[Fic khunwoo] Love and hate 4

Title:Love and hate 4

Couple: KhunWoo  OKKay

Writer: ilovekw

Rate : PG 

Gente :  dark drama and Romantic

ฟิคเรื่องนี้ที่เกิดจากจินตนาการของไรทเตอร์ enjoy reading ^^

 “ผมให้พวกคุณไปหาศัลยแพทย์ทางสมองที่เก่งๆมาผ่าตัดให้อูยอง  แต่ก่อนอื่นต้องส่งโปรไฟล์มาให้ผมพิจารณาก่อน ภายในหนึ่งเดือน”  แทคยอนสั่งก่อนนะเดินออกจากห้องนี้ไปเงียบๆ เขารู้ดีว่าการหาศัลยแพทย์ทางสมองเก่งๆให้ได้ภายในหนึ่งเดือนนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย เพราะแพทย์เฉพาะทางด้านนี้ ในเกาหลีไม่ค่อยจะมีนัก ถึงมีก็คงผ่าตัดให้เคสน้องเขาไม่ได้แน่นอน แต่ถ้ายิ่งปล่อยไว้นานน้องชายเขาก็ยิ่งจะแย่   ทันที่ที่เดินออกจากห้องรับรอง ร่างสูงรีบก้าวขายาวๆเดินตรงไปหาน้องที่ห้องพักคนป่วยระดับ VIP ทันที

แทคยอนลากเก้าอี้มานั่งลงใกล้ๆเตียงคนป่วย อูยองมองพี่ชายตาปริบๆ เพราะไม่รู้พี่ชายเขาเครียดอะไรนัก ก็ตั้งแต่เปิดประตูเดินเข้ามาพี่แทคยอนเอาแต่คิ้วขมวดปม จนตอนนี้ก็ยังนั่งหน้าเครียดอยู่เลย 

“พี่แทคยอนปวดหัวเหรอฮะ หรือว่าไม่สบายอะไรหรือเปล่าทำไมดูสีหน้าไม่ค่อยดีเลย ให้น้องตรวจให้มั้ยฮะ” เสียงใสเอ่ยทักคนเป็นพี่ที่เอาแต่นั่งหน้าเครียดไม่พูดไม่จาอะไรแถมยังเอาแต่มองเขาแล้วก็ได้แต่ถอนหายในออกมายาวๆ

“หืม สีหน้าพี่มันเป็นแบบนั้นเหรอ?”    แทคยอนเลิกคิ้วถาม     เขารู้ตัวดีว่ามีเรื่องให้เครียด แต่ไม่ยักจะรู้ว่าตัวเองแสดงออกทางสีหน้าจนน้องชายเขาต้องเอ่ยทักขนาดนั้น

“ก็ใช่หน่ะสิครับ ดูสิยังเครียดอยู่เลย เครียดเรื่องอะไรฮะ?” 

“ป่าวหรอก ไม่มีอะไร ว่าแต่เราเถอะจุนโฮบอกพี่ว่าน้องยังไม่ทานข้าวตั้งแต่เมื่อเช้า พี่สั่งให้พยาบาลเอาข้าวมาส่งแล้วล่ะ”

“ไม่เอาอ่ะ ตอนนี้ยังปวดหัวอยู่เลย น้องไม่หิว”  ทันทีที่อูยองพูดจบประโยคพยาบาลก็เอาข้าวมาส่งพอดี นี่เป็นข้าวมื้อแรกของวันเลยนะ แต่อูยองกลับมองแล้วมุ้ยหน้าอย่างขัดใจ ก็เพราะอาการปวดหัวมันเลยทำให้อูยองรู้สึกไม่อยากจะกินอะไรเลย

“ไม่หิวก็ต้องกินนะ มาพี่ป้อน”    แทคยอนประครองให้น้องลุกขึ้นนั่ง

“ไม่หิวฮะ…น้องปวดหัวอยู่” อูยองงอแงแล้วมุ้ยหน้าให้กับพี่ชายที่กำลังตักข้าวรอที่จะป้อน

 แทค ยอนจะไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรมากมายถึงดุไปก็งอแงอีกอยู่ดี นี่ก็ปาไปบ่ายสามกว่าๆแล้ว ขืนไม่ยอมทานข้าว มีหวังได้เป็นโรคกระเพาะอีกโรคแน่ๆ แทคยอนจึงใช้ไม้ตายที่จะสยบน้องได้คือเพียงแค่เงียบแล้วส่งสายตาดุๆมองน้อง ที่กำลังงอแงเพียงแค่นี้เด็กที่กำลังงอแงอยู่ก็ยอมทานข้าวแต่โดยดี  อูยองรู้ดีว่าความเงียบของพี่ชายนั้นน่ากลัวเหนือสิ่งอื่นใด  ปากเล็กอ้าปากงับข้าวที่พี่แทคยอนป้อนทันที ถึงจะเป็นการป้องข้าวกันแบบขัดใจแต่ก็ยังดีที่อูยองยอมทานจนหมด  หลังจากนั้นก็ทานยาแก้ปวดเพื่อบรรเทาอาการปวดหัวต่อ    

“พี่แทคยอน~”   อูยองเรียกชื่อพี่ชายด้วยน้ำเสียงออดอ้อน

“หืม?”  คนที่กำลังจัดแจงเก็บจานข้าวที่พึ่งจะป้อนอูยองเสร็จหันมาขานรับ          น้ำเสียงออดอ้อนนำมาขนาดนี้เขาคิดว่าน้องต้องมีอะไรในใจที่อยากจะถามแน่ๆ  แต่ก็คงไม่พ้นคำถามที่เขายังไม่อยากตอบน้องตอนนี้เป็นแน่แท้

“พี่ไปคุยกับอาจารย์หมอว่ายังไงเหรอฮะ อาจารย์บอกว่าน้องเป็นอะไรบอกน้องหน่อยสิ”

นึกแล้วไม่มีผิด    “อืม.. เอ่อ…อาจารย์หมอของน้องบอกว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก    ให้พักผ่อนให้เยอะๆ แล้วก็อย่าคิดอะไรมาก”    

“แต่ว่าจุนโฮบอกอาจารย์หมอส่งน้องไปตรวจสแกนสมองด้วย  น้องอยากรู้ผลสแกนฮะ”   มันจะไม่เป็นอะไรมากได้ยังไง ฟังจากที่จุนโฮเล่าให้ฟังอาการของเค้าดูยังไงก็ไม่ปกติ  แถมอาจารย์ยังส่งสแกนสมองอีก

“พี่บอกว่าไม่ได้เป็นอะไรมากไง”

“พี่แทคยอนโกหก! ถ้าพี่ไม่บอก น้องจะไปขอดูผล CT สแกนด้วยตัวเองก็ได้!”     อูยองหน้าบึ้งให้กับพี่ชายตัวเอง        อูยองรู้ดีว่าพี่ชายของเขาไม่เคยโกหก ถึงจะโกหกก็ไม่เคยเนียนเลยสักนิดอูยองจับได้ตลอดนั่นแหละ            ครั้งนี้ก็เหมือนกัน คิดจะมาโกหกเรื่องอาการป่วยกับว่าที่คุณหมอได้ยังไงกัน

แทคยอนมองหน้าคนที่กำลังหน้าบึ้งตึงใส่เขาอยู่ตอนนี้ก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจ ก็ใช่ว่าแทคยอนจะอยากโกหกน้อง เพียงแต่ตอนนี้เขายังไม่อยากให้อูยองคิดมากไปกว่านี้  ในเมื่ออูยองบอกจะไปขอดูผลตรวจเองขนาดนี้  จะเลี่ยงยังไงก็คงไม่ได้แล้วล่ะ น้องเป็นถึงว่าที่คุณหมอ ดูผลตรวจแป๊บเดียวก็สามารถ      วินิฉัยโรคเองได้แล้ว

“อูยอง คือตอนนี้พี่แค่ไม่อยากให้น้องคิดอะไรมาก เพราะพี่รู้ว่าน้องมีเรื่องให้เครียดมากพอแล้ว”

“บอกมาเถอะฮะพี่แทคยอน น้องรับไหว”    

แทคยอนมองหน้าน้อง เขาแทบอยากจะร้องไห้ คนเป็นพี่ทำไมจะไม่รู้ว่าอูยองพูดว่ารับไหวกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ในใจนั้นไม่ได้เข้มแข็งแบบคำพูดที่เอ่ยออกมาหรอก   ไม่รู้ทำไมน้องของเขาถึงได้เจอแต่เรื่องร้ายๆ แทคยอนลำบากใจที่จะบอกเรื่องนี้กับน้อง แต่ยังไงสุดท้ายก็ต้องบอก  คนเป็นพี่สูดลมหายใจเข้าลึกๆอย่างลำบากใจก่อนจะบอกกับน้อง

“น้องมีเนื้องอกที่สมอง”

พออูยองได้ยินคำตอบที่ตัวเองอยากฟังถึงกับนั่งก้มหน้าเงียบทันที อูยองรู้ดีว่าความเครียด และพักผ่อนไม่เพียงพอมันเป็นบ่อเกิดของโรคที่อูยองกำลังเผชิญกับมันอยู่ตอนนี้ แต่เขาก็เลี่ยงมันไม่ได้ เพราะคนคนเดียว       แทคยอนเห็นน้องเม้มปากแน่นคงจะพยายามจะกลั้นไม่ให้ตัวเองร้องไห้ แทคยอนทำได้เพียงลูบหัวน้องเบาๆเขาสัมผัสได้ว่าร่างเล็กสั่นเทาไปทั่วร่าง  มืออีกข้างของพี่ชายกุมมือน้องชายไว้แน่น

“อูยองแต่อาจารย์หมอของน้องบอกไม่ได้เป็นเนื้อร้าย ไม่ต้องกังวลนะ”   แทคยอนพยายามพูดปลอบใจน้อง ช่วงนี้เหมือนเป็นช่วงมรสุมชีวิต ทำให้อูยองได้เจอแต่เรื่องร้ายๆ ตอนนี้อูยองจิตใจเปราะบางมาก  เขาอยากจะภวนาให้เรื่องร้ายๆหมดลงเพียงเท่านี้ ไม่อยากให้อูยองรู้สึกย่ำแย่ไปกว่านี้

“พี่แทคยอนครับ……”  เอ่ยเรียกชื่อพี่ชายด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ อูยองมองหน้าพี่ชายด้วยความกังวล ตาเรียวเล็กกำลังมีน้ำตาเอ่อคลออยู่

“อย่ากังวลไปเลย” แทคยอนรีบรั้งร่างน้อยมากอดปลอบพร้อมลูบหลังน้องอย่างปลอบโยน        อูยองปล่อยโฮออกมาอย่างหนักในอ้อมกอดของพี่ชายพักใหญ่ๆ ก่อนจะผละออกมา มือเล็กรีบยกขึ้นปาดน้ำตาออกจากแก้ม

“อีกนานมั้ยครับถึงจะได้ผ่าตัด”

“ตอนนี้ที่โรงพยาบาลยังไม่มีศัลยแพทย์เฉพาะทางสมอง พี่สั่งให้ไปหาหมอเฉพาะทางที่เก่งๆมาผ่าตัดให้น้อง คงไม่เกินหนึ่งเดือนนะ อดทนอีกนิดนึง”

“น้องยังไม่อยากผ่าตัดเร็วๆนี้ ”   

“หืม?  กลัวเหรอ ไม่ต้องกลัวนะอูยอง  ยังไงน้องก็ต้องปลอดภัย ”     

 อูยองส่ายหน้าให้พี่ชาย อูยองไม่กลัวที่จะได้ผ่าตัด แต่สิ่งที่อูยองกลัวมากที่สุดคือเขาจะเรียนไม่จบพร้อมเพื่อน  อูยองรู้ดีว่าการผ่าตัดสมองต้องพักฟื้นเป็นเวลานาน ขึ้นอยู่กับว่าผลหลังจากการผ่าตัดอาการจะดีขึ้นหรือเปล่า เพราะการผ่าตัดสมองมีผลกระทบกับร่างกายหลายๆอย่าง ต้องได้รับการบำบัดเป็นเวลานานอาจจะเป็นเดือน สองเดือน        หกเดือน จนถึงเป็นปี หรืออาจมากกว่านั้น

