใจอยู่ลึกๆ   พี่คุณโดนซะบ้างก็ดี แต่นี่ยังเป็นบทเรียนที่น้อยไปสำหรับความผิดที่พี่คุณสร้างขึ้นมา จุนโฮรู้ดีว่า อูยองมันไม่เคยหมดรักพี่คุณหรอก ในใจในหัวอูยองมันก็มีแต่พี่คุณ พี่คุณ และพี่คุณ จนบางทีจุนโฮก็นึกโมโห ไม่รู้จะรักอะไรนักหนา ถึงอูยองจะโดนพี่คุณทำร้ายจิตใจแต่อูยองก็ยังคงรักพี่คุณอยู่ดีนั่นแหละ ถ้าชานซองมาทำกับเขาแบบที่พี่คุณทำกับอูยองนะ อย่าหวังว่าเขาจะให้อภัย       แค่ตอนนี้อูยองเป็นโรคกลัวความรัก ไม่กล้ามีรักใหม่ แต่ก็คงยังไม่กล้าไปรับรักจากคนรักเก่าที่เคยทำเจ็บช้ำหรอก ไม่รู้จะเปิดใจอีกเมื่อไหร่

 

“โชคดีนะครับพี่คุณ รักษาอูยองให้หายจากโรคกลัวความรักให้ได้ล่ะ”

.

.

.

 

“หนอยแหนะ!!  เจ้าเด็กแสบ!!!”

 

TBC…

Talk

สวัสดีปีใหม่นะคะรีดเดอร์ทุกคน ปีใหม่นี้ขอให้มีความสุขในทุกๆเรื่องเลยนะคะ ขอให้โชคดีกันในทุกๆเรื่องเหมือนกันค่ะ

      อูยองก็ยังแสบไม่เลิกนะคะ พี่ไม่รู้ว่ามิงกิเป็นหมาก็ยังคงแกล้งต่อไป แต่ต่อไปจะแสบไม่ได้แล้วนะเพราะพี่รู้แล้วว่ามิงกิเป็นหมา คิคิ

ปล.ฟิคเรื่องนี้วางพล็อตไว้ประมาณ 16 ตอนนะคะ ^^

*ขอบคุณทุกคอมเม้นต์เลยนะคะ*

[Fic khunwoo] Love and hate 10

Title:Love and hate 10

Couple: KhunWoo

Writer: ilovekw

Rate : PG 

Gente :  dark drama and Romantic

นี่คือฟิคที่เกิดจากจินตนาการของไรทเตอร์ enjoy reading ^^

 

 

โดนเด็กแสบเหยียบเท้าจนนิชคุณต้องนั่งยองๆลงกับพื้น ตอนนี้เท้าของเขาปวดระบมไปหมดตัวก็แค่นี้แต่ไปเอาแรงมาจากไหนเยอะขนาดนี้ จะเดินไล่ตามเด็กดื้อไปตอนนี้ก็ไม่ได้เพราะเจ็บเท้า นั่งให้อาการทุเลาลงสักพักก่อนจะลุกขึ้นเดินกะเผลกๆ ไล่ตามหาอูยอง เขารู้ดีว่าอูยองยังเดินเร็วไม่ได้หรอกเพราะอูยองอาจจะรู้สึกมึนๆหัว นั่นถือเป็นข้อดีในตอนนี้ก็แล้วกันที่เขาจะได้เดินตามอูยองทัน เดินมาได้สักพักก็เห็นหลังอูยองอยู่ไกลๆ ก่อนจะตัดสินใจตะโกนเรียก

 

“อูยองรอพี่คุณด้วยครับ”

อูยองหันมองตามเสียงเรียก เห็นเจ้าของเสียงนั้นทำท่าเดินกะเผลกๆตรงเข้ามา แล้วอูยองก็หันกลับไปทางเดิม แล้วรีบเดินไปแบบไม่สนใจเสียงเรียกนั้น นิชคุณเห็นอูยองทำแบบนั้นก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน เจ็บเท้าก็เจ็บ ยังโดนอูยองเมินอีก

 

“อูยองอ่าพี่คุณเจ็บเท้า รอพี่คุณด้วยสิครับ”   นิชคุณยังคงตะโกนเรียกอูยองเหมือนเดิม อูยองก็หันกลับมามองเขานะ แต่ก็หันมามองแค่แป้บเดียวแถมยังทำหน้าเมินเฉยใส่อีก แล้วก็เดินต่อ

 

“ถ้าอย่างงั้นอูยองเดินไปรอพี่คุณที่รถเลยนะครับ เดี๋ยวพี่คุณจะรีบเดินตามไป”

นิชคุณเห็นอูยองหยิบมือถือขึ้นมาแล้วยกหูขึ้นโทรออก แต่อยู่ห่างกันเกินที่จะได้ยินว่าอูยองโทรคุยกับใคร หวังว่าจะไม่ได้โทรหาคนขับรถให้มารับนะ

 

..

..

ในที่สุดนิชคุณก็เดินมาถึงรถ แล้วก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกที่เห็นอูยองยืนรอเขาอยู่ ก่อนจะรีบกดรีโมทปลดล็อคประตูให้ อูยองรีบเปิดประตูขึ้นไปนั่งทันที ส่วนนิชคุณก็ค่อยๆเดินไปฝั่งคนขับ

 

“เจ็บมากเลยเหรอ?”   อูยองเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเรียบๆ สายตานั้นเอาแต่มองถนนข้างหน้า ไม่หันมองหน้านิชคุณแม้แต่เสี้ยวเดียว

 

“เจ็บครับ แต่ดีขึ้นแล้ว”

 

“ขอโทษ…!”

คำขอโทษที่เอ่ยออกมาเพียงเบาๆแต่ทำเอานิชคุณต้องคลี่ยิ้มออกมา นี่สิอูยองเด็กดีของเขา รู้ตัวว่าทำผิดก็ต้องขอโทษแบบนี้ล่ะ

 

“คราวนี้พี่คุณหายสนิทเลยล่ะ ไม่เจ็บแล้วครับ”

.

.

.

 

ขับรถมาถึงครึ่งทาง นิชคุณหักรถจอดข้างทาง แถวๆนี้มีร้านขายของเยอะแยะเต็มไปหมด กะว่าจะไปหาซื้ออะไรอร่อยๆให้อูยองทานด้วย นี่ก็ทุ่มกว่าๆแล้ว อูยองน่าจะหิวน่าดู

“เดี๋ยวพี่คุณมานะครับ อูยองอย่าไปไหนนะ นั่งรอพี่คุณบนรถตกลงไหมครับ?”

 

“…..”

อูยองไม่ตอบอะไร แบบนี้ทำให้นิชคุณไม่ไว้ใจอูยอง กลัวอูยองจะหนีเขาไปไหน กลัวอูยองจะโทรบอกให้คนที่บ้านมารับ นิชคุณเลยยังไม่กล้าลงจากรถ

 

“อูยองครับ ตกลงกับพี่คุณสิว่าจะเป็นเด็กดี นั่งรอพี่คุณอยู่บนรถเฉยๆ”

 

 

“งืออ….กวนอยู่ได้! จะไปทำธุระอะไรก็ไปผมง่วงนอน จะนอน~!!!”   อูยองทำเสียงงอแงตอบ ก่อนจะดิ้นพลิกตัวไปอีกทางพร้อมกับกดเบาะเอนตัวลงนอน ก็ตอนนี้อูยองกำลังจะเคลิ้มหลับอยู่พอดี นิชคุณรู้สึกเหมือนว่าตัวเองจะทำผิดครั้งใหญ่ยังไงก็ไม่รู้แฮะ ที่ไปกวนเด็กกำลังง่วงนอนก็เลยโดนงอแงใส่ ก็ใครจะไปรู้เล่าว่าไอ้ที่นั่งนิ่งๆเงียบแล้วลืมตาอยู่อูยองกำลังหลับในอยู่ ก่อนจะลงรถได้ไปควานหาผ้าห่มจะเอามาห่มให้อูยองสล็อตน้อยขี้เซาซะหน่อย แต่ก็ไม่มี อาจจะเป็นเพราะอาทิตย์ก่อนเขาให้แม่บ้านมาทำความสะอาดเก็บของในรถให้น่าจะเก็บผ้าห่มผืนเล็กที่ติดอยู่ในรถไปซักให้ด้วย ตอนนี้จะมีแค่เสื้อกาวน์ที่แขวนอยู่ข้างหลังก็เลยดึงลงมาห่มให้อูยอง อย่างน้อยก็น่าจะเพิ่มความอุ่นให้อูยองได้บ้างล่ะ

.

.

.

สิบนาทีผ่านไป นิชคุณรีบวิ่งกลับมาที่รถพร้อมกับมีของติดไม้ติดมือมาเยอะ แต่อูยองยังคงหลับปุ๋ยอย่างสบายใจ ไม่รู้จะตื่นมางอแงหิวเมื่อไหร่ ตอนนี้ไม่กลัวแล้วเพราะมีเสบียงตุนไว้ให้เรียบร้อย นิชคุณเอาของทุกอย่างไปวางไว้เบาะหลังเพื่อที่จะไม่ได้เกะกะตัวเอง แล้วก็อูยอง ก่อนจะขับรถต่อ อูยองหลับสนิทไม่มีท่าทีว่าจะตื่น จนมาถึงโรงพยาบาล อูยองก็ยังคงหลับอยู่แบบนั้น จะปลุกก็ไม่กล้า แต่ยังไงก็ต้องปลุกให้ตื่น

 

“อูยองถึงแล้วครับ ตื่นเร็ว”   นิชคุณสะกิดแขนอูยองเบาๆ อูยองสะลืมสะลืองัวเงียบตื่นขึ้นมานั่ง หลุบตามองเสื้อกาวน์ที่ถูกเอามาห่มไว้บนตัว ก่อนจะรีบกระชากออกแล้วโยนคืนให้กับเจ้าของเสื้อ  อูยองกำลังจะเปิดประตูลงจากรถแต่โดนนิชคุณรั้งมือเอาไว้ก่อน

 

“อย่าพึ่งไปครับ หันไปมองข้างหลังรถก่อนสิ ดูซิว่าพี่คุณซื้ออะไรมาให้”

อูยองหันไปมองตามอีกคนบอกเป็นต้องเบิกตากว้าง ก็เพราะข้างหลังรถมีกุหลาบสีชมพูที่เขาชอบช่อเบ้อเล้อวางอยู่ตั้งสองช่อ ที่จริงแล้วนิชคุณตั้งใจจะให้อูยองตั้งแต่ตอนที่ไปซื้อมาแล้ว แต่อูยองก็ดันหลับไม่รู้เรื่องราวเลย

นิชคุณหันไปเอื้อมมือหยิบกุหลาบช่อแรกมาแล้วยิ้มก่อนจะยื่นให้กับอูยอง

 

“ช่อนี้ แสดงความยินดีกับคนไข้คนเก่งของพี่หมอคุณที่หายป่วยแล้ว”

 

อูยองรับมาแล้วยกช่อกุหลาบขึ้นมาดม อูยองชอบกลิ่นกุหลาบมากกว่าดอกอื่นๆ ดมกลิ่นกุหลาบทีไรแล้วรู้สึกสดชื่นทุกที  นิชคุณมองอูยองทำแบบนั้นแล้วรู้สึกดีใจที่อูยองไม่ปฏิเสธที่จะรับช่อดอกไม้จากเขา แล้วหันไปเอื้อมมือหยิบอีกช่อนึงมายื่นให้กับอูยองอีก

 

“ช่อนี้ ให้อูยอง ต่อไปนี้ไม่ต้องร้องไห้เพราะพี่คุณอีกแล้วนะ ที่ผ่านมาพี่คุณขอโทษจริงๆ พี่คุณจะไม่ทำให้อูยองต้องร้องไห้อีก อยากให้อูยองเชื่อใจพี่คุณ ถ้าอูยองยังไม่พร้อมเปิดใจตอนนี้ไม่เป็นไร พี่คุณรักอูยอง พี่คุณจะรอนะครับ”

 

อูยองมองหน้านิชคุณพร้อมกับอมยิ้มออกมานิดๆ แล้วรีบยกมือขึ้นมาปาดน้ำตาออก

“พี่คุณบอกแล้วไงว่าไม่ให้ร้อง หื้ม~” นิชคุณโน้มตัวไปใกล้ๆอูยองเพื่อจะเช็ดน้ำตาออกให้ แต่อูยองรีบเอียงหน้าหลบทันที

 

“ไม่เห็นต้องซื้อมาเยอะขนาดนี้เลย” อูยองเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงขึ้นจมูก

 

“ก็อูยองชอบ พี่คุณอยากซื้อให้ หนึ่งปีที่เราห่างกัน พี่คุณไม่เคยซื้อให้ใครเลยจริงๆนะ”

 

“ผมไม่ได้อยากรู้ซะหน่อยว่าจะเคยซื้อ หรือไม่เคยซื้ออะไรให้ใคร มันไม่ใช่เรื่องที่ผมต้องมารับรู้”

 

“ก็อยากบอกไงครับ อยากให้รู้ว่าพี่คุณไม่เคยรักใครจริงๆเหมือนอูยอง”

อูยองไม่ตอบอะไร แล้วเปิดประตูก้าวลงจากรถ หอบกุหลาบช่อใหญ่ไว้เต็มแขนทั้งสองข้าง    นิชคุณรีบวิ่งเข้ามาช่วยอูยองถือ ถือกันคนละช่อ แล้วเดินไปขึ้นลิฟต์เพื่อที่จะตรงไปยังห้องพักคนป่วยระดับ VVIP ซึ่งทางนี้จะไม่ต้องเดินผ่านหลายๆแผนกให้วุ่นวายเลย พอเดินเข้าไปในห้องสิ่งที่ทำให้นิชคุณตกใจคือ แทคยอนยืนกอดอกทำสีหน้าเคร่งเครียดอยู่ในห้อง ไหนบอดี้การ์ดบอกไปญี่ปุ่นจะกลับพรุ่งนี้ไง แล้วทำไมถึงได้มายืนอยู่ในห้องได้ล่ะ

 

แทคยอนเห็นน้องชายตัวเองเดินเข้ามาพร้อมกับนิชคุณ อูยองหอบกุหลาบช่อใหญ่ไว้ในมือ ส่วนนิชคุณก็หอบไว้อีกช่อเหมือนกัน สองคนนี้ไปไหนกันมา? นิชคุณซื้อกุหลาบมาง้อ? เหรอ???!!!พอน้องเขาหายป่วยแล้วรีบง้อเลยงั้นเหรอ?? แทคยอนงงไปหมดแล้ว แต่ก็ต้องนิ่งไว้ เพราะน้องเขาก็ดูจะไม่ได้มีท่าทีที่โดนขัดใจสักเท่าไหร่

 

“พาน้องชายผมไปไหนมา!” แทคยอนยืนกอดอกแล้วถามออกมาด้วยน้ำเสียงเข้ม ครั้งนิชคุณจะบอกว่าพาไปข้างนอก แล้วก็ไปสารภาพผิดมา ถ้าขืนบอกไปแบบนั้นเขาอาจโดนพี่ชายของอูยองกระทืบเอาได้

 

“เอ่อผมพาอูยองไปสูดอากาศนอกเมืองมาครับ” นิชคุณตอบตามความจริง แต่ดูเหมือนแทคยอนยังมองเขาด้วยสายตาที่ไม่ค่อยจะเชื่อสักเท่าไหร่

 

“แน่ใจเหรอว่าแค่ไปสูดอากาศ แล้วที่กลับมาพร้อมกุหลาบช่อใหญ่สองช่อนี่มันอะไรกันล่ะทำไมไม่บอกมาแบบแมนๆเลยล่ะว่าไปของ้ออูยองมา หรือกลัวโดนต่อย?” แทคยอนเพียงแค่คิดในใจ

 

“แล้วอูยองยอมไปกับคุณด้วยความเต็มใจหรือเปล่า?”   ที่ต้องถามแบบนี้ก็เพราะเขารู้หมดแหละว่านิชคุณชอบทำตามใจตัวเองอยู่เรื่อย ยิ่งน้องเขาป่วยไม่มีทางสู้นิชคุณก็ยิ่งนึกอยากทำอะไรก็ทำอยากจะแกล้งอะไรก็ทำตามใจตัวเองทั้งนั้น เขาไม่ได้อยู่กับอูยองตลอด แต่อย่าคิดนะว่าเขาจะไม่รู้ว่านิชคุณทำอะไรกับน้องไว้บ้าง

 

“น้องขอให้หมอพาออกไปที่นอกเมืองมาเองฮะ น้องหายดีแล้ว ก็เลยอยากออกไปข้างนอกเฉยๆ” อูยองจำเป็นต้องโกหก ทั้งๆที่เขาไม่ได้เป็นคนเอ่ยขอให้นิชคุณพาไปเที่ยวเลย แต่ถ้าพี่แทคยอรรู้ว่านิชคุณเป็นแกนนำพาเขาออกไปเที่ยว คนที่จะซวยก็นิชคุณนั่นแหละ เพราะไปสร้างวีรกรรมกับพี่ชายเขาไว้เยอะนี่

 

“คือผม..” อูยองรีบหยิกแขนนิชคุณเพื่อเป็นการสื่อว่าไม่ต้องพูดอะไรต่อถ้าไม่อยากโดนพี่ชายเขาเล่นงาน

 

“อะไร!!?” แทคยอนถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่เอาเรื่องอยู่พอสมควร

 

“ไม่มีอะไรครับ”

 

“เหรอ งั้นก็แล้วไป”

 

แทคยอนยืนสำรวจน้องตั้งแต่หัวจรดเท้า น้องเปลี่ยนชุดแล้วหนิ ไม่ได้ใส่ชุดโรงพยาบาลแล้ว แถมยังไม่ได้มีสายน้ำเกลือระโยงระยางแล้วด้วย

 

“แล้วนี่ถอดสายน้ำเกลือออกแล้วก็กลับบ้านวันนี้เลยไม่ได้เหรอ? ชุดก็ไม่ได้ใส่ชุดโรงพยาบาลแล้ว แสดงว่าพร้อมที่จะให้ออกจากโรงพยาบาลแล้วสิ?” ถ้าเป็นไปได้แทคยอนก็อยากจะรีบพาน้องออกจากโรงพยาบาลให้เร็วที่สุดนั้นแหละ เพราะไอ้หมอนี่ดูท่าทางจะไม่ทิ้งลายเจ้าเล่ห์เลย ขนาดน้องเขาป่วยยังสามารถแทะโลมน้องเขาทางสายตา มิหนำซ้ำยังแสดงพฤติกรรมเจ้าเล่ห์กับน้องเขาอยู่อีกจะมาดีจริงๆไหมก็ไม่รู้    ยังไงถ้านิชคุณจะมาขอคืนดีกับน้อง เขาก็ยังไม่ค่อยอยากให้คืนดีด้วยอยู่ดีนั่นแหละ

เห็นว่านิชคุณมัวแต่อ้ำๆอึ้งไม่ยอมตอบอะไรก็เลยทวนคำถามไปอีกรอบ   “ว่ายังไง? กลับได้เลยไหม?!”

 

จบกัน!….. นิชคุณพลาดมากที่ถอดสายน้ำเกลือออกให้อูยอง แต่ใครจะไปรู้ว่าแทคยอนจะกลับมาเร็วขนาดนี้ล่ะ ตอนนี้นิชคุณก็ได้แต่หายใจออกมายาวๆ ก็จริงตามนั้นแหละ อูยองถอดสายน้ำเกลือออกแล้ว ก็ไม่ต้องนอนโรงพยาบาลต่อ อีกอย่างอูยองก็หายดีแล้ว ก็สามารถกลับบ้านได้ตั้งแต่วันนี้เลย  ที่จะให้อูยองออกจากโรงพยาบาลพรุ่งนี้ก็เพราะเห็นว่าแทคยอนไปทำงานต่างประเทศหรอก กลัวกลับไปแล้วอูยองจะเหงาไม่มีเพื่อน

 

“ครับ อูยองออกจากโรงพยาบาลวันนี้เลยก็ได้” นิชคุณตอบออกมาเสียงเศร้า

 

“อืม งั้นก็ดี!! ผมจะได้พาออูยองกลับตอนนี้เลย ส่วนของใช้ที่อยู่ในห้องผมจะให้คนมาเก็บไปทีหลัง”

พออูยองได้ยินพี่ชายบอกจะพากลับตอนนี้เลย อูยองแสดงสีหน้าเศร้าออกมานิดๆ แต่พี่ชายไม่เห็นหรอก มีเพียงแค่นิชคุณนั่นแหละที่เห็น

 

“กลับตอนนี้เลยใช่ไหมฮะพี่แทคยอน” อูยองช้อนตามองพี่ชายแล้วก็ถามเพื่อความแน่ใจอีกรอบ

 

“อื้ม กลับตอนนี้เลย แต่ก่อนกลับบ้านพี่จะพาน้องไปทานของโปรดก่อน ดีไหม”

 

พอแทคยอนบอกจะพาไปกินของโปรดอูยองก็ดีใจกระโดดไปมาเป็นเด็กๆอย่างที่เคยทำเป็นนิสัยที่ติดมาจากตอนเด็กนั้นแหละ แล้วก็รีบตอบตกลงทันที

“ดีฮะ หิวๆน้องหิว”

 

อูยองไม่ได้ทานของโปรดพวกนั้นมาตั้งนานแล้ว แค่คิดว่าจะได้ทานของอร่อยๆพวกนั้นอูยองก็มีความสุขมากแล้ว แต่หารู้ไม่ว่าขณะเดียวกันนิชคุณกลับมีสีหน้าที่เศร้าลง นี่อูยองเห็นของกินดีกว่าเขาไปแล้วเหรอ

“หิวขนาดนั้นเลย?”   แทคยอนยืนหัวเราะให้กับท่าทีของน้องที่ตอนนี้ดูท่าทางจะหิวมากจริงๆนั่นแหละ
“หิวมากๆฮะ น้องจะกินเยอะๆให้พุงกางเล้ยย~~”

แทคยอนยิ้มให้กับความน่ารักสดใสร่าเริงของน้อง อูยองคนเดิม เด็กซนของพี่ใกล้จะกลับมาเป็นปกติแล้วสินะ

 

“ไปกันได้แล้วป่ะ” แทคยอนจูงมือน้องให้เดินตาม อูยองก็เดินตามพี่ชายไป ก่อนจะชะงักแล้วเดินกลับไปหานิชคุณ

 

“เอากุหลาบของผมคืนมานะ”

 

นิชคุณมองเด็กน้อยที่มาขอกุหลาบคืน มีท่าทีที่เอาแต่ใจ น้ำเสียงเหมือนโดนแย่งของไปแล้วกลับมาขอคืนยังไงอย่างงั้นเลย ก่อนจะหัวเราะออกมาให้กับเด็กดื้อที่ยืนแก้มห้อยอยู่ตรงหน้าแล้วยื่นช่อกุหลาบคืนให้กับอูยอง พอได้กุหลาบช่อนั้นแล้วอูยองรีบเดินกลับไปหาพี่ชายแล้วยื่นกุหลาบทั้งสองช่อให้พี่ชายเป็นคนถือให้   เดินกันออกไปสองพี่น้องทิ้งแค่นิชคุณให้อยู่ในห้องคนเดียว นิชคุณยืนมองอูยองที่กำลังเดินออกจากห้องนี้ไปอย่างอาลัยอาวรณ์ อูยองจะไม่หันกลับมาโบกไม้โบกมือให้เขาหน่อยเหรอ พออูยองออกจากโรงพยาบาลแล้ว เขาจะไปเจออูยองได้เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ คิดแล้วก็ยืนคอตกอยู่คนเดียวในห้อง

 

.

.

.

 

พอสองพี่น้องเดินมาจนจะถึงรถอูยองถึงได้ตัดสินใจกระตุกแขนพี่ชายให้หยุดเดิน แล้วช้อนตามองคนเป็นพี่

 

“ให้เขาไปด้วยได้ไหมฮะ”   อูยองมองหน้าพี่ชายตาปริบๆ

 

แทคยอนก้มลงมองน้องที่กำลังทำแววตาออดอ้อน “น้องหมายถึง?”

 

“คนนั้นแหละฮะ อย่างน้อยเขาก็รักษาน้องจนหาย เราควรเลี้ยงอะไรตอบแทนเขานะฮะ”       แทคยอนทำท่าครุ่นคิดแป้บนึงก่อนจะยิ้มใจดีให้น้อง แล้วพยักหน้าให้ มันก็จริงแบบที่อูยองว่านั่นแหละ อย่างน้อยนิชคุณก็รักษาอูยองจนหายดีเป็นปกติแล้ว อีกอย่างเขาก็ไม่รู้ใจน้องหรอกว่าต่อไปจะต้องการให้เรื่องมันไปต่อยังไง ตอนนี้เขาทำได้แค่ตามใจน้อง เฝ้าดูสถานการณ์อยู่ห่างๆ ไม่ตัดสินใจแทน ไม่กีดกันน้อง

 

“อื้ม ไปเรียกเขามาสิ งั้นพี่ไปรอที่รถนะ”

 

“ได้เลยฮะ” อูยองยิ้มด้วยความดีใจแล้วโผลกอดพี่ชายเพื่อแสดงความขอบคุณ แล้วเดินกลับไปหานิชคุณที่ตอนนี้น่าจะอยู่ที่ห้องพักแพทย์ แต่ไปแล้วก็ไม่เจอ ก็เลยลองเดินกลับไปห้องพักคนป่วยที่เขาเคยอยู่ลองดู อูยองเดินเงียบๆเข้ามาในห้อง เห็นนิชคุณกำลังยกตุ๊กตาตัวโปรดของเขาขึ้นมาจูบ

 

“ทำอะไรหน่ะ?!”     เสียงเล็กเอ่ยขึ้นแล้วรีบเดินเข้าไปใกล้ๆ

 

นิชคุณตกใจที่อยู่ๆอูยองก็เข้ามา นึกว่ากลับไปกับพี่ชายแล้วซะอีก เขาลุกลี้ลุกลนรีบวางตุ๊กตาลงบนเตียงคนป่วยเหมือนเดิม แล้วก็กระแอมกระไอนิดหน่อย ก่อนจะวางมาดเก๊กหล่อ ยืนเอามือล้วงกระเป๋ากางเกง ทำตัวให้เหมือนเมื่อกี้ไม่ได้ทำอะไรน่าอายลงไป พลางนึกอายอยู่ในใจ อูยองเห็นเขาจุ๊บตุ๊กตาแบบนี้จะคิดยังไง ก็จะให้ทำไงได้อ่ะ คนมันคิดถึง ไม่ได้เจอหน้าแค่แป้บเดียวก็รู้สึกคิดถึงมากแล้ว ก็เลยแอบเอาตุ๊กตาตัวแทนอูยองขึ้นมาจูบ ใครจะไปรู้ว่าอูยองจะกลับเข้ามาอีกรอบ ถ้ารู้ว่าเข้ามาอีกรอบไม่จูบหรอกตุ๊กตา…จูบตัวจริงเลยจะไม่ดีกว่าเหรอ

 

“เอ่อ…อูยองกลับมาเอาตุ๊กตาเหรอครับ พี่คุณนึกแล้วเชียวว่าอูยองต้องกลับมาเอา” นิชคุณพยายามถามด้วยน้ำเสียงปกติไม่แสดงความเขิลอายอะไรออกมาเลยแม้แต่นิดเดียว

 

อูยองมองหน้านิชคุณแล้วกลั้นขำอยู่ในใจ รู้หรอกว่าอายแต่ทำเป็นวางมาดไปงั้น ก็คนอย่างนิชคุณอ่ะ ไม่เคยหลุดฟอร์มเก๊กหล่อหรอก แล้วอูยองก็ไม่เคยเห็นนิชคุณเป็นเอามากขนาดนี้มาก่อน นี่เป็นมากขนาดต้องจูบตุ๊กตาตัวโปรดของเขาเลยเหรอ

 

“เปล่าครับ ผมไม่ได้จะมาเอาตุ๊กตา”

 

“แล้วลืมอะไรไว้ครับ ให้พี่คุณเอาไปให้ก็ได้ไม่เห็นต้องเดินกลับมาให้เหนื่อยเลยนี่”

 

“พี่แทคยอนให้มาชวนหมอไปทานข้าวด้วยกัน”   อูยองโบ้ยไปให้พี่ชายหน้าตาเฉย ป่านนี้พี่แทคยอนคงจามไปแล้วมั้ง ขอโทษนะพี่แทคยอนน้องขอยืมเอาพี่มาอ้างหน่อย

 

นิชคุณยิ้มออกมาด้วยความดีใจ อย่างน้อยสวรรค์ก็โปรด ทำให้เขาได้เห็นหน้าอูยองอีกหน่อยก็ยังดี แต่ตอนนี้ติดอยู่อย่างคือ เขาอยากได้ยินอูยองเรียกว่าพี่คุณบ้าง อูยองนี่ก็ใจแข็งจริงๆเลย

 

“อูยองตอนนี้เราไม่ได้เป็นหมอกับคนไข้กันแล้วนะ เรียกพี่คุณไม่ได้เหรอครับ”

 

คนตัวเล็กยืนกอดอกทำหน้าบึ้งใส่คนตรงหน้า “จะไปไม่ไปครับ พี่ชายผมรออยู่!”   อูยองเลี่ยงประเด็นที่จะตอบคำถามนิชคุณทันทีเพราะตราบใดที่เขายังไม่เปิดใจรับนิชคุณเขาจะไม่มีทางเรียกว่าพี่คุณเด็ดขาด!!

 

“ไปครับไป” นิชคุณรีบตอบตกลงทันที อูยองจะเรียกเขาว่าอะไรก็ช่างแล้ว ตอนนี้ขอแค่อูยองคุยกับเขาก็พอ

อูยองรีบเดินดุ่มๆออกไปโดยที่ไม่รอนิชคุณ จนนิชคุณต้องรีบก้าวขายาวๆตามไป

 

“จะรีบเดินไปไหนครับหืม~” นิชคุณรีบเดินไปคว้ามือเล็กเอาไว้เนียนๆ

อูยองใช้มืออีกข้างแกะมือปลาหมึกของนิชคุณออก อย่าคิดมาเนียนจับมือนะ ตอนนี้เขาคุยด้วย ไม่ได้หมายความว่ากลับมาคืนดีเป็นแฟนกันสักหน่อย    “ก็พี่ชายผมรออยู่ เสียเวลานานแล้ว”

 

“ไม่ใช่อะไร พี่คุณเป็นห่วง อูยองพึ่งหายเอง กลัวจะหน้ามืดเอา ให้พี่คุณจับมือเดินนะ ค่อยๆเดิน”

มันก็จริงอย่างนิชคุณว่านั้นแหละ เพราะเมื่อกี้ที่รีบเดินออกมาอูยองก็รู้สึกเวียนๆหัวอยู่เหมือนกัน อาจเป็นเพราะยังไม่ค่อยได้เดินเร็วๆสักเท่าไหร่ก็เลยปรับตัวยังไม่ทัน   อูยองเลยจำเป็นต้องยอมให้นิชคุณจับมือเดินเพราะกลัวจะหน้ามืดล้มลงแบบนั้นมันจะทำให้เขาอาจจะต้องนอนโรงพยาบาลต่อก็ได้  มือเล็กยกขึ้นมาแล้วแบบมือออก รอให้อีกคนจับมือ นิชคุณไม่รอช้า รีบทาบทับมือตัวเองลงไปแล้วกระชับแน่น นิชคุณยิ้มให้แล้วค่อยๆพาอูยองเดิน ก่อนจะเริ่มบทสนทนาเพื่อทำลายความเงียบ

 

“ถ้าอูยองออกจากโรงพยาบาลแล้ว กลับไปอยู่บ้านคนเดียวไม่เหงาเหรอครับ”

 

“ทำไมผมจะต้องเหงาล่ะครับ ผมอยู่กับพี่แทคยอนนะไม่ได้อยู่คนเดียวซะหน่อย”

 

“พี่คุณหมายถึงเวลาที่พี่ชายเราไปทำงาน อูยองก็จะต้องอยู่คนเดียวต่างหากล่ะ”

 

“ไม่เหงาครับ มิงกิไม่เคยทำให้ผมเหงาอยู่แล้ว”

 

ได้ฟังแบบนั้นนิชคุณทำหน้าผิดหวังเล็กน้อย อูยองไม่ยอมตอบว่าเหงาเลย ก็ถ้าอูยองบอกว่าเหงาเขาก็จะเสนอตัวเองขอไปอยู่เป็นเพื่อนอูยองยังไงล่ะ

 

“แต่ว่า….อูยอง มิงกิคือใครเหรอครับ”   นิชคุณถามด้วยน้ำเสียงและสีหน้าจริงจัง จะว่าหึงไหม นิชคุณขอตอบเลยว่าใช่ ทำไมอูยองถึงชอบพูดถึงมิงกินัก ตั้งแต่ที่สวนสาธารณะแล้ว คนคนนี้สำคัญมากเลยเหรอ

 

อูยองหันมามองด้วยสีหน้างุนงง ไม่รู้จริงๆเหรอว่ามิงกิคือชื่อหมา หรืออาจเป็นเพราะพี่คุณเป็นต่างชาติเลยก็เลยไม่รู้? เลยคิดว่ามิงกิเป็นชื่อคนเหรอ? อูยองยิ้มซุกซนออกมาน้อยๆ ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง

 

“อยากรู้ไปทำไมเหรอครับ มิงกิจะเป็นใครมันสำคัญอะไรด้วยเหรอ?”

 

“สำคัญสิครับ พี่คุณอยากรู้จริงๆ” นิชคุณถามด้วยสีหน้ากังวลใจ ใจคอเริ่มไม่ดีเมื่อได้ยินอูยองบอกมาแบบนั้น จะเป็นเพื่อนหรือเป็นอะไรก็ได้ แต่นิชคุณภวนาอยู่ในใจว่าไม่ให้มิงกิเป็นคนรู้ใจคนใหม่ของอูยอง

 

“คือคนที่ผมรัก เค้าเป็นคนทำให้ผมหายเหงา แล้วก็เป็นคนคอยเติมความสุขให้ผม ในช่วงที่มันขาดหายไป”

เมื่อนิชคุณได้ยินอูยองบอกแบบนั้นนิชคุณถึงกับสะอึกแล้วต้องหยุดชะงักทันที  อูยองสัมผัสได้ว่ามือของนิชคุณเย็นเฉียบขึ้นมาทันทีทันใด

 

“หยุดเดินทำไมครับ ไม่อยากไปด้วยแล้วเหรอ? ไม่ไปไม่เป็นไรนะ”

 

“ป ไปครับอูยอง”   นิชคุณดูสติเลื่อนลอย ก่อนจะเดินตามแรงดึงจากมือของอูยอง

 

“อู อูยองมี เอ่อ แฟ..”

 

“ถึงรถแล้วล่ะครับ ไปนั่งข้างหลังนะครับ ผมจะนั่งข้างพี่แทคยอน”   อูยองรีบตัดบททันที ก่อนจะเปิดประตูรถขึ้นไปนั่งข้างคนขับ ปล่อยให้นิชคุณยืนขาดสติอยู่ข้างนอกคนเดียว

 

“แล้วนั่นเขาไม่ไปเหรอ?” แทคยอนหันไปมองนิชคุณที่ยืนหน้าซีดอยู่ข้างนอกไม่ยอมขึ้นรถมาสักที อูยองหัวเราะคิกคักออกมาเบาๆ

 

เห็นอูยองหัวเราะคิกคักแบบนี้แล้วแทคยอนรู้ทันทีเลยว่านิชคุณต้องโดนน้อยชายเขาแกล้งแล้วแน่ๆ   “ไปแกล้งอะไรเขาเนี่ยเรา”

 

“เขาถามว่ามิงกิคือใคร น้องเลยบอกเป็นคนรัก”

 

ด้วยความที่ว่ารถติดฟิล์มมืดแทคยอนก็เลยปล่อยหัวเราะออกมาเต็มที่ เพราะยังไงซะนิชคุณที่ยืนอยู่ข้างนอกก็ไม่สามารถเห็นได้หรอก   “แสบจริงๆเลยเรา ถามซิว่าจะไปไหม พี่หิวข้าวแล้ว”

อูยองลดกระจกลงแล้วชะโงกหน้าออกไปถามคนที่ยืนอึ้งๆ งงๆ อยู่ข้างๆรถ

 

“จะไปไม่ไปครับ ผมให้เวลาคิดหนึ่งนาทีถ้าไม่..”

 

“ไปครับ” นิชคุณรีบเปิดประตูรถขึ้นมาทันที    อูยองมองผ่านกระจกหลังเห็นนิชคุณนั่งดูเหม่อๆ ใจลอยๆก็แอบขำออกมาเบาๆ แล้วพูดคำว่าสำน้ำหน้าออกมาดังๆในใจ นี่เขายังเล่นน้อยไปด้วยซ้ำ

 

“เฮ้อ~ พี่แทคยอน น้องคิดถึงมิงกิจังเลย ไม่ได้เจอกันซะนาน มิงกิไม่ว่างมาเยี่ยมน้องเลยอ่ะ”

แทคยอนถึงกับตั้งตัวไม่ถูก ไม่รู้จะต่อให้น้องยังไงดีเลย เพราะปกติแทคยอนเป็นคนไม่ชอบโกหก กลัวพูดอะไรออกไปแล้วจะทำแผนของเด็กแสบพังหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่ก็เพื่อน้องเขาก็ต้องยอมเล่นละครหน่อยละกัน

 

“อืม~…นั่นหน่ะสิเขาคงยุ่งมาก นี่ออกจากโรงพยาบาลแล้วน้องก็รีบไปหาเขาเลยดีไหม เขาต้องดีใจมากแน่ๆ”  คงจะดีใจจนกระโดดเกาะแข้งเกาะขากันเลยล่ะมั้งแทคยอนแค่คิดใจใน ก็ตั้งแต่อูยองเข้าโรงพยาบาลมิงกิงมันก็ดูหงอยๆลง อาหารที่เขาเทให้ก็กินไม่หมด คงจะเหงาที่ไม่ได้อ้อนเจ้านายมันล่ะมั้ง

บทสนทนาของสองพี่น้องคุยอะไรกันไม่ได้เกรงใจคนที่นั่งหงอยอยู่หลังรถเลยสักนิด ตอนนี้นิชคุณแทบจะอกแตกตายอยู่แล้วจะมีใครรู้บ้างไหม

 

“งั้นน้องโทรหามิงกิก่อนดีกว่า~”   ได้ยินน้องบอกแบบนั้นแล้วแทคยอนแทบจะขำพรวดออกมาแต่ก็ต้องกั้นไว้   นี่การผ่าตัดสมองมันไม่ได้ทำให้น้องเขาเพี้ยนใช่ไหมเนี่ย เล่นละครเก่งจริงจริ้ง

อูยองทำทียกมือถือขึ้นมาแล้วใส่รหัสปลดล็อคหน้าจอ นิชคุณค่อยๆยื่นคอไปใกล้ๆกับเบาะที่   อูยองนั่งอยู่ เหมือนอยากจะรู้อะไรสักอย่าง จนอูยองต้องหันมามองค้อน

 

“มองอะไรครับ?”   อูยองรีบเอามือมาปิดหน้าจอมือถือทันที ขืนให้นิชคุณเห็นก็รู้สิว่าเขาไม่ได้กดเบอร์ใครทั้งนั้นแหละ

 

“เอ่อ..เปล่าครับ พี่คุณแค่ยืดเส้น ยืดสายเฉยๆหน่ะ”   อูยองยองหันไปมองด้วยหางตา คนยืดเส้นยืดสายเค้าเอาคางเกยเบาะที่อูยองกำลังนั่งแบบนั้นเหรอ เห็นแล้วก็ต้องเบ้ปากใส่ด้วยความหมั่นไส้ นิชคุณก็ทำทียกแขนขึ้นบิดขี้เกียจก่อนจะเอนตัวให้ไปนั่งติดเบาะที่ตัวเองนั่งอยู่ อูยองค่อยยกโทรศัพท์ขึ้นมาโทรแล้วคุยดิบกับมิงกิ

 

“ฮัลโหลมิงกิ อูยองออกจากโรงพยาบาลแล้วนะครับ”

 

“…? …”

 

“ทำเสียงแบบนั้นดีใจมากเลยสิ ใช่ไหมล่ะ อูยองก็อยากเจอมิงกิมากๆเหมือนกันนะ”

 

“…?….”