 “ถ้าผ่าตัดน้องก็ต้องดรอปเรียน น้องจะเรียนไม่จบพร้อมเพื่อน จะเรียนไม่จบพร้อมจุนโฮ” 

พอคิดว่าจะไม่จบพร้อมเพื่อน อูยองก็จะร้องไห้อีกแล้ว อูยองเคยมีความฝัน         ถ้าเรียนจบอูยองจะออกไปเป็นแพทย์อาสาในที่ห่างไกลความเจริญสักพักนึงกับ….กับนิชคุณ… แต่ตอนนี้เขาคงไม่ได้ไปทำตามความฝันกับคนนั้นแล้ว  ถ้าเกิดอูยองผ่าตัดตอนนี้ มันจะทำให้อูยองเรียนไม่จบพร้อมเพื่อนแน่ๆ ยิ่งไปกว่านั้นเขาไม่รู้ว่าตัวเองจะต้องพักฟื้นอีกนานแค่ไหนถึงจะกลับมาเรียนได้   ทำไมคนคนเดียวถึงทำชีวิตเขาพังได้ขนาดนี้

“พี่บอกแล้วไงว่าอย่าคิดมาก ห่วงสุขภาพตัวเองก่อนเถอะ ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไร” แทคยอนไม่รู้จะปลอบน้องยังไงให้หายเครียดดี ปัญหาอะไรๆก็ถาโถมเข้ามาเหลือเกิน จนตอนนี้น้องเขาจะรับมันไม่ไหวอยู่แล้ว ถ้าเป็นไปได้แทคยอนอยากจะช่วยแบกปัญหาทั้งหมดนั่นไว้เองเหลือเกิน

.

.

.

.

พอแทคยอนมานั่งนึกถึงประโยคที่หมอพูด เขาก็ได้แต่นั่งพ่นลมหายใจออกมายาวๆหลายต่อหลายครั้ง พยายามจะปัดเป่าความเครียดออกไปจากสมองแต่ก็ไม่ได้ผล เพราะเขาทั้งคิดมาก ทั้งสงสารน้องที่ตอนนี้เจอแต่เรื่องแย่ๆเข้ามาในชีวิต  ถึงหมอจะบอกว่าเนื้องอกที่เกิดในสมองของอูยองพึ่งเกิดยังมีขนาดไม่ใหญ่ แล้วก็ไม่ได้เป็นเนื้อร้ายอะไร        ถ้าการผ่าตัดผ่านไปด้วยดี อูยองก็จะหายขาด  แต่ยังไงก็ยังไม่โล่งใจอยู่ดี

                              

                       “ตอนนี้ยังไม่เป็นเนื้อร้าย แต่ปล่อยไว้นานก็ไม่ดีเหมือนกัน”

    “และที่สำคัญการผ่าตัดมีความเสี่ยง เพราะเนื้องอกเกิดในจุดที่อันตราย”


ประโยคที่หมอพูด มันวนเข้ามาในหัว เขาจะทำยังไงให้ได้หมอเก่งๆมาผ่าตัดให้     อูยองได้เร็วที่สุด

ก๊อก ก๊อก…. เสียงเคาะประตูดังขึ้นสองสามทีพอเป็นมารยาทก่อนที่มินจุนจะเปิดประตูเดินเข้ามาในห้องทำงานของแทคยอน 

“เครียดอยู่เหรอแทคยอน”  ประโยคแรกที่มินจุนเอ่ยทักเพราะเห็นสีหน้าของแทคยอนแล้วมันบ่งบอกว่าเป็นอย่างงั้น   

 แทคยอนพยักหน้าให้เบาๆ

แทคยอนดูเครียดเรื่องของอูยองทุกวันเพราะกลัวน้องจะเป็นอะไรไปมากกว่านี้    จิตแพทย์อย่างมินจุนก็กลัวแทคยอนจะเป็นโรคซึมเศร้าแล้วก็จิตตกไปอีกคน    ช่วงนี้เลยแวะเข้ามาหาแทคยอนทุกวัน ถึงแม้งานตัวเองจะยุ่งมากก็ตาม แต่แทคยอนนั้นงานยุ่งกว่าเขาเยอะ ประชุมแทบจะทุกวันจนไม่มีเวลาได้ออกจากบริษัทจนกว่าจะค่ำ

“เห็นหน้านายค่อยรู้สึกดีขึ้นหน่อย”  แทคยอนยังไม่วายที่จะพูดหยอดคำหวานให้กับหวานใจของตัวเอง ทำเอาคนโดนหยอดแทบจะตั้งรับไม่ทัน

มินจุนยิ้มรับเมื่อได้เห็นรอยยิ้มของแทคยอน แต่ช่างเป็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าปนกับความเครียด

“หน้าฉันมันช่วยให้นายรู้สึกดีขึ้นขนาดนั้นเลยเหรอแทคยอน งั้นคนไข้ที่มาหาฉันก็หายเครียดเพราะได้เห็นหน้าฉันสินะ”  มินจุนเอ่ยพลางขำ

“ย่าห์!! แค่ฉันคนเดียวสิที่เห็นหน้านายแล้วรู้สึกดี คนอื่นจะไปรู้สึกดีทำไมล่ะ  ไม่รู้ล่ะช่วงนี้เครียด นายต้องมาหาฉันบ่อยๆด้วย เพราะฉันเครียด! เครียดมากด้วยมินจุน!” 

มินจุนนั่งมองแทคยอนที่กำลังนั่งกอดอกบวกกับการเอาแต่ใจตอนนี้ก็อดจะขำไม่ได้  บทจะงอแงนี่ก็ตลกดีเหมือนกัน ร่างก็ใหญ่ งอแงก็ไม่ได้น่าเอ็นดูเลยสักนิด

 “นี่แทคยอนอ่า จริงๆฉันไม่อยากให้นายเครียดไปกว่านี้นะ คิดดูว่าถ้าอูยองรู้ว่านายเครียดขนาดนี้ อูยองคงรู้สึกผิด แล้วน้องก็จะรู้สึกแย่แน่ๆ นายก็รู้น้องชอบโยนความผิดให้ตัวเอง ”

“อืม ต่อหน้าน้องฉันก็พยายามจะไม่เครียดแหละมินจุน”

“ถ้านายเห็นหน้าฉันแล้วหายเครียด ฉันจะมาหานายวันละสามมือหลังอาการเลยดีมั้ย”    ฟังแบบนั้นแทคยอนได้แต่หัวเราะออกมาน้อยๆ    

มินจุนแค่อยากช่วยแทคยอนเท่าที่เขาสามารถจะช่วยได้ ตอนนี้เขาก็ช่วยเป็นจิตแพทย์ให้อูยอง เขาไม่อยากให้อูยองจิตตกและเครียดไปมากกว่านี้ เพราะยังไงซะความเครียดมันมีผลต่อสมองของอูยองอยู่แล้ว  นี่ก็ช่วยบำบัดให้อูยองจิตใจปกติและสดใสขึ้นได้แล้ว   แต่ตอนนี้เขาไม่อยากจะเป็นจิตแพทย์ให้แทคยอนไปอีกคน มันไม่ดีแน่ถ้าพี่น้องสองคนนี้กอดคอกันเครียด

“ฉันก็หวังว่ามันจะผ่านไปได้เร็วๆ”

“มันต้องผ่านไปด้วยดีสิเชื่อฉันเถอะ แทคยอนดูนี่สิฉันชื้ออะไรมาเยอะแยะมาทานกันฉันรู้นายยังไม่ได้ทานอะไร” 

แทคยอนมองคนตรงหน้าแกะถุงขนม แล้วก็ของกินอย่างอื่นออกมาวางเรียงกัน แล้วอดขำไม่ได้

“ซื้อมาเยอะขนาดนี้ นายจะซื้อมาเลี้ยงคนทั้งบริษัทฉันหรือไงมินจุน”

มินจุนหันมามองค้อนใส่ทันที “แล้วจะกินมั้ยครับอ๊คแทคยอน!!!”

“กินครับผม…”

.

.

.

.

.

.

.

.

ถึงวันที่แทคยอนขีดเส้นเดดไลน์ไว้สำหรับการส่งรายชื่อแพทย์ที่จะเข้าผ่าตัดอูยองแล้ว จริงๆเขาไม่อยากทำแบบนี้เลยเพราะมันเป็นการเร่งรัดเกินไป แต่ด้วยความที่หมอบอกยิ่งปล่อยไว้นานยิ่งไม่ดี มันเลยบีบบังคับให้เขาต้องทำแบบนี้เพราะไม่มีทางเลือกอื่น       แทคยอน มินจุน และแพทย์ประจำตระกูลของเขา เดินทางมาโรงพยาบาลเพื่อพิจารณารายชื่อแพทย์ที่จะผ่าตัดให้กับอูยอง ทันทีที่ลงจากรถบอดี้การ์ดก็เดินนำไปยังห้องรับรองของโรงพยาบาลทันที ในห้องนั้นมี อาจารย์หมอของอูยอง แล้วก็หมอท่านอื่นๆมานั่งรออยู่ก่อนหน้านี้แล้ว  หัวโต๊ะเป็นแทคยอน      ข้างซ้ายเป็นมินจุน และ ขวามือเป็นแพทย์ประจำตระกูล

“วันนี้เป็นวันเดดไลน์แล้ว ศัลยแพทย์ที่เก่งๆ พอจะหาได้บ้างมั้ยครับ?”  แทคยอนเอ่ยด้วยสีหน้ากังวล

“ด้วยความที่เรามีเวลาจำกัด และศัลยแพทย์เฉพาะทางนั้นมีให้เลือกไม่มากครับ”  อาจารย์หมอเอ่ยขึ้น  แทคยอนพยักหน้ารับ เขาก็ต้องยอมรับในข้อนี้ให้ได้ เพราะเขานั่นแหละเป็นคนกำหนดเวลาเอง

“ลองเสนอมาก่อนเถอะครับ”

อาจารย์หมอเปิดสไลด์ไล่รายชื่อแพทย์และผลงานการผ่าตัดให้แทคยอนดูทีละคนๆ เท่าที่ดูไม่เห็นว่าจะมีหมอคนไหนไม่เคยผ่าตัดไม่พลาด แล้วยิ่งเคสของอูยอง เนื้องอกเกิดในจุนที่อันตรายถ้าเกิดผ่าตัดน้องเขาพลาดขึ้นมาล่ะจะทำยังไง

จนกระทั่ง…….