 

“งั้นวันนี้ว่างมาทานข้าวด้วยกันไหมล่ะ อูยองกำลังไปที่ร้านกับพี่แทคยอนพอดีเลย”

 

แทคยอนแอบชำเลืองมองน้อง นี่คุยกันเป็นจริงเป็นจังมากเลยนะเนี่ย แค่คิดก็ขำแล้ว อูยองคงอยากเอาคืนนิชคุณบ้างสินะ คงอยากให้นิชคุณได้รู้สึกเหมือนที่ตัวเองได้เจอมาบ้าง แต่ดูวิธีที่น้องเขาทำสิ ช่างเป็นวิธีที่ไร้เดียงสาเสียจริงๆ มันต่างจากที่นิชคุณทำกับอูยองอย่างสิ้นเชิง

“…?..”

“อ่า~ไม่ว่างอีกแล้วเหรอ งั้นทำงานสู้ๆน้า~ คิดถึงเหมือนกันครับ แล้วเจอกันนะ” น้ำเสียงออดอ้อน คุยกันหวานเยิ้ม นิชคุณนั่งฟังแล้วช่างขัดหูขัดตาเหลือเกิน   เขาต้องสืบให้ได้ว่ามิงกิเป็นใคร มาจากไหน จะดีกว่า จะหล่อกว่าเขาสักเท่าไหร่กัน

 

 

 

ณ ร้านอาหารเกาหลีชื่อดังย่านกังนัม

 

 

 

วันนี้พี่ชายที่แสนดีสั่งของโปรดของอูยองมาให้เต็มโต๊ะเลย เพื่อเป็นการฉลองที่อูยองได้ออกจากโรงพยาบาล น้องคงคิดถึงของกินพวกนี้ใจจะขาดแล้วล่ะสิ ดูจากสีหน้าอูยองมองอาหารที่พนักงานเดินมาเสิร์ฟแต่ละจาน ก็ดูจะตื่นเต้นดีใจซะเหลือเกิน   ส่วนนิชคุณหน่ะเหรอ โดนน้องเขาเล่นงานไปนั่งหงอยตั้งแต่บนรถจนถึงตอนนี้แหละ ก็ช่วยไม่ได้นะ

 

“ทานเยอะๆเลยอูยอง” พี่ชายใจดีตักของโปรดใส่จานให้น้อง อูยองยิ้มกว้างดีใจ แล้วตักเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย

 

“ขอบคุณฮะ พี่แทคยอนก็ทานมั่งสิ เห็นตักให้แต่น้อง” อูยองตักอาหารใส่จานให้พี่ชายบ้าง   แล้วก็หันไปหาอีกคนที่นั่งหงอยอยู่ข้างๆเขา ก็เล่นนั่งเงียบอยู่แบบนั้น จนอูยองคิดว่าตัวเองมากับพี่ชายแค่สองคน

 

“ไม่ทานเหรอครับ?” อูยองหันไปถามคนที่นั่งข้างๆ นี่อาหารก็มาตั้งหลายอย่างแล้วยังไม่เห็นตักอะไรไปทานเลยสักอย่าง

 

“อ อะไรนะครับอูยอง”   นิชคุณหันมาทวนคำถามแบบงงๆเพราะเมื่อกี้เขามัวแต่คิดเรื่องอื่นอยู่ เลยไม่มีสมาธิได้ฟังอะไร

 

“ผมถามว่าไม่ทานอะไรหน่อยเหรอครับ” อูยองตอบช้าๆชัดๆ จะได้ไม่ต้องทวนคำถามเขาอีกรอบ

 

นิชคุณยกยิ้มให้น้อยๆ ก่อนจะบอกว่า “พี่คุณยังไม่ค่อยหิวเท่าไหร่เลยครับ”     ก็จะให้เขากินลงได้ยังไงกันล่ะ อูยองมีคนรักใหม่ทั้งคนนะมันทำให้รู้สึกหน่วงๆแบบบอกไม่ถูก         เห็นนิชคุณดูหน้าหงอยๆอูยองกลั้นขำอยู่ในใจ คงจะรู้สึกไม่ดีสิท่าที่ได้รู้ว่าเขากำลังมีคนรักคนใหม่ ตาทึ่มเอ้ย เก่งทุกอย่างแต่ดันไม่รู้ว่ามิงกิเป็นชื่อหมา

 

“แต่เมื่อกี้ผมได้ยินเสียงท้องใครร้องก็ไม่รู้นะครับ แต่คิดว่าน่าจะเป็นเสียงท้องของคนแถวนี้แหละ”   อูยองเอื้อมมือไปตักจิมดักที่เป็นไก่อบซีอี๊ววุ้นเส้น ใส่จานข้าวให้กับนิชคุณด้วย เมนูนี้เป็นเมนูโปรดของใครแถวนี้ด้วยแหละ นิชคุณรู้สึกดีใจที่อูยองยังจำว่าเขาชอบทานจิมดัก แถมยังใจดีตักให้เขาอีกต่างหาก นึกว่าจะเป็นหมาหัวเน่าไปซะแล้ว แต่ถ้าวันนี้คุณมิงกิมาด้วย เขาก็คงไม่ต่างอะไรกับหาหัวเน่าหรอก

 

“ขอบคุณครับอูยอง อูยองก็ทานเยอะๆเลยนะ แก้มจะได้เยอะๆให้พี่คุณหยิกเหมือนเมื่อก่อนไง”   ประโยคหลังพูดออกมาได้ไม่เต็มปากเต็มคำนัก เพราะแก้มนี้ต่อไปจะมีคนมาหยิกแทนเขาแล้วจริงๆงั้นเหรอ? นิชคุณยังไม่อยากจะเชื่อจริงๆว่าอูยองจะไปมีคนใหม่จนกว่าจะได้เห็นกับตา

 

“อะไรนะครับ?”

 

“เปล่าครับไม่มีอะไร พี่คุณแค่บอกให้อูยองทานเยอะๆหน่ะ”   ว่าแล้วนิชคุณก็ตักอาหารใส่จานให้กับอูยองแต่มีเสียงกระแอมกระไอคัดค้านดังขึ้นมาจากพี่ชายขี้หวงของอูยอง จนนิชคุณต้องหันไปมอง แทคยอนมองเขาด้วยสายตาหาเรื่องอยู่เอาการ ตอนนี้นิชคุณจะทำไงได้นอกจากนั่งกินข้าวอย่างสงบ ก็ไปทำกับน้องเขาไว้เยอะ ก็ต้องเข้าใจแหละ

 

“อ่า มินจุนมาพอดีเลย มานั่งนี่ครับ” แทคยอนรีบลุกขึ้นแล้วดึงเก้าอี้ตัวที่อยู่ข้างๆตัวเองให้กับมินจุนนั่ง

 

“แทคยอนอ่าขอโทษทีนะที่มาสาย วันนี้งานเยอะหน่ะ” มินจุนมองหน้าแทคยอนแล้วยิ้มๆให้อย่างน่ารัก รอยยิ้มนี้แทคยอนเห็นแล้วก็โกรธไม่ลงหรอก

 

“พี่มินจุนทานข้าวกันฮะ” เสียงใสจากอูยองเอ่ยชวน มินจุนพยักหน้าแล้วยิ้มให้กับน้อง แล้วหันไปยิ้มจางๆให้กับนิชคุณ  มินจุนหันไปหาแทคยอนแล้วขมวดคิ้วสงสัยเหมือนอยากจะถามอะไรเกี่ยวกับอูยองกับนิชคุณ ทำไมถึงได้มาด้วยกันได้ แต่แทคยอนก็พยักหน้าเชิงบอกว่าเดี๋ยวจะเล่าให้ฟังทีหลัง มินจุนยิ้มแล้วก็พยักหน้ารับ มินจุนกับแทคยอนแค่มองตาก็รู้ใจกันแล้วล่ะ ทั้งคู่ช่วยกันจับตามองคู่นี้ว่าจะเดินไปทางไหนกันต่อ

 

 

 

Talk

ตอนนี้ยาวมากกว่าทุกๆตอนที่ผ่านมารึเปล่านะ  ตัดไปตอนต่อไปไม่ได้จริงๆ ถือเป็นของขวัญคริสต์มาสเนอะ ^^  อยากให้รีดเดอร์ทุกคนอ่านแล้วมีความสุข

คุยเรื่องฟิคหน่อยเนอะ  ตอนนี้คือพี่เป็นคนไทยไม่รู้ว่ามิงกิเป็นชื่อหมา เข้าทางเด็กแสบเค้าล่ะ ทีใครทีมันเนอะ เอาคืนพี่ตัวดี!  หวานกันพอเป็นน้ำจิ้มก่อนเนอะ พล็อตตอนต่อๆไปคาดว่าจะหวานขึ้นเรื่อยๆ เอาให้เลี่ยนกันไป5555

ที่มาที่ไปของกุหลาบสีชมพูก็มาจากอัลบั้ม ROSE ของอูยองค่ะ กุหลาบชมพูกับอูยองดูเข้ากันดีน่ารัก  คนพี่จัดไปให้ตั้งสองช่อใหญ่แหน่ะหว๊านหวาน

 

o0800043713214449839

ปล. ที่จริงจะลงวันคริสต์มาสนะเนี้ย แต่แต่งเสร็จก่อนก็รีบเอามาลงทันที ขอให้รีดเดอร์ทุกคนมีความสุขสุขภาพแข็งแรงน้า  ฟิคเรื่องนี้จะแต่งต่อหลังปีใหม่  เพราะว่าต่อไปจะเร่งฟิคสิ้นปี แค่จะแต่งเป็นฟิคสั้นยังร่างพล็อตไม่จบเลยจ้า กลัวส่งการบ้านไม่ทันจริงๆ 5555

 

 

Bl1AxBaCUAMX6wU

“ขอบคุณทุกคอมเม้นท์เลยจ้า ทุกเม้นคือกำลังใจจริงๆน้า~~”

 

[Fic khunwoo Love and hate 9]

Title:Love and hate 9

Couple: KhunWoo

Writer: ilovekw

Rate : PG 

Gente :  dark drama and Romantic

นี่คือฟิคที่เกิดจากจินตนาการของไรทเตอร์ enjoy reading ^^

 

 

 

 

หลังจากทำกายภาพบำบัดได้หนึ่งเดือนแล้ว นิชคุณค่อนข้างพอใจกับการตอบสนองของอูยองมากทีเดียว ตอนนี้รู้จักควบคุมแขน ขา พอที่จะเดินได้เองแล้ว       ที่สำคัญอาการหน้ามืดเวียนหัวก็ลดลงไปมาก พรุ่งนี้อูยองก็สามารถออกจาก      โรงพยาบาลได้แล้ว นั่นเป็นเรื่องน่าเศร้าของนิชคุณ     หลังจากที่อูยองออกจากโรงพยาบาลแล้ว เขาไม่รู้จะสามารถไปเจออูยองได้ที่ไหน อูยองจะยอมมาเจอหน้าเขาไหมก็ไม่รู้

 

 

“อูยอง วันนี้พี่คุณจะพาไปเที่ยวนะ เป็นของขวัญที่อูยองจะได้ออกจากโรงพยาบาลพรุ่งนี้แล้ว”

 

อูยองดูหงอยลงนิดหน่อยที่ได้ยินแบบนั้น ไม่รู้ว่าควรดีใจไหม ถ้าออกจากโรงพยาบาลแล้วก็ไปอยู่บ้านเฉยๆ ก็คงเหงาน่าดู กว่าจะได้กลับไปเรียนก็ตั้งปีหน้า

 

“จะพาผมไปเที่ยวไหน?” เด็กน้อยขมวดคิ้วสงสัย

 

“เดี๋ยวก็รู้ครับ พี่คุณว่าอูยองต้องชอบแน่ๆ” นิชคุณยกยิ้ม

 

“แล้วจะให้ผมไปแบบนี้เลยเหรอ?”   อูยองยกมือข้างที่มีสายน้ำเกลือเสียบอยู่ให้อีกคนดู พลางมุ่ยหน้าใส่ จะให้เขาไปเที่ยวใส่ภาพแบบนี้เหรอ ลำบากไปไหม ลำพังเดินเองบางทียังมึนหัว แล้วจะเดินลากสายน้ำเกลือไปเที่ยวด้วยเนี่ยนะ       คิดอะไรของเขา

 

นิชคุณยิ้มให้แล้วขยับเข้ามานั่งใกล้ๆคนตัวเล็ก มือหนาเอื้อมไปคว้าข้อมือเล็กมาไว้ในมือ แต่อูยองกลับสะบัดออกทันที

 

“ยะ อย่ามาแตะต้องตัวผมนะ!”

ทุกครั้งที่โดนนิชคุณสัมผัสตัว อูยองรู้สึกว่าร่างกายอุ่นวาบไปทั่วทุกส่วน มิหนำซ้ำยังรู้สึกว่าร่างกายมีกระแสไฟวิ่งผ่านไปทั่วร่างอูยองรู้สึกไม่ชอบที่ตัวเองรู้สึกแบบนี้ และไม่ควรมีความรู้สึกแบบนี้ด้วยซ้ำ เพราะรู้อยู่แก่ใจว่าอีกฝ่ายก็ไปมีแฟนใหม่แล้ว

นิชคุณหัวเราะให้เด็กดื้ออยู่ตรงหน้า ปากก็ถามจะให้ไปสภาพนี้เหรอ พอจับมือจะถอดสายน้ำเกลือให้ก็ดันงอแงไม่ให้จับมือ

 

“พี่คุณจะถอดสายน้ำเกลือให้ครับ”

 

พอได้ยินแบบนี้อูยองถึงได้ยอมยื่นมือข้างที่เสียบสายน้ำเกลือมาให้อีกคนอย่างว่าง่าย นิ้วเรียวค่อยๆถอดเข็มสายน้ำเกลือออกให้อย่างเบามือ เรียบร้อยแล้วก็แปะพลาสเตอร์ลายลูกเจี๊ยบลงไปปิดแผล แล้วคนชอบฉวยโอกาสอย่างนิชคุณก็ก้มลงไปจุ๊บที่หลังมือเล็กหนึ่งที

ตาเรียวเล็กเบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจ

“ทำไมต้องทำกับผมแบบนี้” อูยองเอ่ยเสียงสั่น สายตามองคนตรงหน้าด้วยความไม่เข้าใจ  ทำไมถึงต้องมาจูบมือเขาได้อย่างหน้าไม่อาย ทำแบบนี้ไม่สงสารแฟนตัวเองเหรอ ถ้าคนนั้นรู้ว่านิชคุณทำกับแฟนเก่าแบบนี้จะรู้สึกยังไง

 

“จูบวิเศษไงครับ แผลจะได้หายไวๆ”   นิชคุณยิ้มออกมาด้วยความเจ้าเล่ห์

 

อูยองไม่พูดอะไรต่อเพียงแค่ใช้มืออีกข้างมากุมมือข้างที่โดนจูบเอาไว้แน่น สายตายังคงมองผู้ชายล้านแปดเล่ห์เหลี่ยมอย่างนิชคุณด้วยความไม่เข้าใจ

 

 

“อูยองเดี๋ยวพี่คุณมานะ”

ร่างสูงรีบเดินมุ่งหน้าไปทางประตู ตาเรียวมองตามแผ่นหลังคนตัวสูงอย่างไม่ละสายตาก่อนจะตะโกนไล่หลัง

 

“จะไปไหน? ผมไม่ชอบอยู่คนเดียว”

นิชคุณหันหลังกลับมายิ้มให้กับเด็กน้อยที่กำลังนั่งห้อยขาอยู่บนเตียง

 

“พี่คุณขอแค่หนึ่งนาที เดี๋ยวมานะครับ”

อูยองนั่งหน้าบึ้งอยู่คนเดียวอยู่ในห้อง ก็บอกว่าไม่ชอบอยู่คนเดียวไง ยังจะทิ้งกันไว้ในห้องคนเดียวอยู่อีก

ไม่นานร่างสูงได้วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาในห้อง ได้หมวกกับเสื้อโค้ดติดไม้ติดมือมาด้วย

 

“พี่คุณไปเอากุญแจรถมาหน่ะ”

 

“จะไปเที่ยวที่ไหนครับ ไม่ได้เที่ยวแถวๆโรงพยาบาลหรอกเหรอ”

 

“ไม่เบื่อหรือไงอยู่โรงพยาบาลมาตั้งนานแล้ว” นิชคุณยิ้มพลางสวมหมวกไหมพรหมที่เขาเตรียมไว้เป็นของขวัญให้อูยองในวันที่ออกจากโรงพยาบาล จะได้ปิดรอยแผลเอาไว้ด้วย

 

“งั้นผมขอเปลี่ยนชุดก่อนได้ไหม?”

 

นิชคุณรีบพยักหน้าให้ทันที “ได้สิครับ ให้พี่คุณช่วยเปลี่ยนไหม”   คนเจ้าเล่ห์อย่างนิชคุณอมยิ้มออกมาทันที

 

“ไม่ต้อง!!”   อูยองกระแทกเสียงใส่

 

“ใช่ซี้~ตอนนี้เก่งแล้ว ช่วยเหลือตัวเองได้แล้วนี่นา” นิชคุณยิ้มออกมาอย่างภูมิใจ  อูยองนี่ก็เก่งเกินไป ทำกายภาพบำบัดแค่แป๊บเดียวก็สามารถควบคุมการเดิน     การใช้แขนใช้ขาได้ปกติแล้ว คนไข้ที่เคยรักษายังไม่เก่งขนาดนี้เลย

ไม่นานอูยองก็ออกมาในชุดแขนยาวสีขาวคอเต่า ยิ่งอูยองใส่เสื้อคอเต่าแบบนี้ก็ยิ่งดูแก้มกลมเข้าไปใหญ่   สวมกางเกงยีนส์ขายาวเข้ารูป แล้วก็หมวกไหมพรหม     สีแดงที่เขาเป็นคนใส่ให้เอง     ดูรวมๆก็ดูน่ารัก

 

……….

……….

……….

 

 

ทันทีที่ได้ขึ้นไปนั่งบนรถออดี้คันหรู คันเดิมที่เขาเคยนั่ง ตาเรียวมองสำรวจไปรอบๆทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม ตุ๊กตาที่อยู่หน้ารถตัวที่เขาเป็นคนซื้อให้ก็ยังมีอยู่แบบเดิม แม้กระทั่งน้ำหอมก็ยังคงเป็นกลิ่นเดิมที่อูยองชอบ  อูยองเผลออมยิ้มออกมาแต่อย่าคิดว่าจะลอดพ้นสายตาคนที่นั่งข้างๆ นิชคุณเห็นอูยองยิ้มก็พลอยยิ้มตามไปด้วย แต่อูยองเหมือนจะคิดอะไรขึ้นได้ก็เลยต้องหุบยิ้มลงก่อนจะนั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง นั่งเงียบเงียบๆไม่พูดไม่จาอะไร เอาแต่มองออกไปข้างทาง       ซึ่งตอนนี้เป็นช่วงฤดูที่ใบไม้กำลังเปลี่ยนสีพอดี ข้างทางเรียงรายเต็มไปด้วยใบไม้สีเขียว แดง เหลืองสลับกันไปเต็มสองข้างทาง อูยองชอบบรรยากาศแล้วก็อากาศช่วงนี้ที่สุดเพราะไม่หนาวจนเกินไป แถมยังได้เห็นต้นไม้สีสวยๆอีกต่างหาก มือเล็กค่อยๆขยับไปกดปุ่มเลื่อนกระจกลง อูยองเอียงหัวให้ติดขอบหน้าต่างรถ แต่ไม่ถึงกับยื่นหน้าออกไปนอกหน้าต่าง ใบหน้ามนโต้ลมเย็นธรรมชาติ ตาเรียวเล็กหลับลงพริ้ม มุมปากบางยกยิ้มจางๆ   ร่างสูงหันไปมองคนตัวเล็กทำแบบนั้นจึงได้ผ่อนคันเร่งลง ลมจะได้ไม่ประทะหน้าอูยองแรงเกินไป   มือเล็กค่อยๆยื่นออกไปนอกหน้าต่างปล่อยให้กระแสลมเย็นจากธรรมชาติได้วิ่งผ่านปลายนิ้วเรียว

 

“อูยองไม่ยื่นมือออกไปแบบนั้นนะครับ อันตราย” เสียงทุ้มเอ่ยดุด้วยความเป็นห่วง คนตัวเล็กแอบหน้างอน้อยๆ เพราะกำลังมีความสุขกับลมธรรมชาติอยู่เลย ถึงอย่างงั้นก็ยอมเก็บมือเข้ามาอย่างว่าง่าย

 

 

ออดี้สีขาวคันหรูจอดเทียบฟุตบาท มือหนาเขย่าร่างเล็กเบาๆเพื่อเป็นการปลุก    คนตัวเล็กเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ คงจะเอาหน้าโต้ลมเย็นๆเพลินจนหลับไป กว่าจะมาถึงจุดหมายก็ใช้เวลานานพาสมควร คนตัวเล็กสะดุ้งตื่น ใช้มือขยี้ตาเบาๆเพื่อเป็นการปลุกตัวเองให้ตื่น อูยองมองไปรอบๆ สถานที่ที่คุ้นตา เพราะเมื่อก่อนเขากับนิชคุณชอบมากันบ่อย นั่นคือสวนสาธารณะที่อยู่นอกเมือง ที่นี่ถูกโอบล้อมไปด้วยภูเขาวิวสวย คนก็ไม่เยอะเหมือนสวนสาธารณะในเมือง แถมต้นไม้ก็ยังเยอะกว่า

 

 

“พามาที่นี่ทำไมครับ”   อูยองเอ่ยถามเสียงเรียบ ทำหน้าบึ้งมองคนที่นั่งอยู่ฝั่งคนขับ

 

นิชคุณยิ้มให้ก่อนจะตอบคำถาม “คิดถึงที่นี่ อยากมากับอูยอง”

พอได้ยินแบบนั้นอูยองเป็นต้องก้มหน้าลงเพราะอูยองเป็นคนเก็บความรู้สึกไม่เก่ง ไม่อยากให้อีกคนเห็นสีหน้าของตัวเองตอนนี้ เพราะมันแสดงออกมาแล้วบ่งบอกว่ามันเจ็บปวดแค่ไหนที่มาที่เดิมๆ กับคนเดิมๆ ที่ตอนนี้สถานะไม่เหมือนเดิม

 

“จะมาย้อนความทรงจำเหรอครับ ในหัวผมมันไม่มีแล้วล่ะ”    …ความทรงจำดีๆที่เคยมีกับนิชคุณอูยองพยายามที่จะลืมมันทุกอย่างนั่นแหละ ถึงจะลืมไม่ค่อยได้ก็ตาม

 

“งั้นเรามาสร้างความทรงจำกันใหม่ ป่ะครับไปเดินเล่นกัน ที่นี่คงคิดถึงเราแย่เลย”   ว่าแล้วก็เปิดประตูลงไป แล้วเดินอ้อมไปอีกทางเพื่อเปิดประตูให้คนตัวเล็กที่เอาแต่นั่งหน้าบึ้งอยู่ในรถ มือหนาดึงมือเล็กชวนให้อูยองลุกออกมาจากรถ แต่คนตัวเล็กนั้นยังดื้อนั่งนิ่งไม่ยอมที่จะลงจากรถ

 

“ถ้าไม่ยอมลงรถเอง งั้นพี่คุณจะอุ้ม”   อูยองหันขวับมาหาคนเจ้าเล่ห์ทันที         แล้วสุดท้ายก็ยอมลงรถอย่างว่าง่าย มือหนาคว้ามือเล็กมาจับเอาไว้แน่น อูยองพยายามแกะมือปลาหมึกของอีกคนออก แต่ยิ่งพยายามแกะออก นิชคุณก็ยิ่งจับมืออูยองแน่นยิ่งขึ้น

 

อูยองหันไปค้อนใส่อีกคนด้วยความไม่พอใจ “ทำไมต้องจับมือผม!! ผมเดินเองได้!!”

 

“ก็อยากจับ” ร่างสูงตอบเพียงสั้นๆแล้วหันไปยิ้มให้กับอูยอง แต่ที่จริงแล้วเขาห่วง อูยองด้วย กลัวว่าเดินไกลแล้วจะหน้ามืดหกล้มเอา คนอย่างนิชคุณไม่บอกหรอกเหตุผลที่ฟังแล้วดูดี มีแต่แสดงเหตุผลที่ส่อแววเจ้าเล่ห์ออกมาเพียงเท่านั้น

 

“ปล่อย! มือ! ผม!”   เสียงเล็กตะวาดใส่อย่างขัดใจ

 

“ถ้าไม่ให้จับมือเดิน งั้นพี่คุณอุ้มนะ”      นิชคุณยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา ได้ยินแบบนั้นแล้วคนตัวเล็กถึงกับยืนสงบนิ่งไม่หือไม่อืออะไร มีเพียงหน้าที่งอง้ำเข้าหากันอย่างขัดใจนั่นแหละแสดงออกมา

 

“ว่ายังไงเอ่ย” ใบหน้าหล่อโน้มลงเข้าไปใบหน้าเนียนที่แสนหวานหวังจะได้คำตอบที่น่าพอใจ

 

“คนเจ้าเล่ห์! เอาแต่ใจ”

 

นิชคุณยิ้มให้กับคำพูดที่อูยองเปล่งออกมา คำนี้เขาไม่ได้ยินมันมานานแล้วนะ     ได้ยินแล้วรู้สึกกระชุ่มกระชวยอย่างบอกไม่ถูก   นิชคุณจับมืออูยองพาเดินเล่นไปเรื่อยๆ สูดเอาอากาศบริสุทธิ์ให้ฉ่ำปอด อูยองมองสำรวจรอบๆมีอะไรที่เปลี่ยนไปบ้างตามกาลเวลา เพราะเขาไม่ได้มาที่นี่นานแล้ว ดอกไม้ ต้นไม้ช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี มองแล้วช่างเพลิดเพลินแล้วก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมากเลยทีเดียว เดินกันมาได้สักระยะนึง นิชคุณถามอูยองอยู่ตลอดว่าเหนื่อยไหม เวียนหัวไหม ถ้าเดินไม่ไหวแล้วก็ให้บอก อูยองตอบกลับมาว่ายังเดินไหว แล้วก็ไม่เวียนหัวด้วย เพียงแค่นี้นิชคุณก็รู้สึกดีใจแล้ว แสดงว่าอูยองหายดีแล้วจริงๆ   ที่จริงเขาจะให้อูยองออกจากโรงพยาบาลวันนี้เลยก็ได้ แต่ขอให้เขาได้เห็นหน้าอูยองอีกหน่อย หนึ่งวันก็ยังดี เพราะไม่รู้ว่าหลังจากนี้อูยองจะยอมเจอเขาไหม

 

“อูยองจำได้ไหม ร้านไอติมที่เราชอบกินอยู่ตรงนั้นไง”   นิชคุณบอกพลางชี้นิ้วไปทางร้านไอติมสีสดใส ถึงแม้จะอยู่ถัดไปอีกประมาณสองร้อยเมตรก็สามารถมองเห็นได้เด่นชัด

 

อูยองพยักหน้าให้ “จำได้ดีครับ ผมไม่ได้สมองเสื่อมนะ”

 

นิชคุณอมยิ้มให้กับการตอบของเด็กดื้อ เมื่อก่อนถ้าอูยองตอบคำถามกวนแบบนี้  ได้จับจูบสั่งสอนไปแล้วนะเนี่ย แต่ครั้งนี้นิชคุณให้อภัย ไม่อยากรังแกเด็กที่พึ่งจะหายป่วย

 

“นั่งรอพี่คุณตรงนี้แป้บนึงนะ” ร่างสูงจูงมืออูยองให้มานั่งรอตรงม้านั่งที่มีต้นไม้ใหญ่ทำหน้าที่ทอดเงาลงมาบังแสงอาทิตย์ให้

 

“เดี๋ยวพี่คุณไปซื้อไอติมมาให้นะครับ”

 

อูยองพยักหน้าแล้วเผลอมยิ้ม “ของผม..”

 

นิชคุณรีบแทรกขึ้นทั้งๆที่อูยองยังพูดไม่จบ “รสช็อกโกแลต เหมือนเดิมเนอะ”    เอ่ยพลางยิ้มให้กับคนที่นั่งอยู่บนม้านั่ง อูยองก้มหน้าลงกัดริมฝีปากล่างตัวเองเบาๆ ก่อนจะพักหน้าให้ มือหนาเอื้อมไปหยิกแก้มนิ่มเบาๆอย่างหมั่นเขี้ยวก่อนจะรีบวิ่งไปที่ร้านไอติม   เมื่อมองให้แน่ใจแล้วว่าร่างสูงไม่หันกลับมามองเขาแล้วอูยองยกรีบยกมือมาลูบแก้มของตัวเองเบาๆ ใบหน้ากลมเริ่มร้อนผ่าวเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่พึ่งเกิด ก่อนจะใช้มือน้อยๆตบที่แก้มตัวเองเบาๆเพื่อเป็นการเตือนสติว่าอย่าไปรู้สึกแบบนี้กับคนมีเจ้าของแล้ว เพราะตอนนี้คนคนนั้นไม่ใช่ของอูยองแล้ว พอคิดได้แบบนั้นอูยองก็ต้องถอนหายใจออกมา จากความรู้สึกดีๆเมื่อสักครู่มันก็เริ่มจะเจ็บหน่วงๆขึ้นมาในใจ

ขณะที่รออีกคนไปซื้อไอติมมาให้ก็มีแต่คู่รักเดินควงแขนกัน ผ่านไปผ่านมาหลายคู่ อูยองได้แต่มองตามตาละห้อย ทำไมต้องมาทำหวานกันในที่สาธารณะแบบนี้ด้วยนะ คิดอยู่ในใจว่าไม่เกรงใจคนโสดแบบเขาบ้างหรือไง

 

“ขอโทษนะคะ ช่วยถ่ายรูปให้เราสองคนหน่อยค่ะ” เสียงหญิงสาวเอ่ยทักขึ้นทำให้ อูยองหลุดจากภวังค์

 

“เอ่อ ขอโทษนะครับ ว่ายังไงนะครับ เมื่อกี้ผมมัวแต่คิดอะไรเพลินๆ”   อูยองลุกขึ้นแล้วเอ่ยถามอย่างสุภาพ

 

“ช่วยถ่ายรูปให้พวกเราสองคนหน่อยนะคะ” หญิงสาวยิ้มควงแขนแฟนหนุ่มหล่อแล้วยื่นกล้องไปให้กับอูยอง อูยองยิ้มรับ ก่อนจะเป็นช่างภาพที่ดี จัดฉากจัดท่าให้เรียบร้อย ถ่ายไปให้สามสี่รูป แล้วก็ส่งกล้องคืนให้เจ้าของ การกระทำของอูยองเรียกความประทับใจให้กับคู่รักคู่นี้ไม่เบา

 

“ขอบใจจ้ะ แล้วมาที่นี่คนเดียวเหรอคะ”   ที่ถามก็เพราะที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องสวนสาธารณะโรแมนติกที่สุดอีกที่นึงของเกาหลีก็ว่าได้ ซึ่งไม่ค่อยมีคนโสดมาเดินคนเดียวให้ตัวเองช้ำใจเล่น

 

“เอ่อ…ผม..ครับผมมาคนเดียว” อูยองยิ้มเจื่อนๆให้กับคู่รักทั้งสองคน ครั้งจะบอกว่ามากับแฟนเก่ามันก็จะยังไงๆอยู่

 

“อะไรกัน พี่แค่เดินไปซื้อไอติมแค่แป๊บเดียว ถึงกับไปบอกคนอื่นว่ามาคนเดียวเลยเหรอครับ หืม?”   เสียงทุ้มดังมาจากข้างหลัง อูยองรีบหันขวับไปทางต้นเสียง    เจ้าของเสียงทุ้มเมื่อสักครู่ยิ้มให้กับอูยองแล้วก็คู่รักคู่นั้นด้วย

“ก็ผมมาคนเดียว ไม่ได้มาเป็นคู่” อูยองหน้าบึ้งใส่

คู่รักทั้งสองคนมองนิชคุณกับอูยองแล้วก็ยิ้มๆ ได้เพียงแค่คิดว่าแฟนคู่นี้ต้องทะเลาะกันอยู่แน่ๆ

 

“ดีกันเร็วๆนะคะ งอลกันนานๆไม่ดีหรอก ถ้าเป็นผู้หญิง ทะเลาะกันแบบนี้ลูกคงดกน่าดู”   หญิงสาวยิ้มให้อูยองกับนิชคุณ

 

“ขอบคุณครับ” นิชคุณยิ้มอย่างพอใจ

 

“ไม่ใช่นะครับเราไม่ได้เป็นแฟนกัน” นิ้วเรียวหยิกไปที่ต้นแขนล่ำๆของนิชคุณด้วยความโกรธ

 

“พวกเราขอตัวก่อนนะคะ ดีกันเร็วๆล่ะ”   สามีภรรยาคู่นี้ยิ้มให้แล้วก็เดินจากไป

 

“อ่ะ ไอติมครับ” นิชคุณรีบยื่นไอติมให้กับคนที่กำลังยืนทำหน้าโกรธ เพราะรู้ดีว่า   ไอติมคือของโปรดอูยอง ต่อให้โกรธแค่ไหนอูยองก็จะลืมเรื่องนั้นแล้วหันมาสนใจไอติมแทน แล้วมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ อูยองยิ้มแล้วรับไอติมรสช็อกโกแล็ตไปกินอย่างสบายใจ แล้วก็เดินหนีเขาเอาซะดื้อๆ นิชคุณต้องยอมใจอูยองเลยจริงๆ ถึงจะเป็นเรื่องที่แปลกแต่ก็จริงๆนะ เพราะเป็นแบบนี้ทุกครั้ง ถ้าอูยองมีเรื่องโกรธ เค้าก็ต้องรีบไปหาไอติมมาดับไฟในใจอูยอง แล้วมันก็ได้ผลทุกครั้ง      นิชคุณได้แต่คิดแล้วก็หัวเราะออกมาเบาๆแล้วก็รีบเดินตามเด็กดื้อไป

 

นี่พระอาทิตย์ใกล้จะตกดินแล้ว อากาศก็เริ่มเย็นลงแล้วด้วย ด้วยความเป็นห่วง     อูยองกลัวว่าคนตัวเล็กจะไม่สบาย เลยถอดเสื้อโค้ดของตัวเองออกแล้วเอาไปคลุมไหล่ให้กับอูยอง แต่เด็กดื้อกลับหันมามองค้อนใส่อย่างขัดใจ

 

“ผมไม่เอาเสื้อโค้ด เอาออกไปเลยเสื้อใครก็ใส่เองสิ”   อูยองหันมาหน้างอใส่เมื่ออีกคนทำอะไรขัดใจ

 

“พี่คุณรู้ว่าเราชอบอากาศเย็นๆแบบนี้ แต่ยังไงก็ต้องใส่ไว้ เดี๋ยวไม่สบายเอา”

 

“ก็ผมไม่อยากใส่!”

 

“ได้เลย งั้นพี่จะเดินโอบเราไปแบบนี้ เอาให้อุ่นกว่าเสื้อโค้ดเลยดีไหม เอาแบบนั้นไหม”   ว่าแล้วก็ยกแขนล่ำๆขึ้นไปโอบไหล่คนตัวเล็กแล้วกระชับให้แน่นขึ้นเพื่อระบายความอุ่น

อูยองใช้ศอกกระทุ้งไปที่ท้องของนิชคุณแรงๆ

 

“โอ้ย! พี่คุณเจ็บนะ”   แรงมหาศาลที่อูยองกระทุ้งศอกลงตรงท้องของเขาจนต้องเอามือลงจากไหล่อูยองแล้วมากุมท้องตัวเองแทน แต่นิชคุณก็ยังไม่เข็ด ยังยกมือขึ้นไปโอบไหล่อูยองอีกเหมือนเดิม

 

“เอามือออก!”   อูยองเตรียมจะกระทุ้งศอกลงที่ท้องนิชคุณอีกครั้งแต่ดีครั้งนี้นิชคุณจับแขนอูยองไว้ทัน เลยยังไม่โดนคนตัวเล็กทำร้ายร่างกายรอบที่สอง

 

“จะเอาออกก็ต่อเมื่ออูยองตกลงกับพี่คุณก่อนว่าจะใส่เสื้อโค้ดไว้”

อูยองถอนหายใจฮึดฮัดออกมาอย่างขัดใจ ก็คงต้องยอมใส่สินะ ไม่งั้นเขาก็จะโดนโอบกอดไว้อยู่แบบนี้

 

“ใส่ก็ได้!” อูยองหน้ามุ้ยตอบอีกคน

.

.

.