ศัลยแพทย์เชี่ยวชาญด้านระบบประสาทและสมอง : นายแพทย์นิชคุณ หรเวชกุล 

ผลงานการผ่าตัด  : ไม่เคยผิดพลาดแม้แต่ครั้งเดียว

พอ ถึงสไลด์ศัลยแพทย์ท่านนี้อาจารย์หมอได้อธิบายเพิ่มเติมว่า หมอคนนี้เขาจบ เกรียตินิยมที่มหาวิทยาลัยเกาหลี และได้ทุนไปต่อเฉพาะทางที่อเมริกา ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องการผ่าตัดและการรักษาทางด้านสมองอยู่แล้ว แถมยังเก่งจนสามารถเรียนจบได้ภายนเวลาปีกว่าๆและเป็นที่ยอมรับของอาจารย์ที่ นั่นอีกด้วย

           “ผมว่าหมอคนนี้น่าสนใจดีนะ”   แพทย์ประจำตระกูลเอ่ยขึ้น 

“ผมไม่เอาหมอคนนี้!”  แทคยอนปฏิเสธเสียงแข็ง  จนทุกคนในห้องต้องหันมามองต้นเสียงด้วยความสงสัยว่าทำไมถึงไม่เอา ทั้งๆที่หมอคนนี้เก่ง ประวัติการทำงานไม่เคยผ่าตัดคนไข้พลาดเลยแม้แต่คนเดียว  

            “ทำไมล่ะครับคุณแทคยอน หมอคนนี้ฝีมือดีมากเลยทีเดียว น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้วนะครับสำหรับเวลาที่จำกัดแบบนี้”   อาจารย์หมอเสริมขึ้น

            “ผมไม่เอาคนที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้น้องผมป่วยมาผ่าตัดให้น้องของผมหรอกนะ”

พูดจบแทคยอนก็รีบลุกเดินออกจากประตูไปทันที โดยมีมินจุนรีบเดินตามออกไปติดๆ

แทคยอนขึ้นไปนั่งสงบสติอารมณ์บนรถ ไม่นานมินจุนก็ตามขึ้นมา

“หมอทั้งโลกมีเก่งอยู่คนเดียวเหรอ คนอื่นไม่มีแล้วเหรอ?”   แทคยอนบ่นออกมาอย่างหัวเสีย  ถ้าขืนเอานิชคุณมาผ่าตัดให้อูยอง  อูยองจะไม่อกแตกตายก่อนพอดีเหรอ ตอนนี้นิชคุณคือคนเดียวที่อูยองไม่อยากจะเห็นหน้า ไม่อยากได้ยินชื่อ แล้วเขาจะเลือกคนคนนี้มาผ่าตัดให้น้องได้ยังไง แค่คิดก็ตลกแล้ว   มินจุนได้แต่ลูบแขนแทคยอนให้ใจเย็นลงก่อน  “แทคยอนฉันรู้นะว่ามันเป็นเรื่องเจ็บปวดสำหรับอูยอง และเป็นเรื่องลำบากใจสำหรับนาย”    มินจุนก็ไม่ค่อยเห็นด้วยหรอกกับการที่จะเอานิชคุณมาเป็นหมอผ่าตัดให้อูยอง เขานึกไปถึงเรื่องจิตใจของอูยอง คงอดทนต่อความเจ็บปวดไม่ไหวแน่ๆ เจ็บปวดด้วยการผ่าตัดไม่พอ ยังจะให้อูยองต้องเจ็บปวดใจอีกหน่ะเหรอ

“แล้วฉันต้องทำยังไงดีมินจุน”

มันยากนะที่เขาจะบอกแทคยอนว่าอย่าเครียด ในเมื่อเขาเองยังเครียดเลย มินจุนดีใจนะที่ตอนนี้ร่างกายและจิตใจ      อูยองกำลังดีขึ้น พร้อมที่จะรับการผ่าตัดแล้ว แต่ถ้าอูยองรู้ว่านิชคุณเป็นคนผ่าตัดให้ อาการหลังจากการผ่าตัดจะไม่ทรุดไปใหญ่เหรอ ยิ่งช่วงพักฟื้น ถ้าร่างกายจิตใจอ่อนแอยิ่งจะอันตรายแบบนี้ยิ่งจะน่าเป็นห่วง

“ฉันคิดว่าเราต้องมีทางออกที่ดีแทคยอน”

.

.

.

.

.

อาจารย์หมอที่มหาวิทยาลัยเกาหลีได้มีการติดต่อมาหานิชคุณเพื่อขอเรียกตัวให้ไปผ่าตัดสมอง คนไข้คนนึง ซึ่งเป็นน้องชายของผู้ทรงอิทธิพลกับทางการแพทย์เกาหลี  เขากำลังตัดสินใจว่าจะไปดีไหม ตอนนี้เรียนจบแล้วก็จริง แต่แผนการกลับเกาหลีของนิชคุณคืออีกสามเดือนข้างหน้าเพราะตอนนี้ยังต้องเป็นที่ปรึกษาให้กับทีมแพทย์ที่อเมริกา    ก็เพราะความเก่งและการชำนาญการเรื่องการผ่าตัดสมอง จนทำให้เขาได้รับการไว้วางใจอย่างมากทั้งๆที่เขาพึ่งเรียนจบศัลยแพทย์ทางด้านสมองมาใหม่ๆ   

 

แต่ยังไงซะก็ขออ่านชาร์ตคนไข้ก่อนเผื่อว่าจะได้ไม่ต้องไปเอง อาจจะส่งทีมแพทย์ที่นี่ไปแทน   นิชคุณกำลังนั่งอ่านชาร์ตอาการและผลตรวจของคนไข้อย่างเงียบๆ และไปสะดุดตาเข้าให้กับชื่อคนไข้

คนไข้ -จางอูยอง- 

ทันทีที่เห็นชื่อคนไข้ หัวใจเขาแทบจะหยุดเต้น  เรี่ยวแรงอยู่ๆก็หมดไปเอาซะดื้อๆ แม้กระทั่งแผ่นชาร์ตผลตรวจที่อยู่ในมือเขายังไม่มีเรี่ยวแรงจะจับมันไว้   พอรู้ว่าคนไข้คนนั้นคืออูยอง    นิชคุณตัดสินใจจะเป็นคนไปผ่าตัดให้ทันที เขาไม่แม้แต่จะลังเลใจเพราะไม่อยากให้อูยองเป็นอะไรไป เขารีบโทรแจ้งกับอาจารย์ผู้ที่ติดต่อมาทันที      แต่อาจารย์กลับบอกมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น  ไม่ใช่ว่าคุณตัดสินใจแล้ว   คุณจะได้เป็นคนมาผ่าตัด

 

จนกระทั่งวันนี้ อาจารย์ได้โทรมาแจ้งกับนิชคุณว่าไม่ผ่านการพิจารณาจากคุณแทคยอน ผู้เป็นพี่ชายของอูยอง นิชคุณแทบจะบ้าคลั่งเมื่อได้ยินอาจารย์บอกมาแบบนั้น  

“อาจารย์ครับ ผมมั่นใจนะว่าผมจะสามารถผ่าตัดให้อูยองได้สำเร็จและปลอดภัย อาจารย์ลองแจ้งเขาไปอีกรอบได้ไหมครับ”    นิชคุณบอกกับอาจารย์อย่างร้อนใจ

“จะให้ทำยังไงล่ะหมอ ก็คุณแทคยอนเขาปฏิเสธเสียงแข็งมาขนาดนี้”

“อาจารย์ครับ แต่ถ้าเรายิ่งปล่อยให้เวลาผ่าไปเฉยๆมันไม่มีประโยชน์นะครับ อูยองต้องได้รับการผ่าตัดให้เร็วที่สุด”   นิชคุณทั้งกังวลและเป็นห่วงอูยอง จากที่เขาดูชาร์ตอาการและผลตรวจของอูยองตอนนี้ยังโชคดีที่ก้อนเนื้องอกยังขนาดเล็ก    ถ้าปล่อยไว้เป็นเวลานาน มันก็ยิ่งจะก้อนใหญ่ขึ้น ยิ่งอันตราย  เพราะฉะนั้นเขาไม่อยากให้เสียเวลาไปมากกว่านี้

“ข้อนี้อาจารย์รู้ แต่จะให้ทำยังไงได้ล่ะ อาจารย์ก็อยากจะเชียร์ให้คุณแทคยอนเลือกหมอมาเป็นคนผ่าตัดนะ แต่เชียร์ยังไงเขาก็ไม่เอา”

“งั้นผมจะไปคุยกับคุณแทคยอนเองครับอาจารย์”

นิชคุณรู้แค่ว่าเขาต้องเป็นคนผ่าตัดให้อูยอง ไม่ว่ายังไงเขาก็จะหาทางช่วยอูยองให้ได้

 

 

.

.

.

TBC—–> 

Talk

ตอนนี้บอกเลยว่ายาวมากมายก่ายกอง เวิ่นเว้อเยอะแยะมาก   สงสารอูยองอีกแล้วฮืออ   เจอเรื่องร้ายๆกี่อย่างแล้วเนี่ย

เอาใจช่วยคุณพี่พระเอกของเราด้วยนะคะโผล่มาสักทีนะ ไปสร้างเรื่องไม่ดีกับน้องชายคุณแทคยอนไว้ก็เหนื่อยหน่อยนะจ้ะพ่อหนุ่ม 5555 

ตอนนี้มีอ๊คเคมาให้ฟินกันด้วยเบาๆ ให้มาช่วยดำเนินเรื่อง>< 

ตั้งแต่ตอนหน้าเป็นต้นไปพระเอกของเราจะเริ่มออกโรงแบบจริงจังแล้ว  ค่อยๆเป็นค่อยๆไปอย่าเบื่อกันก่อนน้า~~  เจอกันตอนหน้าพร้อมพี่พระเอกของเราแบบเต็มสตรีม 5555

*ขอบคุณทุกๆคอมเม้นท์เลยน้า ชอบอ่านคอมเม้นท์ เพราะมันคือความสุขของไรท์5555 *

[Fic khunwoo] Love and hate 3

Title:Love and hate 3

Couple: KhunWoo

Writer: ilovekw

Rate : PG 

Gente :  dark drama and Romantic

นี่คือฟิคที่เกิดจากจินตนาการของไรทเตอร์ enjoy reading ^^

ตอนนี้จากห้องนอนกลายเป็นห้องสอบสวนระหว่างพี่ชายกับน้องชายไปซะแล้ว เช้าวันอาทิตย์แทนที่จะเป็นวันที่สดใส แต่แทคยอนกลับมานั่งทุกข์ใจกับเรื่องของ อูยองตั้งแต่เช้าตรู่ เมื่อคืนแทคยอนแทบอยากจะปลุกน้องขึ้นมาคุยเรื่องยาตัวนั้นให้รู้เรื่อง แต่ก็ทำไม่ได้เพราะน้องได้หลับไปแล้ว จะมีก็แต่แทคยอนนั่นแหละที่กระวนกระวายใจจนนอนไม่หลับ วันนี้แทคยอนเลยรีบถามน้องให้รู้เรื่องไปเลยว่าคิดจะทำอะไรกันแน่

“เปล่าฮะ ไม่ได้จะทำอะไรเลย” อูยองเม้มปากแน่นและหลบสายตาพี่ชายที่กำลังจ้องจับผิดเขาอยู่ อูยองไม่ชอบสถานการณ์แบบนี้เอาซะเลย

“แน่ใจ?” แทคยอนถามย้ำอีกครั้งเพราะเขารู้ฤทธิ์ของยาตัวนั้นดี และเท่าที่เขาตามอ่านหรือเจอมาในข่าว คนที่เป็นหมอหรือพยาบาล มักแอบเอาออกมาใช้ในทางที่ผิด คือการฆ่าตัวตาย แล้วนี่ อูยองไปแอบเอายาตัวนั้นแล้วก็อุปกรณ์พร้อมที่จะฉีดเข้าเส้นเลือดขนาดนั้น จะให้แทคยอนเชื่อเหรอว่าอูยองไม่ได้คิดที่จะทำอะไร

อูยองเอาแต่นั่งเม้มปากเงียบไม่ยอมตอบอะไรพี่ชายเลย ทำเอาคนเป็นพี่จะแทบบ้าคลั่งอยู่แล้ว

“อูยอง! พี่จะถามอีกครั้ง! ว่าไม่มีอะไรจริงๆเหรอ?!” ครั้งนี้แทคยอนถามน้อง   ด้วยสีหน้าเคร่งเครียดบวกกับน้ำเสียงเข้ม    ทำเอาคนที่นั่งก้มหน้าก้มตาอยู่ถึงกับสะดุ้ง แต่อูยองก็ยังคงไม่ตอบอะไรอีกอยู่ดี แทคยอนได้แต่ถอนหายใจออกมายาวๆอย่างเหนื่อยอ่อนกับความปากแข็งของน้องชายตัวเองจริงๆ

“โอเค ถ้าน้องไม่ยอมตอบอะไร งั้นพี่จะสั่งยกเลิกการนำเข้ายาตัวนั้น ไม่ต้องให้มีใครใช้มันเลยยาตัวนี้!” แทคยอนว่าแล้วก็ยกมือถือขึ้นมากดโทรออกไปที่บริษัททันที มือเล็กรีบคว้ามือถือของพี่ชายมากดตัดสายทิ้งทันที