 

 

เดินกันมาได้ไกลพอสมควร นิชคุณกลัวอูยองจะเหนื่อย ก็เลยให้มานั่งพักก่อน   แล้วยื่นน้ำให้อูยองดื่มแก้กระหาย

 

“ขอบคุณครับ” อูยองรับขวดขวดน้ำมาจากมือนิชคุณแล้วยกขึ้นกระดกจนเกือบๆจะหมดขวด นิชคุณเห็นแบบนั้นแล้วก็ได้แต่ยิ้มให้ หิวน้ำก็ไม่ยอมบอกกัน  อูยองนี่จะไม่ยอมคุยกับเขาก่อนจริงๆสิน้า ถ้าเขาไม่ยอมคุยหรือถามอะไรก่อน

 

“อูยอง” เสียงทุ้มเอ่ยเรียกชื่อคนที่นั่งเงียบไม่พูดไม่จาอะไร ดื่มน้ำเสร็จก็เอาแต่นั่งก้มหน้าเงียบ มือนั่นบีบขวดน้ำเล่นเป็นระยะๆ

 

“มีอะไรเหรอครับ”   อูยองขานรับแต่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองคนที่เรียกหรอก

 

“อีกนานเลยใช่ไหมกว่าเราจะได้กลับไปเรียนอีก”

 

อูยองพยักหน้าให้เบาๆเป็นการตอบคำถาม จะว่าเป็นคำถามที่เจ็บปวดสำหรับ      อูยองไหม มันก็ใช่ เขาต้องมาดรอปเรียนเพราะเรื่องการป่วยที่เกิดจากเรื่องบ้าๆ แถมยังต้องเรียนไม่จบพร้อมจุนโฮอีกต่างหาก ถึงอูยองจะไม่เงยหน้าขึ้นมานิชคุณก็สัมผัสได้ว่าอูยองก็เสียใจกับเรื่องนี้อยู่ไม่น้อย แทนที่จะได้เรียนจบปีนี้ แต่อูยองต้องไปรอเรียนใหม่อีกทีปีหน้า

 

“พี่คุณขอโทษนะครับ ที่เป็นต้นเหตุเรื่องแย่ๆทั้งหมด”

 

ได้ยินแบบนั้นอูยองเอาแต่นั่งเงียบ ที่นิชคุณมาทำเป็นพูดดีด้วย ทำดีด้วย ลงทุนมาจากอเมริกามาเป็นคนรักษาเขาขนาดนี้ ก็เพราะคงจะรู้สึกผิดอยู่ไม่น้อยที่ตัวเอง    มีส่วนเป็นต้นเหตุที่ทำให้เขาป่วย อูยองรู้ดีว่าพี่คุณอยากจะมาขอโทษ เพราะถ้า   พี่คุณได้ทำผิดกับใครแล้วไม่ได้ขอโทษ     ให้ตายยังไงพี่คุณเขาก็ไม่สบายใจหรอก   ถ้าต่อไปจะขอให้เขาเป็นพี่เป็นน้องกันกับพี่คุณ      อูยองก็ทำให้ได้นะ เพราะยังไงต่อไปก็คงไม่ได้เจอหน้ากันแล้ว ถ้าเจอก็แค่ทักทายกันตามประสาคนเคยรู้จักมันก็คงไม่ได้ยากอะไรหรอก

 

อูยองสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วหันไปยิ้มให้กับคนตัวสูง

“อย่าโทษตัวเองเลยครับ ผมไม่ได้อยากให้ใครมารู้สึกผิด ที่ผมเป็นแบบนี้ก็เพราะตัวผมเองทั้งนั้นแหละ”

 

“พี่คุณอยากจะขอโทษที่บอกเลิกอูยอง พี่รู้ดีว่าอูยองคงเจ็บปวดอยู่ไม่ใช่น้อย”

 

อูยองชะงักไปพักนึง นี่ขนาดรู้ว่าเขาเจ็บปวดก็ยังมีหน้าโทรมาปรึกษาเรื่องแฟนอยู่เนอะ อูยองเพียงแค่คิดในใจ ก่อนจะพูดต่อ

 

“ไม่เป็นไรหรอกครับ อย่าขอโทษเลย คนเราถ้าเจอคนที่ดีกว่าก็ย่อมมีสิทธิ์ที่จะเลือกคนใหม่ทั้งนั้นแหละครับ”   อูยองพูดออกมาเบาๆด้วยความเจ็บปวด อูยองรู้ตัวดีว่าเมื่อก่อนคงทำตัวงี่เง่า เอาแต่ใจ บางทีทำตัวไม่น่ารักใครเขาจะทนได้ ก็ต้องขอบคุณพี่คุณนะที่ทนเขามาได้ตั้งหลายปี อูยองยิ้มให้กับคนตรงหน้า โดยพยายามไม่แสดงสีหน้าที่เจ็บปวดออกมา แล้วคว้าเอามือหนาของอีกคนมากุมเอาไว้แน่น

 

“พรุ่งนี้ผมก็ออกจากโรงพยาบาลแล้ว หมอก็กลับอเมริกาไปทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีนะครับ เป็นคุณหมอที่ดีของคนไข้ ดูแลคนไข้คนอื่นๆให้ดีเหมือนที่หมอดูแลผมด้วยล่ะ   หมอเป็นไอดอลของผมเลยนะ ไว้ผมจบหมอแล้วจะเป็นหมอที่ดีแบบนี้เหมือนกัน”   อูยองพยายามยิ้มแล้วยกนิ้วโป้งให้อีกคน

อูยองต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อที่จะพูดให้น้ำเสียงไม่สั่น อูยองไม่ชอบการจากลา ตอนนี้ในใจอูยองมันเริ่มจะรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาอีกแล้ว

มือเล็กตีลงบนฝ่ามือหนาของนิชคุณเบาๆหลายๆรอบ นิชคุณมองการกระทำของคนตัวเล็กก็พอจะอ่านใจออกว่าอูยองคงมีเรื่องอยากจะพูดต่อ เขาก็เลยเงียบไปก่อน ปล่อยให้อูยองได้ระบายความในใจที่อัดอั้นออกมาให้หมดก่อน

 

อูยองเงียบไปสักพักเพื่อกลืนก้อนน้ำตาก้อนใหญ่ลงคอ ก่อนที่จะรวบรวมความกล้า พูดความในใจที่ตัวเองอยากจะระบายออกมาต่อ

 

“มาอยู่นี่นาน แฟนคงคิดถึงมากนะครับ แล้วหมอก็คงคิดถึงแฟนแย่เลย ”

พูดจบก็ก้มหน้าก้มตาหลบซ่อนความรู้สึกที่เจ็บปวดเพื่อไม่ให้อีกคนเห็น เรื่องมันก็ผ่านมานานแล้ว อูยองคิดว่าตัวเองไม่ควรมาเจ็บปวดกับเรื่องเดิมๆอีก แต่ในที่สุด   อูยองก็พ่ายแพ้ให้กับความเจ็บปวดที่อยู่ในใจของตัวเอง จนน้ำตาไหลออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ อูยองเงยหน้าขึ้นไปสบตานิชคุณ มือเล็กสองข้างรีบยกขึ้นมาปาดน้ำตาออกทั้งๆที่ปากสวยได้รูปยังยิ้มให้กับคนตรงหน้า ที่พูดออกไปแบบนั้นก็เพราะ      อูยองรู้ดีว่าการรอคอยที่จะได้เจอคนที่ตัวเองรักมันทรมานแค่ไหน แต่อูยองก็ตลกตัวเองเหมือนกันทำไมถึงต้องร้องไห้ออกมาด้วย

 

“ค คือ ผ ผม..” อูยองพยายามจะบอกนิชคุณว่าเขาไม่ได้จะเรียกร้องความสงสารหรืออะไรหรอก เพราะตอนนี้พี่คุณเขาก็เลือกทางเดินของเขาแล้ว ในใจก็อยากจะอวยพรให้พี่คุณมีความสุขแต่ก็พูดไม่ออกเพราะอูยองเริ่มควบคุมเสียงตัวเองไม่ได้ ปากบางสีแดงสดเม้มแน่นจนแทบจะห่อเลือด อูยองพยายามที่จะไม่ให้ตัวเองสะอื้นออกมาแต่ก็ทำไม่ได้เมื่อต้องพูดถึงเรื่องที่เจ็บปวด ถึงจะควบคุมเสียงตัวเองไม่ได้ อูยองก็ยังคงต้องพูดสิ่งที่อยากจะบอกกับอีกคนต่อ พูดทั้งๆที่ยังสะอื้นอยู่แบบนั้น

 

“ขอบคุณที่สละเวลามารักษาผมนะครับ ฮึก…คงลำบากใจแย่เลย ขอบคุณที่รักษาผมจนหายดี ทำให้ผมได้มีชีวิตอยู่เพื่อพี่ชายของผม แล้วก็มิงกิ ขอบคุณมากๆจากใจจริง”

 

เมื่อได้พูดระบายความในใจที่อยากจะระบายออกมาทั้งหมดแล้วก็ปล่อยโฮออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ มือเล็กที่กำลังสั่นเทารีบยกขึ้นมาปิดเสียงสะอื้นของตัวเองจะร้องไห้เสียงดังก็ไม่ได้เพราะที่นี่คือสวนสาธารณะ ถ้าคนอื่นมาเห็นเขานั่งร้องให้อย่างหนัก แล้วมีพี่คุณนั่งข้างๆ คนอื่นจะมองพี่คุณยังไง อูยองสะอื้นไห้จนตัวโยน  นิชคุณต้องรีบรั้งร่างที่กำลังสั่นระริกเข้ามากอดปลอบ

 

“ไม่..ฮึก ไม่ต้องกอดผมก็ได้ ผมไม่เป็นไรจริงๆ กลับไปก่อนเถอะครับ ผมอยากอยู่คนเดียวสักพัก ฮึก…เดี๋ยวผมให้คนพี่ของแทคยอนมารับเอง”   อูยองทั้งสะอื้นทั้งพูดออกมาในอ้อมกอดของนิชคุณ ทำให้คนตัวสูงกระชับกอดแน่นเข้าไปใหญ่

 

“ไม่ไปไหนแล้ว พี่ไม่ไปไหน พี่คุณจะอยู่กับอูยองตรงนี้ พี่ขอแค่เราฟังเหตุผลของพี่ก่อนได้ไหมว่าทำไมพี่ถึงต้องทำแบบนั้น”

 

“ฮึก ฮึก ฮึก ฮึก” อูยองยังคงสะอื้นหนัก ตอนนี้นิชคุณทำได้เพียงโอบกอดเอาไว้แน่นๆแล้วลูบหลังอย่างปลอบโยน รอจนให้อูยองได้ร้องไห้ระบายออกมาให้พอเขาถึงได้พูดเหตุผลให้อูยองฟัง

 

“ตลอดเวลาที่พี่คุณอยู่อเมริกา พี่คุณไม่มีวันไหนที่ไม่คิดถึงอูยองเลยนะ ยอมรับตรงๆว่าพี่ฟุ้งซ่านจนเรียนไม่รู้เรื่อง พี่อยากรีบเรียนให้จบเพื่อจะได้กลับมาหาอูยองเร็วๆ พี่ก็เลยคิดตื้นๆโง่ๆไปมีคนใหม่ เผื่อพี่จะมีสมาธิ ไม่ฟุ้งซ่านจะได้รีบเรียนรีบจบซะที พี่นั่นแหละผิด ผิดที่คิดเรื่องบ้าๆ พี่เองก็เจ็บ ตลอดเวลาที่พี่อยู่กับคนใหม่     พี่ไม่ได้มีความสุข เพราะต่างคนต่างมาพบกันเพราะความเหงา พอต่างคนต่างรู้ว่าไม่ใช่ ก็เลิกกันไป ”

 

อูยองผละออกจากอ้อมกอดทันที “แล้วถ้าคนนั้นใช่ ก็คงไม่กลับมาหาผมใช่ไหมครับ”

“อูยองคือคนเดียวที่ใช่ พี่คุณขอโอกาสเริ่มต้นใหม่ได้ไหม”   มือหนาประครองใบหน้ามนให้หันมาสบตากัน   ตาเรียวยิ่งฉ่ำไปด้วยน้ำตาเข้าไปใหญ่เมื่อได้ยินแบบนั้น ร่างบางเริ่มสะอื้นไห้อีกครั้ง มือหนาทั้งสองต้องละออกจากใบหน้ามนไปกอดปลอบแทน มือเล็กโอบกอดเอวนิชคุณแน่น

 

“ผมกลัวโดนทิ้งอีก มันเจ็บ ผมกลัว ฮึก ผมกลัวความรัก”   เสียงสั่นเครือปนสะอื้นของเด็กน้อยร่างเล็กในอ้อมแขนแกร่งของคนที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้อูยองต้องเป็นโรคกลัวความรัก นิชคุณลูบหลังคนร่างเล็บเบาๆอย่างปลอบโยน

 

“ต่อไปนี้พี่คุณจะไม่ทิ้งอูยองไปไหน เชื่อใจพี่คุณอีกครั้งได้ไหมครับ”

อูยองผละออกจากอ้อมกอด จมูกและดวงตาแดงก่ำ ยังไม่หยุดร้องไห้ แล้วก็ได้แต่ส่ายหน้าไปมารัวๆ

 

“พี่คุณ ฮึก พี่คุณคนเดิมไม่มีแล้ว พี่คุณคนเดิมทิ้ง ฮึก ทิ้งผม”   อูยองสะอื้นฮึกฮัก พูดออกมาทำเอานิชคุณแทบจะฟังไม่รู้เรื่อง แต่ก็พอจะจับใจความได้   นิ้วเรียวค่อยๆเช็ดน้ำตาออกให้อย่างอ่อนโยน นิชคุณเห็นอูยองร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดแบบนี้ทำเอาเขาแทบจะขาดใจไปด้วย

 

“ต่อไปนี้จะไม่มีแล้วพี่คุณคนเดิม เดี๋ยวจะมีพี่คุณคนใหม่มาแทน จะเป็นคนดีกว่าเดิมด้วยครับ พี่คุณสัญญา”   เสียงทุ้มเอ่ยอย่างอ่อนโยน ปากหยักยกยิ้มให้กับเด็กที่กำลังร้องไห้งอแง

 

“ฮึก ฮึก” อูยองไม่พูดอะไร ปล่อยให้ตัวเองนั่งสะอื้นอยู่เงียบๆ มีอีกคนคอยเช็ดน้ำตาออกให้อยู่ตลอด

 

“พี่คุณคนใหม่ขอเริ่มจีบอูยองคนเก่าตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไปนะครับ”

 

“ผมอยากกลับแล้ว”    อูยองรีบปาดน้ำตาแล้วลุกขึ้นก่อนจะเดินนำไปก่อน         จนนิชคุณต้องรีบเดินตามไปติดๆ

 

“อูยองคนเก่าจีบยากเพราะเคยจีบแล้ว พี่คุณคนใหม่จะไม่ทิ้งความพยายาม”

อูยองรีบเดินเร็วๆเพื่อจะให้อีกคนตามไม่ทัน มือเล็กก็ยกขึ้นมาปาดน้ำตาออกเป็นระยะๆ

 

 

“ใครบอกว่าผมจะให้จีบ”

ถึงอูยองจะเดินเร็วแค่ไหนเขาก็ตามทัน เพราะขายาวกว่า พอเดินตามทันแล้วก็รีบเข้าไปจับมืออูยองเอาไว้ แต่อูยองรีบสะบัดออกทันที

 

“คนจะให้จีบเขามักจะไม่บอกตรงๆนะว่าให้จีบ”

 

“ผมถามใจตัวเองแล้วว่ามันไม่ให้จีบ!”

 

“ไม่จริง พี่คุณอ่านใจอูยองออกว่ามันบอกว่าให้พี่คุณจีบได้ แล้วแผลที่อยู่ในใจเดี๋ยวพี่คุณจะเป็นคนรักษามันเอง”

อูยองหยุดเดินและหันมามองหน้าคนตัวสูง แล้วทำท่าเหมือนจะร้องไห้ออกมาอีกครั้ง     นิชคุณทำท่าอ้าแขนเตรียมจะเดินเข้าไปกอดปลอบอีกคน ต่างฝ่ายก็ต่างเดินเข้ามาหากัน

 

 

 

“โอ้ย!!!”   นิชคุณร้องลั่นออกมาเพราะโดนเด็กแสบเหยียบเท้าเต็มๆแรง

 

“คนงี่เง่า!!!!!!!!!!!!!!!!!!”   อูยองตะโกนใส่หน้านิชคุณเสียงดังแล้วรีบเดินหนีไป ปล่อยให้นิชคุณร้องโอดโอยเพราะเจ็บเท้าอยู่คนเดียว

 

TBC….

 

Talk

สารภาพตรงๆว่าไรท์เป็นคนร้องไห้ง่ายค่ะ พิมพ์ตอนนี้ไปก็น้ำตาซึมตามบทของอูยองไป ถ้าใครร้องไห้ง่ายแบบกิ๊ฟก็ขออภัยที่ไม่ได้เตือนให้พกทิชชู่ 5555 คือสงสารความรู้สึกของอูยอง คือน้องไม่รู้ว่าพี่คุณเลิกกับแฟนแล้ว คิดว่ามารักษาตัวเองเพราะมารับผิดชอบ แต่เปล่าเลยจ้า พี่คุณมาง้อ แล้วก็มาขอจีบใหม่ “พี่คุณคนใหม่จะดีกว่าคนเดิม” เค้าว่างั้น โฮ๊ะๆๆ จีบใหม่กันเลยทีเดียวอ่าเนอะ เห็นแววเด็กแสบรึยังคะ ตอนนี้ทั้งเอาศอกกระทุ้งพี่จนจุก แล้วก็ยังเหยียบเท้าพี่จนเจ็บอีก 5555555    ขอจบดราม่าเพียงแค่นี้นะคะ ขมกันมาตั้ง9 ตอนแล้ว ต่อไปจะเดินหน้าหวาน ใครสายดราม่าจ๋าอาจผิดหวังเล็กๆ ต้องขอโทษด้วยน๊าที่ทำให้ผิดหวัง T-T เพราะเราไม่สามารถดราม่าได้มากกว่านี้แล้วจริงๆ ปวดหัว 5555 #ทีมพี่คุณ เหตุผลงี่เง่าไปหน่อยก็ให้อภัยเค้าเถอะเนอะรีดเดอร์เนอะ มาเอาใจช่วยให้พี่คุณจีบเด็กสอบใหม่กันดีกว่า~~~~

“ขอขอบคุณทุกคอมเม้นท์เลยน๊า ขอบคุณจริงๆค่ะ มีกำลังใจๆ อย่างน้อยก็รู้ว่ามีคนตามอ่านมาเรื่อยๆ ไม่เบื่อแล้วหนีกันไปซะก่อน”

[Fic khunwoo] Love and hate 8

Title:Love and hate 8

Couple: KhunWoo

Writer: ilovekw

Rate : PG 

Gente :  dark drama and Romantic

นี่คือฟิคที่เกิดจากจินตนาการของไรทเตอร์ enjoy reading ^^

 

 

 

 

 

หลังจากที่วันนั้น วันที่นิชคุณรวบรวมความกล้าทั้งหมดเพื่อที่จะเข้าไปเจออูยอง   มันก็ได้ผลจริงๆ เพราะตอนนี้เขาได้เข้าไปตรวจอาการของอูยองด้วยตัวเองทุกวันแล้ว  แต่เขาก็ต้องยอมทำตามที่อูยองขอ คือทำหน้าที่แค่หมอกับคนไข้เพียงแค่นั้น ถึงจะอึดอัดมากก็ไม่เป็นไร ก็ต้องยอมทำตาม ถ้าไม่ทำตามข้อตกลงอูยองจะไม่ยอมให้เข้าไปหาแน่นอน มีบางครั้งที่อยากจะคุยกับอูยองด้วยประโยคอื่นที่ไม่ใช่การถามอาการบ้าง แต่ลองถามประโยคอื่นแล้ว อูยองไม่ยอมปริปากคุยด้วยเลยแม้แต่คำเดียว แล้วบางวันถ้าไม่มีคนว่างไปเฝ้าไข้อูยองเขาก็อยากจะอยู่คุยกับอูยองนานๆ อยากจะอยู่เป็นเพื่อนอูยอง เพราะกลัวจะเหงา ก็ได้แต่แกล้งตรวจอาการนานๆ ถามอาการหลายๆอย่าง พอตรวจเสร็จอูยองก็เอาแต่ไล่ให้ออกจากห้อง    จนนิชคุณทำอะไรไม่ได้แล้วก็เดินหน้าหงอยออกจากห้องไปอย่างเงียบๆ

 

แต่หลังจากนั้นหนึ่งสัปดาห์เหมือนสวรรค์ได้กลั่นแกล้งนิชคุณอีกแล้ว เพราะจิตแพทย์มินจุนได้มาขอพบเขาเป็นการส่วนตัว เพื่อที่จะมาขอให้เขาอย่าพึ่งไปเจอ   อูยองทุกวัน เพราะสุขภาพทางด้านจิตใจของอูยองรู้สึกจะย่ำแย่ลง มินจุนบอกให้นึกถึงจิตใจของอูยองด้วย ตอนนี้อูยองป่วยอยู่สุขภาพทางจิตใจก็ย่อมอ่อนแอลงไปด้วย แล้วยิ่งอูยองได้เห็นหน้านิชคุณ สุขภาพจิตของอูยองก็ยิ่งแย่ลงเข้าไปใหญ่   นิชคุณก็ยอมรับข้อตกลงโดยไม่มีข้อแม้ใดๆทั้งสิ้น  เพราะถ้าอาการอูยองดีขึ้น    แต่สุขภาพจิตของอูยองแย่ลงมันก็ไม่ดีเหมือนกัน

 

.

.

.

สามวันถัดมา

.

.

.

.

 

เช้าๆแบบนี้พยาบาลซองอึนได้เดินเข้ามาทำหน้าที่ของตัวเองตามปกติ คือมาป้อนข้าวให้อูยอง

 

“สวัสดีจ้ะคุณอูยอง” ซองอึนยิ้มทักทายกับอูยองตามปกติ

 

“สวัสดีตอนเช้าครับพี่พยาบาลซองอึน”อูยองยิ้มทักทายอย่างสดใส แต่ทันทีที่มองผ่านไหล่พยาบาลซองอึนไปเห็นว่าอีกคนกำลังเดินตามเข้ามาติดๆ ปากที่ยกยิ้มเมื่อสักครู่ได้หุบลงทันที

 

“มันยังไม่ถึงเวลาที่หมอจะเข้ามาตรวจไม่ใช่เหรอครับ!?”   อูยองเอ่ยเสียงเรียบ เป็นประโยคคำถามที่ไม่รู้ว่าต้องการคำตอบจากพยาบาลซองอึนหรืออยากได้คำตอบจากนิชคุณกันแน่

 

“ครับ~ยังไม่ถึงเวลาที่คุณหมอจะเข้ามาตรวจ” หมอหนุ่มเอ่ย เดินยิ้มแป้นตั้งแต่หน้าประตู มาจนถึงคนป่วยที่นั่งหน้างออยู่บนเตียง แล้วก็ลากเก้าอี้เข้ามานั่งใกล้ๆ มองหน้าคนที่หน้างออยู่บนเตียง นี่คงไม่สบอารมณ์มากเลยสิน้าที่ได้เห็นหน้าเขา

อูยองหันไปมองคนที่เอาแต่นั่งยิ้มอยู่ข้างๆเตียงด้วยหางตา ก่อนจะถามออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบ

 

“แล้วเข้ามาทำไมครับ?!!”

 

ถึงอูยองจะถามเขาด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยพอใจนัก นิชคุณก็ยิ้มสู้ก่อนจะตอบคำถามของเด็กดื้อ

“พี่คุณอยากมาหาอูยองครับ”

 

อูยองได้ยินอีกคนพูดขัดหูก็ยิ่งทำหน้าไม่พอใจเข้าไปใหญ่

“ผมเคยบอกแล้วนะว่าอย่าใช้คำพูดแบบเมื่อก่อน แทนตัวเองให้ถูกด้วยนะครับ   เรารู้จักกันแค่ฐานะคนไข้กับหมอ”

 

“พี่คุณอึดอัดครับ ไม่อยากแทนตัวเองว่าหมอกับอูยอง”

 

“ผมก็อึดอัดที่ได้ยินหมอแทนตัวเองว่าพี่คุณ!!”   เพราะคนนี้ไม่ใช่พี่คุณคนเดิมของ อูยองแล้ว พี่คุณคนเดิมไม่เคยทำให้อูยองเจ็บปวด พี่คุณคนเดิมได้หายไปหลังจากคำว่า “เราเลิกกัน” ตั้งแต่วันนั้นแล้ว

 

“อูยองครับ~ พี่คุณขอแทนตัวเองแบบนี้นะ นะครับ นะ~”   นิชคุณลองใช้ลูกอ้อน   ดูบ้างแบบที่   อูยองเคยใช้อ้อนเขาอยู่บ่อยๆ ไม่รู้มันจะน่ารักจะน่าเอ็นดูแบบที่อูยองทำหรือเปล่า

 

พยาบาลซองอึนยืนดูสถานการณ์อยู่เงียบๆรู้สึกว่าสถานการณ์เริ่มจะน่าอึดอัดขึ้นทุกที เขาได้แต่ภวนาให้ทั้งสองคนนี้ลงเอยกันด้วยดีเถอะ คุณหมอของเขาก็น่าสงสารเหลือเกิน แต่คุณอูยองก็น่าเห็นใจเหมือนกัน เขาได้เพียงแค่ยืนมองแล้ว ถอนหายใจออกมายาวๆ

 

“ทำไม่ได้ออกออกจากห้องนี้ไปครับ!”    อูยองยังคงหน้าบึ้งตึงใส่

 

“นะครับอูยอง” คราวนี้แค่น้ำเสียงน่าจะอ้อนไม่พอ นิชคุณเลยทำหน้าทำตาให้น่าสงสาร บวกกับแววตาออดอ้อนนิดๆหน่อยๆ ที่ทำได้ทั้งหมดนี่ก็เพราะเขาลอกเรียนแบบมาจากอูยองทั้งนั้นแหละ อูยองทำแบบนี้กับเขา เขายังยอมใจอ่อนทุกครั้งไป แล้วถ้าเขาทำแบบนี้กับอูยองบ้างล่ะ   อูยองจะใจอ่อนด้วยเหมือนกันหรือเปล่า

อูยองหันมามองเพียงแค่เสี้ยววินาที แล้วกัดปากใส่อีกคนอย่างขัดใจ

 

“จะทำอะไรก็ทำ! จะเรียกอะไรก็เรียก! ตามใจเลยครับ ยังไงก็ไม่เคยนึกถึงจิตใจของผมอยู่แล้วนี่”   บางทีอูยองก็ขี้เกียจต่อล้อต่อเถียงกับนิชคุณ เพราะรู้ว่านิชคุณถ้าได้เกิดเอาแต่ใจขึ้นมา อยากทำอะไรก็ทำได้ทั้งนั้นนึกถึงแต่ตัวเองหนิ เลยลืมนึกไปถึงจิตใจคนอื่นแบบนี้ไม่เรียกเห็นแก่ตัวจะเรียกอะไร   ครั้งนี้ก็เหมือนกัน          ถึงอูยองจะบอกปากเปียกปากแฉะก็คงเอาชนะคนเอาแต่ใจคนนั้นไม่ได้หรอก

 

“ไม่ใช่อย่างงั้นครับ พี่คุณแค่ไม่อยากคุยกันห่างเหินกับอูยอง”   อ่า~มันแย่ตรงนี้สิ ตรงที่อูยองยังไม่ยอมเปิดใจคุยกับเขา อูยองก็เลยปิดกลั้นทุกอย่าง

 

“พี่ซองอึนครับ ผมหิวแล้ว!!”  อูยองรีบเปลี่ยนประเด็นทันที พยาบาลซองอึนที่กำลังยืนดูสถานการณ์อยู่แบบมึนๆงงๆก็ถูกดึงสติด้วยเสียงเรียกจากอูยอง แล้วรีบจัดแจงเตรียมข้าวต้ม ก่อนจะมองหน้าคุณหมอว่าจะเอาไงดี ถ้าเขาเป็นคนป้อนข้าวให้อูยองแผนที่เตรียมมาก็จะล่ม

 

“มาครับพี่คุณป้อนเอง” หมอหนุ่มเอ่ยพลางยิ้มแล้ว หันไปพยักหน้าให้ซองอึนเชิงบอกว่าให้ส่งชามข้าวต้มมาให้เขา ซองอึนรีบยื่นถ้วยข้าวต้มให้คุณหมออย่างไว แล้วรีบถอยห่างออกมา

 

“มันเป็นหน้าที่ของพี่พยาบาลซองอึน”   อูยองบอกอย่างขัดใจ เรื่องอะไรเขาจะต้องให้นิชคุณมาป้อนข้าวด้วย หน้าที่ตัวเองก็ไม่ใช่ซะหน่อย ทำไมถึงชอบขัดใจอยู่เรื่อย น่ารำคาญ!!

“อุ๊ยตายจริง วันนี้ต้องไปดูคนไข้อีกวอร์ดนึงนี่นา”   พยาบาลซองอึนแสร้งเอ่ยขึ้นจริงๆแล้วก็ไม่ได้มีงานที่ไหนหรอก แต่ต้องโกหกคุณอูยองก็เพราะคุณหมอได้มาออดอ้อนขอเขาทำหน้าที่นี้ตั้งหลายวันแล้ว แต่เขาก็เกรงใจคุณแทคยอน เพราะคุณแทคยอนอุส่าจ้างให้เขาเป็นพยาบาลพิเศษให้คุณอูยองนี่นา แต่ครั้งนี้เขายกให้คุณหมอผู้น่าสงสารของเขาวันนึงแล้วกัน เพราะดูเหมือนว่าเขาจะอยากดูแลคนไข้คนพิเศษของเขาซะเหลือเกิน

 

“ถ้าอย่างงั้น…ฝากคุณหมอป้อนข้าวคุณอูยองหน่อยนะคะ”   หญิงสาวหันไปยิ้มแล้วขยิบตาให้คุณหมอคนหล่อไปทีนึง ค่อยโล่งใจไปหน่อย นึกว่าสิ่งที่เตรียมกันมาจะล่มซะแล้ว

นิชคุณยิ้มรับอย่างเต็มใจ “ไม่ต้องห่วงนะครับ เดี๋ยวผมทำหน้าที่นี้ให้ดีที่สุดเลย”

หลังจากที่หมอหนุ่มรับปากแล้วซองอึนก็กึ่งเดินกิ่งวิ่งออกจากห้องนี้ทันที เขาก็อยากให้สองคนนี้ได้อยู่กันสองต่อสองบ้าง

 

“พี่ซองอึน!! มาป้อนข้าวผมเดี๋ยวนี้เลยไม่งั้นผมไม่ทานข้าวจริงๆด้วย!!”   อูยองตะโกนไล่หลัง เห็นว่าพยาบาลซองอึนไม่หันมาสนใจเอาแต่รีบเดินออกจากห้องไปไม่รู้จะรีบอะไรขนาดนั้น ถึงไม่ได้สนใจเสียงตะโกนเรียก   เด็กน้อยหน้างอง้ำเข้าอย่างขัดใจ ปากนั้นเบะเข้าจนเป็นสระอิ ทำแบบนั้นแก้มก็ยิ่งป่องเข้าไปใหญ่      ทำเอาคนที่นั่งดูพฤติกรรมของเด็กขี้งอแงได้แต่ยิ้มให้กับความน่ารัก  อูยองยังนิสัยเหมือนเดิมทุกอย่าง

บรรยากาศในห้องตอนนี้อยู่กันเพียงแค่สองต่อสองทำให้อูยองรู้สึกอึดอัดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก แต่คงมีแต่อูยองเท่านั้นแหละที่อึดอัด เพราะอีกคนยังนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างพอใจ

 

“อูยองทานข้าวกันครับ”   เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น

 

“ผมไม่ทาน!!!!” อูยองบอกด้วยความเอาแต่ใจ นั่นทำเอาอีกคนยกยิ้มอย่างพอใจ  นี่สิคืออูยองตัวจริง ต้องงอแงแบบนี้แหละ นิชคุณชอบ งอแงมาสิเขาชอบโอ๋ งอลมาสิเขาชอบง้อ

 

“ไหน~ เมื่อกี้ใครกันที่บอกพี่พยาบาลซองอึนว่าหิวข้าวเอ่ย”  นิชคุณรู้ว่าอูยองคงไม่อยากให้เขาป้อนข้าว แต่ยังไงซะอูยองก็ต้องทานข้าว ดูซิว่าเขาจะยังปราบเด็กดื้อคนนี้ได้อยู่ไหม

 

“ก็ผมไม่อยากทานแล้ว!”

 

“จะไม่ทานจริงเหรอครับ ดูสิข้าวต้มหมูสับแครอทของโปรดใครกันน้า~”             ไม่พูดเปล่า มือหนายังตักข้าวต้มขึ้นมาจากถ้วยทำทีเป็นเป่าให้กลิ่นหอมๆของข้าวต้มนั้นลอยไปเตะจมูกของคนที่งอแงบอกจะไม่กิน ทีนี้ไม่หิวก็ให้รู้กันไปเลย

 

“ห๊อมหอมนะ น่าทานมากด้วย” ว่าไปแล้วนิชคุณก็ตักข้าวต้มเข้าปากตัวเองไปคำ ทำท่าอร่อยเกินจริงโชว์ให้คนที่บอกไม่อยากกินเห็น ดูซิว่ายังจะไม่อยากกินอยู่ไหม

 

“ผมเบื่อแล้ว!”    ปากบอกว่าเบื่อ แต่ถึงอย่างงั้นก็กลืนน้ำลายลงคอตาม ดูตาเดียวก็รู้ว่าหิว นิชคุณเห็นแล้วกระตุกยิ้มมุมปาก แสดงว่าการแสดงของเขานั้นหลอกเด็กปากแข็งได้จริงๆสินะ

 

“ทานหน่อยนะครับ พี่คุณทำเองเลยนะเนี่ย อร่อยด้วย”

อูยองขมวดคิ้วเป็นปม ทำเอง? งั้นแสดงว่าที่ผ่านมาข้าวต้มหน้าตาแบบนี้ที่เขาทานมาทุกวัน นี่ไม่ใช่ข้าวต้มของโรงพยาบาลตามที่พยาบาลซองอึนบอกหรอกเหรอ

 

“ใครสั่งให้หมอทำล่ะ ไม่ได้สั่งซะหน่อย ทำเองก็ทานเองให้หมดเลยสิครับ!”

 

“ก็คุณพยาบาลซองอึนเคยบอกพี่คุณว่า อูยองทานข้าวน้อย พี่คุณเลยทำข้าวต้มแบบนี้ให้ไงล่ะ เอ๊ะ หรือเราอยากจะกลับไปทานข้าวต้มของโรงพยาบาลแบบเดิม?”   ว่าแล้วนิชคุณก็แกล้งทำเป็นเก็บชามข้าวต้มลง เก็บช้อนเรียบร้อย อูยองมองตามตาละห้อย

 

“ก็ไม่ป้อนจะให้ผมทานยังไงล่ะ ถ้าผมมีแรงยกแขนผมไม่รอให้ใครต้องมาป้อนข้าวหรอก!” อูยองบอกอย่างขัดใจ ถึงเขาจะไม่อยากให้นิชคุณป้อน แต่เขาก็ไม่อยากทานข้าวต้มจืดๆของโรงพยาบาลเหมือนกันแหละ ถ้าต้องไปทานข้าวต้มรสชาติเหมือนน้ำต้มผักอูยองยอมให้นิชคุณป้อนข้าวต้มชามนี้ซะดีกว่า

 

นิชคุณก็นึกขำอยู่ในใจ มางอแงใส่หาว่าเขาไม่ยอมป้อน แล้วไอ้ที่เกลี้ยกล่อมให้ทานข้าวอยู่เมื่อกี้มันคืออะไรล่ะ ใครกันที่ดื้อไม่ยอมทานเอง คิดแล้วก็อมยิ้มให้กับความดื้อของอูยอง แล้วมือหนาตักข้าวต้มขึ้นมาเป่าให้หายร้อนก่อนจะป้อนให้กับคนป่วย

 

“อ่ะ ทานเยอะๆเลยนะครับ”

นิชคุณยิ้มให้กับเด็กดื้อที่นั่งทานข้าวที่เขาป้อนให้ ดูแล้วก็น่าเอ็นดู ถึงสายตาอูยองจะเอาแต่มองชามข้าวต้ม ผลัดมองออกไปทางนอกหน้าต่างบ้างล่ะ ไม่ยอมมองเขาเลยแม้แต่น้อย ก็น่าเอ็นดูไปอีกแบบ

 

“ผมอิ่มแล้ว” ทานไปได้แค่สองสามคำอูยองก็ไม่ยอมอ้าปากรับข้าวต้มเอาซะดื้อๆ นิชคุณไม่เชื่อหรอกว่าอูยองจะอิ่ม เพราะคุณซองอึนบอกว่าทุกวันนี้อูยองทานข้าวได้เยอะขึ้น ข้าวต้มชามเดียวไม่พอหรอก

 

“ถ้าทานน้อยเดี๋ยววันนี้ไม่มีแรงไปทำกายภาพบำบัดน้า~~”     ทันทีที่พูดออกไปแบบนั้นเขาแอบเห็นอูยองทำตาโตแล้วก็ยิ้มออกมาน้อยๆ คงดีใจล่ะสิท่า ที่จะได้ไปทำกายภาพบำบัดสักทีอูยองคงอยากจะขยับแขนขาเต็มที่แล้วล่ะ อีกอย่างอยู่โรงพยาบาลนานขนาดนี้อูยองไม่ได้ออกไปสูดอากาศข้างนอกเลย ก็เพราะผลข้างเคียงทำให้มีอาการเวียนหัวอยู่บ่อยๆ เลยต้องนอนพักอย่างเดียว คงจะทำให้เบื่อน่าดู แต่นี่อาการก็ดีขึ้นมากแล้วแหละ

 

“จะได้ไปทำกายภาพแล้วจริงเหรอครับ” อูยองถามด้วยความตื่นเต้นดีใจ

“วันนี้จะได้ไปทำกายภาพไหมขึ้นอยู่กับอูยองแล้วล่ะ ว่าจะทานข้าวเยอะพอที่จะมีแรงไปทำกายภาพหรือเปล่า”   นิชคุณยิ้มให้ แล้วตักข้าวขึ้นมารอป้อน อูยองยอมอ้าปากทานข้าวอย่างว่าง่าย นิชคุณก็ทำได้เพียงยิ้มเอ็นดูให้กับเด็กดื้อ คิดอยู่ในใจว่าอย่างน้อยเขาก็สามารถปราบเด็กดื้อปากแข็งอย่างอูยองได้อยู่แหละน้า~

 

“ดีใจไหมครับ อูยองจะได้ไปทำกายภาพแล้ว”

อูยองพยักหน้าให้ “ทำไมผมจะไม่ดีใจล่ะครับ ถ้าหายแล้วก็จะได้ออกจากโรงพยาบาลสักที ที่สำคัญจะได้ไม่ต้องเห็นหน้าหมออีก!”   อูยองตอบคำถามไปตามปกติ แต่คำตอบนั้นกลับทำเอานิชคุณยิ้มเจื่อนๆ

 

“ถ้าอย่างงั้นพี่คุณยังไม่พาไปทำกายภาพดีกว่าไหม พี่คุณอยากเห็นหน้าคนไข้ของพี่นานๆ”   นิชคุณแสร้งพูดติดตลก แต่ในใจนั้นเจ็บปวดเหลือเกิน อูยองคงเกลียดเขามากจริงๆแล้วก็คงจะอึดอัดที่ได้เห็นหน้าเขา

 

“ผมให้พี่พยาบาลอึนซองพาไปทำกายภาพบำบัดก็ได้ นี่ก็ไม่ใช่หน้าที่อะไรของหมอเลยนะ”

นิชคุณยิ้มแห้งๆให้กับอีกคนก่อนจะเปลี่ยนประเด็นบทสนทนา “ทานข้าวต่อนะครับ อูยอง”

 

หลังจากป้อนข้าวเสร็จหน้าที่ต่อไปคือเช็ดตัวให้คนป่วย พอรู้ตัวว่านิชคุณกำลังจะเตรียมเช็ดตัวให้อูยองเริ่มหน้างอทันที

 

“ผมหนาว ไม่อยากเช็ดตัว ผมไม่เช็ดตัวนะ!”

คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันด้วยความกังวนเพราะกลัวว่าอูยองจะมีไข้ เลยต้องรีบไปหยิบปรอทมาวัดอุณหภูมิร่างกายดูหน่อย   ตาคมมองตัวเลขที่ปรากฏบนปรอทอุณหภูมิร่างกายก็ปกติดี ไม่ได้มีไข้นี่นา ถึงอากาศนอกห้องจะเย็นนิดหน่อย แต่ตอนนี้ในห้องเปิดฮีตเตอร์อุณหภูมิห้องก็อุ่นกำลังดี   แต่พอมองหน้าคนป่วยก็ได้เห็นแก้มนั้นแดงระเรื่อเขาถึงจับได้ว่าอูยองโกหก เพราะคงจะเขิลที่เขาจะเช็ดตัวให้แน่ๆ

 

“ไม่ต้องอายนะครับ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น

 

“ม ไม่ได้อายซะหน่อย” อูยองหลบหน้าไม่ยอมสบตากับคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า

 

นิชคุณก้มต่ำลงมากระซิบข้างหูของคนป่วยเบาๆ “อ่านั่นหน่ะสิครับ ยังไงเราก็เคยเห็นอะไรต่อมิอะไรกันอยู่แล้วนี่นา”   นิชคุณก็อดไม่ได้ที่จะแกล้งคนป่วยที่น่ารักของเขา ถึงจะป่วยอยู่ก็ขอแกล้งหน่อยเถอะ

 

“เงียบไปเลยนะ!!!”   อูยองหันมาตะวาดใส่ แก้มนั้นก็ยิ่งแดงเข้าไปใหญ่   เห็นแล้วช่างน่าแกล้งยิ่งนักล่ะ

 

“มาพี่คุณขอถอดเสื้อหน่อยนะครับ”

เสียงทุ้มเอ่ยขออนุญาตอย่างสุภาพก่อนที่มือหนาค่อยๆแกะกระกุมเสื้อคนป่วยออกทีละเม็ด อูยองรู้สึกว่าตัวเองหายใจติดๆขัดๆ แถมเหงื่อเจ้ากำก็ดันผุดออกเป็นเม็ดๆ อูยองรีบเบือนหน้าหนีไม่มองคนที่กำลังปลดกระดุมเสื้อของเขา   นิชคุณรู้ว่าอูยองคงอึดอัด แล้วก็เขิลน่าดู เลยรีบเช็ดตัวท่อนบนให้เสร็จแล้วก็ใส่เสื้อตัวใหม่ให้ วันนี้ชุดคนป่วยเป็นสีขาวมีลายตุ๊กตาหมี มองดูแล้วช่างเข้ากับอูยองนักล่ะ ขนาดป่วยอยู่ยังไม่ลดความน่ารักลงเลย นิชคุณเชยชมความน่ารักของ     อูยองเสร็จแล้ว       มือหนาก็เอื้อมไปจับที่ขอบกางเกงของคนป่วย แต่คนป่วยของเขากลับงอแงใส่

 

“ฮือออ ม ไม่เอา ไม่ถอดกางเองนะ!!”   คนตัวเล็กมีท่าทีอิดออด น้ำเสียงงอแง แถมพยายามยกมือมารั้งขอบกางเองตัวเองเอาไว้ ทั้งๆที่รู้ว่าไม่มีแรงพอที่จะดึงไว้ได้ แต่นี่ก็เป็นการแสดงให้อีกคนเห็นว่าอูยองไม่อยากให้อีกคนถอดกางเองเขาออก

 

“ไม่ถอดแล้วพี่คุณจะเช็ดตัวให้เราได้ยังไงล่ะครับ หืม~?”   ร่างสูงขมวดคิ้วด้วยความจริงจัง เพราะเขายังไม่ได้คิดทะลึ่งอะไรสักหน่อย ก็แค่จะเช็ดตัวให้จริงๆ

 

“ก็ไม่เช็ด” อูยองบอกเสียงเบาด้วยความเก้อเขิล

 

ร่างสูงยืนมองคนที่กำลังงอแง แถมยังแก้มแดงเพราะความเขินอายก็อดจะยิ้มไม่ได้ แต่ยังไงซะ น้ำเสียงออดอ้อนงอแงตอนนี้ก็ทำอะไรเขาไม่ได้หรอก ถึงจะเกือบใจอ่อนแล้วก็ตาม

“ไม่ได้ครับ สกปกรกแย่”

 

“รอให้พี่แทคยอนมาเช็ดให้” เด็กน้อยบอกเอาแต่ใจ เพราะปกติหน้าที่เช็ดตัวจะเป็นหน้าที่ของพี่ชายของอูยองแค่เพียงคนเดียว

 

“พี่ชายอูยองไปประชุมที่ต่างประเทศ”

 

“รู้ได้ยังไง พี่แทคยอนไม่เห็นบอกผม”

 

“พี่คุณรู้แล้วกันน่า”    มือหนารั้งขอบกางเกงอูยองลงอีกรอบ แต่มือเล็กก็ยังพยายามปัดมือเขาออกทันที

 

“ฮืออ..อย่าถอดกางเกงผมนะ!!”   อูยองทำหน้างอแงใส่คนที่กำลังจะจับเขาถอดกางเกง เรื่องอะไรเขาจะต้องให้คนเจ้าเล่ห์อย่างนิชคุณมาถอดกางเกงออกด้วยล่ะ ถ้าเกิดคิดทำมิดีมิร้ายกับเขาจะทำยังไง ยิ่งอยู่กันแค่สองคนด้วย พอพี่แทคยอนไม่อยู่ อูยองรู้สึกถึงความปลอดภัยลดลงยังไงก็ไม่รู้ ถ้าพี่แทคยอนอยู่ด้วย นิชคุณจะไม่กล้าทำอะไรมาก แต่ครั้งนี้พี่ชายไม่อยู่ อูยองเหมือนขาดอาวุธชั้นเลิศไป

 

“อูยองไม่งอแงนะครับ แค่เช็ดตัวเอง”   เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น แล้วก็พยายามเกลี้ยกล่อมอย่างใจดี

 

“ถ้าหมอยังดื้อ ผมจะฟ้องพี่แทคยนจริงๆด้วย”

นิชคุณยืนมองเด็กที่กำลังงอแงใส่เขาแถมยังมีการมาบอกว่าเขาดื้อ เห็นอูยองงอแงแบบนี้นิชคุณก็อยากจะเล่นบทโหดจับอูยองถอดกางเกงรีบเช็ดตัวให้เสร็จตอนนี้เลยก็ได้ แต่เขาก็ไม่อยากจะเป็นคนใจร้ายในสายตาอูยองอีก ก็เลยต้องมาหาทางเกลี้ยกล่อมให้อูยองยอมเช็ดตัวอยู่แบบนี้ไง ทำแบบนี้เรียกว่าดื้อเหรอ ใครกันแน่ที่ดื้อกับเขา

 

“พี่คุณเช็ดให้แป๊บเดียวครับ”   เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ชวนให้อีกคนเชื่อฟัง แต่ ดูเหมือนอูยองจะไม่ยอมฟังเขาอีกอยู่ดีนั่นแหละ แต่คุยกับเด็กก็คงต้องมีข้อตกลงกันหน่อยล่ะ ก็เลยลองใช้วิธีเกี่ยวก้อยสัญญาลองดู

 

“พี่คุณไม่ทำอะไรแน่นอนครับ สัญญา” นิชคุณยิ้มให้แล้วชูนิ้วก้อยขึ้นมา

 

“จ จริงนะ” เด็กน้อยถามด้วยความกล้าๆกลัวๆ ใบหน้าชื้นเหงื่อ แก้มนั้นแดงเปล่ง

ดูเหมือนว่าวิธีนี้จะใช้ได้ผลจริงๆซะด้วย นิชคุณยิ้มแล้วพยักหน้าให้ด้วยความจริงใจ เขารู้ดีว่าอูยองคงกลัวโดนทำมิดีมิร้ายกับตัวเองแน่ๆ เพราะเมื่อก่อน…..เรา…เอาเป็นว่ารู้กันนะครับว่าเราทำอะไรกันอยู่บ่อยๆ

 

“ระ เร็วๆแล้วกันครับ ห้ามมองด้วย!” อูยองบอกด้วยความเขิลอาย เมื่อก่อนเราเห็นอะไรต่อมิอะไรกันบ่อยจนเป็นเรื่องปกติไปแล้ว แต่นี่มันไม่เหมือนเมื่อก่อน เพราะตอนนี้เราไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว

 

“ไม่มองแล้วจะให้พี่คุณเช็ดตัวให้เราได้ยังไงล่ะครับ หืม~?”

 

“ไม่รู้ล่ะห้ามมอง!”

 

“งั้นอูยองก็หลับตาลงด้วยนะครับ จะได้ไม่อาย”

 

“มะ ไม่หลับตา! หมอนั่นแหละที่ต้องหลับตา”

 

นิชคุณหัวเราะออกมาเบาๆกับข้อตกลงของเด็กน้อย นี่เขาเป็นคนเช็ดตัวให้นะ อุส่าหลอกล่อให้อูยองหลับตาลง อูยองจะได้ไม่ต้องเห็นว่าเค้าทำอะไรให้ แล้วก็จะได้ไม่ต้องอาย แต่อูยองดันดื้อที่จะให้เขาไม่มองให้ได้สิน้า

 

“ไม่หลับตาแสดงว่าไม่เขิลแล้วเหรอครับ? งั้นระหว่างพี่คุณเช็ดตัวให้ อูยองก็บอก พี่คุณด้วยนะว่าให้เช็ดตรงไหน เพราะถ้าพี่คุณเป็นฝ่ายหลับตาก็จะไม่เห็นอะไรเลยยังไงล่ะ เอาแบบนั้นเนอะ”

อูยองนั่งคิดทบทวนตามที่นิชคุณบอก ถ้าจะให้เขาคอยบอกว่าให้เช็ดตรงนั้นหน่อย ตรงนี้หน่อยมันไม่น่าอายกว่าเหรอ คนตัวเล็กสะบัดหัวเบาๆเพื่อปล่อยความคิดทะลึ่งๆนั้นออกไปแล้วรีบหลับตาปี๋ทันที นิชคุณเห็นแบบนั้นก็ค่อยยิ้มออกมาได้ เขาสามารถปราบเด็กดื้อได้อีกแล้วสินะ มือหนาเลื่อนกางเกงของคนป่วยลง ระหว่าที่  นิชคุณกำลังไล่เช็ดตัวส่วนล่างตั้งแต่เอวไปจนถึงขา ตัวเล็กนั่งตัวเกร็งแทบจะกลั้นหายใจ แป๊บเดียวนิชคุณก็จัดการเช็ดตัวส่วนล่างแล้วก็เปลี่ยนกางเกงให้ใหม่เรียบร้อย

 

“เห็นไหมล่ะ พี่คุณบอกแล้วว่าแป๊บเดียว ใครจะกล้าทำอะไรคนป่วยได้ลงคอหืม~”  มือหนาเอื้อมไปหยิกแก้มคนป่วยที่กำลังแดงระเรื่อเบาๆด้วยความหมั่นเขี้ยว แต่คนแก้มแดงนั้นสะบัดหน้าหลบด้วยความขัดใจ คนชอบฉวยโอกาสยังไงก็ฉวยโอกาสอยู่วันยันค่ำ กล้าดียังไงมาหยิกแก้มเขา เป็นอะไรกันไหม ก็ไม่ได้เป็นซะหน่อย

 

“ได้เวลาออกไปเปิดหูเปิดตานอกห้องกันแล้วล่ะอูยอง”

นิชคุณอุ้มอูยองให้อยู่ในท่าเจ้าสาวเตรียมจะวางลงบนรถเข็นวิลแชร์ที่เขาได้เตรียมเอาไว้ แต่นิชคุณกลับอุ้มร่างเล็กค้างไว้อยู่อย่างงั้นไม่ยอมวางลงสักที แถมยังเอาแต่ยิ้มอย่างสุขใจที่ได้แกล้งคนตัวเล็กที่อยู่บนอ้อมกอดเขาตอนนี้ จนคนตัวเล็กหันมามองค้อน

“จะอุ้มผมอยู่แบบนี้อีกนานไหมครับ!”

 

“พี่คุณก็อยากอุ้มไวให้นานที่สุดแหละ จะให้อุ้มเดินไปเลยก็ได้นะ” ว่าไปก็ทำทีเป็นแกล้งจะก้าวขายจะเดินออกไปจริงๆ

 

“นี่!!! ปล่อยผมลงเดี๋ยวนี้นะ” อูยองโวยวายเสียงดังลั่นห้อง

 

“ก็ไม่อยากแกล้งคนป่วยหรอกน้า~ แต่ลองขอร้องพี่คุณดีๆสิครับ หื้ม~” ใบหน้าคมจ้องมองคนที่อยู่ในอ้อมกอด ไม่พอเพียงแค่นั้นยังเอาหน้าเข้าไปใกล้ๆแก้มป่องๆของคนป่วยอีกต่างหาก นิชคุณรู้สึกโชคดีจริงๆที่แทคยอนติดงานที่ต่างประเทศ   ไม่อย่างงั้นเขาก็คงไม่มีโอกาสได้มาแกล้งคนตัวเล็กแบบนี้หรอก

 

“ปะ ปล่อยนะ”

 

“พูดอะไรอู้อี้ในลำคอกันเล่า พี่คุณไม่ได้ยิน” คนขี้แกล้ง พอเห็นว่าตัวเองแกล้งอีกคนได้ก็ไม่ยอมหยุดแกล้งง่ายๆ อูยองเวลาโดนแกล้งแล้วช่างน่ารักน่าชัง

“ก็ผมบอกว่าปล่อยยังไงล่ะ!!!!!” อูยองเริ่มจะหมดความอดทน นึกอยากจะทำอะไรก็ทำตามใจตัวเองอย่างงั้นเหรอ ไม่นึกถึงจิตใจคนอื่นเลยเหรอว่าตอนนี้รู้สึกยังไง

“อ่า เด็กอะไรพูดไม่เพราะเอาซะเลยนะเรา”   อูยองได้แต่จิ๊ปากใส่อีกคน ก็ตอนนี้เขาอยากจะออกจากอ้อมกอดผู้ชายคนนี้เต็มทีแล้วหน่ะสิ

 

“ใครอยู่ข้างนอก เข้ามาช่วยผมหน่อยครับ!!”   อูยองตะโกนเสียงดังหวังจะให้คนของพี่แทคยอนเข้ามาช่วย

 

“โอเค โอเค พี่คุณปล่อยแล้วครับ ไม่ตะโกนเสียงดังนะ เดี๋ยวจะปวดหัวเอา”          นิชคุณวางร่างเล็กลงบนวิลแชร์ก่อนจะเดินไปลากสายน้ำเกลือมาจัดแจงให้เข้าที่เข้าทางใหม่พร้อมที่จะพาอูยองออกไปข้างนอก

 

“มีอะไรให้ผมช่วยเหรอครับคุณอูยอง”   บอดี้การ์ดหน้าห้องรีบเปิดประตูเข้ามา   แต่ดูเหมือนจะสายไปแล้ว เพราะตอนนี้สถานการณ์ทุกอย่างดูปกติ

 

อูยองถอนหายใจออกมาอย่างขัดใจก่อนจะบอกว่า

“ไม่มีอะไรแล้วล่ะครับ” อูยองไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่โตอะไร เพราะถ้าพี่แทคยอนรู้รับรองเป็นเรื่องแน่ๆ อูยองไม่อยากให้ใครต้องมาซวยเพราะเขา

 

นิชคุณเห็นสีหน้าดูท่าจะโกรธเขาจริงๆซะด้วยสิ แถมตาเรียวมีน้ำตาคลอเบ้าอยู่อีกต่างหาก จนรู้สึกผิดขึ้นมาในใจ ก็แค่อยากแกล้งอยากหยอกให้อูยองได้อารมณ์ดีบ้างนี่นา ร่างสูงค่อยๆย่อตัวลงให้ความสูงเสมอกับคนที่นั่งอยู่บนรถวีลแชร์ก่อนจะยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาออกให้อย่างอ่อนโยน

 

“พี่คุณขอโทษนะครับอูยอง”

 

อูยองมองคนที่นั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าด้วยความขุ่นเคือง ก่อนจะพูดความในใจออกมา

“อย่ามาเล่นกับผมแบบนี้ เพราะผมไม่ใช่ของเล่นใคร ผมมีหัวใจ มีความรู้สึก ไม่ใช่อยากทำอะไรตามใจก็ทำ รู้ตัวหน่อยนะครับว่าตอนนี้เรารู้จักกันในฐานะอะไร!”

 

อูยองอยากเตือนสติทั้งนิชคุณทั้งตัวเองนั่นแหละ เพราะอูยองรู้สึกสับสนใจความรู้สึกของตัวเอง ไม่รู้ว่าต้องรู้สึกดีด้วยไหม ที่นิชคุณมาทำดีด้วย แต่นึกไปถึงเรื่องที่ นิชคุณทำกับเขาแล้วมันก็ไม่น่าให้อภัย คนที่เคยเจ็บมาแล้วก็ต้องจำเป็นธรรมดา แล้วยิ่งใครทำให้เขาเจ็บปวดมาก่อนมันก็ยิ่งจำฝังใจ

 

“ตอนนี้อูยองอาจจะอยากรู้จักพี่คุณแค่ฐานะหมอเจ้าของไข้ แต่พี่คุณจะรอ…รอวันที่อูยองเห็นพี่คุณ เป็นพี่คุณคนเดิมของอูยองนะครับ” นิชคุณรู้ตัวดีว่าอูยองคงไม่เปิดใจรับเขาง่ายๆหรอก และเขาก็ต้องไม่ท้อที่จะง้ออูยองด้วย เขาจะต้องพิสูจน์ให้    อูยองเห็นให้ได้ว่าอูยองสามารถเชื่อใครผู้ชายอย่างเขาได้อีกครั้ง

 

“ผมว่าเราเลิกคุยกันเรื่องนี้ แล้วพาผมไปทำกายภาพบำบัดสักที ผมอยากกลับมาพักผ่อน!”

 

 

 

 

TBC…

Talk

 

 

แมวไม่อยู่มีคนร่าเริงอีกแล้วค่ะ ถึงขั้นเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้กันนะคะแหม๋  เดี๋ยวตีเลย เอ๊ะใครเขียนกันล่ะ 555555

คนขี้แกล้งนี่ก็แกล้งจังเลยยยย ไม่รู้ตัวเลยนะว่าตัวเองอยู่ในสถานะอะไร ถามใจอูยองนี๊ดนึงว่าอูยองเล่นด้วยรึเปล่า เชอะ!!

  จิตใจของอูยองสตรองมากค่ะบอกเลย หึหึ  ง้อไปให้สุดชีวิตนะคะพี่คุณ มีคนคอยให้กำลังใจเยอะแยะ แล้วก็มีคนหมั่นไส้ด้วยเหมือนกัน ไรท์นี่แหละค่ะคนนึง แต่งไปก็หมั่นไส้คนพี่ไป 555555  


อ้ออ ลืมบอกไปตอนนี้กิ๊ฟกำลังแต่งฟิคเป็น shot fic ร่วมโปรเจคกับบ้าน @pmboat

#pmboat ทลายความเหงาสิ้นปี    สปอล์ยว่าเป็นฟิคหวานๆตามสไตล์เดิมที่ถนัดนั่นแหละจ้า รอติดตามน้า

“ขอบคุณทุกคอมเม้นท์เลยน้า~^^” 

 

[Fic khunwoo] Love and hate 7

Title:Love and hate 7

Couple: KhunWoo

Writer: ilovekw

Rate : PG 

Gente :  dark drama and Romantic

นี่คือฟิคที่เกิดจากจินตนาการของไรทเตอร์ enjoy reading ^^

 

 

 

อูยองได้แต่นั่งสงสัยว่าไอ้กุหลาบสีชมพูซึ่งมันเป็นดอกไม้ที่เค้าชอบที่สุด ใครเป็นคนเอามาใส่แจกันไว้ตั้งหลายดอก   ปกติก็ไม่มีแจกันดอกไม้มาตั้งนี่นา พึ่งเคยเห็นเช้าวันนี้แหละ ถามพี่พยาบาลซองอึนก็บอกแต่ว่าไม่รู้ของใคร เค้าเลยขอให้คุณซองอึนไปเรียกบอดี้การ์ดหน้าห้องเข้ามาพบหน่อย พอถามบอดี้การ์ดที่อยู่หน้าห้องแล้วก็บอกเหมือนกันว่าไม่รู้ของใคร อูยองเองก็งงว่าอยู่หน้าห้องกันทั้งวันทั้งคืนไม่ใช่เหรอ ทำไมยังไม่รู้อีก หรือแอบหลับกันจนไม่รู้เรื่องรู้ราว แต่อูยองก็ขี้เกียจจะเค้นเอาคำตอบเพราะเขาไม่อยากปวดหัว แล้วที่สงสัยอีกอย่างคือเมื่อคืนใครเป็นคนเอาตุ๊กตาตัวโปรดมาให้เค้ากอด ทั้งๆที่อูยองจำได้ว่ามันวางอยู่ตรงหัวเตียง     ถ้าจะบอกว่าอูยองละเมอไปหยิบมากอดเองมันไม่ใช่แน่ๆ เพราะผลจากการผ่าตัด อูยองไม่สามารถที่จะควบคุมแขนขาเองได้สักระยะ ต้องได้รับการทำกายภาพบำบัดก่อน แต่สุดท้ายก็ยองก็บอกกับตัวเองว่า ช่างมันเถอะ จะใครก็ช่างแล้วกันคงเป็นคนที่มาตอนเค้าหลับ อาจจะเป็นจุนโฮ หรือไม่ก็พี่แทคยอนอาจจะให้พี่มินจุนมาเฝ้าไข้แทนเมื่อคืนก็ได้

 

 

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

 

 

ทันทีที่อูยองเห็นจุนโฮเดินเข้ามาพร้อมกับชานซองทำเอาคนป่วยยิ้มกว้างให้กับสองคนนั้นทันที วันนี้เป็นวันหยุด ถึงพี่แทคยอนไม่อยู่ อย่างน้อยสองคนนี้ก็มาเล่นด้วยให้แก้เหงาได้แล้วล่ะ

 

“จุนโฮ ชานซองอ่า~ คิดถึงจังเลย วันนี้มาพร้อมหน้ากันเลยน้า~ จริงๆพวกนายสองคนนานๆจะมีเวลาว่างน่าจะไปเดทกันมากกว่ามาเยี่ยมคนป่วยนะ น่าเบื่อออก”      อูยองอดจะแซวไม่ได้ เพราะนานๆทีสองคนนี้เค้าจะว่างพร้อมกัน ชานซองเป็นนักถ่ายรูปอิสระที่มีผลงานการถ่ายรูปฝีมือดีเยี่ยม งานก็เลยเยอะมีคนจ้างไปถ่ายรูปที่ต่างจังหวัดบ้างล่ะ หรือไปต่างประเทศก็บ่อย ส่วนจุนโฮช่วงนี้ก็เรียนหนัก ไม่ค่อยได้เจอกับชานซอง เท่าไหร่

 

“พูดอะไรอย่างงั้นล่ะอูยอง พวกเรามาเดทกันที่นี่ก็ได้นี่น่า จริงไหมจุนโฮ”         ชานซองพูดพลางควงแขนจุนโฮแล้วแกล้งหยิกแก้มไปทีนึง

 

“ย๊าห์!!!!   ชานซองเกรงใจอูยองบ้างสิ!”   จุนโฮผลักเจ้าหมีชานให้ออกไปไกลๆ เพราะเจ้านี่แทนที่จะเกรงใจอูยองบ้าง แต่กลับมาทำหวานต่อหน้าอูยอง เดี๋ยวก่อนเถอะจะโดนไม่ใช่น้อย

อูยองเห็นสองคนนี้หยอกกันแล้วก็อดจะยิ้มตามไม่ได้ แต่ในใจก็แอบอิจฉาคนมีความรักอยู่ลึกๆ อูยองเป็นเพื่อนกับจุนโฮ แล้วก็ชานซองมาตั้งแต่เด็กๆ คู่นี้ก็เป็นแบบนี้แหละ หยอกกัน กัดกันมาตลอด

 

“นี่พวกนายนานๆทีจะเจอกัน ยังจะกัดเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนเลยเนอะ ตามสบายเลย จะทำอะไรก็ทำ ขอบใจที่มานะ วันนี้ฉันจะได้ไม่เหงาเพราะนั่งดูพวกนายสองคนทะเลาะกันนี่แหละ ”      อูยองพูดแล้วก็ขำออกมา ทำเอาจุนโฮกับชานซองขำตามไปด้วย สองคนนี้ก็น่ารักนะ ถึงจะทะเลาะกันตลอด ไม่ค่อยมีเวลาได้เจอกัน แต่คู่นี้ก็ยังรักกันมาตลอด การเวลาเปลี่ยน แต่ความรักของทั้งสองคนนี้ไม่เคยเปลี่ยนเลย ระยะทางก็เหมือนกัน ถ้าคนจะรัก ห่างกันไม่ค่อยได้เจอกันแค่ไหน เขาก็ยังรักกันได้เลย

 

“จะไม่ให้ทะเลาะได้ไง ก็ชานซองมันชอบกวนประสาทอ่ะ!”   ว่าพลางหันไปค้อนใส่คนที่กำลังนั่งแกะผลไม้อยู่ ชานซองหันมาหัวเราะให้กับคนที่กล่าหาว่าเขากวนประสาท ไม่ได้ดูตัวเองเล้ย จุนโฮคนไม่กวน!! ชานซองเพียงแค่คิดในใจ  เพราะถ้าขืนพูดออกมา อาจได้กลายเป็นคนป่วยไปอีกคน แหะๆ

 

“เปล่ากวนนะจุนโฮอ่า แค่อยากหยอกเฉยๆ ก็จุนโฮน่ารัก น่าหยอกนี่นา นานๆทีจะได้เจอก็ขอหยอกหน่อยไม่ได้เลยเหรอ”   ชานซองทำหน้างอนๆ ทำเสียงเศร้าๆแต่ฟังแล้วดูเหมือนอ้อนอีกคนมากกว่า

 

“ตอนนี้ใช่เวลามางอลไหมล่ะ? เห็นปลอกส้มนานแล้วนะชานซอง เร็วๆเลย เร็วๆ” จุนโฮเปลี่ยนประเด็นแก้เขิล ถ้าเขาไม่เกรงใจคนโสดอย่างอูยอง ป่านนี้ชานซองโดนกระโดดหอมแก้มเป็นการขอโทษไปแล้ว

 

“เสร็จแล้วครับ” มืออ้วนๆถือส้มที่ปลอกแล้ว ยื่นให้กับจุนโฮ แต่หน้านั้นยังงอลอีกคนอยู่ มากล่าวเขาว่าชอบกวนประสาทได้ยังไงกัน หึหึ จุนโฮมองหน้างานซองทำทีเป็นไม่สนใจแต่ในใจนั้นอยากง้อใจจะขาด แล้วหันมาป้อนส้มให้กับคนป่วย

 

“อ่ะ” จุนโฮยื่นเอาส้มที่ชานซองปลอก ป้อนให้กับอูยอง

อูยองงับเอาส้มที่จุนโฮป้อนให้ เคี้ยวจนแก้มตุ่ย แล้วทำตาลุกวาว “ หืม~! ส้มอร่อยจังจุนโฮ”  

 

“อร่อยก็ทานเยอะๆ เดี๋ยวให้ชานซองปลอกไว้รอเยอะๆเลย”

 

“เอ่อ…แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าชานซองจะหิวด้วยนะ”   ว่าแล้วก็บุ้ยหน้าให้จุนโฮหันไปทางชานซองที่กำลังแอบกินผลไม้ของคนป่วยอย่างเต็มปากเต็มคำ

 

“ฮวางชานซอง!!!” จุนโฮตะหวาดใส่ชานซองเสียงดังลั่น นั่นมันเป็นผลไม้ที่เอามาเยี่ยมอูยองนะ แล้วดูชานซองทำเข้าสิจะไม่ให้เขาโมโหได้ยังไง เมื่อกี้ก็อยากง้ออยู่นะ แต่ตอนนี้ชักอยากจะฟาดแรงๆแล้วล่ะ!!

“เค้าขอโทษ” ชานซองทำตาปริบๆให้จุนโฮหวังจะให้จุนโฮยกโทษให้ อูยองมองสองคนนี้ทะเลาะกันก็เอาแต่นั่งขำ

 

“เดี๋ยวออกจากห้องนี้ไปนายโดนดีแน่!ชานซอง!!”

 

“อย่าทะเลาะกันสิ ซานซองกินไปเถอะ ผลไม้พวกนายซื้อมากันตั้งเยอะฉันกินคนเดียวไม่หมดหรอก” นอกจากอูยองจะเป็นคนป่วยแล้ว ก็ยังเป็นกรรมการห้ามมวยให้คู่นี้อีกเหมือนที่เคยเป็นนั่นแหละ

 

“เห็นไหมจุนโฮ อูยองบอกให้กินได้” ได้ยินอูยองบอกให้กินได้ ชานซองก็เลยสนองกับคำเสนอนั้นซะเลย หยิบกล้วยขึ้นมาปลอกกินอย่างสบายใจ

 

“อูยองไม่น่าไปเข้าข้างชานซองเล้ย เดี๋ยวนายอ่ะจะกินไม่ทันเจ้าหมีนี่”

 

 

ก๊อก ก๊อก   เสียงเคาะประตูดังขึ้นสงครามระหว่างจุนโฮกับชานซองถึงได้ยุติลง

 

ทั้งสามคนหันไปไปทางประตูพร้อมกัน อูยองเห็นพี่ชายเดินเข้ามาก่อน แล้วตามด้วยพี่มินจุน พอได้เห็นพี่ชายทั้งสองเดินเข้ามาอูยองนั้นยิ้มกว้างเข้าไปใหญ่      ราวกับเด็กสามขวบดีใจที่ได้เห็นหน้าพ่อกับแม่ยังไงอย่างงั้นเลย จุนโฮแล้วก็ชานซองรีบยืนก้นก้มหัวทักทายให้กับผู้ใหญ่ที่พึ่งจะเข้ามาทั้งสองคน มินจุนแล้วก็แทคยอนยิ้มให้กับเด็กสองคนนี้อย่างเอ็นดู

 

“พี่แทคยอนน~ พี่มินจุนน~”   เด็กน้อยตะโกนเรียกเรียกพี่ชายทั้งสองคนด้วยความดีใจ

 

แทคยอนกับมินจุนยิ้มรับกับเสียงตะโกนเรียกของเด็กน้อยจางอูยอง วันนี้ดูท่าจะอารมณ์ดี เพราะมีเพื่อนๆมานั่งคุยด้วย

 

“วันนี้มีคนมาเฝ้าไข้น้องพี่เยอะเลย พี่มินจุนก็มาด้วย” แทคยอนลากเก้าอี้มาให้มินจุนนั่งลงข้างๆเตียงคนป่วย ส่วนตัวเองก็เดินไปนั่งที่โต๊ะทำงานชั่วคราวที่อยู่ใกล้ๆเตียงคนป่วยเหมือนกัน

 

“ไหนพี่แทคยอนบอกว่ามีประชุมไงฮะ” เด็กขี้สงสัยเอ่ยทัก

 

“พี่ประชุมเสร็จแล้วล่ะ คุยแค่เรื่องสำคัญๆหน่ะ ก็เลยเสร็จเร็ว วันนี้พี่เลยถือโอกาสไปรับพี่มินจุนมาเยี่ยมน้องด้วย พี่มินจุนบ่นอยากมาเยี่ยมน้องหลายวันแล้วนะ แต่งานยุ่งๆ”   อูยองขมวดคิ้วเมื่อได้ยินพี่ชายบอกพึ่งไปรับพี่มินจุนมา งั้นแสดงว่าเมื่อคืนพี่มินจุนก็ไม่ได้มาที่นี่สิ

 

“ทำไมทำหน้าอย่างงั้นล่ะอูยอง ปวดหัวเหรอเรา?” มินจุนเอ่ยทักเมื่อเห็นอูยองกำลังนั่งคิ้วขมวด  

 

“อ๋อเปล่าหรอกฮะพี่มินจุน น้องแค่คิดว่าวันนี้เป็นวันรวมคู่รักหรือเปล่าน้า~”         พูดพลางมองไปหาคู่ชานซองกับจุนโฮที่ย้ายไปนั่งตรงโซฟา แล้ววันนี้พี่แทคยอนกับพี่มินจุนก็มาด้วยกันอีก อยู่กันซะเป็นคู่ๆเลย ใครจะอดแซวได้ล่ะ

 

“วันนี้ทุกคนมาเพราะรักอูยองต่างหากล่ะ มาให้กำลังใจอูยองจะได้หายเร็วๆเนอะ”

อูยองยิ้มให้กับคำตอบของพี่มินจุนพี่ชายที่แสนจะใจดีของอูยองอีกคน อูยองรู้ดีว่าพี่มินจุนคงไม่อยากให้เขารู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจที่ทุกคนมีคู่กันหมด

 

 

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

 

 

ทันทีที่เสียงเคาะประตูดังขึ้น อูยองรีบเอ่ยขึ้นทันที

“นี่ใครจะควงคู่มาเยี่ยมน้องอีกหรือเปล่าเนี่ย” ทุกคนขำให้กับคำพูดของอูยอง     แต่เสียงหัวเราะนั้นหยุดลงทันทีเมื่อคนที่เดินเข้ามาคือนิชคุณ  ทุกคนรีบหันไปหา  อูยองสายตาทุกคู่ต่างเห็นว่าอูยองดูตกใจที่นิชคุณโผล่เข้ามา แล้วอูยองก็รีบทำตัวให้ดูปกติ อย่าว่าแต่อูยองตกใจเลย คนอื่นๆเห็นแล้วก็ตกใจเหมือนกัน

 

 

“มาทำไม!?” คนที่พึ่งเปิดประตูเดินเข้ามาได้สองสามก้าว ถูกทักด้วยน้ำเสียงเรียบที่ฟังดูแล้วไม่เหลือเยื่อไยอะไรต่อกันเลย จนนิชคุณต้องหยุดเดิน รู้สึกว่าตัวเองแทบจะไม่มีเรี่ยวแรงก้าวขาเข้ามาในห้องต่อ อูยองมองคนที่หยุดอยู่ที่หน้าประตูด้วยแววตาเย็นเยือก แต่ถึงอย่างงั้นร่างสูงที่ยืนอยู่หน้าประตูก็ยังส่งยิ้มให้            อูยองอย่างอ่อนโยน มันทำให้อูยองเจ็บยิ่งกว่าเดิม อูยองไม่ได้อยากเห็นสายตาแบบนั้นจากนิชคุณอีก จนอูยองต้องเบือนหน้าหนีไปทางอื่น เพราะรอยยิ้มแบบนั้นเมื่อก่อนมันเป็นรอบยิ้มแห่งความสุข แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่ เพราะทุกอย่างมันไม่ได้เหมือนเดิมแล้ว

 

“ผมว่าผมยังไม่ได้อนุญาตให้คุณมาเจอน้องผมนะนิชคุณ!”   แทคยอนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเข้ม มือที่วางไว้บนโต๊ะทำงานค่อยๆกำหมัดแน่นด้วยความโกรธ จนมินจุนต้องคอยกุมมือแทคยอนเอาไว้

บรรยากาศในห้องดูอึดอัดขึ้นมาทันที ซึ่งต่างจากนาทีที่แล้วอย่างสิ้นเชิง

 

“ผมขออนุญาตมาเยี่ยมคนไข้ของผมนะครับ”  

 

สิ้นประโยคที่นิชคุณพูด อูยองยิ่งขมวดคิ้วไม่เข้าใจเข้าไปใหญ่

“คนไข้ของผม?” อูยองทวนคำพูดของนิชคุณในใจ นี่กำลังจะเล่นตลกอะไรกันอยู่  รึเปล่า แสดงว่าพี่แทคยอนก็ต้องรู้อะไรอยู่แน่ๆ ต้องมีการคุยกันก่อนหน้านี้แน่นอน

 

“ออกไปก่อนนิชคุณ!” แทคยอนสั่งเป็นรอบที่สอง

 

“แต่ผมต้องมาตรวจอาการของอูยองครับ” นิชคุณก็ยังดึงดังที่จะอยู่ต่อ สายตาจ้องมองไปหาคนป่วยที่นั่งอยู่บนเตียง ถึงจะเห็นแค่มุมข้างนิชคุณก็รู้ว่าอูยองรู้สึกไม่ดีที่ได้เจอหน้าตัวเอง

 

“ผมบอกให้คุณออกไปก่อนไง! อย่าให้ผมต้องเรียกคนของผมเข้ามาลากตัวคุณออกไปนะ!”    แทคยอนเริ่มเสียงดัง สีหน้าดูโกรธจัดขึ้นเรื่อยๆ คำสั่งจากปากคนมีอำนาจอย่างแทคยอนจะไม่สามารถสั่งอะไรคนที่ด้านชาอย่างนิชคุณได้เลยเหรอ ยิ่งคิดแทคยอนก็ยิ่งโมโหอยู่ในใจ สายตาทุกคู่สามัคคีกันจับจ้องกดดันไปทาง      นิชคุณที่ยืนอยู่หน้าประตู ตอนนี้ทุกคนก็ไม่อยากให้นิชคุณมาในห้องนี้ เพราะต่างคนต่างรู้ว่า นิชคุณคือคนที่อูยองไม่อยากเห็นหน้ามากที่สุด

 

“ช่างเขาเถอะครับพี่แทคยอน” น้ำเสียงเย็นเฉียบดังขึ้น แต่นั่งเป็นเสียงระฆังช่วยชีวิตนิชคุณเลยนะ  

 

“ตอนนี้น้องรู้จักเขาในฐานะหมอกับคนไข้ เขาจะทำอะไรก็ให้เขาทำ!” อูยองเอ่ยออกมาโดยไม่สบตาใครทั้งนั้น ตอนนี้ไม่ต้องถามอะไรจากพี่แทคยอนอูยองก็รู้แล้วว่านิชคุณน่าจะเป็นหมอเจ้าของไข้  

 

“อูยองพี่ว่าให้เขาออกไปก่อนดีไหม” มินจุนลูบแขนอูยองอย่างปลอบโยน เขารู้ดีว่าอูยองรู้สึกแย่ สังเกตจากสีหน้าแล้วก็น้ำเสียงก็รู้แล้ว

 

“ไม่เป็นไรหรอกครับพี่มินจุน” อูยองหันไปยิ้มให้มินจุน แสดงความเข้มแข็งออกมาผ่านรอยยิ้ม ไม่รู้ว่าต้องทำตัวยังไงดี แต่อูยองอยากทำตัวให้ดูปกติที่สุด ถึงในใจจะเจ็บจนแทบจะพูดอะไรไม่ออกก็ตาม ขนาดอีกคนยังทำตัวปกติ ทำเหมือนที่ผ่านมาไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นได้เลย

 

“ถ้าหมอจะมาตรวจก็เข้ามา ตรวจเสร็จก็รีบออกไป ผมอยากพักผ่อน”   อูยองไม่อยากเรียกแม้แต่ชื่อนิชคุณ ขนาดแค่ทำตัวให้รู้จักกันในฐานะหมอกับคนไข้ยังยากเลย จะไปให้เขาเรียกนิชคุณว่าพี่คุณแบบเมื่อก่อนอีก อูยองคงทำใจเรียกไม่ได้จริงๆ

 

นิชคุณได้ฟังน้ำเสียงและคำพูดที่อูยองพูดออกมา ไม่เหมือนอูยองคนเดิม คนที่อ่อนโยน คนที่เคยพูดกับเขาเพราะๆ พูดกับเขาด้วยน้ำเสียงออดอ้อนมาตลอด แต่นี่อูยองไม่เอ่ยแม้กระทั่งชื่อเขา มันรู้สึกเจ็บ แต่ก็รู้ตัวว่าสมควรโดนแบบนี้แหละ ก็ดีแค่ไหนแล้วที่อูยองไม่ไล่ตะเพิดเขาออกจากห้อง ร่างสูงเดินเข้ามาพร้อมกับอุปกรณ์ตรวจ แล้วก็แผ่นชาร์ตอาการของอูยอง   อูยองไม่ยอมมองหน้านิชคุณแม้แต่นิดเดียว ถึงจะเข้ามาใกล้กันแค่ไหน เขาก็ไม่หันไปมอง

 

“อูยองยังปวดแผลอยู่ไหมครับ” เสียงทุ้มเอ่ยถามอย่างอ่อนโยนแฝงไปด้วยความเป็นห่วง  แต่ดูเหมือนคนป่วยคนนี้กำลังจะงอแงไม่ยอมตอบคำถาม

 

“ถ้าอูยองไม่ตอบ พี่คุณจะไม่รู้นะว่าตอนนี้อาการของอูยองดีขึ้นหรือเปล่า ”           นิชคุณเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

 

“ผมว่าเรารู้จักกันแค่ฐานะหมอกับคนไข้นะ คำพูดที่เคยพูดแบบเมื่อก่อนไม่ต้องเอามาพูดกับผมอีก”  อูยองพูดออกมาด้วยความอึดอัดใจที่อีกฝ่ายพูดดีด้วยแถมยังใช้ใช้น้ำเสียง ลักษณะการพูดเหมือนเดิมกับตอนที่เป็นแฟนกันมันยิ่งทำให้อูยองรู้สึกอึดอัดเข้าไปใหญ่   คนที่ไม่ได้เป็นแฟนกันแล้ว ก็ควรจะมีระยะห่างระหว่างกัน

 

“ผมเห็นด้วยกับน้องผมนะ ผมว่าคุณควรยอมรับข้อเสนอของอูยอง” แทคยอนเสริมขึ้นทันที เพราะเห็นว่าสีหน้าน้องดูไม่ค่อยจะสู้ดีนัก ถึงคำพูดน้ำเสียงที่เปล่งออกมาจะดูหนักแน่น และเข้มแข็ง แต่แทคยอนรู้ว่าอูยองไม่ได้เข้มแข็งขนาดนั้นหรอก   ตอนที่เห็นหน้านิชคุณโผล่เข้ามาในห้องยอมรับว่าโกรธมาก แทคยอนแทบจะวิ่งเข้าไปต่อยหน้านิชคุณ เพราะไม่เคยมีใครกล้าขัดคำสั่งเขา แต่มีมินจุนคนดีคอยดึงมือเขาเอาไว้ ไม่งั้นได้เห็นนิชคุณนอนจมกองเลือดแน่ๆ  

 

ได้ยินแบบนั้นแล้วทำเอานิชคุณรู้สึกอึดอัดใจอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน ถ้าจะต้องมาใช้คำพูดที่ดูห่างเหินกับอูยอง จะให้เขาทำแบบนั้นได้ยังไง ในเมื่อเขายังรักอูยองอยู่ แต่ตอนนี้คงไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว นี่เป็นทางเดียวที่เขาจะได้คุยกับอูยอง ใบหน้าหล่อยิ้มออกมาเพื่อปกปิดความรู้สึกที่เจ็บปวดอยู่ข้างใน แล้วตอบตกลงยอมรับข้อเสนอนั้นเพียงแค่คำว่า “ครับ” เบาๆ ก่อนจะก้มหน้าลงไปถามคนป่วยที่เอาแต่นั่งก้มหน้าก้มตาหลบหน้าเขา