“อย่านะครับพี่แทคยอน อย่าทำแบบนั้น”   อูยองรู้ดีว่ายาตัวนี้มันมีความสำคัญกับผู้ป่วยบางกลุ่ม ถ้าพี่แทคยอนยกเลิกนำเข้ายาตัวนี้ ความซวยก็จะตกอยู่ที่คนไข้กลุ่มนี้ทันที

“งั้นน้องก็ตอบพี่มาสิว่าน้องเอายาตัวนั้นมาคิดจะทำอะไร”   จริงๆแทคยอนรู้ดีอยู่แล้วว่าอูยองคิดจะทำอะไร แต่แค่อยากได้ยินจากปากน้อง แทคยอนแค่อยากรู้ว่า อูยองคิดจะทำแบบนั้นจริงๆหน่ะเหรอ น้องชายที่แสนจะบอบบางและอ่อนโยนมีความคิดที่จะทำแบบนั้นจริงๆเหรอ

“คือ….น้อง..” อูยองก็ยังอ้ำอึ้งที่จะตอบคำถาม   แถมยังเอาแต่นั่งก้มหน้าก้มตาไม่ยอมสบตาพี่ชายอีกต่างหาก แทคยอนเห็นแบบนั้นก็ไม่อยากจะเค้นเอาคำตอบจากน้องแล้วล่ะ ตอนนี้เขาไม่ควรทำให้น้องเครียดไปกว่านี้

“เอาล่ะๆ อย่าคิดทำอะไรบ้าๆอีก พี่มีน้องคนเดียว พี่ไม่อยากเสียใครไปอีก” พูดพลางปาขวดยาและเข็มฉีดยาพวกนั้นลงถังขยะเต็มๆแรงจนขวดยาแตกกระจาย    อูยองช้อนตามองพี่ชายด้วยแววตาสำนักผิด จนในที่สุดก็ต้องยอมสารภาพออกมา

“ขอโทษครับที่น้องคิดอะไรแบบนั้น บางทีน้องแค่คิดว่าอยากหายไปจากโลกใบนี้ ไม่อยากคิดถึงเรื่องนั้นแล้ว บ่อยครั้งที่น้องคิดถึง..เอ่อ..นิช..คุณ…จนนอนไม่หลับ มันทรมานนะครับพี่แทคยอน ทรมานยิ่งกว่าคนป่วยโรคร้ายซะอีก”

แทคยอนหันมามองหน้าน้อง เขาเห็นแต่ความเศร้าแล้วก็น้ำตาที่กำลังคลอเบ้าอยู่ตอนนี้ ก็อดสงสารน้องไม่ได้ เขารู้ดีว่าการที่จะลืมใครสักคนมันไม่ใช่เรื่องง่ายหรอก            ที่เขาให้คนตามสืบเรื่อง      อูยอง เขาก็รู้ว่านิชคุณกับอูยองคบกันมานาน จะให้อูยองลืมง่ายๆ มันไม่ได้หรอก       แต่ตอนนี้อูยองกำลังฟุ้งซ่าน เหมือนเด็กที่เจอปัญหาแล้วหาทางออกไม่ได้

“อูยองฟังพี่นะ”   มือหนายกขึ้นมาลูบหัวคนเป็นน้องเบาๆอย่างปลอบโยน

“น้องเคยบอกพี่ว่าอยากเป็นคุณหมอไม่ใช่เหรอ อยากรักษาคนให้หายเจ็บป่วยไม่ใช่เหรอ? แล้วสิ่งที่ว่าที่คุณหมอทำอยู่ คือกำลังคิดที่จะทำลายตัวเองเพราะคนคนเดียว พี่ว่ามันเป็นทางออกที่ไม่ถูกต้อง น้องลองคิดดูให้ดีๆ”

อูยองเม้มปากแน่นก้มหน้าคางชิดอกไม่พูดไม่จาอะไร อูยองเงียบไปสักพักเพื่อคิดทบทวนความคิดอันตรายของตัวเองก่อนจะพ่นลมหายใจออกมายาวๆ

“อารมณ์ที่น้องคิดถึงเค้า มันเจ็บปวดเหลือเกินพี่แทคยอน บางทีการฆ่าตัวตายอาจจะง่ายกว่าการห้ามตัวเองไม่ให้คิดถึงเค้าซะอีก” พอพูดถึงเรื่องที่เจ็บปวด อูยองก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมา     น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าที่ไหลอาบแก้มเพราะเรื่องเดิมๆ การร้องไห้มันไม่ได้ทำให้อูยองรู้สึกดีขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย อูยองเองก็เจ็บปวดเหมือนกันที่เผลอคิดอะไรบ้าๆแบบนั้น

“พี่อยากให้น้องคิดว่ายังมีพี่อีกคน ไม่ได้มีแค่มันคนเดียว” ว่าพลางเช็ดน้ำตาออกให้น้องอย่างปลอบโยน อูยองเป็นเด็กสดใส ร่าเริง เขาไม่เคยคิดเลยว่าอูยองจะมีความคิดแบบนี้เข้ามาในหัว แทคยอนเองก็ตกใจเหมือนกันที่อูยองขาดสติ จนคิดจะทำเรื่องบ้าๆ

“ขอโทษนะพี่แทคยอน ที่น้องคิดเรื่องโง่ๆ”    อูยองอยากจะขอบคุณและขอโทษพี่ชายจริงๆ ตอนนี้อูยองรู้แล้วว่าเขาเป็นคนที่โชคดีที่สุดในโลกที่มีพี่ชายที่ดีแบบนี้ อย่างน้อยก็ยังมีคนที่รักเขามากที่สุดคนนึง

“อืม อย่าขอโทษพี่เลย ขอโทษตัวเองเถอะร่างกายทรุดโทรมไปถึงไหนต่อไหนแล้ว รู้ตัวบ้างมั้ย ไม่สดใสแบบเมื่อก่อน พี่ก็อดเป็นห่วงได้ พี่ว่าน้องควรหากิจกรรมอย่างอื่นทำให้ลืมๆมันไปซะ พี่รู้ว่าลืมยาก แต่ถ้าหากิจกรรมอย่างอื่นทำน่าจะดีขึ้นนะ”

“เห้อออ~~” พอได้ยินแบบนั้นอูยองก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

“ไม่มีเวลาหรอกครับพี่แทคยอน ช่วงนี้น้องเรียนหนัก” พอนึกถึงตารางชีวิตตัวเองในแต่ละวันแล้ว        อูยองรู้สึกท้อใจเหลือเกิน แต่ละวันเช้ายันเย็น เขาแทบไม่ได้หยุดพักไหนจะเรียน ไหนจะอ่านหนังสือสอบ ไหนจะต้องเป็นแพทย์ฝึกหัด แค่นี้ตารางก็แน่นเอียดแล้ว       จะให้เอาเวลาว่างที่ไหนไปทำกิจกรรมอย่างอื่นล่ะ

“เอางี้ เลี้ยงสัตว์สักตัวดีมั้ย น้องอยากเลี้ยงหมามั้ยล่ะ”

จริงๆแล้วไอเดียนี้ เป็นไอเดียของจิตแพทย์คิมมินจุน ที่แทคยอนแอบไปปรึกษาอาการของอูยองกับมินจุนอยู่บ่อยๆ เพราะแทคยอนเห็นน้องเป็นแบบนี้ก็ไม่สบายใจเหมือนกัน หมอมินจุนวิเคราะห์ออกมาแล้วว่าอูยองเป็นโรคซึมเศร้า ต้องได้รับการบำบัดและการดูแลอย่างใกล้ชิด อย่าปล่อยให้อยู่คนเดียวเด็ดขาด         มินจุนเลยลองให้แทคยอนหาอะไรให้อูยองทำสักอย่าง ซึ่งข้อแนะนำของมินจุนคือ อาจหาสัตว์ให้อูยองเลี้ยงสักตัวก็ได้ เพราะมินจุนรู้ดีว่าแทคยอนเองก็คงไม่มีเวลาอยู่กับน้องเท่าไหร่ การเลี้ยงสัตว์น่าจะเป็นทางออกที่ดี

พออูยองได้ยินข้อเสนอของพี่ชายใจดี ก็ทำเอาใบหน้าเศร้าถูกรอยยิ้มสดใสเข้ามาแทนที่ทันที   อูยองดีใจจนฉีกยิ้มกว้างให้กับพี่ชาย รอยยิ้มนี้แทคยอนไม่ได้เห็นมันมานานมากแล้ว จนทำให้เขาอดคิดไม่ได้ว่าอูยองคงดีใจจนลืมเรื่องที่เกิดเมื่อคืนได้สักพักนึงล่ะ

“เลี้ยงได้เหรอครับ?” อูยองช้อนตามองพี่ชายถามเพื่อความมั่นใจอีกครั้ง ที่อูยองถามย้ำก็เพราะเคยขอพี่แทคยอนเลี้ยงหมาครั้งนึงแล้ว พี่แทคยอนไม่อนุญาต   ตอนนั้นจำได้ว่าจะอ้อนงอแงอยากจะเลี้ยงยังไงพี่แทคยอนก็ไม่ให้เลี้ยง เพราะพี่แทคยอนไม่ชอบหมา

“อืมได้สิ พี่อนุญาต” แทคยอนตอบแล้วลูบหัวน้อง เขาไม่รู้การเลี้ยงสัตว์สักตัวมันจะช่วยให้                อูยองลืมเรื่องบ้าๆนั่นได้มั้ย แต่เขาก็อยากจะช่วยน้องเท่าที่เขาจะสามารถช่วยได้     ถึงแม้ว่าแทคยอนเองจะไม่ชอบหมาก็ตาม เขาก็ต้องอดทดเพื่อความสุขของน้อง

.

.

.

.

.

.

.

.

หนึ่งอาทิตย์ถัดมาหลังจากที่พาอูยองไปซื้อลูกหมาตัวน้อยมาเลี้ยง แทคยอนสังเกตเห็นได้ว่า           อูยองร่าเริงขึ้นมากจริงๆ จากเดิมเอาแต่อุดอู้อยู่แต่ในห้อง  เก็บตัวเอง อ่านแต่หนังสือเพื่อสมองจะได้ไม่ว่างคิดถึงเรื่องเจ็บปวดที่ถึงแม้จะผ่านนานแล้วแต่อูยองก็ยังไม่ลืม          ตอนนี้อูยองหันมาทำกิจกรรมกับเจ้าลูกหมาตัวน้อย ชื่อมิงกิ เป็นชื่อที่แทคยอนเป็นคนตั้งให้เอง ถึงแม้ว่าแทคยอนเองจะไม่ชอบหมาก็ตาม แต่มิงกิทำให้ชีวิตอูยองดูสดใสขึ้น แค่นี้เขาก็ดีใจแล้ว และที่สำคัญ         แทคยอนคงต้องไปขอบคุณมินจุนซะแล้วแหละที่อุส่าช่วยวิเคราะห์อาการของน้องแล้วก็ช่วยชี้แนวการการบำบัดให้

“อ่า~ มิงกินี่กินเยอะจริงๆเลยนะเนี่ย กินเยอะเดี๋ยวพี่เลี้ยงไม่ไหวนะ” อูยองบ่นพลางเทอาหารเม็ดลงให้มิงกิเป็นรอบที่สาม ซึ่งถาดอาหารมิงกิงมันไม่ใช่ถาดเล็กๆพอที่จะกินแป๊บเดียวแล้วหมด

“ตัวก็เล็กแค่เนี้ยกินจุจังเลย” อูยองอุ้มมิงกิให้มานั่งตักของตัวเอง แล้วก็ยกถาดอาหารเม็ดขยับเข้าไปใกล้ๆปากให้มิงกิได้กินง่ายๆ มือที่ว่างอีกข้างนึงก็ลูบหัวเจ้าหมาน้อยไปมาอย่างเอ็นดู แป๊บเดียวอาหารที่อูยองพึ่งเทลงไปก็หมดลง ไม่รู้ไปหิวโหยมาจากไหนกัน

“มิงกิพี่ต้องไปเรียนแล้วล่ะ”   พอมิงกิได้ยินอูยองพูดแบบนั้น มิงกิก็เอาแต่ร้องหงิงๆราวกับไม่อยากให้อูยองไปเรียนยังไงอย่างงั้น