 

“ว่ายังไงครับ อูยองยังปวดแผลอยู่หรือเปล่า” นิชคุณยังคงใช้น้ำเสียงและคำพูดที่อ่อนโยนกับอูยองตามปกติ ถ้าจะให้เขาใช้คำพูดที่ไร้เยื่อไยกับอูยองเขาทำไม่ได้

 

“ปวด!…..ครับ” อูยองตอบแบบอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก แต่ยังตบท้ายประโยคด้วยคำพูดสุภาพเพราะให้เกียรติอีกฝ่าย อย่างน้อยเขาก็เป็นหมอที่รักษาเขา

 

“อูยองเงยหน้าขึ้นหน่อยเร็วครับ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นด้วยความเป็นห่วง ถ้าขืนเอาแต่ก้มหน้าอยู่แบบนี้นอกจากจะมึนหัวแล้วอาจทำให้อูยองหน้ามืดเอาได้ นิ้วเรียวค่อยๆเชยคางอูยองขึ้นมาเบาๆ ทันทีที่อูยองเงยหน้าขึ้นมาก็รีบเบือนหน้าหนีไปอีกทางทันที นิชคุณเห็นแบบนั้นแล้วรู้สึกเจ็บปวดอยู่ในใจ แม้แต่หน้าหล่อๆของเขา อูยองก็คงไม่อยากมองเลยเหรอ   นิชคุณปลอบใจตัวเองว่าไม่เป็นไร ถึงอูยองจะเมินเขาในช่วงนี้ก็ไม่เป็นไร ขอแค่เพียงเขาได้เห็นหน้าอูยองก็ดีใจมากแล้ว    

 

“แล้วช่วงนี้มึนหัวหรือเปล่าเอ่ย”

อูยองเพียงแค่สายหน้าเบาๆเป็นการตอบคำถาม  

ผ่านไปหลายคำถาม ไม่ว่านิชคุณถามอะไรอูยองจะทำเพียงแค่ส่ายหน้าและพยักหน้าแค่นั้น ทุกคนในห้องที่นั่งดูการซักอาการระหว่านิชคุณกับอูยองอย่างเงียบๆ ต่างคนก็ต่างอึดอัดแต่คนที่อึดอัดที่สุดน่าจะเป็นอูยองนั่นแหละ เพราะเล่นเอาไม่มองหน้าใครเลย เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเดียว

 

“มาพี่คุ….เอ่อ..” ทันทีที่รู้ตัวว่าเผลอพูดคำพูดที่เคยชินออกมา นิชคุณก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ด้วยความอึดอัดใจ ก่อนจะใช้คำพูดใหม่ตามที่อูยองขอ

 

“หมอขอดูแผลหน่อยนะครับ”   สรรพนามแบบนี้นิชคุณใช้แทนตัวเองกับคนไข้คนอื่นจนชินปากแล้ว แต่พอมาแทนตัวเองแบบนี้กับอูยองเขากลับรู้สึกอึดอัดแล้วก็ฝืนใจตัวเองอย่างบอกไม่ถูก ไม่รู้ว่าอีกคนจะรู้สึกเหมือนกันด้วยหรือเปล่า ร่างเดินสูงขยับเข้าไปใกล้ๆคนป่วยเพื่อที่จะได้ดูแผลถนันๆ แต่ทว่าคนป่วยนั้นเอียงหัวหลบ

 

“ดูแผลเฉยๆให้พยาบาลมาดูก็ได้นี่ครับ หมดหน้าที่ของหมอแล้วก็ออกไปสิ”  

นิชคุณยิ้มรับกับเสียงเล็กที่เอ่ยมา ถึงมันจะเป็นประโยคที่ผลักไสไล่ส่งเขาก็ตาม

 

“อูยองอย่าดื้อนะครับ ให้พี่…เอ่อให้หมอดูเองเถอะ จะได้รู้ว่าแผลดีขึ้นหรือยัง”    ยังไงเขาก็ไม่ชินที่ต้องพูดดูห่างเหินกับอูยอง แล้วก็จะให้เขาทำใจให้ชินก็ไม่ได้อีกอยู่ดีนั่นแหละ แต่ตอนนี้ก็ต้องตามน้ำไปก่อน เพราะเขายังไม่อยากจะขัดใจ      อูยอง

 

อูยองได้แต่จิ๊ปากอย่างขัดใจเขาไม่ได้ดื้อซะหน่อย แค่อึดอัดที่มีนิชคุณอยู่ในห้องนี้ อยากให้ออกไปเร็วๆ แต่สุดท้ายอูยองต้องก็ยอมนิ่งๆยอมให้อีกคนดูแผลให้ เพราะดูเหมือนว่านิชคุณจะไม่มีทางออกไปจากห้องนี้ง่ายๆไล่ไปก็เท่านั้น     นิชคุณเห็นสีหน้าของอูยองที่ดูจะง้ำงอเข้าเพราะโดนขัดใจก็แอบยิ้มออกมาน้อยๆ จะรู้ตัวบ้างไหมทำแบบนี้แล้วมันน่ารัก มือหนาค่อยๆบรรจงแกะผ้าพันแผลออกอย่างเบามือ พอได้เห็นแผลแล้วก็ยิ้มออกอย่างพอใจ ที่เป็นครั้งแรกที่เขามาดูแผลให้อูยองเอง จริงๆเขาควรจะมาดูแผลให้อูยองตั้งแต่ต้นต่างหากล่ะ แต่โดนสั่งห้ามซะหนิ นิชคุณอยากจะขอบคุณความกล้าของตัวเองจริงๆ ถ้าวันนี้เขาไม่กล้าที่จะเข้ามา ก็ไม่รู้ว่าวันไหนจะได้เจออูยอง แทคยอนคงไม่มีทางให้เขาเจอ      อูยองง่ายๆแน่  

 

“แผลดีขึ้นเยอะเลยอูยอง”   เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นแล้วหันไปเตรียมอุปกรณ์ล้างแผล       อูยองชำเลืองตามองอย่างขัดใจ “ไหนหมอบอกว่าดูแผลเฉยๆไงล่ะ!!”

 

คนที่กำลังเตรียมอุปกรณ์อยู่หันมายิ้มให้อย่างใจดี “ล้างแผลด้วยนะครับ” นิชคุณรู้ดีว่าอูยองเกลียดการล้างแผลมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว   นี่คงจะงอแงไม่อยากล้างแผลอีกตามเคย เพราะพยาบาลซองอึนบอกกับเขาทุกครั้งว่าล้างแผลให้อูยองทีไรเป็นต้องปวดหัวทุกที ไม่รู้จะหาคำพูดไหนมาเกลี้ยกล่อมให้ยอมล้างแผลง่ายๆ

 

อูยองถอนหายใจออกมายาวๆ ตาเรียวหลับลงทันทีเมื่อเห็นว่านิชคุณถือสำลีชุบแอลกอฮอล์เตรียมขึ้นมารอแล้ว

 

“จะทำอะไรก็เชิญ!” ฟันซี่สวยขบเข้าหากันแน่น

 

ทันทีที่สำลีชุบแอลกอฮอล์โดนแผล คนตัวเล็กสะดุ้งเฮือกจนทุกคนในห้องตกใจ    มีเพียงนิชคุณเท่านั้นแหละที่ยิ้มอย่างพอใจเพราะเขาแอบเห็นมือเล็กแอบกำเข้าหากันด้วย มันเป็นสัญญาณดีหน่ะสิ ที่การรับรู้ทางระบบประสาทของอูยองน่าจะเริ่มตอบสนองได้ขึ้นบ้างแล้ว เดี๋ยวอีกไม่นานเขาก็จะพาอูยองไปทำกายภาพบำบัดได้แล้วล่ะ

.

.

พันแผลเสร็จนิชคุณส่งยิ้มให้กับคนตัวเล็กที่อยู่ตรงหน้า “เสร็จแล้วครับ”

“หมดหน้าที่แล้วก็ออกไปครับ ผมอยากพักผ่อน” อูยองพูดอย่างเย็นชาแถมไม่ปรายตามองนิชคุณแม้แต่น้อย        

 

“งั้นก็พักผ่อนเยอะๆนะครับ” ด้วยความที่ว่าอูยองอยากจะพักผ่อน ร่างสูงก็เลยจะช่วยพยุงให้อูยองได้เอนตัวลง แต่คนป่วยของเขากลับไม่เห็นความหวังดี แถมยังไล่เขาให้ออกไปอีกต่างหาก

 

“ผมบอกให้ออกไปไง!”      

 

นิชคุณทำได้เพียงยิ้มรับ แล้วก็ไม่ได้ขัดใจอะไรอูยอง เขาไม่อยากให้อูยองต้องปวดหัวเพราะเขา ก็เลยหันไปเก็บอุปกรณ์ตรวจแล้วก็แผ่นชาร์ต เสร็จแล้วก็เดินออกจากห้องไปเงียบๆ

ทันทีที่นิชคุณเดินพ้นจากประตูห้องแววตาแข็งกล้าเมื่อสักครู่ได้อ่อนแอลง ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ และแล้วเสียงสะอื้นไห้ก็ดังขึ้นมาเบาๆ จากคนที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้   มินจุนได้เดินมาหาชานซองกับจุนโฮแล้วกระซิบบอกให้กลับไปก่อน ตอนนี้อูยองน่าจะอยากพักผ่อน ทั้งสองยิ้มแล้วพยักหน้าให้ จุนโฮเอ่ยบอก

“ฝากอูยองด้วยนะครับพี่มินจุน”   ก่อนจะเดินออกไปพร้อมกับชานซอง    

 

 

“อูยองพี่ขอโทษนะที่ไม่มีทางเลือกที่ดีกว่างนี้”   แทคยอนว่าพลางเช็ดน้ำตาออกให้น้อง เขารู้ว่าอูยองคงรู้สึกเจ็บปวดอยู่ไม่ใช่น้อยที่ได้เห็นหน้านิชคุณ

 

“ไม่เป็นไรฮะพี่แทคยอน ฮึก…. น้องไม่เป็นไรจริงๆ ขอแค่เขารักษาน้องให้หาย     มีชีวิตอยู่เพื่อพี่แทคยอนก็พอแล้ว”   อูยองตอบเคล้าคลอไปกลับเสียงสะอื้น ถึงจะทำตัวลำบากและเจ็บปวดที่ได้เจอหน้านิชคุณก็ไม่เป็นไร อูยองจะต้องอดทนเอาไว้

“แต่น้องของพี่กำลังร้องไห้ เห็นแล้วพี่ไม่สบายใจ”

 

“น้องเห็นหน้าเขาแล้วรู้สึกอึดอัด ก็เลยอยากร้องไห้ระบายออกมาเฉยๆฮะ ฮึก…ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้วจริงๆ”

 

“ถ้าอย่างงั้นพี่ไปบอกเขาไม่ให้เข้ามาอีกเลยดีไหม?”

 

“ไม่เป็นไรฮะพี่แทคยอน หมอทุกคนก็ย่อมอยากมาดูอาการคนไข้ด้วยตัวเองทั้งนั้น ถ้าน้องเป็นเขาน้องก็ต้องทำแบบนี้เหมือนกัน”

มินจุนเดินเข้าไปช่วยปลอบใจอูยองอีกแรง เพราะเขากลัวอูยองจะอาการทรุดหนักลงไปอีก  

 

“ถ้าอย่างงั้นเข้มแข็งเอาไว้นะอูยอง ถ้าเราเข้มแข็งแล้วก็จะได้หายเร็วๆ จะได้รีบออกจากโรงพยาบาลกันเนอะ” มินจุนรั้งมือน้องมาบีบเบาๆ เพื่อให้อูยองได้รู้สึกผ่อนคลาย

ใบหน้าที่เปราะเปื้อนไปด้วยน้ำตาหันมายิ้มให้กับพี่มินจุนแล้วพยักหน้าให้เบาๆ

“ฮะน้องจะเข้มแข็ง”

 

 

TBC…

Talk

เย้ตอนนี้มีชานนูนอมาแจมด้วย ตีกันจนคนป่วยต้องห้ามมวย สงสารคนป่วยจริงๆ 555555

มาเจอกันสักทีนะ แต่มาแล้วอูยองก็ร้องไห้เพราะพี่คุณอีกแล้วฮือๆๆๆๆ โอ๋นะ โอ๋ๆๆ  เห็นตอนที่ 6 มีคนบอก ทีมแทคยอนด้วย งั้นไรท์อยู่ทีมแทคยอนด้วยคนนะคะ ฮ่าๆๆ สงสารพี่คุณจัง ทำดีแล้วก็ทำดีต่อไปด้วยล่ะ!! อูยองยังเจ็บอยู่ สมน้ำน่า สมน้ำน่า สมน้ำน่า หาทางง้อเอาแล้วกันนะ

   —เขียนฟิคมา 7 ตอนเป็นการเขียนที่ยากมาก เพราะเป็นฟิคคุณด้งที่เค้าพึ่งจะได้เจอกันจริงๆจังๆซะที5555  คือว่าไม่เคยเขียนดราม่า คิดว่ายากจริงๆ อึดอัดแต่งไปก็อยากให้เค้าได้เจอกันเร็วๆ แต่ต้องจิกหัวตัวเองว่าดราม่าอยู่ๆ 555555  

*“ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะแล้วก็ขอบคุณทุกคอมเม้นท์เลยจ้า” อ่านเม้นแล้วสนุกจริงๆ*

[Fic khunwoo Love and hate 6]

Title:Love and hate 6

Couple: KhunWoo

Writer: ilovekw

Rate : PG 

 

Gente :  dark drama and Romantic

นี่คือฟิคที่เกิดจากจินตนาการของไรทเตอร์ enjoy reading ^^

 

 

 

 

การผ่าตัดสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี นิชคุณรู้สึกพอใจกับผลงานการผ่าตัดในครั้งนี้มากกว่าทุกเคสที่ผ่านมา ถึงก้อนเนื้องอกที่เกิดจะอยู่ในจุดอันตรายแค่ไหนก็สามารถผ่าตัดเอาอกออกมาได้ทั้งหมด เพราะก่อนที่จะมาผ่าตัดให้อูยอง นิชคุณต้องทำการบ้านมาอย่างหนัก เคสนี้เป็นอีกเคสที่ไม่ง่าย เขาต้องดูผลตรวจ         ผลสแกน ดูตำแหน่งของก้อนเนื้องอกดูความเป็นไปได้ที่จะผ่าตัดเอาก้อนเนื้องอกออกมาได้มากน้อยแค่ไหน วินิฉัยและวางแผนการผ่าตัดให้รอบครอบ นิชคุณตั้งใจทำงานอย่างหนักเพื่อให้การผ่าตัดมีผลกระทบกับอูยองน้อยที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้ ไม่ใช่เพราะว่ากลัวคำขู่ของแทคยอนนะ แต่อยากรักษาอูยองให้หาย ไม่อยากให้อูยองต้องมาเจ็บปวดทรมานอีก  ตอนนี้ก็คงเหลือแค่แผลใจที่เขาเป็นคนสร้างมันขึ้นมา และนิชคุณก็ต้องรักษาให้หายขาดด้วยตัวเองเช่นกัน นี่คงยากกว่าการผ่าตัดสมองด้วยซ้ำล่ะมั่งเนี่ย

 

สามวันหลังผ่าตัดช่วงนี้อูยองก็กำลังอยู่ในช่วงพักฟื้น เป็นช่วงที่ต้องให้กำลังใจ ดูแลเอาใจใส่แล้วก็ดูอาการอย่างใกล้ชิด      นิชคุณอยากเข้าไปดูอาการใจจะขาด ไม่รู้อูยองจะปวดแผลมากหรือเปล่า จะงอแงไหม ได้แต่นั่งฟุ้งซ่านอยู่ในห้องพักแพทย์ที่อยู่ข้างๆห้องอูยองแค่นี้เอง ถึงจะใกล้แค่เอื้อมแต่นิชคุณก็ไม่สามารถเข้าไปเจออูยองได้ มันก็จริงอย่างที่พี่ชายของอูยองว่านั่นแหละ อูยองคงไม่พร้อมจะเจอหน้าคนใจร้ายใจดำอย่างเขาหรอก ถ้าเข้าไปแล้วอูยองเห็นหน้าเขา อาจทำให้อูยองอารมณ์ไม่ดี มันไม่ส่งผลดีกับสมองแล้วก็แผลที่พึ่งผ่าตัดมาแน่ๆ ที่ทำได้ตอนนี้คือเพียงแค่กำชับพยาบาลให้ตรวจอาการอูยองตามที่เขาสั่ง                        ห้ามขาดตกบกพร่องเด็ดขาด ถ้ามีอะไรไม่ปกติต้องรีบมาแจ้งให้ทราบทันที

 

.

.

.

ก๊อก ก๊อก

 

ซองอึนพยาบาลวัยกลางคนเคาะประตูก่อนจะเปิดเข้าไปเจอคุณหมอหนุ่มเดินวนไปวนมาอย่างกระวนกระวายใจ นี่ก็คงรออ่านชาร์ตอย่างใจจดใจจ่ออีกเช่นเคย      ซองอึนจะเห็นคุณหมอมีอาการแบบนี้แทบจะทุกครั้งที่เปิดประตูเข้ามาในห้องนี้   คนไข้คนนี้คงเป็นคนพิเศษของคุณหมอด้วยสิน้า ถึงได้ดูห่วงเหลือเกิน

 

“เป็นยังไงบ้างครับ อาการอูยองเป็นยังไงบ้าง” นิชคุณเห็นซองอึนเปิดประตูเข้ามา ขายาวๆรีบก้าวเข้าไปหาทันที

 

“คุณหมอใจเย็นๆนะคะ” พยาบาลซองอึนยิ้มให้กับหมอหนุ่ม ก่อนจะเอ่ยขอทางเข้าไปในห้อง ก็เล่นยืนขวางประตูไว้แบบนี้จะให้เขาเข้าไปรายงานอาการให้ฟังได้ยังไง นิชคุณตั้งสติขึ้นได้ค่อยหลีกทางให้คุณซองอึนเดินเข้าไป แล้วตัวเองก็รีบเดินตามเข้าไปติดๆ     บางทีซองอึนก็อดเห็นใจคุณหมอของเขาไม่ได้ ทั้งๆที่เป็นคนผ่าตัดให้แท้ๆ แต่โดนสั่งห้ามไม่ให้ไปดูอาการซะงั้น ก็เลยได้ทำได้เพียงแค่มานั่งตั้งหน้าตั้งตารอผลตรวจจากเขาอยู่แบบนี้ไง ซองอึนไม่รู้ข้อตกลงระหว่าง              คุณแทคยอนกับคุณหมอหรอกว่าทำไมถึงได้ห้ามกันขนาดนี้ แต่คงเป็นเหตุผลสำคัญแหละ นึกแล้วก็สงสารคุณหมอของเขาจริงๆ

 

“วันนี้อาการคุณอูยองดีขึ้นบ้างแล้วล่ะค่ะ” พยาบาลซองอึนยิ้มแล้วยื่นชาร์ตการตรวจให้กับหมอหนุ่ม

 

 

นิชคุณรับชาร์ตแล้วยกขึ้นมาอ่านคร่าวๆ ปากหยักยกยิ้มขึ้นมาทันที เพราะผลตรวจทุกอย่างดีขึ้นอย่างน่าพอใจ อูยองถือว่าฟื้นตัวได้เร็วพอสมควรแสดงว่ากำลังใจดีคงดีมากๆ เห็นคุณซองอึนบอกพี่ชายมาเฝ้าไม่ห่างเตียง เรียกได้ว่าย้ายที่ทำงานมาไว้ที่โรงพยาบาลเลยก็ว่าได้

 

 

 

“แต่คุณอูยองยังควบคุมให้ขยับแขนขยับขาเองไม่ได้ค่ะ”

นิชคุณพยักหน้ารับเบาๆ ข้อนี้เขารู้ดี เพราะเนื้องอกที่เกิด เกิดในส่วนสมองที่สั่งการ การเคลื่อนไหว ต้องใช้เวลาสักระยะในการทำกายภาพบำบัดถึงจะสามารถควบคุมการเคลื่อนไหวเองได้ตามปกติ  

 

“แล้วอาการปวดหัวล่ะครับ?”

 

“อาการปวดหัวก็ยังมีอยู่ค่ะ แต่ทานยาแล้วอาการก็ดีขึ้น ไม่มีแผลกดทับ       อาการทุกอย่างไม่น่าเป็นห่วงแล้วล่ะค่ะ จะน่าเป็นห่วงก็แค่..”

 

“แค่อะไรครับ”   นิชคุณรีบถามแทรกขึ้นอย่างร้อนใจ

 

“คุณหมอใจเย็นๆสิคะ รอฟังให้จบก่อน” ซองอึนกลั้นยิ้ม คุณหมอคนที่เคยใจเย็นหายไปไหนแล้วนะ กลายเป็นคนใจร้อนไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน

 

“แล้วมันแค่อะไรล่ะครับรีบๆตอบผมมา” นิชคุณยังเร่งเร้าจะเอาคำตอบ เขายอมรับเลยว่าใจร้อน อยากรู้ว่าที่น่าห่วงนั่นคืออาการอะไร มีอะไรผิดปกติกับอูยองหรือเปล่า

 

“คุณอูยองทานข้าวน้อยมากค่ะ ข้าวต้มทานไปสองสามคำก็งอแงไม่ยอมทานแล้วล่ะค่ะ”

 

คิ้วหนาขมวดเข้าหากันด้วยกังวล ถ้าอูยองยังทานข้าวน้อยอยู่แบบนี้คงไม่ดีแน่      มีหวังได้ผอมไม่มีเรี่ยวมีแรงแน่ๆ อาหารอย่างอื่นก็ยังทานไม่ได้ด้วยสิ

.

.

.

.

.

เช้าวันถัดมา

เจ็ดโมงตรง ซองอึนเดินเข้ามาพร้อมกับรถเข็นที่เอาไว้วางถ้วยข้าวต้มสำหรับคนป่วย เขาเดินไปปรับเตียงคนป่วยให้กึ่งนั่งกึ่งนอน แล้วก็ช่วยพยุงอูยองให้ลุกขึ้นนั่งในท่าที่ถนัดๆ ก่อนจะหันมายิ้มให้คนป่วยที่นั่งอยู่บนเตียง

 

 

 

“ได้เวลาทานข้าวแล้วจ้ะ คุณอูยอง”    

 

อูยองหลุบตามองมาที่ถ้วยข้าวต้มเห็นแล้วเป็นต้องทำหน้าเบะทันที เพราะมื้อไหนๆก็ได้ทานแต่ข้าวต้มโรงพยาบาล นอกจากหน้าตาไม่ได้เรื่องแล้วรสชาติก็ยังไม่ได้เรื่องอีกต่างหาก

 

“ผมเบื่อข้าวต้มแล้วอ่ะครับ อยากทานอย่างอื่นจังเลย” ทำหน้าตาน่าสงสารบวกกับน้ำเสียงงอแงตามแบบฉบับเด็กขี้อ้อนหวังจะให้พยาบาลซองอึนเปลี่ยนให้ทานอย่างอื่นบ้าง    ซองอึนเห็นแบบนั้นแล้วก็อดสงสารไม่ได้

 

“วันนี้เปลี่ยนสูตรแล้วค่ะ คุณอูยองลองดูสิคะ” ซองอึนยิ้มให้พลางยกถ้วยข้ามต้มมาให้อูยองดู เขาเห็นอูยองยิ้มดีใจกับข้าวต้มหน้าตาแบบใหม่ ซองอึนเห็นแบบนี้ก็พลอยยิ้มตามไปด้วย คุณอูยองคงเบื่อข้าวต้มหน้าตาแบบเก่าจริงๆแหละ ซองอึนมีหน้าที่แค่ป้อนข้าวให้อูยอง เห็นแล้วยังเบื่อข้าวต้มแทนเลย มันดีนะที่มีคนทำข้าวต้มหน้าตาที่เห็นแล้วรู้เลยว่าไม่ใช่ข้าวต้มของโรงพยาบาลแน่ๆ มาให้คุณอูยองทานทุกวัน

 

สูตรเข้าต้มสำหรับอูยอง อูยองชอบทานข้าวต้มหมูสับใส่แครอทเยอะๆ พ่อครัว   จำเป็นค่อยๆบรรจงหั่นแครอทเป็นชิ้นเล็กๆ จนได้ปริมาณที่ต้องการ แล้วเอาลงต้มพร้อมกับข้าวให้เปื่อยๆอูยองจะได้ไม่ต้องออกแรงเคี้ยวมาก ที่สำคัญข้าวต้มชามนี้ต้องไม่มีต้นหอมแม้แต่ใบเดียว เศษเสี้ยวเดียวก็ไม่ได้ เพราะอูยองไม่ชอบ ขั้นตอนสุดท้าย ต้องโรยด้วยสาหร่าย ของโปรดของอูยองอีกอย่างหนึ่งล่ะ เสร็จแล้วก็รีบเอามาให้พยาบาลซองอึนตั้งแต่เช้าตรู่

 

อูยองมองชามข้าวต้มตรงหน้าแล้วรู้สึกคุ้นมาก มันทำให้เขานึกถึงช่วงที่ไม่สบาย แล้วมีใครบางคนชอบต้มข้าวต้มรูปร่างหน้าตาแบบนี้ให้ทานที่สำคัญเป็นแบบที่     อูยองชอบด้วย แต่สูตรนี้ใครๆเขาก็ทำกันได้ล่ะมั้ง คงไม่ใช่มีแค่คนเดียวในโลกที่ทำได้

 

“ข้าวต้มชามนี้…?”     นิสัยเด็กขี้สงสัยอย่างอูยองก็อดไม่ได้ที่จะถามออกไป

 

“อ๋อ เป็นข้าวต้มของโรงพยาบาลสูตรใหม่ค่ะ คือ…เอ่อ… เราเปลี่ยนแม่ครัวชุดใหม่ ก็เลยได้ข้าวต้มสูตรใหม่ด้วย”   พยาบาลซองอึนแก้ต่างแทบไม่ทัน เพราะเจ้าของสูตรข้าวต้มบอกว่าห้ามบอกอูยองเด็ดขาดว่าใครทำ ไม่อย่างงั้นเป็นเรื่องใหญ่โตแน่

 

“อ่า…งั้นเหรอครับ”  อูยองนึกแล้วไม่มีผิดว่าข้าวต้มหน้าตาแบบนี้ใครๆเขาก็ทำกันทั้งนั้น ก็ว่าจะลืมๆไปแล้วนะคนคนนั้น แต่เห็นข้าวต้มหน้าตาแบบนี้แล้วก็อดนึกถึงไม่ได้

 

พูดจบอูยองก็อ้าปากรอทานข้าวทันที ถ้าเป็นข้าวต้มหน้าตาแบบเดิมซองอึนต้องหาคำมาหลอกล่อให้อูยองยอมทานข้าว ซึ่งมันไม่ต่างอะไรจากการป้อนข้าวเด็กสามขวบเลยจริงๆ แต่ครั้งนี้อูยองยอมอ้าปากโดยที่ซองอึนไม่ต้องชักแม่น้ำทั้งห้ามาหลอกล่อให้อูยองต้องทานข้าวเลย เห็นอูยองอ้าปากรอขนาดนี้ก็ไม่รอช้าที่จะตักข้าวต้มป้อนให้กับอูยอง ผ่านไปแล้วหนึ่งคำ อูยองก็รีบอ้าปากรอคำถัดไปทันที    ทำเอาซองอึนยิ้มดีใจเพราะปกติอูยองทานได้คำเดียวก็จะทำหน้าพะอืดพะอมแล้ว

 

“ชอบหรือเปล่าคะข้าวต้มแบบนี้”

อูยองเคี้ยวข้าวต้มตุ้ยๆอยู่ในปาก อมยิ้มแล้วพยักหน้าให้เป็นการตอบคำถาม

 

“แม่ครัวชุดนี้ดีจังเลยนะครับ ทำข้าวต้มแบบที่ผมชอบทานด้วย”  

 

“ถ้าชอบก็ทานเยอะๆเลยนะคะ เดี๋ยวจะบอกคุณ….คุณแม่ครัวทำมาให้ทุกวันเลยค่ะ”   ซองอึนยิ้มแล้วตักข้าวต้มป้อนให้กับอูยอง เกือบไปแล้วไหมล่ะ เกือบหลุดปากไปแล้ว ว่าใครเป็นคนทำ

 

.

.

.

หลังจากทำภารกิจป้อนข้าวอูยองเสร็จ ซองอึนก็รีบกลับมารายงานผลให้กับเจ้าของสูตรข้าวต้มทราบทันที ซองอึนแกล้งตีหน้าเศร้าเดินเข้ามาในห้อง นิชคุณเห็นแบบนั้นแล้วรู้สึกใจคอไม่ดี

 

“คุณพยาบาลซองอึนครับ อูยองยังไม่ยอมทานอีกเหรอครับ” หมอหนุ่มเอ่ยถามเสียงเศร้าหน้าตาดูห่อเหี่ยวลง ซองอึนเห็นแบบนั้นแล้วก็ปล่อยหัวเราะออกมา   แล้วรีบเฉลยก่อนที่คุณหมอของเขาจะเป็นเอามากกว่านี้

“วันนี้คนไข้ของคุณหมอเก่งนะคะ ทานหมดเกลี้ยงเลย”

 

พอได้ยิ้นแบบนี้นิชคุณค่อยยิ้มกว้างออกมาได้ โล่งใจไปหน่อย นึกว่าอูยองจะไม่ยอมทานซะแล้ว อย่างน้อยอูยองก็น่าจะชอบข้าวต้มสูตรเดิมที่เขาเคยทำให้อูยองทาน คงไม่มีใครรู้ใจอูยองเท่าเขาอีกแล้วล่ะ

 

“อ่อ คุณหมอคะ วันนี้น่าจะเป็นโอกาสดีของคุณหมอแล้วนะคะ เพราะคุณแทคยอน มีประชุมใหญ่ที่บริษัท อาจจะยาวไปถึงพรุ่งนี้เลย แล้วก็คงไม่ได้มาเฝ้าไข้คุณอูยอง บางทีหมอก็อาจจะอยากไปดูอาการคนไข้ของหมอด้วยตัวเองใช่ไหมคะ?”  

 

“จริงเหรอครับ?” นิชคุณถามด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้นดีใจ

ซองอึนยิ้มและพยักหน้าให้

.

.

.

 

นิชคุณนั่งคิดอยู่นาน อยากเจอก็อยากเจอ แต่ก็กลัวว่าถ้าอูยองเห็นหน้าตัวเองแล้วจะไล่ตะเพิดออกมา ถ้าอูยองเครียดแล้วความดันในสมองสูงขึ้นจะทำยังไง   ซึ่งไม่ดีกับสมองที่พึ่งจะได้รับการผ่าตัดมาแน่ๆ นิชคุณเลยบอกให้พยาบาลซองอึนอยู่เป็นเพื่อนอูยองไปก่อน จนถึงตอนเย็นซองอึนได้เข้ามาแจ้งว่าอูยองงอแงมากเพราะปวดแผล คุณแทคยอนก็ไม่อยู่ ซองอึนก็ไม่รู้จะโอ๋ยังไงดี นิชคุณก็เลยจำเป็นต้องสั่งจ่ายยานอนหลับให้ ยาแก้ปวดก็ช่วยทุเลาได้บ้าง แต่กลัวอูยองจะปวดแผลจนนอนไม่หลับ อีกอย่างอยากให้อูยองพักผ่อนให้เพียงพอไม่อยากให้ตื่นมากลางดึกเพราะปวดแผล      ทุ่มกว่าๆคุณซองอึนเข้ามาแจ้งว่าอูยองหลับแล้ว งั้นก็ได้เวลาที่จะเข้าไปหาอูยองแล้วล่ะ แต่พอเดินไปใกล้จะถึงหน้าห้องของอูยอง นิชคุณเห็นบอดี้การ์ดที่ยืนดักอยู่หน้าห้องก็ท้อใจเหลือเกิน ทำไมต้องขนมาหลายคนขนาดนี้ ทำยังกะจะมีคนมาลักพาตัวอูยองยังไงอย่างงั้น แล้วทำยังไงล่ะถึงจะผ่านด่านนี้เข้าไปได้  พอไปถึงหน้าห้องมันก็เป็นแบบที่เขาคิดจริงๆ บอดี้การ์ดไม่ยอมให้เขาเข้าไปหาอูยองง่ายๆ

 

“เข้าไม่ได้นะครับ!” บอดี้การ์ดสามคนรวมพลังกันมายืนกันประตูไว้

 

“ผมเป็นหมอเจ้าของไข้ ผมจะไปดูอาการคนไข้ของผมครับ” นิชคุณเอ่ยเสียงเรียบวางมาดให้ดูสุขุมและน่าเกรงขามพอสมควร  

 

“คุณแทคยอนสั่งไม่ให้หมอเข้าครับ!”

 

“แต่ผมเป็นหมอเจ้าของไข้ วันนี้คนไข้ของผม ไม่มีคนอยู่เฝ้าตอนกลางคืน วันนี้ผมต้องทำหน้าที่นี้”  

 

“ให้พยาบาลมาเฝ้าแทนครับ ยังไงหมอก็ยังไม่ได้รับอนุญาตจากคุณแทคยอน    ผมให้เข้าไปไม่ได้จริงๆ” บอดี้การ์ดยังคงยืนกรานที่จะไม่ให้นิชคุณเข้าไป

 

ดูจากท่าทีแล้วนิชคุณคิดว่าบอดี้การ์ดพวกนี้ไม่ยอมให้เขาเข้าไปหาอูยองแน่ๆ     คงกลัวตกงานกันล่ะสิ ถึงได้เคร่งนักเคร่งหนา

 

“คุณฟังผมนะ” นิชคุณยืนกอดอกก่อนจะเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“คนไข้ผ่าตัดสมอง เขาต้องเปลี่ยนท่านอนทุกๆสองชั่วโมง วันนี้ไม่มีคนเฝ้าไข้อูยอง แล้วใครจะเปลี่ยนท่านอนให้เค้า ถ้าเกิดเป็นแผลกดทับ อาการแย่ขึ้นมา ผมว่าพวกคุณอาจจะไม่ใช่แค่โดนไล่ออกนะ คุณก็รู้เจ้านายของคุณเค้ารักน้องชายเค้าแค่ไหน คิดดูเอาแล้วกัน ว่าจะให้ผมเข้าไปหาอูยอง หรือ หรือจะให้อูยองเป็นอะไรไป”      นิชคุณคิดว่าแค่ขอเข้าไปหาอูยองด้วยเหตุผลธรรมดาๆคงไม่ได้ผลหรอก ก็เลยต้องงัดวิการการเข้ามาช่วย

 

“แล้วให้พยาบาลมาเฝ้าไข้แทนไม่ได้เหรอครับ”

ถึงอย่างงั้นบอดี้การ์ดก็ไม่ยอมให้นิชคุณเข้าไปง่ายๆหรอก เพราะคุณแทคยอนกำชับแล้วกำชับอีกว่าห้ามให้หมอคนนี้เข้าพบคุณอูยองเด็ดขาด

 

“พยาบาลที่ไหนเค้าจะว่างมาเฝ้าไข้ คนไข้ตอนกลางคืนกันล่ะคุณ เขามีหน้าที่การงานที่ต้องทำ”

“แล้วหมอ??” บอดี้การ์ดเลิกคิ้วถามด้วยความสงสัย พยาบาลมีหน้าที่ที่ต้องทำ หมอก็มีหน้าที่ที่ต้องทำเหมือนกันไม่ใช่เหรอ

 

“ผมมีคนไข้คนเดียวที่จะต้องดูแล คุณจะเอายังไง”

นิชคุณทำทียกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู “นี่ใกล้ได้เวลาเปลี่ยนท่านอนให้อูยองแล้ว”

สถานการณ์เริ่มจะตรึงเครียดขึ้นเรื่อยๆจนเหล่าบอดี้การ์ดต้องเรียกประชุมกัน      ชั่วคราว เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่พอสมควร ถ้าขืนคุณแทคยอนรู้ว่าคุณหมอคนนี้เข้าไปหาคุณอูยองมีหวังซวยกันยกทีมแน่ๆ

 

“เรื่องนี้จะไม่ถึงหูคุณแทคยอน” นิชคุณเอ่ยลอยๆหวังว่าบอดี้การ์ดพวกนั้นจะตัดสินใจได้ง่ายขึ้น

 

กลุ่มบอดี้การ์ดยังคงปรึกษากันอย่างเคร่งเครียด และในที่สุดนิชคุณก็ได้คำตอบ

“งั้นตกลงครับ”

 

นิชคุณหันมาลอบยิ้มไม่ให้บอดี้การ์ดพวกนั้นเห็น เพราะที่เขาพูดมาทั้งหมด          ที่บอกว่าต้องเปลี่ยนท่านอนทุกสองชั่วโมง มันก็ใช่นะ แต่นั่นเป็นช่วง 24ชั่วโมงแรกหลังออกจากห้องผ่าตัด ตอนนี้ไม่ต้องทำแล้ว นิชคุณไม่ได้โกหกเลยสักนิด แค่บอกไม่หมด… ก็เขาไม่รู้จะหาคำพูดไหนมาพูดให้บอดี้การ์ดพวกนี้ยอมให้เข้าไปหาอูยองนี่นา

 

“พวกคุณก็ปิดความลับนี้ด้วยแล้วกัน”   เสียงทุ้มเอ่ยก่อนจะเปิดประตูเข้าไป

 

สมกับเป็นห้องพักคนป่วยระดับ VVIP จริงๆ นาทีแรกที่เดินเข้าไปก็เห็นโต๊ะทำงานชั่วคราวของแทคยอนตั้งอยู่ข้างๆเตียงอูยอง แทคยอนมาเฝ้าไข้น้องไม่ให้ห่างกายเลยจริงๆ ถือเป็นพี่ชายที่ดีและดูรักน้องมากจริงๆ   ห้องนี้มองเผินๆนึกว่าห้องพักโรงแรมระดับห้าดาว มีเฟอร์นิเจอร์ครบคัน ห้องกว้างโอ่โถง ปิดล้อมไปด้วยกระจกใส เพียงแค่เปิดม่านออกก็สามารถเห็นวิวมุมสูงของกรุงโซลได้แล้ว นี่ม่านถูกเปิดอยู่อูยองคงขอให้คุณซองอึนเปิดไว้ให้แน่ๆ เพราะอูยองชอบดูวิวในเมืองตอนกลางคืน       

ร่างสูงเดินเข้าไปหาคนป่วยที่หลับอยู่บนเตียง เห็นอูยองหลับคิ้วขมวดนี่ก็คงเป็นเพราะปวดแผลแล้วก็หลับไปเพราะฤทธิ์ยานอนหลับแน่นๆ สองมือค่อยๆประครองใบหน้ามนเอาไว้ นิ้วโป้งบีบนวดลงที่หัวคิ้วของคนตัวเล็กเบาๆเพื่อให้อูยองได้รู้สึกผ่อนคลาย แล้วก็ได้ผล อูยองน่าจะรู้สึกผ่อนคลายขึ้นแล้วล่ะ เพราะอูยองคลายปมคิ้วออกหลับพริ้มเชียวล่ะตอนนี้ เห็นแบบนี้แล้วนิชคุณได้แต่ยืนยิ้มให้อย่างเอ็นดู    นิชคุณแอบเหลือบไปเห็นตุ๊กตาที่วางอยู่ตรงหัวเตียง แขนยาวๆเอื้อมไปหยิบมา แล้วเอามาวางลงบนตัวของอูยอง นิชคุณคว้าเอามืออูยองให้ยกขึ้นมากอดตุ๊กตาตัวโปรดเอาไว้ แล้วหันไปมองหน้าเด็กน้อยที่กำลังหลับพริ้มไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย   ก็ได้แต่ยิ้มแล้วยิ้มอีก แค่ได้เห็นหน้าอูยองนิชคุณก็มีความสุขแล้ว รู้แล้วว่าไม่มีใครแทนที่อูยองได้ นิชคุณละสายตาจากใบหน้าหวานมองสูงขึ้นไปอีกหน่อยก็เห็นมีผ้าพันแผลพันอยู่รอบศีรษะ อูยองคงเจ็บปวดอยู่ไม่น้อย ร่างสูงค่อยๆโน้มตัวลงไปจูบกลีบปากบางของคนที่หลับอยู่ในห้วงนิทราอย่างอ่อนโยน