“มิงกิฟังรู้เรื่องด้วยรึไง!!” พอมิงกิเริ่มจะงอแงอูยองก็ทำเสียงดุทันที

หงิง หงิงๆ~~ มิงกิเอาแต่ร้องหงิงๆแล้วเอาหน้าซุกตักของอูยองไม่ยอมลุกหนีออกไปไหน

“อย่างอแงสิมิงกิ~”

หงิง~ หงิง ~

“ถ้าเป็นไปได้พี่อยากพามิงกิไปเรียนด้วยจัง แต่คุณลุงยามคงไล่ออกมาแหงๆ ถ้ามิงกิมัวแต่ร้องหงิงๆอยู่แบบนี้มันจะทำให้พี่ไปเรียนสายนะรู้มั้ย?”   สุดท้ายเจ้ามิงกิก็ยอมเงียบลงอย่างว่าง่าย

“แล้วจะรีบกลับมาเล่นด้วยนะ”

อูยองลุกขึ้นอุ้มพามิงกิไปส่งที่บ้านหลังน้อยที่พี่แทคยอนเป็นคนซื้อให้พร้อมกับตอนที่ซื้อมิงกิมานั่นแหละ ด้วยความที่บ้านมิงกินั้นหลังเล็กอูยองต้องย่อตัวลงก่อนจะวางมิงกิลง พอลุกขึ้นทำเอาอูยองหน้ามืดและปวดหัวจี๊ดขึ้นจนอูยองแทบจะทรงตัวไม่อยู่

“อ่า อายุก็ยังไม่เยอะ วูบยังกะคนแก่เลยแฮะ” มือเล็กยกขึ้นมานวดที่ขมับสองข้างเบาๆแล้วบ่นอุบอิบกับตัวเองก่อนจะกระชับเป้แล้วให้คนขับรถไปส่ง

.

.

.

.

.

.

ร้านสตาร์บัคโรงพยาบาล มหาวิทยาลัยเกาหลี

 

ขณะที่อูยองกำลังเดินเข้าไปในร้าน การมาร้านเดิมๆมันก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงคนเดิมๆ

เมื่อก่อน…….อูยองเคยคิดว่าตัวเองโชคดีและเป็นคนที่มีความสุขที่สุดในโลกใบนี้

สตาร์บัคเป็นจุดนัดพบของอูยองกับนิชคุณในช่วงเช้าตรู่ของทุกๆวัน ถ้าวันไหนนิชคุณมาก่อนเขาก็จะสั่งกาแฟและเค้กรสโปรดไว้รออูยอง

 

“พี่คุณจะให้ผมกินเค้กแต่เช้าเลยเหรอครับเนี่ย” คนที่พึ่งเดินมาถึงยิ้มแล้วก็เอ่ยทักเมื่อเห็นว่าอีกคนสั่งเค้กรสโปรดไว้รอ ก่อนจะลากเก้าอี้มานั่งลงข้างๆนิชคุณ

 

“กินเถอะครับ พี่คุณว่ากินของหวานๆช่วงเช้าๆมันสดชื่นดีนะ” พูดพลางตักเค้กเตรียมจะป้อนให้กับคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า อูยองก็บ่นไปงั้นสุดท้ายก็งับเอาเค้กที่นิชคุณป้อนให้อย่างว่าง่าย

 

“แบบนี้จะให้ผอมได้ยังไงเล่า~” อูยองบ่นอุบอิบ ถ้าน้ำหนักขึ้นไม่ต้องโทษใครเลย สนับสนุนกันจังเลยเรื่องกินเนี่ย ไม่เคยจะห้าม

 

“กินเยอะๆเลยเราอ่ะ พี่คุณสั่งมาให้เราตั้งสองชิ้นเพราะกลัวจะไม่อิ่ม” มือหนาตักเค้กสตอเบอรี่ขึ้นมาป้อนอูยองอีกคำ

 

“อ้วนอ่าพี่คุณ” ปากบอกอ้วนแต่ก็อ้าปากงับเอาเค้กที่เขาป้อนอีกแล้ว ทำเอานิชคุณหัวเราะออกมาอย่างเอ็นดู

 

“ดูซิ อูยองบอกอ้วน แต่พอพี่คุณป้อน เราก็กินเอาๆ คนกินเค้าไม่หยุดกิน แล้วแบบนี้จะให้พี่คุณหยุดป้อนได้ยังไงน้า~” นิชคุณเอ่ยพร้อมหยิบทิชชูขึ้นมาเช็ดที่มุมปากให้กับคนที่อยู่ตรงหน้าอย่างเบามือ พร้อมกับส่งยิ้มให้อย่างเอ็นดู

 

“ไม่เอาแล่ว!!! อูยองแก้มเยอะแล้วเนี่ย! พี่คุณอ่า! งั้นเลิกป้อนเลย!!!” อูยองโววายเสียงดังลั่นร้าน

 

“ชู่วๆๆ อย่าโวยวายสิครับ เห็นมั้ยคนอื่นเค้ามอง” นิ้วเรียวรีบยกขึ้นมาปิดปากคนตัวเล็กที่กำลังโววายลั่นร้านแทบไม่ทัน    

นิชคุณมองคนตัวเล็กที่ตอนนี้กำลังโดนเขาเอามือปิดปาก แถมแก้มป่องๆนั้นปุ๋มลงไปตามแรงกดของนิ้วเรียวเห็นแบบนี้แล้วก็ยิ้มออกมาด้วยความเจ้าเล่ห์ก่อนจะพูดออกมา

“คนอะไรแก้มเยอะจัง เจ้าเด็กแก้มป่อง~ อูยอง~เด็กแก้มป่อง~” ไม่พูดเปล่าแถมยังทำท่าแก้มป่องล้อเลียนอูยองอีกต่างหาก

นิชคุณรู้ว่าอูยองไม่ชอบให้ล้อว่าแก้มป่อง แต่พอตัวเองได้ทีก็แกล้งซะเลย เพราะตอนนี้ยังไงซะ ตอนนี้อูยองก็โววายไม่ได้

“พี่คุณอ่ะ! พี่คุ..!!!!!!!!” คนตัวเล็กพยายามแกะนิ้วเรียวที่ปิดปากตัวเองอยู่แต่ก็แกะออกไม่ได้เพราะสู้แรงของนิชคุณไม่ไหว ยิ่งสู้คนขี้แกล้งก็ยิ่งปิดปากเขาไว้แน่น     นิชคุณไม่ยอมเอามือออกง่ายๆหรอก เพราะถ้าขืนเขาเอามือออกตอนนี้มีหวังคนในร้านอาจได้หนีออกจากร้านเพราะรำคาญเจ้าเด็กจอมโวยวายแน่ๆ นิชคุณเอาแต่หัวเราะคนที่พยายามจะโวยวาย แต่ก็โวยวายไม่ได้

 

“โอ๊ยย!!”   สุดท้ายนิ้วเรียวๆที่ปิดปากอูยองไว้ก็โดนกัดเข้าให้

 

“สมน้ำน่าพี่คุณขี้แกล้ง!”

 

“ทำไมล่ะ เรียกแก้มป่องไม่ได้เหรอน่ารักออก เด็กแก้มป่องของพี่คุณ~” ไม่พูดเปล่า ยังเอามือมาหยิกแก้มของเด็กแก้มซาลาเปาด้วยความหมั่นเขี้ยวอีกต่างหาก

 

“ฮึ พี่คุณอ่ะ งั้นก็มาอ้วนไปด้วยกันเดี๋ยวนี้เลยนะ!!” อูยองตักเค้กป้อนให้อีกคนบ้าง จะได้แก้มเยอะๆเหมือนกัน กินด้วยกัน อ้วนด้วยกันไปเลย

 

 

 

“ไงอูยอง” จุนโฮเพื่อนตาหยี่ที่พึ่งเดินมาถึงเอ่ยทัก ทำเอาอูยองสะดุ้งแล้วรีบทำตัวตามปกติ

“คิดอะไรอยู่เนี่ย ทักแค่นี้ทำตกใจ”

“เปล๊า” อูยองปฏิเสธเสียงสูง เรื่องอะไรจะบอกจุนโฮล่ะว่านึกถึงเรื่องเก่าๆที่เคยเกิดขึ้นร้านนี้ เดี๋ยวเจ้านี่มันได้ดุเอาสิ เพราะจุนโฮบอกให้เลิกคิดถึงนิชคุณซะที       อย่าไปคิดถึงคนที่ไม่ได้รักเราแล้ว!

“วันนี้นายดูสนชื่นขึ้นนะเนี่ยอูยอง” อูยองดูสดใสขึ้นจากเมื่อก่อนอย่างเห็นได้ชัด  จนจุนโฮอดที่จะเอ่ยทักไม่ได้

“แล้วจะให้ฉันทำหน้าเหี่ยวเฉาทุกวันเลยหรือไงล่ะ” อูยองตอบพลางขำออกมา

“งั้นแสดงว่า ดอกไม้ดอกนี้ได้ปุ๋ยดีแล้วอ่ะดิ ถึงได้ดูสดชื่นขนาดนี้” จุนโฮแอบคิดว่าอูยองคงเจอคนที่ทำให้เขายิ้มได้แล้วล่ะมั้ง ก็ดีเหมือนกันไม่อยากให้เพื่อนเศร้านาน อูยองเศร้าแล้วโลกดูไม่สดใสเลย

“ไม่ใช่ซะหน่อยจุนโฮ ไม่อยากได้แล้วปุ๋ยดี พอปุ๋ยดีหมด ดอกไม้ก็เหี่ยวเฉาอีกอยู่ดี เผลอๆดอกไม้ดอกที่เคยสวยงาม พอมันขาดปุ๋ยมันอาจจะตายเลยก็ได้นะ”

“อืมม… นั่นหน่ะสิ นายคงเข็ดอีกนาน ใครจะรู้ว่าคนที่เค..”

“พอเถอะจุนโฮ” อูยองรีบพูดแทรกขึ้นมาทันทีก่อนที่จุนโฮจะพูดอะไรต่อ เขาไม่อยากนึกถึงคนนั้นอีก

“พี่ชายให้เลี้ยงหมาหน่ะ เลยอารมณ์ดี นี่ก็เลี้ยงมาได้อาทิตย์นึงล่ะ” อูยองรีบเปลี่ยนเรื่องคุยทันที

“จริงหรอ เห็นเคยนายบอกอยากเลี้ยงตั้งนานแล้วนี่ ดีแล้วล่ะจะได้ไม่เหงา” พูดจบจุนโฮก็ยกกาแฟขึ้นมาจิบ แล้วหยิบขนมปังขึ้นมาเคี้ยวจนแก้มตุ่ย

“ก็ดีนะแต่กินเก่งเป็นบ้าเลย” พูดจบก็หัวเราะออกมาพอนึกถึงเจ้านั่นทีไรก็อยากจะขำทุกที ตัวเล็กนิดเดียวแต่เรื่องกินนี่สู้ขาดใจ กลัวสักวันเจ้านั่นจะท้องแตกจริงๆเลยเชียว

อูยองยกนาฬิกาข้อมือเรือนหรูที่พี่ชายซื้อให้ขึ้นมาดู นี่ก็ใกล้เวลาเข้าเวรแล้วล่ะ   ว่าที่คุณหมอทั้งสองคนเก็บของแล้วลุกขึ้นเตรียมจะไปทำงาน แต่อูยองยังมีอาการเดิมแบบเมื่อเช้า พอลุกขึ้นทีไรต้องปวดหัวจี๊ดแล้วก็หน้ามืดทรงตัวไม่อยู่ทุกที

“อูยอง! นายเป็นอะไรไหวมั้ย?” จุนโฮเห็นท่าไม่ดีเลยรีบประครองอูยองเอาไว้

“เมื่อคืนนอนน้อยอ่ะ ได้กินกาแฟแล้วเดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง”

“เหรอ แต่ดูเหมือนนายจะไม่สบายนะ” จุนโฮถามก็เพราะเจอกันเมื่อกี้อูยองยังดูสดชื่นอยู่เลย แต่ตอนนี้กลับดูสีหน้าไม่ค่อยดี ทำเอาจุนโฮอดเป็นห่วงไม่ได้

“สบายดีน่า!! ไปกันได้ละจุนโฮ”   อูยองลากแขนจุนโฮให้เดินตาม เพราะดูเวลานี่ก็ใกล้จะสายละ

“เออรู้แล้วน่าว่าสบายดี อูยองไม่ต้องออกแรงลากฉันขนาดนี้ก็ได้เจ้าบ้า!”