 

“เจ็บมากเลยใช่ไหมคนดี อดทนอีกหน่อยนะครับ เดี๋ยวก็หายแล้ว”

นิชคุณรู้ตัวดีว่าการกระทำแบบนี้มันมันไม่ดีหรอก ที่มาแอบฉวยโอกาสคนที่หลับไม่รู้เรื่องรู้ราวเพราะฤทธิ์ยานอนหลับแบบนี้ ถ้าอูยองรู้ มีหวังได้โกรธเป็นฟืนเป็นไฟแน่ๆ

“พี่ขอโทษอูยอง พี่คุณขอโทษนะ”  

เห็นอูยองต้องมาตกอยู่ในสภาพที่ต้องเจ็บปวดทั้งตัวและหัวใจแบบนี้นิชคุณรู้สึกเจ็บปวดไม่ต่างกันเลย เขาไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายจิตใจอูยองแบบนี้ ไม่ได้ตั้งใจจะให้เกิดเรื่องแย่ๆแบบนี้ เพราะเขาคนเดียวที่มีความคิดเห็นแก่ตัว คิดโง่ๆ คิดเห็นแก่ได้ ผลสุดท้ายคนที่เจ็บที่สุดก็คืออูยอง รอให้อูยองพร้อมก่อน แล้วเขาจะขอโทษอูยองเอง ไม่รู้ว่าอูยองจะยอมรับคำขอโทษจากคนโง่ๆคนนี้ไหม แต่ยังไงซะเขาก็จะไม่ยอมทิ้งอูยองไปอีกเด็ดขาด

นิชคุณเดินไปลากเก้าอี้มานั่งลงข้างๆเตียง มือหนาคว้าเอามือเล็กมาบีบนวดเบาๆ ก่อนจะกดจูบอย่างอ่อนโยนลงบนหลังมือขาว

 

“อูยองต่อไปนี้พี่คุณจะไม่ไปไหน พี่จะอยู่ดูแลอูยองตรงนี้นะ”

 

“พี่คุณสัญญาว่าจะกลับมาทำให้อูยองมีความสุขแบบเมื่อก่อนให้ได้ ขอเพียงแค่   อูยองไม่รังเกียจ ไม่ผลักใส และหวังว่าอูยองจะให้โอกาสคนโง่ๆที่เคยหลงผิดอีกครั้ง”

คืนนี้นิชคุณขอเฝ้าอูยองอยู่แบบนี้ไปตลอดทั้งคืน ขอนั่งมองหน้าอูยองให้ได้หายคิดถึง ไม่รู้ว่าถ้าอูยองตื่นขึ้นมาเจอหน้าเขา อูยองจะรู้สึกยังไง

 

 

 

 

TBC…………

 

 

Talk

แหนะๆ พี่ชายอูยองไม่อยู่ ถึงขั้นแอบเข้ามาหา ไม่เพียงแค่นั้นยังมาแอบจุ๊บปากอูยองอีก  ทำอะไรลงไปคะหึ้ม!!!!   อูยองตื่นเร็ว ตื่นๆๆๆ ตอนนี้ทีมใครดีล่ะ #ทีมอูยอง #ทีมนิชคุณ นิชคุณก็ทำดี๊ทำดีนะคะ สงสารพระเอกของเรากันเถอะ 55555

*“ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะแล้วก็ขอบคุณทุกคอมเม้นท์เลยจ้า”*

[fic khunwoo] love and hate 5

Title:Love and hate 5

Couple: KhunWoo

Writer: ilovekw

Rate : PG 

Gente :  dark drama and Romantic

ฟิคเรื่องนี้เกิดจากจินตนาการของไรทเตอร์ enjoy reading ^^

6:15 น. ตามเวลาท้องถิ่นเกาหลี เป็นเวลาที่เครื่องบินจากอเมริกาแลนด์ดิ้งลงสู่พื้นสนามบินอินชอน เป็นการกลับเกาหลีก่อนกำหนด แทนที่นิชคุณจะต้องดีใจ แต่มันไม่ใช่อย่างงั้นเลย เพราะมัวแต่วิตกกังวลเรื่องของการป่วยอูยอง ไม่รู้ว่าเขาจะได้เป็นคนผ่าตัดให้หรือไม่ วันนี้แหละจะได้รู้กัน  

จาก สนามบินอินชอนถึงมหาวิทยาลัยเกาหลีใช้เวลาเพียงแค่ 30 นาทีเท่านั้น       ที่นิชคุณมาที่นี่ก่อน ก็เพราะต้องมาขอพบอาจารย์ เพื่อที่จะขอข้อมูลการติดต่อ      พี่ชายของอูยองให้ได้ภายในวันนี้         นิชคุณหยิบมือถือขึ้นมากดดูเวลา นี่ก็เช้าเกินไป อาจารย์ยังไม่มาแน่ๆ นิชคุณยังพอมีเวลาพักบ้าง      ก็เลยแวะไปที่ร้านสตาร์บัคส์    โรงพยาบาลร้านประจำที่เคยมา ทันทีที่เปิดประตูร้านเข้าไป กลิ่นกาแฟลอยมา   เตะจมูกเพียงแต่นั้นนิชคุณก็รู้สึกตื่นแล้วก็สดชื่นแล้ว ถึงบนเครื่องจะนอนไม่ค่อยหลับก็ตาม

“อ้าว สวัสดีครับหมอคุณ”   บาริสต้าร์หนุ่มเอ่ยทักด้วยความตกใจ นานแล้วนะที่เขาไม่ได้เห็นหน้าหมอคุณ ถึงจะไม่ได้เจอหน้านาน ก็ยังจำชื่อได้ดีก็เพราะนิชคุณคือลูกค้าระดับพรีเมียมของสตาร์บัคส์สาขานี้ เลยก็ว่าได้

“สวัสดีครับ สบายดีนะครับ” นิชคุณยิ้มทักทายอย่างเป็นมิตรเช่นเดิมที่เขาเคยทำ

“สบาย ดีครับ วันนี้หมอรับเหมือนเดิมนะครับ” บาร์ริสต้าร์หนุ่มทักขึ้นอย่างรู้ใจ      จะไม่ให้จำได้ ได้ยังไง ก็หมอมาทีไรก็สั่งอยู่แบบเดียวคือเอสเพรสโซ่ มัคคิอาโต

“ครับ เหมือนเดิม”   เสียงทุ้มเอ่ยตอบเพียงสั้นๆแต่ดูสุขุม

“หมอคุณรับเค้กด้วยไหมครับ”   ที่ถามก็เพราะปกติจะสั่งไปคู่กัน เห็นไม่ได้มานาน ก็เลยไม่แน่ใจว่ายังจะรับเหมือนเดิมหรือเปล่า

“อ่า..ไม่ล่ะครับวันนี้ไม่มีคนทาน” หมอหนุ่มยิ้มออกมานิดๆ ถามขึ้นมาแบบนี้ทำเอาเขาคิดถึงอูยองขึ้นมาจับใจ

บา ริสต้าร์ยิ้มรับก่อนจะคีย์ออเดอร์ลงคอมพิวเตอร์เสร็จเรียบร้อยก็หันมาถามสาร ทุกข์สุขดิบกันต่อ   นิดหน่อย เพราะไม่ได้เจอหน้าลูกค้าระดับพรีเมียมคนนี้นานเหลือเกิน

“ว่าแต่หมอคุณหายไปไหนมาซะนานเลยล่ะครับ เรียนจบแล้วกลับไปอยู่ไทยเหรอ”

“ผมไปเรียนต่อที่อเมริกามาครับ”   นิชคุณตอบคำถามพลางยื่นบัตรเดรดิตให้เป็นการจ่ายค่ากาแฟ  

“อ๋อ ถึงว่าล่ะครับ ช่วงก่อนหน้านี้เห็นคุณหมออูยองมานั่งที่นี่คนเดียวอยู่บ่อยๆ     แกคงเหงาน่าดูเลยนะครับ บางวันเห็นนั่งเหม่อๆ”   ว่าไปมือก็รูดบัตรเครดิตไป   เลยไม่ได้เห็นสีหน้าของนิชคุณที่ดูเจื่อนลง

“อ่า เหรอครับ อูยองคงมาที่นี่บ่อยเลยนะครับ” พอได้ยินแบบนั้นทำให้นิชคุณรู้สึกเจ็บปวดเข้าไปใหญ่ อูยองคงจะเหงามากจริงๆแหละ ก็เพราะเมื่อก่อนเด็กดื้อคนนั้นตัวติดเขาเป็นตังเม มาที่นี่คนเดียวก็คงจะรู้สึกแปลกๆไป

“แต่พักหลังๆไม่เห็นมาแล้วนะครับ ไม่รู้เรียนหนักจนไม่มีเวลาหรือเปล่า ไหนๆหมอคุณก็กลับมาแล้ว   ก็พาหมออูยองมาที่นี่อีกนะครับ”   บาริสตาร์หนุ่มยิ้มพร้อมยื่นแก้วกาแฟให้

“ครับ” นิชคุณยิ้มออกมาแห้งๆ เขาก็อยากจะทำแบบนั้นเหมือนกัน แต่ไม่รู้ว่าอีกคนจะให้อภัยเขาหรือเปล่า

………

………

หลังจากได้ข้อมูลจากอาจารย์มาแล้วนิชคุณไม่รอช้าที่จะที่จะไปขอพบแทคยอน เขาไม่แน่ใจว่า    แทคยอนจะยอมไหม แต่ยังไงซะเขาก็มีเหตุผลของเขาที่คิดว่าน่าจะชนะได้เหมือนกัน

.

.

.

“คุณแทคยอนคะมีแขกมาขอพบค่ะ”   เสียงเรขาสาวดังขึ้นจากปลายสาย

“ได้นัดไว้หรือเปล่าครับ?”

“ไม่ได้นัดไว้ค่ะ แต่เขาบอกว่ายังไงก็จะขอพบ แจ้งแค่ว่ามีเรื่องสำคัญที่จะต้องคุยค่ะ”

“ใครครับ?” แทคยอนขมวดคิ้วสงสัย ถ้าเป็นลูกค้าก็ไม่น่าจะมีเรื่องด่วนขนาดนี้นะ

“คุณนิชคุณค่ะ”

“หืม? ใครนะครับ?”   แทคยอนฟังไม่ค่อยถนัดถึงกับกดเพิ่มเสียงที่โทรศัพท์ให้ดังขึ้น

“คุณนิชคุณค่ะ”   เรขาสาวย้ำชื่อนั้นอีกครั้ง

พอได้ยินชื่อนิชคุณอีกรอบ แทคยอนก็ปล่อยเสียงหัวเราะทุ้มต่ำออกมาจากลำคอ จนเรขาที่ฟังเสียงอยู่ปลายสายรู้สึกกลัวเสียงหัวเราะแบบนี้ไปด้วย ปกติบอสของเขาเป็นคนจิตใจดีมากเลยนะ     ไม่เคยได้ยินบอสหัวเราะได้น่ากลัวขนาดนี้มาก่อน

แทคยอนไม่รู้หรอกว่าวันนี้นิชคุณจะมาขอพบเขาด้วยเหตุอะไรแต่ก็ไม่ได้ผลักไส เพราะเขาก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าที่มาถึงที่นี่มาด้วยเหตุผลสำคัญอะไร

“ให้เขาเข้ามา”

นิชคุณเดินตามเรขาของแทคยอนเข้ามาด้วยความสุขุมและวางมาดให้ดูดีพอสมควร

“เชิญ นั่ง!” แทคยอนเอ่ยเสียงเรียบ นิ่ง น่าเกรงขามสายตามองนิชคุณแบบไม่ค่อยรับแขกนัก เพราะเรื่องอะไรเขาต้องทำดีกับคนที่ทำน้องชายเขาเจ็บ

“คุณ ไม่ต้องแนะนำตัวให้ผมรู้จักหรอกนะ เพราะผมรู้เรื่องทุกอย่างดีจากปากน้องชายของผมแล้ว   คุณนิชคุณ!” แทคยอนกระตุกยิ้มร้ายให้กับคนที่นั่งอยู่ตรงข้าม    คนคนนี้บังอาจมาทำร้ายจิตใจอูยองเขาไม่สั่งเก็บก็บุญแค่ไหนแล้ว

นิชคุณไม่ได้เอ่ยอะไรออกไป เพียงแค่ก้มหัวรับอย่างสุภาพ

“มีอะไรก็รีบว่ามา ผมไม่มีเวลาคุยเรื่องไร้สาระมากนัก” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยเชิญให้เปิดประเด็น แทคยอนยกมือขึ้นมากอดอกอย่างวางมาด รอฟังเหตุผลที่นิชคุณต้อง    ถ่อมาพบเขาถึงที่นี่

“ผมจะมาขอให้คุณแทคยอนช่วยพิจารณา ให้เอาผมไปผ่าตัดให้อูยองอีกทีครับ” เสียงทุ้มเอ่ยออกไปตรงๆ ไม่อ้อมค้อมให้เสียเวลามาก

พอได้ยินแบบนั้นแทคยอนได้แต่หัวเราะออกมาในลำคอ กล้าดียังไงถึงได้มาขอร้องเขาถึงที่นี่ ในเมื่อเขาปฏิเสธไปแล้วว่าไม่เอา ยังมีหน้าดั้นด้นมาขอร้องเขาอีกเหรอ ไม่รู้ตัวเลยเหรอว่าทำอะไรไว้กับน้องชายของเขา

“คุณมันเห็นแก่ตัวแบบที่น้องผมว่าจริงๆสินะ คุณไม่คิดถึงจิตใจของอูยองบ้างเลยเหรอ ถ้าอูยองรู้ว่าหมอที่จะมารักษา ก็คือคุณ อูยองจะรู้สึกยังไง น้องผมจะดีใจเหรอ คนที่เคยทำเขาเจ็บช้ำมาเป็นคนผ่าตัดให้กับมือ อ่อ…อีกอย่างคุณคงยังไม่รู้สินะว่าอูยองเขาทั้งเกลียด และไม่อยากเห็นหน้าคุณ”

ข้อนั้นนิชคุณรู้ดีว่าอูยองคงไม่อยากจะเห็นหน้าเขาแล้ว เรื่องทั้งหมดมันเกิดเพียงเพราะความผิดพลาดและความคิดโง่ๆของเขาเองนั่นแหละ จะโทษใครก็ไม่ได้ทั้งนั้น

“ผมขอโทษที่ทำให้อูยองต้องเจ็บปวดและเสียใจ ผมเองก็รู้สึกผิด รู้สึกเจ็บปวดไม่แพ้อูยอง”  

นิชคุณพยายามจะข่มเสียงตัวเองไม่ให้สั่น เมื่อนึกไปถึงเรื่องที่ทำกับอูยองแล้ว  เขาเองก็รู้สึกเจ็บปวดและรู้สึกอ่อนแอไม่แพ้กัน

“ไม่…นิชคุณ คนที่คุณจะขอโทษไม่ใช่ผม แต่เป็นอูยองต่างหาก”

แทคยอนเงียบไปสักพักก่อนจะพูดต่อ “ผมจะบอกอะไรให้นะนอกจากธุรกิจที่ผมทำอยู่ ผมก็มี อูยองนี่แหละที่เป็นสมบัติล้ำค่าอีกอย่างหนึ่งที่พ่อแม่ผมให้มา คุณเคยได้หัวใจของน้องชายที่ผมรักมากที่สุดในชีวิตไปแล้ว หัวใจดวงนั้นล้ำค่ามากนะ      แต่คุณกลับรักษาไว้ไม่ได้” แทคยอนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย้ยหยั่นให้กับความโง่ของ   นิชคุณที่มีของดีไว้ครอบครองแต่กลับไม่รู้จักรักษาเอาไว้ให้ดี

“นอกจากจะรักษาหัวใจดวงนั้นไว้ไม่ได้แล้ว คุณยังย่ำยีให้น้องผมต้องเจ็บปวดอีก แล้วคุณรู้ไหมว่าผมเกือบจะเสียอูยองไปเพราะเค้าเคยคิดจะฆ่าตัวตาย เพียงเพราะคนเห็นแก่ตัวแบบคุณ”   ประโยคสุดท้ายแทคยอนเอ่ยเสียงสั่น แทคยอนไม่เคยแสดงความอ่อนแอต่อหน้าใคร แต่พอพูดถึงเรื่องที่อูยองคิดเคยจะฆ่าตัวตายเขา    ก็เจ็บปวดทุกครั้ง

ทันที ที่ได้ยินว่าอูยองคิดจะฆ่าตัวตาย ใบหน้าคมก้มมองลงพื้น นิ้วเรียวบีบผสานเข้าหากันแน่นด้วยความโกรธ โกรธตัวเองที่ทำให้อูยองต้องคิดทำอะไรบ้าๆแบบนี้   ดวงตากลมโตหลับลงด้วยความเจ็บปวดปล่อยให้น้ำตาลูกผู้ชายไหลออกมาอย่างกลั้น ไม่อยู่ ความรู้สึกที่อยู่ในอก มันเจ็บไปหมด เหมือนมีหนามแหลมมาทิ่มแทงหัวใจเป็นร้อยๆครั้งพันครั้ง ชายหนุ่มตั้งสติแล้วรีบปาดน้ำตาออก ตอนนี้เขาไม่ควรแสดงความอ่อนแอออกมา

แทคยอนไม่ได้ตั้งใจจะพูดให้นิชคุณรู้สึกผิดกับน้องชายของเขา เพียงแค่พูดระบายความรู้สึกที่ตัวเองได้รับรู้ออกมาก็แค่นั้น

ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบสักพัก

“ผมไม่รู้นะว่าคุณจะอยากมาผ่าตัดให้อูยองด้วยเหตุผลอะไร แต่ผมขอร้องล่ะ     อย่ามาขอร้องหรืออ้อนวอนอะไรอีกเลย ตลอดเวลาที่ผ่านมาคุณทำให้อูยองเจ็บและเสียใจมามากพอแล้ว ให้มันจบเพียงแค่นี้ ผมไม่อยากให้อูยองเห็นหน้าคุณอีก แล้วอีกอย่างผมไม่อยากให้คุณกลับมาเพียงเพราะตอนนี้คุณสงสารที่อูยองป่วย เพราะอูยองก็คงไม่ต้องการแบบนั้นเหมือนกัน”

“ผมมาก็เพราะผมรักอูยอง” นิชคุณเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและจริงจัง

แทคยอนหัวเราะออกมาในลำคอเบาๆ เขามองหน้านิชคุณด้วยสายตาที่ไม่เข้าใจ

“สิ่งที่คุณทำกับอูยองมันเรียกว่ารักได้เหรอ?!!”   มือหนาตบลงพื้นโต๊ะเพื่อระบายความโกรธ ที่นิชคุณทำแบบนี้ยังกล้าใช้คำว่ารักกับน้องเขาอีกเหรอ ที่อูยองต้อง  มานั่งเจ็บปวดเสียใจนี่ก็เพราะความรักของนิชคุณเหรอ แทคยอนไม่ยักจะรู้ว่ามันมีความรักประเภทนี้ด้วย

“ที่ผ่านมาผมไม่เคยไม่รักอูยอง เอาเป็นว่าผมจะไปอธิบายให้อูยองฟัง แล้วก็ไปขอโทษด้วยตัวเองนะครับ”   นิชคุณเห็นสายตาที่แทคยอนมองมาทางเขา บ่งบอกได้ว่าแทคยอนโกรธเขามากที่ไปทำกับน้องชายเขาแบบนี้

“แสดงว่าที่คุณมาขอร้องอ้อนวอนผมถึงที่นี่ ประเด็นหลักคือจะขอเป็นคนรักษา     อูยองด้วยตัวเอง แล้วมีประเด็นรองคืออยากจะขอคืนดีกับอูยอง?…..ใช่หรือไม่     นิชคุณ!”   แทคยอนจับทางได้แล้วยิ้มร้ายให้กับคนตรงหน้า

“ครับ” นิชคุณกล้าเอ่ยรับตรงๆแมนๆ ทำไมเขาต้องปฏิเสธหัวใจตัวเองด้วยล่ะ      ในเมื่อมันเรียกร้องหาแต่อูยองมาตลอด

ได้ยินคำตอบของนิชคุณแล้ว แทคยอนได้แต่กำหมัดแน่น เห็นน้องเขาเป็นอะไร   คิดจะทิ้งก็ทิ้งไปง่ายๆ คิดอยากจะกลับมาก็จะมาง่ายๆแบบนี้เลยหน่ะเหรอ คนเป็นพี่ยังเจ็บขนาดนี้ แล้วน้องเขาล่ะ   บอบช้ำไปกี่ครั้งแล้ว เกือบคิดจะทำลายชีวิตตัวเองแล้วก็มี

“ให้โอกาสผมได้รักษาชีวิตของอูยองไว้เถอะครับ”    เสียงทุ้มเอ่ยขอร้องด้วยน้ำเสียงสุภาพอีกครั้ง

“ผมรู้ว่าคุณเป็นหมอที่เก่ง แล้วก็คงเป็นคนจิตใจดีสำหรับคนอื่น แต่คงไม่ใช่สำหรับอูยองแน่ๆ แล้วผมจะหาหมอคนใหม่ที่มีฝีมือดีๆมาผ่าตัดให้อูยองเอง อ้อ อย่าคิดว่าอูยองจะยกโทษให้คุณง่ายๆด้วยล่ะ ผมบอกไว้แค่นี้ กลับไปเถอะ”

ถึงจะโดนไล่แบบนั้นนิชคุณก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะลุกขึ้น ครั้งนี้เขาขอใช้วิชาทางการแพทย์มาใช้เป็นเหตุผลร่วมด้วย

“แต่อาการของอูยองเท่าที่ผมดูยิ่งปล่อยไว้นาน ก้อนเนื้องอกมันจะใหญ่ขึ้นแล้วไปเบียดกับส่วนอื่นๆที่สำคัญก้อนเนื้องอกมัน เกิดในจุดที่อันตราย ถ้าก้อนเนื้อนี้ใหญ่ขึ้นมันจะไปเบียดกับสมองส่วนอื่นๆมีผลกระทบเยอะนะครับ แล้วที่สำคัญการผ่าตัดก็จะมีความเสี่ยงสูงขึ้นเรื่อยๆ ผมไม่อยากให้อูยองแย่ไปกว่านี้ ในช่วงที่เราสามารถผ่าตัดได้อย่างปลอดภัยเราก็ควรจะรีบทำไม่ใช่เหรอ ผมว่าคุณแทคยอนลองคิดทบทวนดูอีกครั้งนะครับ”  

“ผมก็ไม่อยากปล่อยให้เวลาผ่านไปเฉยๆหรอกนะ ถ้าหมอผ่าตัดฝีมือดีที่อยู่ตรงหน้าผมตอนนี้คือคนอื่น ไม่ใช่คุณ ผมคงจะเลือกเขาทันที! เชิญกลับไปได้แล้วครับ” แทคยอนผายมือเชิญให้นิชคุณออกจากห้องไปอย่างสุภาพ แต่ถึงแทคยอนจะไล่เขาแบบนั้นเขาก็ไม่ยอมลุกขึ้นอีกอยู่ดี    

“ผมเคยผ่าตัดเคสแบบนี้ แล้วก็ประสบความสำเร็จ ผมว่าในช่วงเวลาแบบนี้ ผมก็ควรจะเป็นอีกทางเลือกนึงที่เลี่ยงไม่ได้นะครับ”

ทันที ที่นิชคุณบอกแบบนั้น แทคยอนได้แต่นั่งหน้าเครียดมือสองข้างถูกยกขึ้นมากุมขมับ มันดีนะที่มีหมอที่เคยผ่าตัดเคสแบบนี้สำเร็จ แต่โชคไม่ดีที่หมอคนนั้นดันเป็นนิชคุณ เขาเองก็ไม่อยากให้อาการอูยองเป็นไปมากกว่านี้ ถ้ารีบผ่าตัดเอาก้อนเนื้อออกตอนนี้โอกาสหายขาดก็มีมากเกือบจะร้อยเปอร์เซ็น แต่ถ้าเขามัวแต่เลือกหมอผ่าตัดให้อูยองอยู่แบบนี้ มันอาจเป็นการทำร้าย อูยองระยะยาว  

“ผมรู้ว่าคุณแทคยอนตัดสินใจลำบาก แต่ขอให้ผมได้กลับมาทำหน้าที่นี้ให้อูยองเถอะนะครับ อย่างน้อยผมก็เคยผ่าตัดเคสแบบนี้”  

“คุณเคยผ่าตัดเคสแบบนี้จริงเหรอ” แทคยอนถามเพื่อความแน่ใจ

“ผมมีจรรยาบรรณแพทย์นะครับ ผมไม่มาโกหกเพื่อเป็นผลประโยชน์ส่วนตัวหรอกนะ”

“ถึงอย่างงั้นก็เถอะ ผมขอปรึกษาจิตแพทย์ก่อน เพราะถ้าจะเลือกคุณมารักษาให้  อูยอง มันมีผลต่อสุขภาพจิตของน้องชายผมด้วย”   แทคยอนพูดออกมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียดก่อนจะหยิบมือถือแล้วเดินออกไปคุย โทรศัพท์ที่อื่น

นิชคุณนั่งรอแทคยอนคุยโทรศัพท์อยู่นาน เขารู้ดีว่าอูยองคงรู้สึกไม่ดีหรอกถ้าได้เห็นหน้าเขา แต่เขาจะใช้เวลาค่อยๆกลับมาสานต่อความสัมพันธ์ใหม่ ไม่รู้ว่าจะนานแค่ไหน เขาก็จะอดทนรอ ขอแค่เพียงตอนนี้เขาได้รักษาอูยองให้หายดีก่อน  

ผ่านไปเกือบๆชั่วโมงแทคยอน เดินกลับเข้ามานั่งที่เก้าอี้ตัวใหญ่ที่อยู่ตรงขามนิชคุณ หมอหนุ่มรอฟังคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ เพราะนี่เป็นไม้ตายไม้เดียวที่เขาสามารถเอาชนะได้ แต่ถ้าเขาโดนปฏิเสธ ทุกอย่างก็จบเพราะเขาไม่มีเหตุผลอื่นที่ดีไปกว่านี้แล้ว

“ผมจะให้คุณมารักษาอูยอง แต่มีข้อแม้คุณจะตกลงไหม?”  

“ผมยอมรับข้อเสนอทุกอย่างครับ”   แค่แทคยอนเอ่ยออกมาว่าจะให้เขารักษาให้  อูยอง เพียงแค่นั้นเขาก็ดีใจมากแล้ว ไม่ว่าจะมีข้อแม้อะไรเขาก็ไม่เกี่ยง

“คุณจะยอมรับข้อเสนอทั้งๆที่ยังไม่ได้ฟังข้อเสนอเลยเนี่ยนะ?”  

“เพื่ออูยองผมยอมทำได้ทุกอย่างนั่นแหละครับ” นิชคุณตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

แทคยอนกระตุกยิ้มมุมปาก “คุณอย่าโผล่หน้าไปให้อูยองเห็น ไม่ว่าจะก่อนผ่าตัดหรือหลังผ่าตัด จนกว่าผมจะอนุญาต”  

คิ้วหนาขมวดเข้าหากันทันทีที่ได้ฟังเหตุผล “ไม่เกินไปหน่อยเหรอครับ ยังไงผมก็ควรไปดูอาการอูยองหลังผ่าตัดด้วยนะ”

“ตอนนี้จิตใจอูยองอ่อนแอกว่าที่คุณคิดนะ อูยองคงไม่พร้อมจะเจอหน้าคุณ แบบนี้ยังจะหาว่าข้อเสนอของผมเกินไปอยู่อีกไหม คุณต้องเข้าใจจิตใจของน้องผมด้วย ถ้ารับข้อเสนอนี้ไม่ได้ ก็ออกไปจากห้องนี้”     แทคยอนเอ่ยเสียงเรียบ ถ้านิชคุณ ไม่รับข้อเสนอ เขาก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร เพราะเขาก็ไม่ได้อยากให้นิชคุณมารักษาอูยองอยู่แล้ว

นิชคุณนั่งนิ่งจนแทคยอนต้องถามอีกรอบเพื่อให้โอกาสนิชคุณได้ตัดสินใจอีกรอบ

“ผมให้โอกาสคุณคิดทบทวนดูอีกรอบก็ได้นะว่าจะรับข้อเสนอของผม หรือไม่รับ”

“ตกลงครับ ผมยอมรับข้อเสนอ” นิชคุณตอบไม่ค่อยเต็มเสียงนัก มันเป็นข้อเสนอที่เจ็บปวด แต่นิชคุณก็ต้องยอมรับมันเพราะมันเป็นหนทางเดียวที่เขาจะสามารถรักษาอูยองได้

“และถ้าเกิดคุณผ่าตัดพลาด ผมไม่ไว้ชีวิตคุณแน่ นิชคุณ!”

.

.

.

.

.

.

.

นิชคุณรู้มาว่าอูยองต้องดรอปเรียนตั้งแต่ยังไม่ผ่าตัด เพราะอูยองต้องพักสมอง เตรียมกายและเตรียมใจให้พร้อมก่อนผ่าตัด นิชคุณอยากจะไปให้กำลังใจอูยอง แต่ทำแบบนั้นคงไม่ได้ ถ้าแทคยอนรู้มีหวังได้ซวยแน่ๆ กว่าจะไปขอร้องให้มารักษาอูยองได้นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ นิชคุณรู้สึกผิดที่และรู้ดีว่าตัวเองนั่นแหละที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้อูยอง ต้องเจอแต่เรื่องแย่ๆ อยากจะขอโทษเป็นร้อยๆครั้งพันครั้ง อยากเข้าไปกอดปลอบ แต่รอก่อน รอให้แทคยอนอนุญาตให้เขาได้เจออูยองก่อนเขาจะอธิบายเรื่องทั้งหมดให้อูยอง ได้ฟังเอง แล้วก็ขอโทษจากใจจริง

ณ มูลนิธิเด็กกำพร้า

นิชคุณตั้งใจจะมาหาเด็กๆที่นี่ นานแค่ไหนแล้วนะที่เขาไม่ได้มา ครั้งล่าสุดก็น่าจะเป็นเมื่อสามปีก่อนที่มากับอูยอง ถ้ามีเวลาว่างตรงกันเด็กดื้อก็จะชอบไปออดอ้อนให้เขาขับรถพามา อูยองบอกว่ามาที่นี่สงบแล้วก็สบายใจดี ที่นี่อยู่ห่างจากตัวเมืองพอสมควร ต้นไม้ก็เยอะ ร่มรื่นดีทีเดียว บวกกับมีเสียงนกคลอไปด้วย มาแล้วรู้สึกสบายใจจริงๆ แถมยังได้ทำบุญกับเด็กๆที่มูลนิธิอีกต่างหาก    ขณะที่นิชคุณกำลังเดินเข้าไปก็เห็นเด็กๆต่างรีบวิ่งไปที่สนามเด็กเล่น วิ่งไปก็ทำท่ากระโดดโลดเต้นดีใจกันยกใหญ่ ด้วยความอยากรู้ว่าเด็กๆจะไปไหนก็เลยรีบก้าวขายาวๆตามเด็กๆเหล่านั้นไป

“เด็กๆจะไปไหนกันเอ่ย?”   เสียงทุ้มใจดีเอ่ยถามกลุ่มเด็กสองสามคนที่กำลังมุ่งหน้าไปยังสนามเด็กเล่น

“ไปเอาขนมกะของเล่นฮะ มีพี่ใจดีเอามาแจก”

“หืม? จริงเหรอ งั้นพี่ขอไปด้วยคนสิ”

“ได้สิฮะ ตามพวกเรามาเลย”   พูดจบเด็กชายตัวน้อยรีบคว้าเอามือนิชคุณมาจับแล้วพาพี่ชายตัวสูงเดินตรงไป ยังสนามเด็กเล่น เด็กๆดูเหมือนจะตื่นเต้นดีใจเอาซะมากๆตอนนี้นิชคุณแทบจะเดินตามไม่ทัน

“พี่หยุดทำไมเหรอฮะ ช้าเดี๋ยวขนมหมดนะ”   เด็กน้อยเอ่ยถามด้วยความใสซื่อเมื่อพี่ชายที่ขอตามมาด้วยหยุดเดินกะทันหัน

“เด็กๆ ไปก่อนเลยนะ เดี๋ยวพี่ตามไป” ชายหนุ่มยิ้มใจดีให้กับเด็กๆ ก่อนจะเดินเลี่ยงออกมาแอบซุ่มดูคนที่กำลังแจกขนมและของเล่นให้กับเด็กๆอย่าง เงียบๆ

“อูยอง” ชายหนุ่มยิ้มแล้วเอ่ยชื่อเด็กดื้อออกมาเบาๆ อย่างน้อยโชคยังเข้าข้างเขาอยู่ ถึงแม้แทคยอนจะบอกห้ามไปให้อูยองเห็นหน้า แต่นี่เขาได้เห็นหน้าอูยองด้วยความบังเอิญ โลกกลมหรือพรหมลิขิตกันล่ะ

“นั่นเจ้าเด็กดื้อจริงๆด้วย” เมื่อมองให้แน่ใจว่าคนนั้นคืออูยองจริงๆเขายิ้มกว้างออกมาอย่างดีใจ อยากจะเดินเข้าไปหาอูยอง อยากจะเข้าไปกอด อยากจะไปนั่งลงข้างๆให้หายคิดถึง ตอนนี้เพียงแค่ได้มองอูยองอยู่แบบนี้เขาก็รู้สึกมีความสุขมากแล้ว

แอบซุ่มดูมาสักพักใหญ่เขาแอบเห็นอูยองแกะขนมที่เอามาแจกเด็กๆกินด้วย แล้วก็ใจดีป้อนให้กับเด็กๆอีกต่างหาก พอเห็นความน่ารักของอูยองแล้วมันยากที่จะทำให้เขาหุบยิ้ม

“คงเล่นซนกับเด็กๆ แล้วก็คงหิวล่ะสิท่า~เด็กดื้อเอ้ย……ยังจิตใจดีเหมือนเดิมนะเรา” นิชคุณเอ่ยพลางยิ้มเมื่อเห็นการกระทำของคนที่ตัวเองแอบซุ่มดูอยู่เงียบๆ   ไม่ได้เจอกันนานอูยองเป็นคนดีไม่มีเปลี่ยน แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือดูผอมลง       แก้มตอบลงไปเยอะ ไม่ได้เป็นแก้มซาลาเปาแบบเมื่อก่อนแล้ว ไม่รู้ว่าทานข้าวบ้างหรือเปล่า ทำไมปล่อยให้ตัวเองผอมลงได้ขนาดนี้กัน ร่างสูงยกยิ้มเมื่อนึกอะไรขึ้นได้ ก่อนจะคว้าเอากระเป๋าเป้มาค้นหากระดาษโน้ตกับปากกาออกมา นิ้วเรียวค่อยๆตะหวัดลายมือที่มีการเปลี่ยนแปลงจากลายมือเดิมอย่างสิ้นเชิง ลงบนแผ่นกระดาษโน้ตสีเหลืองอ่อน  

 อูยองเข้มแข็งไว้นะ! อดทนอีกหน่อยเดี๋ยวก็หายดีแล้ว ทานข้าวเยอะๆด้วยนะครับ

เขียนเสร็จแล้วก็หยิบลูกอมออกมา แล้วเอากระดาษที่เขาเขียนข้อความเมื่อสักครู่นั่นแหละบรรจงห่อเป็นของขวัญ เล็กๆดูแล้วน่ารัก เสร็จแล้วก็นั่งรอเหยื่อที่จะเป็นคนไปสานต่อภารกิจนี้ให้เขา ไม่นานก็มีเด็กผู้หญิงวัยราวๆเจ็ดแปดขวบวิ่งมุ่งหน้าที่จะไปหาอูยอง นิชคุณรีบวิ่งเข้าไปอุ้มร่างเล็กแล้วพามานั่งหลบที่มุมลับ แต่เด็กน้อยมีท่าทีตกใจพอสมควร

“ฮึก พี่…พี่จะลักพาตัวหนู ฮืออ ฮึก”  

“ไม่ใช่อย่างงั้นค่ะ ชู่วๆๆๆคนเก่งไม่ร้องค่ะ ไม่ร้องนะ” นิชคุณเห็นเด็กที่อยู่ตรงหน้าจะร้องไห้ ทำให้เขาลนจนทำอะไรไม่ถูก รีบควักอมยิ้มที่ติดกระเป๋ายื่นให้ เพียงแค่นั้นเด็กน้อยก็หยุดร้องให้ทำเอานิชคุณยิ้มดีใจ นึกว่าภารกิจครั้งนี้จะล่มเสียแล้ว

“หนูน้อย ช่วยอะไรพี่ชายหน่อยสิคะ”   นิชคุณเอ่ยแล้วยิ้มด้วยความใจดีแสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้มีความประสงค์ร้ายอะไรเลย

“ให้หนูช่วยอะไรเหรอคะ” เด็กเอียงคอถาม

“เอาอันนี้ไปให้พี่คนนั้นหน่อยสิคะ” นิชคุณหยิบห่อของขวัญอันเล็กส่งให้กับเด็กน้อย นิ้วเรียวชี้ไปทางคนที่กำลังแจกขนมให้กับเด็กๆ เด็กน้อยมองตามแล้วเอ่ยออกมา

“ให้พี่อูยองเหรอคะ”

“ค่ะ ให้พี่อูยอง” นิชคุณยิ้มให้ ก่อนจะพูดต่อ “บอกให้พี่เขาเปิดอ่านข้อความข้างในด้วยนะคะ”

“แล้วให้หนูบอกว่าใครเอามาให้อ่าคะ” เด็กน้อยถามไปตามประสา

“อืมม….บอกว่า….ว่า…เอ่อไม่ดีกว่าค่ะ ไม่ต้องบอกนะคะว่าใครเอามาให้ แค่เอาให้พี่เขาก็พอแล้ว” เด็กน้อยพยักหน้าแล้วยิ้มให้ นิชคุณลูบหัวไปสองสามทีก่อนที่เด็กหญิงจะวิ่งเอาของไปให้อูยองตามที่ตัวเอง ขอ

.

.

“พี่อูยองคะมีคนฝากของมาให้ค่ะ” เด็กหญิงคว้ามืออูยองมาแล้วบอกให้อูยองแบมือออก อูยองยิ้มแล้วยอมทำตามอย่างว่าง่าย พอเห็นสิ่งที่เด็กน้อยวางลงบนมือ   อูยองก็ยิ่งอมยิ้มเข้าไปใหญ่

“นี่อะไรเหรอ ใครให้หนูมาเอ่ย?”

“พี่เขาไม่ให้บอกค่ะ บอกแต่ว่าให้พี่อูยองเปิดอ่านข้อความข้างในด้วยอ่ะค่ะ”      เด็กน้อยเอ่ยเสียงใส อูยองพยักหน้าให้ แล้วก็ค่อยๆแกะกระดาษนั้นออกมา      เห็นลูกอมรูปหัวใจหนึ่งเม็ดแล้วก็มีความความเขียนอยู่ในกระดาษห่อจริงๆ ด้วย      อูยองอ่านข้อความข้างในก็ได้แต่ขมวดคิ้วพูดออกมาเบาๆ

“ใครกัน?”