หน้าตาก็เหมือนจะดูไม่สบายนะ แต่อูยองยังแรงเยอะเหมือนเดิมไม่รู้ไปเอาแรงมาจากไหนเยอะแยะ

.

.

.

วันนี้เป็นวันที่แสนวุ่นวายที่สุดวันนึงเลยก็ว่าได้ เพราะตั้งแต่เช้า จนตอนนี้จะบ่ายสองแล้ว นอกจากกาแฟแก้วเมื่อเช้า อูยองก็ยังไม่ได้กินอะไรอีกเลย   และที่สำคัญอูยองพึ่งจะได้พัก อูยองกำลังพาร่างอันเหนื่อยล้าของตัวเองไปยังห้องพักแพทย์แต่ยังไม่ถึงห้องพัก อูยองก็ล้มกองไปกับพื้นเป็นลมหมดสติไป พยาบาลที่เดินผ่านมาเห็นต้องเรียกให้คนเข้ามาช่วยประครองอูยองขึ้นแล้วพาไปยังห้องพักแพทย์ อาจารย์หมอเข้ามาดูอาการให้ เห็นว่าอูยองอาการไม่ดีขึ้น เลยจัดการส่งตัวอูยองเข้าแอดมิททันที ผ่านไปเป็นชั่วโมงกว่าอูยองจะรู้สึกตัว

อูยองมองไปรอบๆห้องเห็นพี่ชายนั่งคุยอยู่กับอาจารย์หมออยู่ ไม่รู้ว่าคุยอะไรกันแต่ดูสีหน้าเคร่งเครียดกันทีเดียว

“พี่แทคยอน” เรียกพี่ชายด้วยเสียงที่แผ่วเบา ตามกำลังแรงที่จะเปล่งเสียงออกมาได้

แทคยอนรีบเดินเข้ามาหาน้องแล้วลูบหัวเบาๆ “น้องปวดหัวอยู่รึเปล่าอูยอง”

“ยังปวดหัวนิดหน่อยฮะ”

“พักผ่อนเยอะๆนะ พี่ขอออกไปคุณกับคุณหมอแป้บนึงเดี๋ยวพี่มา”

แทคยอนบอกน้องก่อนนะเดินนำอาจารย์หมอออกไปคุยกันข้างนอกด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด บอดี้การ์ดของแทคยอนเดินนำไปยังห้องรับรองVIPของโรงพยาบาล เป็นภาพที่แปลกตาเหมือนกัน เพราะภาพที่เห็นคือแทคยอนมีบอดี้การ์ดเดินนำและปิดท้ายเยอะแยะไปหมด ก็แหงล่ะผู้ถือหุ้นรายใหญ่มาเยือนโรงพยาบาลทั้งที

อาจารย์หมอแล้วก็คนอื่นๆ ก็พึ่งรู้ว่าอูยองเป็นน้องชายของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ โรงพยาบาลก็วันนี้แหละ ยกเว้นจุนโฮที่รู้มาก่อนหน้านี้แล้ว

ทันทีที่แทคยอนกับอาจารย์หมอออกจากห้อง จุนโฮก็รีบเข้ามาหาอูยองทันที

“ไงอูด้ง ย่าห์!!อย่าพึ่งรีบลุกสิ!!” จุนโฮรีบร้องห้ามเพื่อนที่กำลังพยุงตัวเองให้ลุกนั่งบนเตียงคนป่วย

“ไม่เป็นไรหรอกน่า ฉันอยากนั่งหน่ะ นอนแล้วยิ่งปวดหัว”  

จุนโฮเห็นท่าทุลักทุเลของอูยองที่กำลังประครองตัวเองให้ลุกขึ้นนั่ง เห็นท่าไม่ดีเลยรีบวิ่งปรี่เข้าไปช่วยประครองทันที ไม่รู้จะรีบลุกทำไมนัก จริงๆอูยองน่าจะนอนพักมากกว่า

“อูยองนายมันดื้อ!”

“แล้วนี่ใครเป็นคนโทรบอกพี่ชายฉัน?”  

จุนโฮชี้นิ้วเข้าหาตัวเองแล้วฉีกยิ้มให้กับคนที่ตั้งถาม อูยองหน้างอใส่เพื่อนตัวแสบทันที

“ไม่ต้องมายิ้มเลยนายอ่ะ ความแตกเลยเห็นมั้ย!” อูยองบ่นอุบอิบให้กับเพื่อนตัวแสบ เขาอุส่าให้ช่วยความลับนี้แท้ๆ เชียว

“ก็อาการนายหนักนี่นา ตอนนายหมดสติ มือยังกุมหัวเอาไว้แน่นเลยนะ อาการเหมือนคนปวดหัว จนอาจารย์ต้องสั่งสแกนสมองด้วย เห็นท่าไม่ดีเลยโทรบอกพี่ชายนายไว้ก่อนอ่ะ อย่าโกรธสิ”

“นายนี่จริงๆเลยจุนโฮ! เดี๋ยวก็หายทำเป็นแตกตื่นกับอิแค่อาการหน้ามืด”

“ แต่อูยองอ่า นายไม่เคยมีอาการแบบนี้มาก่อนนี่นา ที่บอกนอนน้อยก็เพราะยังคิดเรื่องนั้นอยู่เหรอ” จุนโฮหมายถึงเรื่องนิชคุณ…..

“อืม” อูยองพยักหน้ารับ

“แต่พยายามแล้วจุนโฮ….พยายามจะลืมเขาแล้วจริงๆนะ พยายามไม่คิดมันก็ทำได้บ้างแหละ แต่ก็ยังนอนไม่ค่อยหลับ อาการนอนไม่หลับก็เป็นมานานแล้วล่ะ บวกกับในหัวฉันคิดเรื่องอะไรเยอะแยะก็ไม่รู้ ตีกันไปหมด”

เขาพยายามที่จะลืมแต่มันก็ทำไม่ได้จริงๆ คิดถึงทีไรมันก็มีแต่เรื่องดีๆเข้ามาในหัว ยิ่งไปนั่งอ่านไดอารี่ที่อูยองเขียนบันทึกเรื่องราวดีๆไว้ในแต่ละวันที่ยังคบกันอยู่ ตอนนั้น….อูยองมีความสุขทุกวันจนต้องมาเขียนเก็บเรื่องราวดีๆเอาไว้   มาดูของที่เคยซื้อมาคู่กันมันทำให้อูยองยิ้มได้ แต่เมื่อคิดถึงประโยคบอกเลิก แค่คิดอูยองก็น้ำตาตกแล้ว อูยองเอาแต่นั่งคิดทบทวนว่าตัวเองน่าเบื่อขนาดนั้นเลยเหรอ พี่คุณถึงได้ทิ้ง คิดวนไปวนมาอยู่แบบนี้มันทำให้อูยองนอนไม่หลับ แถมบางวันมาเข้าเวรเช้าอูยองได้นอนแค่ชั่วโมงเดียวก็มี อูยองเป็นแบบนี้มานานแล้ว ตั้งแต่ที่โดนบอกเลิกนั่นแหละ

“ฉันเหมือนคนบ้าเนอะจุนโฮ ไม่รู้จะไปคิดถึงคนที่เค้าหมดรักเราแล้วทำไม รู้ว่าคิดถึงแล้วต้องเจ็บปวด ก็ยังจะคิดถึง บางทีฉันก็รู้สึกเกลียดตัวเองอ่ะจุนโฮ รู้สึกแย่อ่ะ”

“ฉันไม่รู้จะช่วยนายยังไงดีอูยอง…” เพราะมันเป็นเรื่องของความรู้สึกและความทรงจำ จุนโฮจำได้ว่าตอนที่อูยองกับรุ่นพี่นิชคุณคบกันเป็นเวลาหลายปี คู่นี้ป๊อปที่สุดในคณะแล้ว มีแต่คนสนับสนุนเพราะทั้งคู่ดูไปกันได้สวย แถมยังช่วยกันเรียนอีกต่างหาก เป็นคู่สร้างความสุขให้กับคนที่เห็นเลยก็ว่าได้

“ค่อยๆลืมก็ได้อูยอง ฉันรู้ว่านายรักพี่คุณมาก มันยากที่จะลืม แต่ตอนนี้ฉันไม่อยากให้นายคิดถึงหน้าคนที่เคยทำนายเจ็บ ถึงแม้เค้าจะเคยเป็นคนที่ทำให้นายมีความสุข แต่จำไว้ตอนนี้เค้าคือคนที่ทำให้นายเจ็บ!

อูยองฟังจุนโฮพูดก็ยิ่งเจ็บ แต่มันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ อูยองควรอยู่ในโลกของความเป็นจริงได้แล้ว ตอนนี้นิชคุณคือคนที่ทำให้อูยองเจ็บปวด!

“อืมจุนโฮ จะพยายามลืม”

“เอาเป็นว่าตอนนี้นายหาอย่างอื่นทำไปเนอะอูยอง ตอนนี้พี่ชายนายอนุญาตให้เลี้ยงหมาแล้วนี่ จะไม่เหงาแล้วเนอะ”

“อืมมันก็ไม่เหงา แต่จะปวดหัวกว่าเดิมด้วยซ้ำนี่สิ เจ้านี่ซนยังกะลิง กัดรองเท้าฉันพังไปหลายคู่ละ”

ทั้งสองหาเราะให้กับความซุกซนของมิงกิออกมาพร้อมกัน จุนโฮมองเพื่อนแก้มอูมขำจนตาหยี่ แค่นี้เขาก็ดีใจแล้ว อย่างน้อยเพื่อนเขาก็หัวเราะออกมาได้บ้างแล้ว ถึงจะไม่เท่าเมื่อก่อนก็เถอะ จุนโฮมองดูนาฬิกาข้อมือ นี่ก็ได้เวลาที่ต้องไปเรียนต่อแล้ว

“อูยองเดี๋ยวไปเรียนแล้วนะ นายพักผ่อนเยอะๆล่ะ ไม่ต้องห่วงเรื่องเรียน เดี๋ยวฉันจดสรุปที่เรียนวันนี้แล้วจะมาสอนให้เอง”

“ขอบใจจุนโฮ เดี๋ยวหายแล้วจะเลี้ยงหนมตอบแทนนะ”

“รีบๆหายล่ะ อยากกินขนมฟรีจะแย่ล่ะ”  

.

.

.

.

.

.

“ผมให้พวกคุณไปหาศัลยแพทย์เฉพาะทางสมองที่เก่งๆมาผ่าตัดให้อูยอง แต่ก่อนอื่นต้องส่งโปรไฟล์มาให้ผมพิจารณาก่อนภายในหนึ่งเดือน!” ประโยคสุดท้ายที่แทคยอนสั่งอาจารย์หมอก่อนนะเดินออกจากห้องรับรองไปแบบเงียบๆ

TBC….

Talk

สงสารอูยองจังเลยเนอะ รักนี้ลืมยาก เปิดโอกาสให้กอดปลอบอูยองได้คนละหนึ่งที 555  จะเห็นได้ว่าเมื่อก่อนพี่คุณกับอูยองเค้าหวานกันแค่ไหน เขิล>///<  ย้อนไปให้เห็นโมเม้นคุณด้งบ้าง เดี๋ยวจะหาว่าไม่มีโมเม้นให้ฟิน 5555

ใครกันนะศัลยแพทย์ที่เก่งๆ เอาใชช่วยอูยองด้วยน๊าาา เค้ากำลังจะมา…….!!!

>> ทุกคอมเม้นท์คือแรงผลักดันและกำลังใจให้ไรท์เขียนฟิคต่อ ขอบคุณจ้า^^ <<

[Fic khunwoo] Love and hate 2

Title:Love and hate 2

Couple: KhunWoo

Writer: ilovekw

Rate : PG 

Gente :  dark drama and Romantic

 

 

นี่เรื่องก็ผ่านมานานแล้วอูยองยังทำใจไม่ได้อยู่ดี มันเหงา เจ็บปวด มันเหมือนขาดอะไรไปสักอย่าง ที่ผ่านมาอูยองเหมือนเป็นโรคซึมเศร้าเขาเก็บตัวเงียบ

เพื่อนที่มหาวิทยาลัยก็สังเกตเห็นว่าอูยองไม่เหมือนเดิม แต่ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าเพราะอะไร อูยองถึงเป็นแบบนี้ เหตุก็เกิดจากคนคนเดียวนั่นแหละ

 

 

 

วันนี้ ก็เช่นกัน นานๆทีอูยองจะมีโอกาสได้ทานเข้าพร้อมกับพี่ชาย ปกติอูยองจะดีใจมากที่ได้นั่งทานข้าวเช้ากับแทคยอน เพราะพี่แทคยอนเองก็งานยุ่ง บางทีไปคุยงานที่ต่างประเทศไปเป็นเดือนๆ ไม่ค่อยได้ทานข้าวด้วยกันหรอก ถ้าได้ทานข้าวด้วยกันเมื่อไหร่นะ อูยองมีอะไรจะเล่าให้พี่ชายฟังเยอะแยะมากมายจน คนที่เป็นพี่ขี้เกียจจะฟังเด็กน้อยขี้โม้   วันนี้อูยองมาแปลก แปลกจนแทคยอนสังเกตได้ว่า

อูยองไม่สดใสแบบเมื่อก่อน แต่ไม่รู้สาเหตุว่าเกิดจากอะไร

 

 

 

 

“อูยอง”

 

 

 

“_____”

 

 

 

“อูยอง”   แทคยอนเรียกชื่อน้องเป็นรอบที่สองเจ้าของชื่อยังไม่ตอบรับกับเสียงที่เขาเรียก

 

 

 

“_______”

 

 

“อูยอง…” แทคยอนขยับเข้ามาใกล้ๆและเรียกชื่อคนเป็นน้อง เป็นรอบที่สาม ทำเอาเจ้าของชื่อสะดุ้ง

“ค ครับ มีอะไรเหรอครับ” สติอูยองไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเอาซะเลย

 

 

“ไม่สบายเหรอ? หรือเครียดเรื่องอะไรหรือเปล่า?”

 

 

“สบายดีฮะ ไม่ได้เครียดครับ” อูยองเม้มปากแน่นก้มหน้าก้มตาเขี่ยข้าวในจาน จนข้าวในจานกระเด็นออกมานอกจานแล้ว

 

 

“เป็นอะไรไป” แทคยอนเห็นท่าไม่ดีถามน้องด้วยความเป็นห่วง อูยองก้มหน้าแล้วก็ส่ายหน้าไปมา เชิงบอกว่าไม่เป็นอะไร

 

แทค ยอนเองก็งานยุ่งไม่ค่อยได้มีเวลาได้ดูแลน้องสักเท่าไหร่ ไม่ได้ถามเรื่องเรียนไม่รู้ว่าเรียนหนักหรือเปล่า แต่ถ้าเป็นเรื่องเรียน เรียนหนักแค่ไหนแทคยอนมั่นใจว่าน้องเขาไม่มีทางเป็นแบบนี้แน่นอน  แต่ตอนนี้เขาไม่รู้จริงๆว่าน้องเป็นอะไร ที่รู้แน่ๆคืออูยองไม่เหมือนเดิม

 

 

“มีเรื่องอะไรไม่สบายใจ เล่าให้พี่ฟังได้ไหม” แทคยองขยับเข้าไปใกล้ๆน้องแล้วก้มลงไปมองหน้าเด็กน้อยที่กำลังก้มหน้าก้มตาเขี่ยข้าวในจาน กินก็ไม่ยอมกิน      

อูยองยอมเงยหน้าขึ้นมามองผู้เป็นพี่ แววตาเศร้าแถมตอนนี้น้ำตายังคลอหน่วยอีกต่างหาก เห็นท่าไม่ดีแทคยอนจึงรั้งร่างน้อยเข้ามากอดปลอบ

เด็กน้อยกอดเอวพี่ชายแน่นพร้อมบอกว่าไม่เป็นอะไรก่อนจะผละออกจากอ้อมกอดพี่ชายตัวโต

 

 

“ไม่มีอะไรจริงๆครับพี่แทคยอน แต่จริงๆแล้วก็แค่เครียดๆนิดหน่อยหน่ะครับ เดี๋ยวก็ดีขึ้นเพราะได้ทานข้าวกับพี่แทคยอนไง ทานเข้ากันต่อเถอะครับเดี๋ยวพี่ไปทำงานสายน้า…” อูยองทำเป็นไม่มีอะไรแล้วยิ้มให้กับพี่ชาย

แทคยอนลูบหัวน้องแล้วยิ้มกลับให้น้อง พรางคิดว่าไม่ใช่….รอยยิ้มอูยองไม่ใช่แบบนี้ ต้องสดใสกว่านี้สิ

 

 

“ต้องมีสิ… มันต้องมีอะไรแน่ๆ” แทคยอนเพียงแค่คิด และเขาต้องรู้ให้ได้ว่าใครหน้าไหนมันทำให้ให้น้องเขาเปลี่ยนไปเป็นคนละคนขนาดนี้

 

 

“อืม เรามาทานข้าวกัน ไม่ได้ทานข้าวด้วยกันนานเลยเนอะ เดี๋ยวทานข้าวเสร็จพี่ไปส่งเอง” พูดจบก็ตักของโปรดที่น้องชอบทานใส่จานให้หลายๆอย่าง

 

 

“ทานเยอะๆ ดูซิน้องพี่ผอมลงเยอะนะเนี้ย”

 

         สิ่งที่สังเกตเห็นอีกอย่างคือ วันนี้อูยองไม่ปฏิเสธที่จะให้เขาไปส่ง ถ้าเป็นเมื่อก่อนนะรีบปฏิเสธเป็นพัลวัน แถมยังรีบไล่ให้พี่รีบไปทำงานอีกต่างหาก ทำยังกะจะมีใครแอบมารับยังไงอย่างงั้น แต่แทคยอนก็ไม่ได้ติดใจอะไรเพราะเมื่อก่อนน้องก็ดูมีความสุขดี

 

 

 

 

พอถึงโรงพยาบาลที่อูยองกำลังมาเป็นแพทย์ฝึกหัด อูยองก็รีบขอบคุณพี่ชายและกำลังจะก้าวลงจากรถก่อนที่จะสาย

 

“อย่าพึ่ง ให้พี่ไปด้วยสิ พี่จะไปส่งถึงห้องทำงานเลย” แทคยอนพูดพรางรีบเปิดประตู และกำลังก้าวขาลงจากรถ

 

“อย่า ครับพี่แทคยอน” อูยองรีบห้ามทันที เขารู้ว่าถ้าพี่ไปส่ง ชีวิตอูยองจะเหมือนโรยด้วยกลีบกุหลาบทันที ทุกคนจะทำดีกับอูยอง จะไม่ดุไม่ว่า ไม่กล้าใช้งานหนักทันที ก็เพราะแทคยอนคือหุ้นส่วนรายใหญ่ของโรงพยาบาลแห่งนี้

 

 

“ทำไม?”

 

 

“น้อง ขอร้องนะครับพี่แทคยอน” อูยองเกาะแขนพี่ชายส่งแววตาออดอ้อน ก็เพราะอูยองยังไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่าน้องชายของผู้ถือหุ้นรายใหญ่มาฝึกงาน ที่นี่ด้วย ไม่งั้นอูยองจะลำบากใจเอาซะเปล่าๆ

 

 

“พี่ตามใจเราแล้วกัน” แทคยอนยิ้มให้ และน้องตัวแสบก็รีบวิ่งไปทำงานทันที

แต่ สิ่งที่แทคยอนอยากทำคือ อยากให้ทุกคนในโรงพยาบาลรู้ว่าอูยองคือน้องชายของเขา ประกาศให้รู้ไปเลย จะได้ไม่มีใครกล้าทำให้อูยองขุ่นเคืองใจ อยากรู้นักว่าใครกล้าบังอาจทำให้อูยองไม่เป็นตัวของตัวเองอยู่ตอนนี้ ในวงการแพทย์แทคยอนเองก็เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของโรงพยาบาลใหญ่ๆอยู่หลาย แห่ง ก็เพราะเขาเห่อน้องชายตัวเองที่ตอนนั้นสอบเข้าเรียนหมอได้จนไล่กวาดซื้อหุ้น โรงพยาบาลไว้เยอะแยะมากมาย จะว่าไปในวงการแพทย์แทคยองก็มีอำนาจมากเหมือนกันเพราะเขาทำธุรกิจส่งออกและ นำเข้าอุปกรณ์การแพทย์และยาที่ส่งให้กับโรงพยาบาลใหญ่ๆในเกาหลี

และ เรื่องอูยองเขาต้องรู้ให้ได้ว่าใครเป็นต้นเหตุ และถ้าแทคยอนรู้ ก็จงเตรียมรู้อนาคตของตัวเองได้เลย อย่าหวังว่าจะได้ทำงานในโรงพยาบาลระดับท็อปเท็นของเกาหลี ไม่ว่าจะเก่งมาจากไหนก็ตาม…..เขาจะเล่นงานให้ไม่ได้เกิดเลยคอยดูสิ

.

.

.

.

.

.

“วันนี้ เหนื่อยอะไรอย่างงี้เนี้ย” อูยองบ่นพรางบิดขี้เกียจก่อนจะเอนตัวลงนอนราบไปกับเตียงนุ่มๆที่ปูด้วยผ้าปู ที่นอนสีสดใส พร้อมกอดตุ๊กตาคู่ใจ

วันนี้คนไข้เยอะกว่าปกติอาจจะเป็นเพราะวันนี้เป็นวันเสาร์   ต้องตามอาจารย์ไปดูทุกเคส กว่าจะได้กลับบ้านล่อไปห้าทุ่ม

เหนื่อย…. อูยองเหนื่อยเหลือเกิน อูยองไม่อยากไปต่อแล้วได้ไหมรู้สึกหมดกำลังใจเหลือเกิน อยากหยุดอยู่แค่ตรงนี้ แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะมาถึงขนาดนี้แล้ว ถ้าไม่มีเรื่องของคนเห็นแก่ตัววิ่งเข้ามาในหัว เขาคงจะมีความสุขมากกว่านี้ใช่ไหม…..

บางทีอูยองก็คิดว่าควรเลิกคิดถึงนิชคุณได้แล้ว

 

อูยองนอนหลับตาคิดทบทวนไปมา นี่เวลาก็ล่วงเลยมีจนจะเป็นปีแล้วนะที่เค้ามัวแต่คิดถึงคนเห็นแก่ตัวนั่น ทั้งๆที่รู้ว่าคิดถึงนิชคุณแล้วมันก็ไม่มีอะไรดีขึ้นเลย มีแต่ทำให้ตัวเองทุกข์ใจอยู่ฝ่ายเดียว เขาควรหยุดคิดได้แล้วจริงๆ อารมณ์เหนื่อยๆอูยองก็อยากมีคนใหม่ไว้ให้อ้อนเหมือนกันนะ แต่อูยองก็คงทำใจให้ไปมีรักใหม่ไม่ได้หรอก ก็เพราะอูยองกลัว…กลัวจะถูกกระทำแบบไอ้คนเห็นแก่ตัวคนนั้น อูยองกลายเป็นคนกลัวความรักไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน….