“พี่อูยองจะมีแฟนแล้วเหรอคะ” เด็กหญิงเอ่ยขึ้น เพื่อนๆคนอื่นที่ได้ยินก็ต่างวิ่งกรูเข้ามากันยกใหญ่ แล้วส่งเสียงดังกันเจื้อยแจ้ว

“มีคนมาจีบพี่อูยองหรอฮะ”

“เย้ พี่อูยองจะมีแฟนแล้วววว~~~~”   เด็กน้อยกระโดดโลดเต้นดีใจ อูยองเห็นแล้วก็นึกขำ เด็กเจ็ดแปดขวบสมัยนี้รู้จักคำว่าแฟนกันแล้วเหรอ ตอนเขาอายุเท่านี้ยังงอแงอ้อนพ่อ แม่ แล้วก็พี่แทคยอนให้พาไปสวนสนุกอยู่เลย

“พี่อูยองดีใจไหมคะ”

“พี่อูยองจะมีแฟน พี่อูยองจะมีแฟน~~”

เด็กน้อยถามหลายๆคนเข้าจนอูยองเริ่มจะปวดหัวแล้วสิ

“ไม่ใช่ซะหน่อย ใครก็ไม่รู้เอามาให้พี่ เขาเอามาให้เฉยๆต่างหากล่ะ” อูยองหน้างอให้กับเด็กๆ ทันทีเพราะโดนเด็กๆรุมแกล้ง ไม่มีใครเข้าข้างเขาเลยแม้แต่คนเดียว

“พี่อูยองแก้มแดงด้วยนินา แสดงว่าพี่อูยองเขินล่ะสิคะ”   เด็กน้อยเอานิ้วไปจิ้มที่แก้มแดงๆของคนที่กำลังเขิน อูยองได้แต่รวบนิ้วเล็กเอาไว้แล้วตีเบาๆเพื่อเป็นการลงโทษ

“ดูสิพี่อูยองแก้มแดงใหญ่เยย ฮ่าๆๆ”

ต่างคนต่างส่งเสียงเจี้ยวจ้าวเสียงดังจนคนถูกแซวนั้นหน้าแดงเป็นลูกมะเขือเทศ   นิชคุณที่ซุ่มดูอยู่ได้แต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ที่ได้เห็นแบบนั้นแต่คิดใน ทางกลับกันถ้า     อูยองรู้ว่าเขาเป็นคนเอาไปให้ อูยองจะดีใจหรือเปล่านะ

“พ่อหนุ่ม มาซุ่มอะไรตรงนี้ล่ะ จะเข้าไปด้วยกันไหมฉันจะไปช่วยพ่อหนุ่มน้อยนั่นแจกของเด็กๆอยู่พอดี” ชายแก่เจ้าของมูลนิธิเอ่ยทัก ทำเอานิชคุณที่กำลังเฝ้าดูเหตุการณ์อยู่เพลินๆถึงกับสะดุ้ง

“เอ่อ…คือ ….คือผมมีธุระต้องไปแล้วครับ ฝากอู…เอ่อ..ฝากช่วยเขาแจกของด้วยนะครับ”   นิชคุณตอบตะกุกตะกัก ก่อนจะก้มหัวให้แล้วรีบเดินออกไป  

“ลุงนะลุง ไม่น่าเข้ามาทักเลย รู้ไหมครับว่าเวลาที่ผมได้เห็นหน้าอูยองมันล้ำค่ามากแค่ไหน” นิชคุณบ่นพึมพัมออกมา แล้วหันไปมองทางที่เดินมาเมื่อสักครู่หวังจะกลับไปนั่งตรงนั้นอีกรอบ แต่ลุงเจ้าของมูลนิธิยังยืนอยู่ที่เดิมแถมยิ้มให้เขา เขาก็ยิ้มกลับแห้งๆ ก่อนจะก้มหัวให้อีกครั้งแล้วก็ต้องเดินกลับจริงๆ

.

.

.

.

.

.

.

ถึงวันที่อูยองต้องเข้ารับการผ่าตัดแล้ว แทคยอนรู้ดีว่าน้องก็แอบกังวลเพราะดูจากสีหน้าน้องแล้ว   อีกนิดก็จะร้องไห้แล้วนั่น

“น้องไม่ต้องกังวลนะอูยอง เดี๋ยวมีคุณลุงหมออยู่ด้วยระหว่างผ่าตัด แล้วพี่ก็จะติดตามดูอย่างใกล้ชิด” มือหนาลูบหัวน้องไปมาอย่างอ่อนโยนหวังจะให้น้องได้ผ่อนคลาย

“น้องกลัวผลหลังจากการผ่าตัด น้องไม่รู้ว่ามันจะเป็นยังไง จะมีผลกระทบอะไรบ้าง น้องกลัวเป็นภาระให้พี่ ฮึก” พูดไปก็จะร้องไห้ไป อูยองรู้เพียงแค่ว่าหลังจากผ่าตัดเค้าอาจควบคุมตัวเองไม่ได้สักระยะนึง แต่นอกนั้นเขาไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นตามมาไหม ขึ้นอยู่กับว่าหมอเจ้าของไข้จะสามารถผ่าตัดให้ได้สำเร็จและปลอดภัยหรือเปล่า   

“ไม่เอาน้องอย่าคิดแบบนั้นสิ มันไม่ใช่ภาระอะไรทั้งนั้นแหละ ตอนนี้อย่าคิดมากนะ”

“เชื่อพี่สิ น้องจะต้องปลอดภัย ”   เพราะถ้าอูยองเป็นอะไรไปเขาไม่ไว้ชีวิตนิชคุณแน่ๆ

นี่ก็ถึงเวลาที่อูยองต้องไปห้องผ่าตัดแล้ว แทคยอนบอกอูยองว่าเดี๋ยวจะเข้าไปด้วย แล้วก็มีคุณลุงหมอแพทย์ประจำตระกูล เข้าไปด้วย เพียงแค่นั้นอูยองก็ยิ้มออกมาแล้ว รู้แค่ว่ามีพี่แทคยอนแล้วก็คุณลุงหมออยู่ใกล้ๆแค่นั้นอูยองก็รู้สึกอุ่นใจ แล้ว    อูยองถูกเข็นมาถึงห้องผ่าตัดซึ่งมีนิชคุณรออยู่ในห้อง  ใส่ชุดพร้อมผ่าตัดอย่างมิดชิด อูยองไม่สามารถรู้ได้เลยว่าใครคือหมอที่ผ่าตัดให้เขา     ตั้งแต่อูยองถูกเข็นเข้ามาในห้องผ่าตัด นิชคุณเห็นอูยองเอาแต่มองหน้าพี่ชายโดยไม่ละสายตา     แถมยังบีบมือพี่ชายเอาไว้แน่น

“พี่แทคยอนอย่าออกไปไหนนะอย่าปล่อยมือน้อง อยู่กับน้องนะพี่แทคยอนนะ ฮึก” อูยองเอ่ยเสียงสั่น

เห็นเด็กน้อยอ้อนพี่ชายแล้วนิชคุณแอบยิ้มออกมาใต้แมสปิดปากสีเขียว เพราะเขารู้ดีเวลาที่อูยองอ่อนแอมักจะงอแงแบบนี้แหละ อูยองคงต้องการกำลังใจพอสมควรในการผ่าตัดครั้งนี้  

“อูยองยังมีพี่คุณอยู่ตรงนี้อีกคนนะ เข้มแข็งไว้นะคนเก่งของพี่คุณ” นิชคุณมีสิทธิ์เพียงแค่พูดออกมาในใจดังๆ

“อืม ไม่ต้องกลัว พี่จะอยู่ตรงนี้กับน้อง พี่ไม่ทิ้งน้องไปไหนหรอก” แทคยอนเน้นย้ำประโยคสุดท้ายก่อนจะหันมองไปหานิชคุณที่เฝ้าดูเหตุการณ์อยู่

ไม่นานวิสัญญีแพทย์ก็วางยาสลบ ตาเรียวเล็กค่อยๆปิดลงพร้อมกับหยดน้ำตา       นิชคุณที่ยืนดูอยู่ เห็นแบบนี้แล้วอยากดึงร่างบางเข้ามากอดปลอบเหลือเกิน

“ไม่ต้องกลัวนะอูยอง พี่คุณอยู่ตรงนี้แล้ว”   นิชคุณเอ่ยพลางมองหน้าคนที่หลับไม่ได้สติอยู่ตรงหน้าก่อนจะลงมือผ่าตัด
TBC…

Talk

จาก ที่อ่านคอมเม้นท์4ตอนที่ผ่านมาทุกคนเอ่ยเป็นเสียงเดียวกันว่าสงสารอูยอง ตอนนี้พระเอกของเรามาแล้ว มาไฝ้วกับพี่ชายมหาโหด ก็ชนะด้วยนะ แต่ไม่ชนะใสๆ ดูข้อเสนอของพี่ชายอูยองซิ๊ โหดเกินไปไหม แต่ก็ต้องเข้าใจพี่ชายอูยองน้า เค้าก็รักน้องเค้าเหมือนกันนา ตอนนี้จะมีใครสงสารหมอคุณบ้างไหมคะ หรือจะสมน้ำหน้าดี 555555  แต่หมอคุณกลับมาด้วยความรักนะ เขายังรักของเขาอยู่แหละ ตอนนี้ก็ได้แต่แอบมองอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆ *ตบบ่าพระเอกของเราปุๆ*      

ทอล์คซะยาว เหมือนแต่งเองเม้นเอง5555

ปล. ช่วงนี้ใกล้สิ้นปีชีวิตค่อนข้างยุ่งค่ะ แต่จะพยายามมาอัพให้ได้อาทิตย์ละตอน (หรือเปล่า) 5555 บอกตรงๆงานเยอะเครียด มาแต่งฟิคระบาย แต่งไปคิ้วขมวดไป ไม่เข้าใจตัวเองเลยว่าแต่งฟิคเพื่อระบายจริงหรอ เจอกันตอนหน้าน้า~~~~

“ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะแล้วก็ขอบคุณทุกคอมเม้นท์เลยจ้า”

[Fic khunwoo] Love and hate 4

Title:Love and hate 4

Couple: KhunWoo  OKKay

Writer: ilovekw

Rate : PG 

Gente :  dark drama and Romantic

ฟิคเรื่องนี้ที่เกิดจากจินตนาการของไรทเตอร์ enjoy reading ^^

 “ผมให้พวกคุณไปหาศัลยแพทย์ทางสมองที่เก่งๆมาผ่าตัดให้อูยอง  แต่ก่อนอื่นต้องส่งโปรไฟล์มาให้ผมพิจารณาก่อน ภายในหนึ่งเดือน”  แทคยอนสั่งก่อนนะเดินออกจากห้องนี้ไปเงียบๆ เขารู้ดีว่าการหาศัลยแพทย์ทางสมองเก่งๆให้ได้ภายในหนึ่งเดือนนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย เพราะแพทย์เฉพาะทางด้านนี้ ในเกาหลีไม่ค่อยจะมีนัก ถึงมีก็คงผ่าตัดให้เคสน้องเขาไม่ได้แน่นอน แต่ถ้ายิ่งปล่อยไว้นานน้องชายเขาก็ยิ่งจะแย่   ทันที่ที่เดินออกจากห้องรับรอง ร่างสูงรีบก้าวขายาวๆเดินตรงไปหาน้องที่ห้องพักคนป่วยระดับ VIP ทันที

แทคยอนลากเก้าอี้มานั่งลงใกล้ๆเตียงคนป่วย อูยองมองพี่ชายตาปริบๆ เพราะไม่รู้พี่ชายเขาเครียดอะไรนัก ก็ตั้งแต่เปิดประตูเดินเข้ามาพี่แทคยอนเอาแต่คิ้วขมวดปม จนตอนนี้ก็ยังนั่งหน้าเครียดอยู่เลย 

“พี่แทคยอนปวดหัวเหรอฮะ หรือว่าไม่สบายอะไรหรือเปล่าทำไมดูสีหน้าไม่ค่อยดีเลย ให้น้องตรวจให้มั้ยฮะ” เสียงใสเอ่ยทักคนเป็นพี่ที่เอาแต่นั่งหน้าเครียดไม่พูดไม่จาอะไรแถมยังเอาแต่มองเขาแล้วก็ได้แต่ถอนหายในออกมายาวๆ

“หืม สีหน้าพี่มันเป็นแบบนั้นเหรอ?”    แทคยอนเลิกคิ้วถาม     เขารู้ตัวดีว่ามีเรื่องให้เครียด แต่ไม่ยักจะรู้ว่าตัวเองแสดงออกทางสีหน้าจนน้องชายเขาต้องเอ่ยทักขนาดนั้น

“ก็ใช่หน่ะสิครับ ดูสิยังเครียดอยู่เลย เครียดเรื่องอะไรฮะ?” 

“ป่าวหรอก ไม่มีอะไร ว่าแต่เราเถอะจุนโฮบอกพี่ว่าน้องยังไม่ทานข้าวตั้งแต่เมื่อเช้า พี่สั่งให้พยาบาลเอาข้าวมาส่งแล้วล่ะ”

“ไม่เอาอ่ะ ตอนนี้ยังปวดหัวอยู่เลย น้องไม่หิว”  ทันทีที่อูยองพูดจบประโยคพยาบาลก็เอาข้าวมาส่งพอดี นี่เป็นข้าวมื้อแรกของวันเลยนะ แต่อูยองกลับมองแล้วมุ้ยหน้าอย่างขัดใจ ก็เพราะอาการปวดหัวมันเลยทำให้อูยองรู้สึกไม่อยากจะกินอะไรเลย

“ไม่หิวก็ต้องกินนะ มาพี่ป้อน”    แทคยอนประครองให้น้องลุกขึ้นนั่ง

“ไม่หิวฮะ…น้องปวดหัวอยู่” อูยองงอแงแล้วมุ้ยหน้าให้กับพี่ชายที่กำลังตักข้าวรอที่จะป้อน

 แทค ยอนจะไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรมากมายถึงดุไปก็งอแงอีกอยู่ดี นี่ก็ปาไปบ่ายสามกว่าๆแล้ว ขืนไม่ยอมทานข้าว มีหวังได้เป็นโรคกระเพาะอีกโรคแน่ๆ แทคยอนจึงใช้ไม้ตายที่จะสยบน้องได้คือเพียงแค่เงียบแล้วส่งสายตาดุๆมองน้อง ที่กำลังงอแงเพียงแค่นี้เด็กที่กำลังงอแงอยู่ก็ยอมทานข้าวแต่โดยดี  อูยองรู้ดีว่าความเงียบของพี่ชายนั้นน่ากลัวเหนือสิ่งอื่นใด  ปากเล็กอ้าปากงับข้าวที่พี่แทคยอนป้อนทันที ถึงจะเป็นการป้องข้าวกันแบบขัดใจแต่ก็ยังดีที่อูยองยอมทานจนหมด  หลังจากนั้นก็ทานยาแก้ปวดเพื่อบรรเทาอาการปวดหัวต่อ    

“พี่แทคยอน~”   อูยองเรียกชื่อพี่ชายด้วยน้ำเสียงออดอ้อน

“หืม?”  คนที่กำลังจัดแจงเก็บจานข้าวที่พึ่งจะป้อนอูยองเสร็จหันมาขานรับ          น้ำเสียงออดอ้อนนำมาขนาดนี้เขาคิดว่าน้องต้องมีอะไรในใจที่อยากจะถามแน่ๆ  แต่ก็คงไม่พ้นคำถามที่เขายังไม่อยากตอบน้องตอนนี้เป็นแน่แท้

“พี่ไปคุยกับอาจารย์หมอว่ายังไงเหรอฮะ อาจารย์บอกว่าน้องเป็นอะไรบอกน้องหน่อยสิ”

นึกแล้วไม่มีผิด    “อืม.. เอ่อ…อาจารย์หมอของน้องบอกว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก    ให้พักผ่อนให้เยอะๆ แล้วก็อย่าคิดอะไรมาก”    

“แต่ว่าจุนโฮบอกอาจารย์หมอส่งน้องไปตรวจสแกนสมองด้วย  น้องอยากรู้ผลสแกนฮะ”   มันจะไม่เป็นอะไรมากได้ยังไง ฟังจากที่จุนโฮเล่าให้ฟังอาการของเค้าดูยังไงก็ไม่ปกติ  แถมอาจารย์ยังส่งสแกนสมองอีก

“พี่บอกว่าไม่ได้เป็นอะไรมากไง”

“พี่แทคยอนโกหก! ถ้าพี่ไม่บอก น้องจะไปขอดูผล CT สแกนด้วยตัวเองก็ได้!”     อูยองหน้าบึ้งให้กับพี่ชายตัวเอง        อูยองรู้ดีว่าพี่ชายของเขาไม่เคยโกหก ถึงจะโกหกก็ไม่เคยเนียนเลยสักนิดอูยองจับได้ตลอดนั่นแหละ            ครั้งนี้ก็เหมือนกัน คิดจะมาโกหกเรื่องอาการป่วยกับว่าที่คุณหมอได้ยังไงกัน

แทคยอนมองหน้าคนที่กำลังหน้าบึ้งตึงใส่เขาอยู่ตอนนี้ก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจ ก็ใช่ว่าแทคยอนจะอยากโกหกน้อง เพียงแต่ตอนนี้เขายังไม่อยากให้อูยองคิดมากไปกว่านี้  ในเมื่ออูยองบอกจะไปขอดูผลตรวจเองขนาดนี้  จะเลี่ยงยังไงก็คงไม่ได้แล้วล่ะ น้องเป็นถึงว่าที่คุณหมอ ดูผลตรวจแป๊บเดียวก็สามารถ      วินิฉัยโรคเองได้แล้ว

“อูยอง คือตอนนี้พี่แค่ไม่อยากให้น้องคิดอะไรมาก เพราะพี่รู้ว่าน้องมีเรื่องให้เครียดมากพอแล้ว”

“บอกมาเถอะฮะพี่แทคยอน น้องรับไหว”    

แทคยอนมองหน้าน้อง เขาแทบอยากจะร้องไห้ คนเป็นพี่ทำไมจะไม่รู้ว่าอูยองพูดว่ารับไหวกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ในใจนั้นไม่ได้เข้มแข็งแบบคำพูดที่เอ่ยออกมาหรอก   ไม่รู้ทำไมน้องของเขาถึงได้เจอแต่เรื่องร้ายๆ แทคยอนลำบากใจที่จะบอกเรื่องนี้กับน้อง แต่ยังไงสุดท้ายก็ต้องบอก  คนเป็นพี่สูดลมหายใจเข้าลึกๆอย่างลำบากใจก่อนจะบอกกับน้อง

“น้องมีเนื้องอกที่สมอง”

พออูยองได้ยินคำตอบที่ตัวเองอยากฟังถึงกับนั่งก้มหน้าเงียบทันที อูยองรู้ดีว่าความเครียด และพักผ่อนไม่เพียงพอมันเป็นบ่อเกิดของโรคที่อูยองกำลังเผชิญกับมันอยู่ตอนนี้ แต่เขาก็เลี่ยงมันไม่ได้ เพราะคนคนเดียว       แทคยอนเห็นน้องเม้มปากแน่นคงจะพยายามจะกลั้นไม่ให้ตัวเองร้องไห้ แทคยอนทำได้เพียงลูบหัวน้องเบาๆเขาสัมผัสได้ว่าร่างเล็กสั่นเทาไปทั่วร่าง  มืออีกข้างของพี่ชายกุมมือน้องชายไว้แน่น

“อูยองแต่อาจารย์หมอของน้องบอกไม่ได้เป็นเนื้อร้าย ไม่ต้องกังวลนะ”   แทคยอนพยายามพูดปลอบใจน้อง ช่วงนี้เหมือนเป็นช่วงมรสุมชีวิต ทำให้อูยองได้เจอแต่เรื่องร้ายๆ ตอนนี้อูยองจิตใจเปราะบางมาก  เขาอยากจะภวนาให้เรื่องร้ายๆหมดลงเพียงเท่านี้ ไม่อยากให้อูยองรู้สึกย่ำแย่ไปกว่านี้

“พี่แทคยอนครับ……”  เอ่ยเรียกชื่อพี่ชายด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ อูยองมองหน้าพี่ชายด้วยความกังวล ตาเรียวเล็กกำลังมีน้ำตาเอ่อคลออยู่

“อย่ากังวลไปเลย” แทคยอนรีบรั้งร่างน้อยมากอดปลอบพร้อมลูบหลังน้องอย่างปลอบโยน        อูยองปล่อยโฮออกมาอย่างหนักในอ้อมกอดของพี่ชายพักใหญ่ๆ ก่อนจะผละออกมา มือเล็กรีบยกขึ้นปาดน้ำตาออกจากแก้ม

“อีกนานมั้ยครับถึงจะได้ผ่าตัด”

“ตอนนี้ที่โรงพยาบาลยังไม่มีศัลยแพทย์เฉพาะทางสมอง พี่สั่งให้ไปหาหมอเฉพาะทางที่เก่งๆมาผ่าตัดให้น้อง คงไม่เกินหนึ่งเดือนนะ อดทนอีกนิดนึง”

“น้องยังไม่อยากผ่าตัดเร็วๆนี้ ”   

“หืม?  กลัวเหรอ ไม่ต้องกลัวนะอูยอง  ยังไงน้องก็ต้องปลอดภัย ”     

 อูยองส่ายหน้าให้พี่ชาย อูยองไม่กลัวที่จะได้ผ่าตัด แต่สิ่งที่อูยองกลัวมากที่สุดคือเขาจะเรียนไม่จบพร้อมเพื่อน  อูยองรู้ดีว่าการผ่าตัดสมองต้องพักฟื้นเป็นเวลานาน ขึ้นอยู่กับว่าผลหลังจากการผ่าตัดอาการจะดีขึ้นหรือเปล่า เพราะการผ่าตัดสมองมีผลกระทบกับร่างกายหลายๆอย่าง ต้องได้รับการบำบัดเป็นเวลานานอาจจะเป็นเดือน สองเดือน        หกเดือน จนถึงเป็นปี หรืออาจมากกว่านั้น

 “ถ้าผ่าตัดน้องก็ต้องดรอปเรียน น้องจะเรียนไม่จบพร้อมเพื่อน จะเรียนไม่จบพร้อมจุนโฮ” 

พอคิดว่าจะไม่จบพร้อมเพื่อน อูยองก็จะร้องไห้อีกแล้ว อูยองเคยมีความฝัน         ถ้าเรียนจบอูยองจะออกไปเป็นแพทย์อาสาในที่ห่างไกลความเจริญสักพักนึงกับ….กับนิชคุณ… แต่ตอนนี้เขาคงไม่ได้ไปทำตามความฝันกับคนนั้นแล้ว  ถ้าเกิดอูยองผ่าตัดตอนนี้ มันจะทำให้อูยองเรียนไม่จบพร้อมเพื่อนแน่ๆ ยิ่งไปกว่านั้นเขาไม่รู้ว่าตัวเองจะต้องพักฟื้นอีกนานแค่ไหนถึงจะกลับมาเรียนได้   ทำไมคนคนเดียวถึงทำชีวิตเขาพังได้ขนาดนี้

“พี่บอกแล้วไงว่าอย่าคิดมาก ห่วงสุขภาพตัวเองก่อนเถอะ ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไร” แทคยอนไม่รู้จะปลอบน้องยังไงให้หายเครียดดี ปัญหาอะไรๆก็ถาโถมเข้ามาเหลือเกิน จนตอนนี้น้องเขาจะรับมันไม่ไหวอยู่แล้ว ถ้าเป็นไปได้แทคยอนอยากจะช่วยแบกปัญหาทั้งหมดนั่นไว้เองเหลือเกิน

.

.

.

.

พอแทคยอนมานั่งนึกถึงประโยคที่หมอพูด เขาก็ได้แต่นั่งพ่นลมหายใจออกมายาวๆหลายต่อหลายครั้ง พยายามจะปัดเป่าความเครียดออกไปจากสมองแต่ก็ไม่ได้ผล เพราะเขาทั้งคิดมาก ทั้งสงสารน้องที่ตอนนี้เจอแต่เรื่องแย่ๆเข้ามาในชีวิต  ถึงหมอจะบอกว่าเนื้องอกที่เกิดในสมองของอูยองพึ่งเกิดยังมีขนาดไม่ใหญ่ แล้วก็ไม่ได้เป็นเนื้อร้ายอะไร        ถ้าการผ่าตัดผ่านไปด้วยดี อูยองก็จะหายขาด  แต่ยังไงก็ยังไม่โล่งใจอยู่ดี

                              

                       “ตอนนี้ยังไม่เป็นเนื้อร้าย แต่ปล่อยไว้นานก็ไม่ดีเหมือนกัน”

    “และที่สำคัญการผ่าตัดมีความเสี่ยง เพราะเนื้องอกเกิดในจุดที่อันตราย”


ประโยคที่หมอพูด มันวนเข้ามาในหัว เขาจะทำยังไงให้ได้หมอเก่งๆมาผ่าตัดให้     อูยองได้เร็วที่สุด

ก๊อก ก๊อก…. เสียงเคาะประตูดังขึ้นสองสามทีพอเป็นมารยาทก่อนที่มินจุนจะเปิดประตูเดินเข้ามาในห้องทำงานของแทคยอน 

“เครียดอยู่เหรอแทคยอน”  ประโยคแรกที่มินจุนเอ่ยทักเพราะเห็นสีหน้าของแทคยอนแล้วมันบ่งบอกว่าเป็นอย่างงั้น   

 แทคยอนพยักหน้าให้เบาๆ

แทคยอนดูเครียดเรื่องของอูยองทุกวันเพราะกลัวน้องจะเป็นอะไรไปมากกว่านี้    จิตแพทย์อย่างมินจุนก็กลัวแทคยอนจะเป็นโรคซึมเศร้าแล้วก็จิตตกไปอีกคน    ช่วงนี้เลยแวะเข้ามาหาแทคยอนทุกวัน ถึงแม้งานตัวเองจะยุ่งมากก็ตาม แต่แทคยอนนั้นงานยุ่งกว่าเขาเยอะ ประชุมแทบจะทุกวันจนไม่มีเวลาได้ออกจากบริษัทจนกว่าจะค่ำ

“เห็นหน้านายค่อยรู้สึกดีขึ้นหน่อย”  แทคยอนยังไม่วายที่จะพูดหยอดคำหวานให้กับหวานใจของตัวเอง ทำเอาคนโดนหยอดแทบจะตั้งรับไม่ทัน

มินจุนยิ้มรับเมื่อได้เห็นรอยยิ้มของแทคยอน แต่ช่างเป็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าปนกับความเครียด

“หน้าฉันมันช่วยให้นายรู้สึกดีขึ้นขนาดนั้นเลยเหรอแทคยอน งั้นคนไข้ที่มาหาฉันก็หายเครียดเพราะได้เห็นหน้าฉันสินะ”  มินจุนเอ่ยพลางขำ

“ย่าห์!! แค่ฉันคนเดียวสิที่เห็นหน้านายแล้วรู้สึกดี คนอื่นจะไปรู้สึกดีทำไมล่ะ  ไม่รู้ล่ะช่วงนี้เครียด นายต้องมาหาฉันบ่อยๆด้วย เพราะฉันเครียด! เครียดมากด้วยมินจุน!” 

มินจุนนั่งมองแทคยอนที่กำลังนั่งกอดอกบวกกับการเอาแต่ใจตอนนี้ก็อดจะขำไม่ได้  บทจะงอแงนี่ก็ตลกดีเหมือนกัน ร่างก็ใหญ่ งอแงก็ไม่ได้น่าเอ็นดูเลยสักนิด

 “นี่แทคยอนอ่า จริงๆฉันไม่อยากให้นายเครียดไปกว่านี้นะ คิดดูว่าถ้าอูยองรู้ว่านายเครียดขนาดนี้ อูยองคงรู้สึกผิด แล้วน้องก็จะรู้สึกแย่แน่ๆ นายก็รู้น้องชอบโยนความผิดให้ตัวเอง ”

“อืม ต่อหน้าน้องฉันก็พยายามจะไม่เครียดแหละมินจุน”

“ถ้านายเห็นหน้าฉันแล้วหายเครียด ฉันจะมาหานายวันละสามมือหลังอาการเลยดีมั้ย”    ฟังแบบนั้นแทคยอนได้แต่หัวเราะออกมาน้อยๆ    

มินจุนแค่อยากช่วยแทคยอนเท่าที่เขาสามารถจะช่วยได้ ตอนนี้เขาก็ช่วยเป็นจิตแพทย์ให้อูยอง เขาไม่อยากให้อูยองจิตตกและเครียดไปมากกว่านี้ เพราะยังไงซะความเครียดมันมีผลต่อสมองของอูยองอยู่แล้ว  นี่ก็ช่วยบำบัดให้อูยองจิตใจปกติและสดใสขึ้นได้แล้ว   แต่ตอนนี้เขาไม่อยากจะเป็นจิตแพทย์ให้แทคยอนไปอีกคน มันไม่ดีแน่ถ้าพี่น้องสองคนนี้กอดคอกันเครียด

“ฉันก็หวังว่ามันจะผ่านไปได้เร็วๆ”

“มันต้องผ่านไปด้วยดีสิเชื่อฉันเถอะ แทคยอนดูนี่สิฉันชื้ออะไรมาเยอะแยะมาทานกันฉันรู้นายยังไม่ได้ทานอะไร” 

แทคยอนมองคนตรงหน้าแกะถุงขนม แล้วก็ของกินอย่างอื่นออกมาวางเรียงกัน แล้วอดขำไม่ได้

“ซื้อมาเยอะขนาดนี้ นายจะซื้อมาเลี้ยงคนทั้งบริษัทฉันหรือไงมินจุน”

มินจุนหันมามองค้อนใส่ทันที “แล้วจะกินมั้ยครับอ๊คแทคยอน!!!”

“กินครับผม…”

.

.

.

.

.

.

.

.

ถึงวันที่แทคยอนขีดเส้นเดดไลน์ไว้สำหรับการส่งรายชื่อแพทย์ที่จะเข้าผ่าตัดอูยองแล้ว จริงๆเขาไม่อยากทำแบบนี้เลยเพราะมันเป็นการเร่งรัดเกินไป แต่ด้วยความที่หมอบอกยิ่งปล่อยไว้นานยิ่งไม่ดี มันเลยบีบบังคับให้เขาต้องทำแบบนี้เพราะไม่มีทางเลือกอื่น       แทคยอน มินจุน และแพทย์ประจำตระกูลของเขา เดินทางมาโรงพยาบาลเพื่อพิจารณารายชื่อแพทย์ที่จะผ่าตัดให้กับอูยอง ทันทีที่ลงจากรถบอดี้การ์ดก็เดินนำไปยังห้องรับรองของโรงพยาบาลทันที ในห้องนั้นมี อาจารย์หมอของอูยอง แล้วก็หมอท่านอื่นๆมานั่งรออยู่ก่อนหน้านี้แล้ว  หัวโต๊ะเป็นแทคยอน      ข้างซ้ายเป็นมินจุน และ ขวามือเป็นแพทย์ประจำตระกูล

“วันนี้เป็นวันเดดไลน์แล้ว ศัลยแพทย์ที่เก่งๆ พอจะหาได้บ้างมั้ยครับ?”  แทคยอนเอ่ยด้วยสีหน้ากังวล

“ด้วยความที่เรามีเวลาจำกัด และศัลยแพทย์เฉพาะทางนั้นมีให้เลือกไม่มากครับ”  อาจารย์หมอเอ่ยขึ้น  แทคยอนพยักหน้ารับ เขาก็ต้องยอมรับในข้อนี้ให้ได้ เพราะเขานั่นแหละเป็นคนกำหนดเวลาเอง

“ลองเสนอมาก่อนเถอะครับ”

อาจารย์หมอเปิดสไลด์ไล่รายชื่อแพทย์และผลงานการผ่าตัดให้แทคยอนดูทีละคนๆ เท่าที่ดูไม่เห็นว่าจะมีหมอคนไหนไม่เคยผ่าตัดไม่พลาด แล้วยิ่งเคสของอูยอง เนื้องอกเกิดในจุนที่อันตรายถ้าเกิดผ่าตัดน้องเขาพลาดขึ้นมาล่ะจะทำยังไง

จนกระทั่ง…….

ศัลยแพทย์เชี่ยวชาญด้านระบบประสาทและสมอง : นายแพทย์นิชคุณ หรเวชกุล 

ผลงานการผ่าตัด  : ไม่เคยผิดพลาดแม้แต่ครั้งเดียว

พอ ถึงสไลด์ศัลยแพทย์ท่านนี้อาจารย์หมอได้อธิบายเพิ่มเติมว่า หมอคนนี้เขาจบ เกรียตินิยมที่มหาวิทยาลัยเกาหลี และได้ทุนไปต่อเฉพาะทางที่อเมริกา ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องการผ่าตัดและการรักษาทางด้านสมองอยู่แล้ว แถมยังเก่งจนสามารถเรียนจบได้ภายนเวลาปีกว่าๆและเป็นที่ยอมรับของอาจารย์ที่ นั่นอีกด้วย

           “ผมว่าหมอคนนี้น่าสนใจดีนะ”   แพทย์ประจำตระกูลเอ่ยขึ้น 

“ผมไม่เอาหมอคนนี้!”  แทคยอนปฏิเสธเสียงแข็ง  จนทุกคนในห้องต้องหันมามองต้นเสียงด้วยความสงสัยว่าทำไมถึงไม่เอา ทั้งๆที่หมอคนนี้เก่ง ประวัติการทำงานไม่เคยผ่าตัดคนไข้พลาดเลยแม้แต่คนเดียว  

            “ทำไมล่ะครับคุณแทคยอน หมอคนนี้ฝีมือดีมากเลยทีเดียว น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้วนะครับสำหรับเวลาที่จำกัดแบบนี้”   อาจารย์หมอเสริมขึ้น

            “ผมไม่เอาคนที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้น้องผมป่วยมาผ่าตัดให้น้องของผมหรอกนะ”

พูดจบแทคยอนก็รีบลุกเดินออกจากประตูไปทันที โดยมีมินจุนรีบเดินตามออกไปติดๆ

แทคยอนขึ้นไปนั่งสงบสติอารมณ์บนรถ ไม่นานมินจุนก็ตามขึ้นมา

“หมอทั้งโลกมีเก่งอยู่คนเดียวเหรอ คนอื่นไม่มีแล้วเหรอ?”   แทคยอนบ่นออกมาอย่างหัวเสีย  ถ้าขืนเอานิชคุณมาผ่าตัดให้อูยอง  อูยองจะไม่อกแตกตายก่อนพอดีเหรอ ตอนนี้นิชคุณคือคนเดียวที่อูยองไม่อยากจะเห็นหน้า ไม่อยากได้ยินชื่อ แล้วเขาจะเลือกคนคนนี้มาผ่าตัดให้น้องได้ยังไง แค่คิดก็ตลกแล้ว   มินจุนได้แต่ลูบแขนแทคยอนให้ใจเย็นลงก่อน  “แทคยอนฉันรู้นะว่ามันเป็นเรื่องเจ็บปวดสำหรับอูยอง และเป็นเรื่องลำบากใจสำหรับนาย”    มินจุนก็ไม่ค่อยเห็นด้วยหรอกกับการที่จะเอานิชคุณมาเป็นหมอผ่าตัดให้อูยอง เขานึกไปถึงเรื่องจิตใจของอูยอง คงอดทนต่อความเจ็บปวดไม่ไหวแน่ๆ เจ็บปวดด้วยการผ่าตัดไม่พอ ยังจะให้อูยองต้องเจ็บปวดใจอีกหน่ะเหรอ

“แล้วฉันต้องทำยังไงดีมินจุน”

มันยากนะที่เขาจะบอกแทคยอนว่าอย่าเครียด ในเมื่อเขาเองยังเครียดเลย มินจุนดีใจนะที่ตอนนี้ร่างกายและจิตใจ      อูยองกำลังดีขึ้น พร้อมที่จะรับการผ่าตัดแล้ว แต่ถ้าอูยองรู้ว่านิชคุณเป็นคนผ่าตัดให้ อาการหลังจากการผ่าตัดจะไม่ทรุดไปใหญ่เหรอ ยิ่งช่วงพักฟื้น ถ้าร่างกายจิตใจอ่อนแอยิ่งจะอันตรายแบบนี้ยิ่งจะน่าเป็นห่วง

“ฉันคิดว่าเราต้องมีทางออกที่ดีแทคยอน”

.

.

.

.

.

อาจารย์หมอที่มหาวิทยาลัยเกาหลีได้มีการติดต่อมาหานิชคุณเพื่อขอเรียกตัวให้ไปผ่าตัดสมอง คนไข้คนนึง ซึ่งเป็นน้องชายของผู้ทรงอิทธิพลกับทางการแพทย์เกาหลี  เขากำลังตัดสินใจว่าจะไปดีไหม ตอนนี้เรียนจบแล้วก็จริง แต่แผนการกลับเกาหลีของนิชคุณคืออีกสามเดือนข้างหน้าเพราะตอนนี้ยังต้องเป็นที่ปรึกษาให้กับทีมแพทย์ที่อเมริกา    ก็เพราะความเก่งและการชำนาญการเรื่องการผ่าตัดสมอง จนทำให้เขาได้รับการไว้วางใจอย่างมากทั้งๆที่เขาพึ่งเรียนจบศัลยแพทย์ทางด้านสมองมาใหม่ๆ   

 

แต่ยังไงซะก็ขออ่านชาร์ตคนไข้ก่อนเผื่อว่าจะได้ไม่ต้องไปเอง อาจจะส่งทีมแพทย์ที่นี่ไปแทน   นิชคุณกำลังนั่งอ่านชาร์ตอาการและผลตรวจของคนไข้อย่างเงียบๆ และไปสะดุดตาเข้าให้กับชื่อคนไข้

คนไข้ -จางอูยอง- 

ทันทีที่เห็นชื่อคนไข้ หัวใจเขาแทบจะหยุดเต้น  เรี่ยวแรงอยู่ๆก็หมดไปเอาซะดื้อๆ แม้กระทั่งแผ่นชาร์ตผลตรวจที่อยู่ในมือเขายังไม่มีเรี่ยวแรงจะจับมันไว้   พอรู้ว่าคนไข้คนนั้นคืออูยอง    นิชคุณตัดสินใจจะเป็นคนไปผ่าตัดให้ทันที เขาไม่แม้แต่จะลังเลใจเพราะไม่อยากให้อูยองเป็นอะไรไป เขารีบโทรแจ้งกับอาจารย์ผู้ที่ติดต่อมาทันที      แต่อาจารย์กลับบอกมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น  ไม่ใช่ว่าคุณตัดสินใจแล้ว   คุณจะได้เป็นคนมาผ่าตัด

 

จนกระทั่งวันนี้ อาจารย์ได้โทรมาแจ้งกับนิชคุณว่าไม่ผ่านการพิจารณาจากคุณแทคยอน ผู้เป็นพี่ชายของอูยอง นิชคุณแทบจะบ้าคลั่งเมื่อได้ยินอาจารย์บอกมาแบบนั้น  

“อาจารย์ครับ ผมมั่นใจนะว่าผมจะสามารถผ่าตัดให้อูยองได้สำเร็จและปลอดภัย อาจารย์ลองแจ้งเขาไปอีกรอบได้ไหมครับ”    นิชคุณบอกกับอาจารย์อย่างร้อนใจ

“จะให้ทำยังไงล่ะหมอ ก็คุณแทคยอนเขาปฏิเสธเสียงแข็งมาขนาดนี้”

“อาจารย์ครับ แต่ถ้าเรายิ่งปล่อยให้เวลาผ่าไปเฉยๆมันไม่มีประโยชน์นะครับ อูยองต้องได้รับการผ่าตัดให้เร็วที่สุด”   นิชคุณทั้งกังวลและเป็นห่วงอูยอง จากที่เขาดูชาร์ตอาการและผลตรวจของอูยองตอนนี้ยังโชคดีที่ก้อนเนื้องอกยังขนาดเล็ก    ถ้าปล่อยไว้เป็นเวลานาน มันก็ยิ่งจะก้อนใหญ่ขึ้น ยิ่งอันตราย  เพราะฉะนั้นเขาไม่อยากให้เสียเวลาไปมากกว่านี้

“ข้อนี้อาจารย์รู้ แต่จะให้ทำยังไงได้ล่ะ อาจารย์ก็อยากจะเชียร์ให้คุณแทคยอนเลือกหมอมาเป็นคนผ่าตัดนะ แต่เชียร์ยังไงเขาก็ไม่เอา”

“งั้นผมจะไปคุยกับคุณแทคยอนเองครับอาจารย์”

นิชคุณรู้แค่ว่าเขาต้องเป็นคนผ่าตัดให้อูยอง ไม่ว่ายังไงเขาก็จะหาทางช่วยอูยองให้ได้

 

 

.

.

.