ทั้งๆที่เมื่อก่อนความรักมันทำให้อูยองมีความสุขที่สุด

 

ขณะ ที่อูยองกำลังคิดอะไรไปมาตีกันในหัวรู้สึกปวดหัวจี๊ดขึ้นมา จนอูยองต้องยกมือขึ้นมากุมหัวทันที อูยองบอกกับตัวเองว่าควรพักผ่อนได้แล้วนี่ก็ดึกมากแล้วด้วย อูยองกำลังเคลิ้มหลับได้ที่ ก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทำเอาอูยองสะดุ้งตื่น

อูยอง สลึมสลือแล้วค่อยๆหรี่ตามองที่หน้าจอมือถือ

 

-“คนเห็นแก่ตัว”-

อูยองได้เปลี่ยนชื่อที่เคยเม็มไว้จากคนรักกลายเป็นคนเห็นแก่ตัวไปแล้ว

พอ เห็นเบอร์คนที่ไม่เคยโทรหากันนานแรมปีทำเอาอูยองแปลกใจเหมือนกัน ทำไมวันนี้โทรมาได้ล่ะ ด้วยความที่อูยองอยากรู้ก็เลยตัดสินใจรับสายแต่ไม่ได้พูดอะไรออกไป มีเพียงปลายสายที่พูดออกมา

 

 

“อูยองสบายดีไหม”

พอได้ยินคำแรกที่เอ่ยทักกันทำเอาอูยองแสยะยิ้มให้กับเสียงปลายสาย ยังมีหน้ามาถามคนที่ตัวเองบอกเลิกว่าสบายดีไหม? คนที่ตัวเองทำเอาเจ็บเจียนตายจำไม่ได้เหรอ บอกเลิกเขาแบบไร้เยื่อไย เขาโดนบอกเลิกควรจะสบายดีเหรอ คบกันมาห้าหกปี โดนบอกเลิกยังต้องสบายดีอยู่ไหม กล้าถามคำถามนี้ได้ยังไง

 

“มีอะไร” น้ำเสียงอูยองตอบกลับอย่างไร้เยื่อไย    ใช่…เมื่อก่อนเขาเคยเป็นของนิชคุณทั้งตัว และหัวใจ อูยองให้นิชคุณทุกอย่าง แต่ตอนนี้สิ่งที่เขาให้ไปกลับโดนอีกฝ่ายโยนมันทิ้งไป จนตอนนี้เขาไม่เหลืออะไรอีกแล้ว

ตอนนี้อูยองรู้จักแค่คนที่ชื่อนิชคุณเป็นคนเห็นแก่ตัวคนนึง

 

 

“เรียนหนักไหม เป็นแพทย์ฝึกหัดแล้วนี่เรา เป็นยังไงบ้าง”

 

อูยองยังใช้ความเงียบเป็นคำตอบ ไม่อยากคุย ไม่อยากฟังที่อีกฝ่ายพูดออกมา

ไม่อยากได้ยินเสียง ไม่ต้องทำเป็นถามสารทุกข์สุขดิบกันหรอก

 

“พี่คิดถึงอูยอง”

 

คำที่อูยองได้ยินไม่ได้ทำให้อูยองยิ้มดีใจเลยสักนิด ตอนนี้เขาไม่เหลือมิตรภาพอะไรให้กับนิชคุณอีกแล้วล่ะ จะเหลือก็แต่ความเกลียด ความแค้น ความเจ็บใจ

 

“โทรผิดแล้วมั้ง!!” อูยองตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา

 

“พี่ทะเลาะกับแฟน” นิชคุณไม่ได้บอกให้อูยองรู้หรอกว่ามีแฟนใหม่ แต่เขาก็รู้แล้วว่า อูยองต้องรู้อยู่แล้ว เพราะเขาลงรูปคู่กับแฟนใหม่ลงบนโซเชียลออกจะบ่อย

อูยองจุกจนพูดอะไรไม่ออก เขาไม่ได้เป็นคนไร้หัวใจที่จะไม่รู้สึกอะไร ที่คนรักเก่าจะมาบอกกับตัวเองว่าทะเลาะกับแฟนใหม่ จะให้เขาทำอะไรเหรอ? นิชคุณต้องการอะไรเหรอ?

ถ้าเป็นเมื่อก่อนที่ยังอยากกลับไปหานิชคุณเขาอาจแช่งให้สองคนนี้เลิกกัน เพื่อพี่คุณจะได้กลับมารักเขาเหมือนเดิม

 

“พี่ขอโทษนะที่มีเรื่องไม่สบายใจ แล้วคิดถึงอูยองเป็นคนแรก พี่ไม่มีใครที่คุยด้วยแล้วสบายใจแบบอูยองเลยนะ”

 

 

     หน้าด้าน เย็นชา จิตใจทำด้วยอะไร จะมาปรึกษาเรื่องแฟนใหม่กับแฟนเก่า เป็นบ้าหรือเปล่าอูยองเพียงแค่คิด เขาเงียบแล้วหลับตาลงพร้อมกับน้ำตาก็ไหลออกมา บวกกับความเจ็บปวด เขามั่นใจว่าตอนนี้เขาเจ็บยิ่งกว่าการผ่าตัดที่ไม่ถูกวางยาสลบ อูยองรีบสูดหายใจเข้าลึกๆและปาดน้ำตาออกจากแก้ม ตอบกลับด้วยน้ำเสียงปกติ

“ผมไม่ใช่จิตแพทย์! ที่ใครมีเรื่องไม่สบายใจแล้วจะโทรปรึกษาเมื่อไหร่ก็ได้!!”

อูยองตอบกลับและพยายามความคุมเสียงไม่ให้สั่น ตอนนี้นิชคุณจะรู้ไหมว่าอูยองเจ็บปวดแค่ไหน

 

“พี่ควรไปพบจิตแพทย์บ้างนะ ไปเช็คว่าจิตใจของพี่ยังปกติดีอยู่หรือเปล่า หรือว่าพี่ไม่มีหัวใจ?”

 

“พี่ขอโทษ พี่…พี่คิดว่าพี่คุยกับเราได้คนเดียว”

 

“…………..”

 

“ขอพี่คุยกับอูยองได้ไหม ตอนนี้พี่ไม่ค่อยสบายใ..”

 

“หุบ ปาก!”     อูยองรีบแทรกขึ้น เขาไม่เคยคิดว่าตัวเองจะพูดก้าวร้าวแบบนี้กับนิชคุณเลย ไม่เคยคิดเลยว่าจะได้มานั่งด่านิชคุณว่าเห็นแก่ตัว

อูยองปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ ทำไมเวลาไม่มีปัญหาอะไร ไม่คิดถึงเขาเลยเหรอ ตั้งแต่วันที่บอกเลิกกันก็ไม่เคยโทรหากันเลย แล้วนี่โทรมาจะมาปรึกษาเรื่องแฟน

 

“คนเห็นแก่ตัว!” อูยองได้แต่กัดฟันพูดและกดตัดสายทันที

ใบหน้าขาวเนียนก้มหน้าซุกลงบนหมอนใบนิ่มแล้วปล่อยโฮออกมาอย่างหนัก ร้องไห้สะอึกสะอื้นราวกับตอนนี้เขากำลังจะขายใจตาย โดนบอกเลิกยังเจ็บปวดไม่พออีกเหรอ เขาจะต้องเจ็บปวดไปถึงเมื่อไหร่กัน

แทคยอนที่เดินผ่านมาทางห้องอูยอง เห็นไฟยังไม่ปิดเลยแวะเข้ามาหาน้อง เห็นช่วงนี้ดูสีหน้าไม่ค่อยไม่ดี พอเข้ามาก็เห็นน้องหลับไปแล้ว จึงจัดแจงท่านอนให้ใหม่พรางบ่น

 

“นอนซุกหน้าเข้าหมอนแบบนี้เดี๋ยวได้หายใจไม่ออกกันพอดี”

 

หลังจากนั้นพี่ชายคนดีก็จัดแจงห่มผ้าให้ สิ่งที่แทคยอนเห็นคือน้องนอนกำมือถือแน่น แก้มสองข้างเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตา แทคยอนใช้มือหนาค่อยๆเช็ดน้ำตานั้นออกให้ เขาค่อยๆแกะมือถือออกจากมือน้องและขอแอบดูสายล่าสุดที่คุยกันหน่อย

 

สายล่าสุด -คนเห็นแก่ตัว-

 

“มันอีกแล้วเหรอ?!!”  สายล่าสุดที่เขาดูไม่ใช่น้องชายเขาเป็นฝ่ายโทรหา แต่เป็นนิชคุณโทรเข้ามา เขาไม่รู้ว่าคุยอะไรกัน แต่มันต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆน้องเขาถึงได้นอนร้องไห้ขนาดนี้

แทคยอนให้คนสืบจนรู้หมดแล้วว่าสาเหตุที่ทำให้น้องเป็นแบบนี้มันเกิดจากใคร!!

แทคยอนคิดว่าวันนี้อูยองกับนิชคุณคงมีปัญหาอะไรกันอีกแน่ๆ ถึงได้นอนร้องไห้จนหลับไปขนาดนี้ แทคยอนวางมือถือลงที่โต๊ะข้างๆหัวเตียง เขาเป็นต้องขมวดคิ้วเพราะที่โต๊ะนั้น มีทั้งยานอนหลับ ยาแก้ปวดหัว ปกติถ้าอาการไม่หนักจริงๆอูยองจะไม่แตะต้องยาเลยแม้แต่เม็ดเดียว แล้วยิ่งไปกว่านั้นแทคยอนแอบเหลือบไปเห็นบางอย่างที่คนน้องคงแอบซุกไว้ นั่นคือเข็มฉีดยา สายยางรัดต้นแขน และขวดยา แทคยอนรีบหยิบมันขึ้นมาดู ซึ่งเป็นยาอันตรายหากฉีดเข้าร่างกายเกินปริมาณทำให้ถึงชีวิตได้ เขาตกใจแล้วรีบเก็บใส่กระเป๋ากางเกงตัวเองทันที

“คิดเรื่องแบบนี้ได้ยังไงกันอูยอง” แทคยอนมองน้องแล้วบ่นออกมาอย่างหัวเสีย เขาไม่รู้ว่าอูยองมีความคิดแบบนี้มานานแค่ไหนแล้ว อยากจะขอบคุณตัวเองที่มาเห็นเข้าซะก่อน ไม่อย่างั้นอาจจะสายไปแล้วก็ได้

คืนนี้แทคยอนไม่ปล่อยให้อูยองนอนคนเดียวแน่ๆ เพราะไม่รู้ว่าอูยองกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ ปกติอูยองเป็นคนอ่อนโยน และคิดบวกอยู่เสมอ ตอนนี้เขาอ่านความคิดน้องไม่ออก แทคยอนเห็นยาขวดนั้นแล้วทำให้คนเป็นพี่ต้องวิตกกังวล

แทคยอนแทรกตัวลงไปนอนข้างๆน้องแล้วเอื้อมมือไปกอดแล้วลูบหลังคนเป็นน้อง

“เป็นเด็กตัวแค่นี้ อย่าคิดทำอะไรบ้าๆให้พี่หัวเสีย อย่าคิดจะทิ้งพี่ให้อยู่คนเดียวพี่สัญญาว่าจะปกป้องอยู่เคียงข้างน้องนะอูยอง”

 

 

 

 

TBC….

Talk

ก่อนจะคุยกันขอหลบรองเท้ารีดเดอร์ก่อนนะ ฮ่าๆ 

พี่คุณใจร้ายเนอะ สงสารอูยองจับใจ *ยื่นผ้าเช็ดน้ำตาให้สิบผืน*  โอ๋น๊าาอูยองสู้ๆ พึ่งเดินทางมาสายดราม่า ไม่รู้เป็นไงแต่งไปก็สงสารเพราะปกติหวานกุ๊กกิ๊กกันมากเลยอ่ะ 555  เจอกันตอนหน้านะจ๊ะ อาจช้าหน่อนนึงน้ารอนิดนึงน้า ^^

ที่สำคัญที่สุดคืออยากจะขอบคุณทุกคอมเม้นท์มากจริงๆ ห่างหายจากการแต่งฟิคไปนานมาก ยังมีคนอ่านแล้วก็เม้นท์ให้น่ารักที่สูดอ่ะ