TBC—–> 

Talk

ตอนนี้บอกเลยว่ายาวมากมายก่ายกอง เวิ่นเว้อเยอะแยะมาก   สงสารอูยองอีกแล้วฮืออ   เจอเรื่องร้ายๆกี่อย่างแล้วเนี่ย

เอาใจช่วยคุณพี่พระเอกของเราด้วยนะคะโผล่มาสักทีนะ ไปสร้างเรื่องไม่ดีกับน้องชายคุณแทคยอนไว้ก็เหนื่อยหน่อยนะจ้ะพ่อหนุ่ม 5555 

ตอนนี้มีอ๊คเคมาให้ฟินกันด้วยเบาๆ ให้มาช่วยดำเนินเรื่อง>< 

ตั้งแต่ตอนหน้าเป็นต้นไปพระเอกของเราจะเริ่มออกโรงแบบจริงจังแล้ว  ค่อยๆเป็นค่อยๆไปอย่าเบื่อกันก่อนน้า~~  เจอกันตอนหน้าพร้อมพี่พระเอกของเราแบบเต็มสตรีม 5555

*ขอบคุณทุกๆคอมเม้นท์เลยน้า ชอบอ่านคอมเม้นท์ เพราะมันคือความสุขของไรท์5555 *

[Fic khunwoo] Love and hate 3

Title:Love and hate 3

Couple: KhunWoo

Writer: ilovekw

Rate : PG 

Gente :  dark drama and Romantic

นี่คือฟิคที่เกิดจากจินตนาการของไรทเตอร์ enjoy reading ^^

ตอนนี้จากห้องนอนกลายเป็นห้องสอบสวนระหว่างพี่ชายกับน้องชายไปซะแล้ว เช้าวันอาทิตย์แทนที่จะเป็นวันที่สดใส แต่แทคยอนกลับมานั่งทุกข์ใจกับเรื่องของ อูยองตั้งแต่เช้าตรู่ เมื่อคืนแทคยอนแทบอยากจะปลุกน้องขึ้นมาคุยเรื่องยาตัวนั้นให้รู้เรื่อง แต่ก็ทำไม่ได้เพราะน้องได้หลับไปแล้ว จะมีก็แต่แทคยอนนั่นแหละที่กระวนกระวายใจจนนอนไม่หลับ วันนี้แทคยอนเลยรีบถามน้องให้รู้เรื่องไปเลยว่าคิดจะทำอะไรกันแน่

“เปล่าฮะ ไม่ได้จะทำอะไรเลย” อูยองเม้มปากแน่นและหลบสายตาพี่ชายที่กำลังจ้องจับผิดเขาอยู่ อูยองไม่ชอบสถานการณ์แบบนี้เอาซะเลย

“แน่ใจ?” แทคยอนถามย้ำอีกครั้งเพราะเขารู้ฤทธิ์ของยาตัวนั้นดี และเท่าที่เขาตามอ่านหรือเจอมาในข่าว คนที่เป็นหมอหรือพยาบาล มักแอบเอาออกมาใช้ในทางที่ผิด คือการฆ่าตัวตาย แล้วนี่ อูยองไปแอบเอายาตัวนั้นแล้วก็อุปกรณ์พร้อมที่จะฉีดเข้าเส้นเลือดขนาดนั้น จะให้แทคยอนเชื่อเหรอว่าอูยองไม่ได้คิดที่จะทำอะไร

อูยองเอาแต่นั่งเม้มปากเงียบไม่ยอมตอบอะไรพี่ชายเลย ทำเอาคนเป็นพี่จะแทบบ้าคลั่งอยู่แล้ว

“อูยอง! พี่จะถามอีกครั้ง! ว่าไม่มีอะไรจริงๆเหรอ?!” ครั้งนี้แทคยอนถามน้อง   ด้วยสีหน้าเคร่งเครียดบวกกับน้ำเสียงเข้ม    ทำเอาคนที่นั่งก้มหน้าก้มตาอยู่ถึงกับสะดุ้ง แต่อูยองก็ยังคงไม่ตอบอะไรอีกอยู่ดี แทคยอนได้แต่ถอนหายใจออกมายาวๆอย่างเหนื่อยอ่อนกับความปากแข็งของน้องชายตัวเองจริงๆ

“โอเค ถ้าน้องไม่ยอมตอบอะไร งั้นพี่จะสั่งยกเลิกการนำเข้ายาตัวนั้น ไม่ต้องให้มีใครใช้มันเลยยาตัวนี้!” แทคยอนว่าแล้วก็ยกมือถือขึ้นมากดโทรออกไปที่บริษัททันที มือเล็กรีบคว้ามือถือของพี่ชายมากดตัดสายทิ้งทันที

“อย่านะครับพี่แทคยอน อย่าทำแบบนั้น”   อูยองรู้ดีว่ายาตัวนี้มันมีความสำคัญกับผู้ป่วยบางกลุ่ม ถ้าพี่แทคยอนยกเลิกนำเข้ายาตัวนี้ ความซวยก็จะตกอยู่ที่คนไข้กลุ่มนี้ทันที

“งั้นน้องก็ตอบพี่มาสิว่าน้องเอายาตัวนั้นมาคิดจะทำอะไร”   จริงๆแทคยอนรู้ดีอยู่แล้วว่าอูยองคิดจะทำอะไร แต่แค่อยากได้ยินจากปากน้อง แทคยอนแค่อยากรู้ว่า อูยองคิดจะทำแบบนั้นจริงๆหน่ะเหรอ น้องชายที่แสนจะบอบบางและอ่อนโยนมีความคิดที่จะทำแบบนั้นจริงๆเหรอ

“คือ….น้อง..” อูยองก็ยังอ้ำอึ้งที่จะตอบคำถาม   แถมยังเอาแต่นั่งก้มหน้าก้มตาไม่ยอมสบตาพี่ชายอีกต่างหาก แทคยอนเห็นแบบนั้นก็ไม่อยากจะเค้นเอาคำตอบจากน้องแล้วล่ะ ตอนนี้เขาไม่ควรทำให้น้องเครียดไปกว่านี้

“เอาล่ะๆ อย่าคิดทำอะไรบ้าๆอีก พี่มีน้องคนเดียว พี่ไม่อยากเสียใครไปอีก” พูดพลางปาขวดยาและเข็มฉีดยาพวกนั้นลงถังขยะเต็มๆแรงจนขวดยาแตกกระจาย    อูยองช้อนตามองพี่ชายด้วยแววตาสำนักผิด จนในที่สุดก็ต้องยอมสารภาพออกมา

“ขอโทษครับที่น้องคิดอะไรแบบนั้น บางทีน้องแค่คิดว่าอยากหายไปจากโลกใบนี้ ไม่อยากคิดถึงเรื่องนั้นแล้ว บ่อยครั้งที่น้องคิดถึง..เอ่อ..นิช..คุณ…จนนอนไม่หลับ มันทรมานนะครับพี่แทคยอน ทรมานยิ่งกว่าคนป่วยโรคร้ายซะอีก”

แทคยอนหันมามองหน้าน้อง เขาเห็นแต่ความเศร้าแล้วก็น้ำตาที่กำลังคลอเบ้าอยู่ตอนนี้ ก็อดสงสารน้องไม่ได้ เขารู้ดีว่าการที่จะลืมใครสักคนมันไม่ใช่เรื่องง่ายหรอก            ที่เขาให้คนตามสืบเรื่อง      อูยอง เขาก็รู้ว่านิชคุณกับอูยองคบกันมานาน จะให้อูยองลืมง่ายๆ มันไม่ได้หรอก       แต่ตอนนี้อูยองกำลังฟุ้งซ่าน เหมือนเด็กที่เจอปัญหาแล้วหาทางออกไม่ได้

“อูยองฟังพี่นะ”   มือหนายกขึ้นมาลูบหัวคนเป็นน้องเบาๆอย่างปลอบโยน

“น้องเคยบอกพี่ว่าอยากเป็นคุณหมอไม่ใช่เหรอ อยากรักษาคนให้หายเจ็บป่วยไม่ใช่เหรอ? แล้วสิ่งที่ว่าที่คุณหมอทำอยู่ คือกำลังคิดที่จะทำลายตัวเองเพราะคนคนเดียว พี่ว่ามันเป็นทางออกที่ไม่ถูกต้อง น้องลองคิดดูให้ดีๆ”

อูยองเม้มปากแน่นก้มหน้าคางชิดอกไม่พูดไม่จาอะไร อูยองเงียบไปสักพักเพื่อคิดทบทวนความคิดอันตรายของตัวเองก่อนจะพ่นลมหายใจออกมายาวๆ

“อารมณ์ที่น้องคิดถึงเค้า มันเจ็บปวดเหลือเกินพี่แทคยอน บางทีการฆ่าตัวตายอาจจะง่ายกว่าการห้ามตัวเองไม่ให้คิดถึงเค้าซะอีก” พอพูดถึงเรื่องที่เจ็บปวด อูยองก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมา     น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าที่ไหลอาบแก้มเพราะเรื่องเดิมๆ การร้องไห้มันไม่ได้ทำให้อูยองรู้สึกดีขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย อูยองเองก็เจ็บปวดเหมือนกันที่เผลอคิดอะไรบ้าๆแบบนั้น

“พี่อยากให้น้องคิดว่ายังมีพี่อีกคน ไม่ได้มีแค่มันคนเดียว” ว่าพลางเช็ดน้ำตาออกให้น้องอย่างปลอบโยน อูยองเป็นเด็กสดใส ร่าเริง เขาไม่เคยคิดเลยว่าอูยองจะมีความคิดแบบนี้เข้ามาในหัว แทคยอนเองก็ตกใจเหมือนกันที่อูยองขาดสติ จนคิดจะทำเรื่องบ้าๆ

“ขอโทษนะพี่แทคยอน ที่น้องคิดเรื่องโง่ๆ”    อูยองอยากจะขอบคุณและขอโทษพี่ชายจริงๆ ตอนนี้อูยองรู้แล้วว่าเขาเป็นคนที่โชคดีที่สุดในโลกที่มีพี่ชายที่ดีแบบนี้ อย่างน้อยก็ยังมีคนที่รักเขามากที่สุดคนนึง

“อืม อย่าขอโทษพี่เลย ขอโทษตัวเองเถอะร่างกายทรุดโทรมไปถึงไหนต่อไหนแล้ว รู้ตัวบ้างมั้ย ไม่สดใสแบบเมื่อก่อน พี่ก็อดเป็นห่วงได้ พี่ว่าน้องควรหากิจกรรมอย่างอื่นทำให้ลืมๆมันไปซะ พี่รู้ว่าลืมยาก แต่ถ้าหากิจกรรมอย่างอื่นทำน่าจะดีขึ้นนะ”

“เห้อออ~~” พอได้ยินแบบนั้นอูยองก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

“ไม่มีเวลาหรอกครับพี่แทคยอน ช่วงนี้น้องเรียนหนัก” พอนึกถึงตารางชีวิตตัวเองในแต่ละวันแล้ว        อูยองรู้สึกท้อใจเหลือเกิน แต่ละวันเช้ายันเย็น เขาแทบไม่ได้หยุดพักไหนจะเรียน ไหนจะอ่านหนังสือสอบ ไหนจะต้องเป็นแพทย์ฝึกหัด แค่นี้ตารางก็แน่นเอียดแล้ว       จะให้เอาเวลาว่างที่ไหนไปทำกิจกรรมอย่างอื่นล่ะ

“เอางี้ เลี้ยงสัตว์สักตัวดีมั้ย น้องอยากเลี้ยงหมามั้ยล่ะ”

จริงๆแล้วไอเดียนี้ เป็นไอเดียของจิตแพทย์คิมมินจุน ที่แทคยอนแอบไปปรึกษาอาการของอูยองกับมินจุนอยู่บ่อยๆ เพราะแทคยอนเห็นน้องเป็นแบบนี้ก็ไม่สบายใจเหมือนกัน หมอมินจุนวิเคราะห์ออกมาแล้วว่าอูยองเป็นโรคซึมเศร้า ต้องได้รับการบำบัดและการดูแลอย่างใกล้ชิด อย่าปล่อยให้อยู่คนเดียวเด็ดขาด         มินจุนเลยลองให้แทคยอนหาอะไรให้อูยองทำสักอย่าง ซึ่งข้อแนะนำของมินจุนคือ อาจหาสัตว์ให้อูยองเลี้ยงสักตัวก็ได้ เพราะมินจุนรู้ดีว่าแทคยอนเองก็คงไม่มีเวลาอยู่กับน้องเท่าไหร่ การเลี้ยงสัตว์น่าจะเป็นทางออกที่ดี

พออูยองได้ยินข้อเสนอของพี่ชายใจดี ก็ทำเอาใบหน้าเศร้าถูกรอยยิ้มสดใสเข้ามาแทนที่ทันที   อูยองดีใจจนฉีกยิ้มกว้างให้กับพี่ชาย รอยยิ้มนี้แทคยอนไม่ได้เห็นมันมานานมากแล้ว จนทำให้เขาอดคิดไม่ได้ว่าอูยองคงดีใจจนลืมเรื่องที่เกิดเมื่อคืนได้สักพักนึงล่ะ

“เลี้ยงได้เหรอครับ?” อูยองช้อนตามองพี่ชายถามเพื่อความมั่นใจอีกครั้ง ที่อูยองถามย้ำก็เพราะเคยขอพี่แทคยอนเลี้ยงหมาครั้งนึงแล้ว พี่แทคยอนไม่อนุญาต   ตอนนั้นจำได้ว่าจะอ้อนงอแงอยากจะเลี้ยงยังไงพี่แทคยอนก็ไม่ให้เลี้ยง เพราะพี่แทคยอนไม่ชอบหมา

“อืมได้สิ พี่อนุญาต” แทคยอนตอบแล้วลูบหัวน้อง เขาไม่รู้การเลี้ยงสัตว์สักตัวมันจะช่วยให้                อูยองลืมเรื่องบ้าๆนั่นได้มั้ย แต่เขาก็อยากจะช่วยน้องเท่าที่เขาจะสามารถช่วยได้     ถึงแม้ว่าแทคยอนเองจะไม่ชอบหมาก็ตาม เขาก็ต้องอดทดเพื่อความสุขของน้อง

.

.

.

.

.

.

.

.

หนึ่งอาทิตย์ถัดมาหลังจากที่พาอูยองไปซื้อลูกหมาตัวน้อยมาเลี้ยง แทคยอนสังเกตเห็นได้ว่า           อูยองร่าเริงขึ้นมากจริงๆ จากเดิมเอาแต่อุดอู้อยู่แต่ในห้อง  เก็บตัวเอง อ่านแต่หนังสือเพื่อสมองจะได้ไม่ว่างคิดถึงเรื่องเจ็บปวดที่ถึงแม้จะผ่านนานแล้วแต่อูยองก็ยังไม่ลืม          ตอนนี้อูยองหันมาทำกิจกรรมกับเจ้าลูกหมาตัวน้อย ชื่อมิงกิ เป็นชื่อที่แทคยอนเป็นคนตั้งให้เอง ถึงแม้ว่าแทคยอนเองจะไม่ชอบหมาก็ตาม แต่มิงกิทำให้ชีวิตอูยองดูสดใสขึ้น แค่นี้เขาก็ดีใจแล้ว และที่สำคัญ         แทคยอนคงต้องไปขอบคุณมินจุนซะแล้วแหละที่อุส่าช่วยวิเคราะห์อาการของน้องแล้วก็ช่วยชี้แนวการการบำบัดให้

“อ่า~ มิงกินี่กินเยอะจริงๆเลยนะเนี่ย กินเยอะเดี๋ยวพี่เลี้ยงไม่ไหวนะ” อูยองบ่นพลางเทอาหารเม็ดลงให้มิงกิเป็นรอบที่สาม ซึ่งถาดอาหารมิงกิงมันไม่ใช่ถาดเล็กๆพอที่จะกินแป๊บเดียวแล้วหมด

“ตัวก็เล็กแค่เนี้ยกินจุจังเลย” อูยองอุ้มมิงกิให้มานั่งตักของตัวเอง แล้วก็ยกถาดอาหารเม็ดขยับเข้าไปใกล้ๆปากให้มิงกิได้กินง่ายๆ มือที่ว่างอีกข้างนึงก็ลูบหัวเจ้าหมาน้อยไปมาอย่างเอ็นดู แป๊บเดียวอาหารที่อูยองพึ่งเทลงไปก็หมดลง ไม่รู้ไปหิวโหยมาจากไหนกัน

“มิงกิพี่ต้องไปเรียนแล้วล่ะ”   พอมิงกิได้ยินอูยองพูดแบบนั้น มิงกิก็เอาแต่ร้องหงิงๆราวกับไม่อยากให้อูยองไปเรียนยังไงอย่างงั้น

“มิงกิฟังรู้เรื่องด้วยรึไง!!” พอมิงกิเริ่มจะงอแงอูยองก็ทำเสียงดุทันที

หงิง หงิงๆ~~ มิงกิเอาแต่ร้องหงิงๆแล้วเอาหน้าซุกตักของอูยองไม่ยอมลุกหนีออกไปไหน

“อย่างอแงสิมิงกิ~”

หงิง~ หงิง ~

“ถ้าเป็นไปได้พี่อยากพามิงกิไปเรียนด้วยจัง แต่คุณลุงยามคงไล่ออกมาแหงๆ ถ้ามิงกิมัวแต่ร้องหงิงๆอยู่แบบนี้มันจะทำให้พี่ไปเรียนสายนะรู้มั้ย?”   สุดท้ายเจ้ามิงกิก็ยอมเงียบลงอย่างว่าง่าย

“แล้วจะรีบกลับมาเล่นด้วยนะ”

อูยองลุกขึ้นอุ้มพามิงกิไปส่งที่บ้านหลังน้อยที่พี่แทคยอนเป็นคนซื้อให้พร้อมกับตอนที่ซื้อมิงกิมานั่นแหละ ด้วยความที่บ้านมิงกินั้นหลังเล็กอูยองต้องย่อตัวลงก่อนจะวางมิงกิลง พอลุกขึ้นทำเอาอูยองหน้ามืดและปวดหัวจี๊ดขึ้นจนอูยองแทบจะทรงตัวไม่อยู่

“อ่า อายุก็ยังไม่เยอะ วูบยังกะคนแก่เลยแฮะ” มือเล็กยกขึ้นมานวดที่ขมับสองข้างเบาๆแล้วบ่นอุบอิบกับตัวเองก่อนจะกระชับเป้แล้วให้คนขับรถไปส่ง

.

.

.

.

.

.

ร้านสตาร์บัคโรงพยาบาล มหาวิทยาลัยเกาหลี

 

ขณะที่อูยองกำลังเดินเข้าไปในร้าน การมาร้านเดิมๆมันก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงคนเดิมๆ

เมื่อก่อน…….อูยองเคยคิดว่าตัวเองโชคดีและเป็นคนที่มีความสุขที่สุดในโลกใบนี้

สตาร์บัคเป็นจุดนัดพบของอูยองกับนิชคุณในช่วงเช้าตรู่ของทุกๆวัน ถ้าวันไหนนิชคุณมาก่อนเขาก็จะสั่งกาแฟและเค้กรสโปรดไว้รออูยอง

 

“พี่คุณจะให้ผมกินเค้กแต่เช้าเลยเหรอครับเนี่ย” คนที่พึ่งเดินมาถึงยิ้มแล้วก็เอ่ยทักเมื่อเห็นว่าอีกคนสั่งเค้กรสโปรดไว้รอ ก่อนจะลากเก้าอี้มานั่งลงข้างๆนิชคุณ

 

“กินเถอะครับ พี่คุณว่ากินของหวานๆช่วงเช้าๆมันสดชื่นดีนะ” พูดพลางตักเค้กเตรียมจะป้อนให้กับคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า อูยองก็บ่นไปงั้นสุดท้ายก็งับเอาเค้กที่นิชคุณป้อนให้อย่างว่าง่าย

 

“แบบนี้จะให้ผอมได้ยังไงเล่า~” อูยองบ่นอุบอิบ ถ้าน้ำหนักขึ้นไม่ต้องโทษใครเลย สนับสนุนกันจังเลยเรื่องกินเนี่ย ไม่เคยจะห้าม

 

“กินเยอะๆเลยเราอ่ะ พี่คุณสั่งมาให้เราตั้งสองชิ้นเพราะกลัวจะไม่อิ่ม” มือหนาตักเค้กสตอเบอรี่ขึ้นมาป้อนอูยองอีกคำ

 

“อ้วนอ่าพี่คุณ” ปากบอกอ้วนแต่ก็อ้าปากงับเอาเค้กที่เขาป้อนอีกแล้ว ทำเอานิชคุณหัวเราะออกมาอย่างเอ็นดู

 

“ดูซิ อูยองบอกอ้วน แต่พอพี่คุณป้อน เราก็กินเอาๆ คนกินเค้าไม่หยุดกิน แล้วแบบนี้จะให้พี่คุณหยุดป้อนได้ยังไงน้า~” นิชคุณเอ่ยพร้อมหยิบทิชชูขึ้นมาเช็ดที่มุมปากให้กับคนที่อยู่ตรงหน้าอย่างเบามือ พร้อมกับส่งยิ้มให้อย่างเอ็นดู

 

“ไม่เอาแล่ว!!! อูยองแก้มเยอะแล้วเนี่ย! พี่คุณอ่า! งั้นเลิกป้อนเลย!!!” อูยองโววายเสียงดังลั่นร้าน

 

“ชู่วๆๆ อย่าโวยวายสิครับ เห็นมั้ยคนอื่นเค้ามอง” นิ้วเรียวรีบยกขึ้นมาปิดปากคนตัวเล็กที่กำลังโววายลั่นร้านแทบไม่ทัน    

นิชคุณมองคนตัวเล็กที่ตอนนี้กำลังโดนเขาเอามือปิดปาก แถมแก้มป่องๆนั้นปุ๋มลงไปตามแรงกดของนิ้วเรียวเห็นแบบนี้แล้วก็ยิ้มออกมาด้วยความเจ้าเล่ห์ก่อนจะพูดออกมา

“คนอะไรแก้มเยอะจัง เจ้าเด็กแก้มป่อง~ อูยอง~เด็กแก้มป่อง~” ไม่พูดเปล่าแถมยังทำท่าแก้มป่องล้อเลียนอูยองอีกต่างหาก

นิชคุณรู้ว่าอูยองไม่ชอบให้ล้อว่าแก้มป่อง แต่พอตัวเองได้ทีก็แกล้งซะเลย เพราะตอนนี้ยังไงซะ ตอนนี้อูยองก็โววายไม่ได้

“พี่คุณอ่ะ! พี่คุ..!!!!!!!!” คนตัวเล็กพยายามแกะนิ้วเรียวที่ปิดปากตัวเองอยู่แต่ก็แกะออกไม่ได้เพราะสู้แรงของนิชคุณไม่ไหว ยิ่งสู้คนขี้แกล้งก็ยิ่งปิดปากเขาไว้แน่น     นิชคุณไม่ยอมเอามือออกง่ายๆหรอก เพราะถ้าขืนเขาเอามือออกตอนนี้มีหวังคนในร้านอาจได้หนีออกจากร้านเพราะรำคาญเจ้าเด็กจอมโวยวายแน่ๆ นิชคุณเอาแต่หัวเราะคนที่พยายามจะโวยวาย แต่ก็โวยวายไม่ได้

 

“โอ๊ยย!!”   สุดท้ายนิ้วเรียวๆที่ปิดปากอูยองไว้ก็โดนกัดเข้าให้

 

“สมน้ำน่าพี่คุณขี้แกล้ง!”

 

“ทำไมล่ะ เรียกแก้มป่องไม่ได้เหรอน่ารักออก เด็กแก้มป่องของพี่คุณ~” ไม่พูดเปล่า ยังเอามือมาหยิกแก้มของเด็กแก้มซาลาเปาด้วยความหมั่นเขี้ยวอีกต่างหาก

 

“ฮึ พี่คุณอ่ะ งั้นก็มาอ้วนไปด้วยกันเดี๋ยวนี้เลยนะ!!” อูยองตักเค้กป้อนให้อีกคนบ้าง จะได้แก้มเยอะๆเหมือนกัน กินด้วยกัน อ้วนด้วยกันไปเลย

 

 

 

“ไงอูยอง” จุนโฮเพื่อนตาหยี่ที่พึ่งเดินมาถึงเอ่ยทัก ทำเอาอูยองสะดุ้งแล้วรีบทำตัวตามปกติ

“คิดอะไรอยู่เนี่ย ทักแค่นี้ทำตกใจ”

“เปล๊า” อูยองปฏิเสธเสียงสูง เรื่องอะไรจะบอกจุนโฮล่ะว่านึกถึงเรื่องเก่าๆที่เคยเกิดขึ้นร้านนี้ เดี๋ยวเจ้านี่มันได้ดุเอาสิ เพราะจุนโฮบอกให้เลิกคิดถึงนิชคุณซะที       อย่าไปคิดถึงคนที่ไม่ได้รักเราแล้ว!

“วันนี้นายดูสนชื่นขึ้นนะเนี่ยอูยอง” อูยองดูสดใสขึ้นจากเมื่อก่อนอย่างเห็นได้ชัด  จนจุนโฮอดที่จะเอ่ยทักไม่ได้

“แล้วจะให้ฉันทำหน้าเหี่ยวเฉาทุกวันเลยหรือไงล่ะ” อูยองตอบพลางขำออกมา

“งั้นแสดงว่า ดอกไม้ดอกนี้ได้ปุ๋ยดีแล้วอ่ะดิ ถึงได้ดูสดชื่นขนาดนี้” จุนโฮแอบคิดว่าอูยองคงเจอคนที่ทำให้เขายิ้มได้แล้วล่ะมั้ง ก็ดีเหมือนกันไม่อยากให้เพื่อนเศร้านาน อูยองเศร้าแล้วโลกดูไม่สดใสเลย

“ไม่ใช่ซะหน่อยจุนโฮ ไม่อยากได้แล้วปุ๋ยดี พอปุ๋ยดีหมด ดอกไม้ก็เหี่ยวเฉาอีกอยู่ดี เผลอๆดอกไม้ดอกที่เคยสวยงาม พอมันขาดปุ๋ยมันอาจจะตายเลยก็ได้นะ”

“อืมม… นั่นหน่ะสิ นายคงเข็ดอีกนาน ใครจะรู้ว่าคนที่เค..”

“พอเถอะจุนโฮ” อูยองรีบพูดแทรกขึ้นมาทันทีก่อนที่จุนโฮจะพูดอะไรต่อ เขาไม่อยากนึกถึงคนนั้นอีก

“พี่ชายให้เลี้ยงหมาหน่ะ เลยอารมณ์ดี นี่ก็เลี้ยงมาได้อาทิตย์นึงล่ะ” อูยองรีบเปลี่ยนเรื่องคุยทันที

“จริงหรอ เห็นเคยนายบอกอยากเลี้ยงตั้งนานแล้วนี่ ดีแล้วล่ะจะได้ไม่เหงา” พูดจบจุนโฮก็ยกกาแฟขึ้นมาจิบ แล้วหยิบขนมปังขึ้นมาเคี้ยวจนแก้มตุ่ย

“ก็ดีนะแต่กินเก่งเป็นบ้าเลย” พูดจบก็หัวเราะออกมาพอนึกถึงเจ้านั่นทีไรก็อยากจะขำทุกที ตัวเล็กนิดเดียวแต่เรื่องกินนี่สู้ขาดใจ กลัวสักวันเจ้านั่นจะท้องแตกจริงๆเลยเชียว

อูยองยกนาฬิกาข้อมือเรือนหรูที่พี่ชายซื้อให้ขึ้นมาดู นี่ก็ใกล้เวลาเข้าเวรแล้วล่ะ   ว่าที่คุณหมอทั้งสองคนเก็บของแล้วลุกขึ้นเตรียมจะไปทำงาน แต่อูยองยังมีอาการเดิมแบบเมื่อเช้า พอลุกขึ้นทีไรต้องปวดหัวจี๊ดแล้วก็หน้ามืดทรงตัวไม่อยู่ทุกที

“อูยอง! นายเป็นอะไรไหวมั้ย?” จุนโฮเห็นท่าไม่ดีเลยรีบประครองอูยองเอาไว้

“เมื่อคืนนอนน้อยอ่ะ ได้กินกาแฟแล้วเดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง”

“เหรอ แต่ดูเหมือนนายจะไม่สบายนะ” จุนโฮถามก็เพราะเจอกันเมื่อกี้อูยองยังดูสดชื่นอยู่เลย แต่ตอนนี้กลับดูสีหน้าไม่ค่อยดี ทำเอาจุนโฮอดเป็นห่วงไม่ได้

“สบายดีน่า!! ไปกันได้ละจุนโฮ”   อูยองลากแขนจุนโฮให้เดินตาม เพราะดูเวลานี่ก็ใกล้จะสายละ

“เออรู้แล้วน่าว่าสบายดี อูยองไม่ต้องออกแรงลากฉันขนาดนี้ก็ได้เจ้าบ้า!”

หน้าตาก็เหมือนจะดูไม่สบายนะ แต่อูยองยังแรงเยอะเหมือนเดิมไม่รู้ไปเอาแรงมาจากไหนเยอะแยะ

.

.

.

วันนี้เป็นวันที่แสนวุ่นวายที่สุดวันนึงเลยก็ว่าได้ เพราะตั้งแต่เช้า จนตอนนี้จะบ่ายสองแล้ว นอกจากกาแฟแก้วเมื่อเช้า อูยองก็ยังไม่ได้กินอะไรอีกเลย   และที่สำคัญอูยองพึ่งจะได้พัก อูยองกำลังพาร่างอันเหนื่อยล้าของตัวเองไปยังห้องพักแพทย์แต่ยังไม่ถึงห้องพัก อูยองก็ล้มกองไปกับพื้นเป็นลมหมดสติไป พยาบาลที่เดินผ่านมาเห็นต้องเรียกให้คนเข้ามาช่วยประครองอูยองขึ้นแล้วพาไปยังห้องพักแพทย์ อาจารย์หมอเข้ามาดูอาการให้ เห็นว่าอูยองอาการไม่ดีขึ้น เลยจัดการส่งตัวอูยองเข้าแอดมิททันที ผ่านไปเป็นชั่วโมงกว่าอูยองจะรู้สึกตัว

อูยองมองไปรอบๆห้องเห็นพี่ชายนั่งคุยอยู่กับอาจารย์หมออยู่ ไม่รู้ว่าคุยอะไรกันแต่ดูสีหน้าเคร่งเครียดกันทีเดียว

“พี่แทคยอน” เรียกพี่ชายด้วยเสียงที่แผ่วเบา ตามกำลังแรงที่จะเปล่งเสียงออกมาได้

แทคยอนรีบเดินเข้ามาหาน้องแล้วลูบหัวเบาๆ “น้องปวดหัวอยู่รึเปล่าอูยอง”

“ยังปวดหัวนิดหน่อยฮะ”

“พักผ่อนเยอะๆนะ พี่ขอออกไปคุณกับคุณหมอแป้บนึงเดี๋ยวพี่มา”

แทคยอนบอกน้องก่อนนะเดินนำอาจารย์หมอออกไปคุยกันข้างนอกด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด บอดี้การ์ดของแทคยอนเดินนำไปยังห้องรับรองVIPของโรงพยาบาล เป็นภาพที่แปลกตาเหมือนกัน เพราะภาพที่เห็นคือแทคยอนมีบอดี้การ์ดเดินนำและปิดท้ายเยอะแยะไปหมด ก็แหงล่ะผู้ถือหุ้นรายใหญ่มาเยือนโรงพยาบาลทั้งที

อาจารย์หมอแล้วก็คนอื่นๆ ก็พึ่งรู้ว่าอูยองเป็นน้องชายของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ โรงพยาบาลก็วันนี้แหละ ยกเว้นจุนโฮที่รู้มาก่อนหน้านี้แล้ว

ทันทีที่แทคยอนกับอาจารย์หมอออกจากห้อง จุนโฮก็รีบเข้ามาหาอูยองทันที

“ไงอูด้ง ย่าห์!!อย่าพึ่งรีบลุกสิ!!” จุนโฮรีบร้องห้ามเพื่อนที่กำลังพยุงตัวเองให้ลุกนั่งบนเตียงคนป่วย

“ไม่เป็นไรหรอกน่า ฉันอยากนั่งหน่ะ นอนแล้วยิ่งปวดหัว”  

จุนโฮเห็นท่าทุลักทุเลของอูยองที่กำลังประครองตัวเองให้ลุกขึ้นนั่ง เห็นท่าไม่ดีเลยรีบวิ่งปรี่เข้าไปช่วยประครองทันที ไม่รู้จะรีบลุกทำไมนัก จริงๆอูยองน่าจะนอนพักมากกว่า

“อูยองนายมันดื้อ!”

“แล้วนี่ใครเป็นคนโทรบอกพี่ชายฉัน?”  

จุนโฮชี้นิ้วเข้าหาตัวเองแล้วฉีกยิ้มให้กับคนที่ตั้งถาม อูยองหน้างอใส่เพื่อนตัวแสบทันที

“ไม่ต้องมายิ้มเลยนายอ่ะ ความแตกเลยเห็นมั้ย!” อูยองบ่นอุบอิบให้กับเพื่อนตัวแสบ เขาอุส่าให้ช่วยความลับนี้แท้ๆ เชียว

“ก็อาการนายหนักนี่นา ตอนนายหมดสติ มือยังกุมหัวเอาไว้แน่นเลยนะ อาการเหมือนคนปวดหัว จนอาจารย์ต้องสั่งสแกนสมองด้วย เห็นท่าไม่ดีเลยโทรบอกพี่ชายนายไว้ก่อนอ่ะ อย่าโกรธสิ”

“นายนี่จริงๆเลยจุนโฮ! เดี๋ยวก็หายทำเป็นแตกตื่นกับอิแค่อาการหน้ามืด”

“ แต่อูยองอ่า นายไม่เคยมีอาการแบบนี้มาก่อนนี่นา ที่บอกนอนน้อยก็เพราะยังคิดเรื่องนั้นอยู่เหรอ” จุนโฮหมายถึงเรื่องนิชคุณ…..

“อืม” อูยองพยักหน้ารับ

“แต่พยายามแล้วจุนโฮ….พยายามจะลืมเขาแล้วจริงๆนะ พยายามไม่คิดมันก็ทำได้บ้างแหละ แต่ก็ยังนอนไม่ค่อยหลับ อาการนอนไม่หลับก็เป็นมานานแล้วล่ะ บวกกับในหัวฉันคิดเรื่องอะไรเยอะแยะก็ไม่รู้ ตีกันไปหมด”

เขาพยายามที่จะลืมแต่มันก็ทำไม่ได้จริงๆ คิดถึงทีไรมันก็มีแต่เรื่องดีๆเข้ามาในหัว ยิ่งไปนั่งอ่านไดอารี่ที่อูยองเขียนบันทึกเรื่องราวดีๆไว้ในแต่ละวันที่ยังคบกันอยู่ ตอนนั้น….อูยองมีความสุขทุกวันจนต้องมาเขียนเก็บเรื่องราวดีๆเอาไว้   มาดูของที่เคยซื้อมาคู่กันมันทำให้อูยองยิ้มได้ แต่เมื่อคิดถึงประโยคบอกเลิก แค่คิดอูยองก็น้ำตาตกแล้ว อูยองเอาแต่นั่งคิดทบทวนว่าตัวเองน่าเบื่อขนาดนั้นเลยเหรอ พี่คุณถึงได้ทิ้ง คิดวนไปวนมาอยู่แบบนี้มันทำให้อูยองนอนไม่หลับ แถมบางวันมาเข้าเวรเช้าอูยองได้นอนแค่ชั่วโมงเดียวก็มี อูยองเป็นแบบนี้มานานแล้ว ตั้งแต่ที่โดนบอกเลิกนั่นแหละ

“ฉันเหมือนคนบ้าเนอะจุนโฮ ไม่รู้จะไปคิดถึงคนที่เค้าหมดรักเราแล้วทำไม รู้ว่าคิดถึงแล้วต้องเจ็บปวด ก็ยังจะคิดถึง บางทีฉันก็รู้สึกเกลียดตัวเองอ่ะจุนโฮ รู้สึกแย่อ่ะ”

“ฉันไม่รู้จะช่วยนายยังไงดีอูยอง…” เพราะมันเป็นเรื่องของความรู้สึกและความทรงจำ จุนโฮจำได้ว่าตอนที่อูยองกับรุ่นพี่นิชคุณคบกันเป็นเวลาหลายปี คู่นี้ป๊อปที่สุดในคณะแล้ว มีแต่คนสนับสนุนเพราะทั้งคู่ดูไปกันได้สวย แถมยังช่วยกันเรียนอีกต่างหาก เป็นคู่สร้างความสุขให้กับคนที่เห็นเลยก็ว่าได้

“ค่อยๆลืมก็ได้อูยอง ฉันรู้ว่านายรักพี่คุณมาก มันยากที่จะลืม แต่ตอนนี้ฉันไม่อยากให้นายคิดถึงหน้าคนที่เคยทำนายเจ็บ ถึงแม้เค้าจะเคยเป็นคนที่ทำให้นายมีความสุข แต่จำไว้ตอนนี้เค้าคือคนที่ทำให้นายเจ็บ!

อูยองฟังจุนโฮพูดก็ยิ่งเจ็บ แต่มันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ อูยองควรอยู่ในโลกของความเป็นจริงได้แล้ว ตอนนี้นิชคุณคือคนที่ทำให้อูยองเจ็บปวด!

“อืมจุนโฮ จะพยายามลืม”

“เอาเป็นว่าตอนนี้นายหาอย่างอื่นทำไปเนอะอูยอง ตอนนี้พี่ชายนายอนุญาตให้เลี้ยงหมาแล้วนี่ จะไม่เหงาแล้วเนอะ”

“อืมมันก็ไม่เหงา แต่จะปวดหัวกว่าเดิมด้วยซ้ำนี่สิ เจ้านี่ซนยังกะลิง กัดรองเท้าฉันพังไปหลายคู่ละ”

ทั้งสองหาเราะให้กับความซุกซนของมิงกิออกมาพร้อมกัน จุนโฮมองเพื่อนแก้มอูมขำจนตาหยี่ แค่นี้เขาก็ดีใจแล้ว อย่างน้อยเพื่อนเขาก็หัวเราะออกมาได้บ้างแล้ว ถึงจะไม่เท่าเมื่อก่อนก็เถอะ จุนโฮมองดูนาฬิกาข้อมือ นี่ก็ได้เวลาที่ต้องไปเรียนต่อแล้ว

“อูยองเดี๋ยวไปเรียนแล้วนะ นายพักผ่อนเยอะๆล่ะ ไม่ต้องห่วงเรื่องเรียน เดี๋ยวฉันจดสรุปที่เรียนวันนี้แล้วจะมาสอนให้เอง”

“ขอบใจจุนโฮ เดี๋ยวหายแล้วจะเลี้ยงหนมตอบแทนนะ”

“รีบๆหายล่ะ อยากกินขนมฟรีจะแย่ล่ะ”  

.

.

.

.

.

.

“ผมให้พวกคุณไปหาศัลยแพทย์เฉพาะทางสมองที่เก่งๆมาผ่าตัดให้อูยอง แต่ก่อนอื่นต้องส่งโปรไฟล์มาให้ผมพิจารณาก่อนภายในหนึ่งเดือน!” ประโยคสุดท้ายที่แทคยอนสั่งอาจารย์หมอก่อนนะเดินออกจากห้องรับรองไปแบบเงียบๆ

TBC….

Talk

สงสารอูยองจังเลยเนอะ รักนี้ลืมยาก เปิดโอกาสให้กอดปลอบอูยองได้คนละหนึ่งที 555  จะเห็นได้ว่าเมื่อก่อนพี่คุณกับอูยองเค้าหวานกันแค่ไหน เขิล>///<  ย้อนไปให้เห็นโมเม้นคุณด้งบ้าง เดี๋ยวจะหาว่าไม่มีโมเม้นให้ฟิน 5555

ใครกันนะศัลยแพทย์ที่เก่งๆ เอาใชช่วยอูยองด้วยน๊าาา เค้ากำลังจะมา…….!!!

>> ทุกคอมเม้นท์คือแรงผลักดันและกำลังใจให้ไรท์เขียนฟิคต่อ ขอบคุณจ้า^^ <<